ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    แค้นนี้ที่รัก...

    ลำดับตอนที่ #1 : บทนำ : ชนวนเหตุ

    • อัปเดตล่าสุด 13 พ.ค. 59


    บทนำ : ชนวนเหตุ

     

                 ภายใต้คฤหาสน์บนภูเขาอันแสนสงบร่มเย็น ควรจะเป็นบรรยากาศที่แสนสงบสุขของสองพี่น้องตระกูลกฤษณไกรสรณ์ หากแต่มันหาเป็นเช่นนั้นไม่!

    “แกว่าอะไรนะไอ้สิงห์น้องชายฉันเป็นอะไรนะ?” เสียงของเจ้าของคฤหาสน์หลังใหญ่ดังก้องทั่วบริเวณ หลังจากได้รับโทรศัพท์จากลูกน้องคนสนิท ที่เขาสั่งให้ติดตามน้องชายคนเดียวของเขาไปเรียนต่อปริญญาโทในกรุงเทพ

    [คุณชายเล็กขับรถชนเสาไฟฟ้าครับ หลังจากที่รู้ว่าคุณน้ำฝน...เอ่อ แฟนคุณชายเล็กน่ะครับหนีไปอยู่กับคุณไฟเพื่อนของคุณชายเล็กน่ะครับเสียงจากปลายสายย้ำอีกรอบ

    “บัดซบที่สุดผู้หญิงแพศยา พวกมันอยู่ไหน ฉันจะไปจัดการกับพวกมัน” คุณชายใหญ่ของคฤหาสน์ประกาศกร้าว

    [เอ่อ ผมว่าอย่าเพิ่งเลยครับคุณต้นควรจะมาดูอาการคุณเล็กดีกว่านะครับ ตอนนี้อยู่ที่โรงพยาบาลของคุณรุจแล้วครับ] ปลายสายเตือนสติผู้เป็นนาย

    “เอาอย่างนั้นก็ได้ จองตั๋วไปกรุงเทพฯ ให้ฉัน ด่วนที่สุด” คุณชายใหญ่สั่งลูกน้อง

    [ผมจัดการให้แล้วครับ คุณต้นมาได้ทันทีเลยครับ]

    “ดีมาก แล้วฉันจะเพิ่มโบนัสให้ ระหว่างนี้ก็ดูนายเล็กให้ฉันด้วยล่ะ”

    [ไม่ต้องห่วงครับ มันเป็นหน้าที่ของผมอยู่แล้วพูดจบปลายสายก็วางหูลง แล้วรีบเดินไปหยิบกุญแจรถสปอร์ตคู่ใจของเขา แล้วขับออกไปสนามบิน ใช้เวลาไม่ถึง 20 นาที ด้วยความเร็วเฉลี่ย 150 กิโลเมตรต่อชั่วโมง นับว่าใช้ความเร็วสูงมาก เละที่สำคัญเมื่อยู่บนทางที่เป็นทางขึ้นเขา และคดเคี้ยว นับว่าอันตรายมากถึงมากที่สุด แต่ไม่ใช่กับ คิมหันต์ กฤษณไกรสรณ์ อดีตนักแข่งรถมืออาชีพ ที่ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ลงแข่งตามสนามแข่งขันต่างๆ แต่ทางจากคฤหาสน์ตระกูลกฤษณไกรสรณ์ไปยังสนามบิน เขากับน้องชายก็ได้ประลองสนามกันมานักต่อนักแล้ว เรียกว่าหลับตาขับก็ยังได้( แต่อย่าดีกว่า อันตราย)

     

    ณ โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง ที่ เหมันต์ กฤษณไกรสรณ์ ได้เข้ารักษาตัว สามหนุ่มนั่งคุยกันอยู่ในห้องพิเศษสำหรับตระกูลนี้โดยเฉพาะ โดยมีคุณชายเล็กเป็นประธานในการพุดคุยครั้งนี้ ร่วมด้วยเจ้าของโรงพยาบาลที่พ่วงตำแหน่งเพื่อนสนิทของพี่ชายไว้ด้วย และสุดท้าย สิงห์ ผู้ช่วยหนุ่มหล่อของคุณต้น และเป็นคนที่คุณชายใหญ่ไว้ใจมากที่สุดคนหนึ่ง หลังจากที่พูดคุยกันมาเกือบชั่วโมง ประธานในการประชุมครั้งนี้ก็เอ่ยถามขึ้น

    “พวกพี่เห็นด้วยกับผมรึเปล่า ?” คุณชายเล็กถาม

    “ไม่/ไม่” เสียงตอบออกมาพร้อมกันจากคุณหมอปวรุจ และ นายสิงห์

    “ว้า...หมดสนุกเลย ไม่เอาแล้วไม่อยู่แล้วที่เนี่ย ผมจะหนีไป ผมอกหักนะ ผมบาดเจ็บนะ พวกพี่ไม่ช่วยผมจริงๆเหรอ”คุณชายเล็กยังคงอ้อนเหมือนเด็กๆ

    “ฟังพี่ให้จบก่อนสิวะไอ้เล็ก ที่พี่บอกว่าไม่เนี่ย หมายถึงไม่เลวนี่หว่า ฮ่าๆๆๆ” คุณหมอรุจ ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาในที่สุด

    “แล้วนายล่ะ นายสิงห์ นายจะว่าไง” คนเจ็บถาม

    “ไม่ปฏิเสธอยู่แล้วล่ะครับ ใครจะไม่อยากเห็นคุณต้นมีความสุขบ้างล่ะครับ ตั้งแต่เกิดเรื่องคราวก่อนโน้น ผมก็ไม่เห็นความอบอุ่น อ่อนโยนจากคิมหันตฤดู อีกเลย มีแต่ความแข็งกร้าว และเปลวแดด เปลวเพลิงที่แผดเผาผู้อื่นและตัวเองทุกวันไป” นายสิงห์หนุ่มพูดอย่างที่ได้ประสบพบเจอมา

    “นายนี่ พูดได้ถูกใจฉันมากเลยไอ้น้องรัก” คุณหมอปวรุจกล่าวชมน้องชายที่คลานตามกันมา นั่นคือนายสิงห์ หรือ ร้อยตำรวจโทปุตตสิงห์

     ความจริงแล้ว นายสิงห์ ก็มีดีกรีเป็นถึงอดีตตำรวจผู้มากฝีมือคนหนึ่ง แต่ด้วยเหตุผลที่ว่าไม่อยากอยู่กับความ อยุติธรรมที่เกิดขึ้นในหน่วยงานจึงได้ลาออกมาทำอาชีพเสริมเป็นผู้ช่วยเพื่อนรักโดยการเป็นบอดี้การ์ดให้เพื่อนและงานดูแลอื่นๆอีกมากมาย (แต่ถึงแม้ว่าจะไม่ทำอะไรเลยก็มีกินมีใช้ไปตลอดชีพแล้ว ก็ครอบครัวเขาเป็นหมอ มีโรงพยาบาลเป็นของตนเองน่ะสิ)

    “ผมว่า...เราต้องเริ่มสแกนผู้ที่จะมาเป็นตัวการสำคัญสำหรับแผนนี้ก่อนดีกว่า อืม พวกพี่ว่าใครดีนะที่จะเหมาะ...” คุณชายเล็กยังพูดไม่ทันจบก็มีเสียงเคาะประตูขัดจังหวะขึ้นซะก่อน ทุกคนลุกลี้ลุกลนกันหมด คนป่วยรีบล้มตัวลงนอน คุณหมอดึงสเตรตโทสโครปมาฟังหัวใจ ส่วนนายสิงห์ยืนดูอยู่ห่างๆ (ทุกอย่างเกิดขึ้นภายในห้าวินาทีหลังจากได้ยินเสียงเคาะประตู)

    “อ้าว...คุณหมออยู่นี่เองหรอคะ นึกว่ากลับบ้านไปแล้วซะอีก ออกเวรตั้งนานแล้วนี่คะ แล้วนี่ตรวจอีกแล้วหรอคะ เมื่อชั่วโมงก่อนก็ตรวจไปแล้วนี่คะ นี่คงเป็นคนไข้พิเศษ แน่ๆเลยนะคะเนี่ย” เสียงใสๆของนางพยาบาลสาวดังขึ้น

    “โห...คุณฟ้า พวกผมตกอกตกใจกันแทบแย่ นึกว่าเป็น...” คุณหมอรุจพูดยังไม่ทันจบก็มีเสียงแทรกขึ้น

    “เอ้อ พี่หมอเขาหมายถึงว่ากำลังตรวจอย่างละเอียดอยู่ก็เลย ตกใจน่ะครับ เวลาคนมีสมาธิมากๆ พอมีเสียงหรืออะไรมารบกวนก็ต้องตกใจเป็นธรรมดา จริงมั้ยครับพี่หมอ” คนป่วยรีบส่งสายตาเป็นสัญญาณให้คนเป็นหมอ เออออห่อหมกไปด้วย

    “เอ่อ...จริงครับ ว่าแต่คุณฟ้ามาทำไมครับเนี่ย?” คุณหมอถาม

    “อ๋อ...ฟ้าเอายาก่อนนอนมาให้คนไข้น่ะค่ะ นี่ค่ะยา ถ้าขาดเหลืออะไรก็กดปุ่มเรียกได้นะคะ”นางพยาบาลสุดสวยพูดก่อนเดินจากไป

    “ผมรู้แล้วล่ะพี่ ว่าผมจะให้ใครเป็นตัวการสำคัญ หึๆๆ” คนป่วยหัวเราะด้วยเสียงที่กวนบาทาเอามากๆ

    “ใคร...อย่าบอกนะว่าคุณพยาบาลคนสวยเมื่อกี้เนี้ย  อย่าเชียวนะ เธอเป็นพยาบาลที่ดีคนหนึ่งเลย พี่ไม่อยากให้เธอต้องมาทำเรื่องที่มัน...นั่นแหละ พี่ว่าพ่อแม่เขาคงไม่ยอมหรอก และเหนือสิ่งอื่นใด พี่ชายเขาคงไม่ยอมแน่” คนเป็นหมอออกความคิด

    “ พี่ว่าเขามีพี่ชายหรอ พี่ชายเขาชื่ออะไรครับ” คนไข้ถามอย่างสนใจ

    “ชื่อไฟ เพลิงตะวัน ถามทำไม รู้จักเขาหรอ” คุณหมอถามอย่างสงสัย

    “อะไรมันจะบังเอิญขนาดนี้เนี่ย” นายสิงห์บ่นพึมพำ

    “บังเอิญอะไรไอ้สิงห์” ปวรุจถามน้องชาย

    “ก็คนที่คุณน้ำฝนหนีตามไป ชื่อไฟน่ะสิ ไม่รูว่าจะใช่คนเดียวกันรึเปล่า” นายสิงห์ตอบ

    “คนเดียวกันแน่ๆครับ ผมจำได้แม่น พวกพี่ไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ ผมมีวิธีที่จะทำให้คุณพยาบาลคนสวยร่วมมือกับเราได้ไม่ยากหรอกครับ พี่ๆ ไม่ต้องเป็นห่วง” เหมันต์ยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมาในที่สุด

     

           20.30 

    “ก็อกๆๆ” เสียงเปิดประตูดังขึ้น ภาพที่เห็นทำให้หัวใจของชายหนุ่มแทบจะหยุดเต้น สภาพน้องชายของเขาถูกพันเป็นมัมมี่ ถึงขั้นต้องให้ออกซิเจนกันเลย เขาเดินไปหานายสิงห์ เพื่อนสนิทและบอดี้การ์ดของเขา

    “มันเกิดเรื่องนี้ขึ้นได้ยังไง ทำไมนายถึงปล่อยให้น้องฉันเป็นแบบนี้ ฮะ” คิมหันต์ตะคอกถาม

    “เอ่อ คือ นายใจเย็นๆก่อนนะ เรื่องมันยาว นั่งก่อนๆ เดี๋ยวฉันจะเล่าให้ฟัง” นายสิงห์ลากคิมหันต์ให้มานั่งที่โซฟาตัวยาว

    “วันนี้คุณชายเล็ก เกิดอยากจะเซอร์ไพรซ์คุณน้ำฝนก็เลยให้ฉันพาไปที่คอนโด แต่พอไปถึงก็เจอเข้ากับคุณไฟที่กำลังช่วยคุณน้ำฝนเก็บของหนีคุณชายเล็ก แล้วพวกเขาก็ทะเลาะกันเสียงดังเอะอะโวยวายจนฉันต้องรีบพาคุณชายเล็กออกมา แต่เขาก็ขอให้ฉันพาไปกินเหล้าที่ผับ กินได้สักพักก็คว้ากุญแจจากกระเป๋าข้างฉันไปเลย ฉันก็รีบนั่งแท็กซี่ตามไป แต่ไม่ทัน เจ้าเล็กมันขับรถชนต้นไม้ซะก่อน เรื่องมันก็มีเท่านี้แหละ” นายสิงห์เล่าเป็นฉากๆ

    “แล้วนี่กระดูกหักกี่ซี่ อวัยวะภายในเป็นไงบ้าง พ้นขีดอันตรายหรือยัง ฉันต้องการคุยกับพี่ชายนาย ไปตามมันมา” เสียงทุ้มสั่งอย่างใจร้อน

    “น้องนายไม่เป็นอะไรมากหรอก” เสียงของคุณหมอหนุ่มดังขึ้น

    “ไม่เป็นอะไรมาก? นี่แกยังกล้าพูดคำนี้อีกหรอวะไอ้รุจ ไอ้สิงห์แกดูพี่ชายแกนะ พันเป็นมัมมี่ทั้งตัวยังบอกว่าไม่เป็นอะไรอีก เชื่อเขาเลย ฮึ่ย” คิมหันต์บ่นอย่างหัวเสีย

    “แกบอกความจริงเขาไปสิ ไอ้คนป่วย” คุณหมอร้องบอกคนไข้

    “ผมไม่เป็นอะไรมากหรอกครับพี่ต้น ที่พันแผลเนี่ย แกล้งพี่เฉยๆ อยากจะดูว่าพี่เป็นห่วงผมจริงๆ หรือเปล่า อย่าโกรธพวกผมเลยนะครับพี่ชาย” เหมันต์เฉลยความจริง

    “ไอ้น้องเวร นี่แกรวมหัวกันแกล้งฉันหรอ แกรู้มั้ยว่าฉันรีบบึ่งรถแทบตายเพื่อมาดูอาการแกเนี่ย แล้วมันเป็นใคร กล้าทำแบบนี้กับน้องชายฉัน แกไปลากตัวมันมา ฉันจะกระทืบมันให้ตายคาตีนเลยคอยดู” คิมหันต์คาดโทษ้วยความโมโห

    “ผมว่าพี่ไม่ต้องไปเสียเวลากับไอ้สารเลวนั่นหรอกครับ ผมมีวิธีที่ดีกว่านั้น และทำให้มันเจ็บปวดจนถึงที่สุด”เหมันต์มองหน้าพี่ชาย แล้วเริ่มเล่าแผนการให้ฟังว่าให้จับตัวน้องสาวของนายไฟไปเป็นเชลย แล้วก็ทำให้ไอ้ไฟมันอับอาย เจ็บปวด เพราะน้องสาวของมันอยู่ในกำมือพวกเรา

    “มันจะต้องชดใช้” คิมหันต์พูดด้วยแววตาที่เคียดแค้นที่สุด ทำเอาพวกหนุ่มๆที่เหลือพากันหวาดเสียวอยู่ลึกๆแทนนางฟ้าแสนสวยที่ไม่รู้เรื่องด้วย(แต่อีกหน่อยก็จะรู้แล้วแหละ)

    “ก๊อกๆๆ” เสียงเคาะประตูดังขึ้นอีกครา เป็นนางพยาบาลสาวแสนสวยปรายฟ้านั่นเอง

    “ขออนุญาตค่ะ อ้าว คุณหมอยังไม่กลับอีกหรอคะ หรือว่าจะค้างคืนซะที่นี่เลย ฟ้าจะได้เตรียมห้องไว้ให้” ปรายฟ้าถาม

    “ผมคงกลับดึกๆน่ะครับ คุณฟ้าเตรียมห้องผมไว้ก็ได้ครับ เดี๋ยวผมให้เพื่อนผมนอน เขาเพิ่งลงมาจากเชียงราย คงจะเหนื่อยมาก ก็เลยให้มันพักที่ห้องผมไปก่อนละกันนะครับ” คุณหมอพูด

    “รบกวนด้วยนะครับ” เป็นเสียงของคนไข้ที่เธอเห็นแล้วแทบช็อก เพราะเมื่อชั่วโมงก่อนเธอยังไม่เห็นผ้าพันแผลที่พันเต็มไปทั้งตัว

    “ค่ะ แต่คุณ ทำไมถึง...” เธอฉงนใจยิ่งนัก

                    “เอ้อ คุณพยาบาลมาทำอะไรครับ” นายสิงห์ถาม

    “ดิฉันจะมาเช็ดตัวให้คนไข้น่ะคะ” ปรายฟ้าตอบ

    “คงต้องเอาผ้าที่พันตัวออกก่อน ไอ้พวกนี้เล่นไม่รู้เรื่อง ถ้าฉันช็อกตายขึ้นมาจะทำยังไง” คิมหันต์เปิดปากพูดหลังจากที่เงียบมานาน

    “อะไรกันคะ นี่ลงทุนทำขนาดนี้เพื่อแกล้งคน ไม่ดีเลยนะคะ คราวหน้าคราวหลังพวกคุณอย่าล้อเล่นกับความรู้สึกของคนอื่นสิคะ ไม่คิดบ้างหรอคะว่าคนที่คุณแกล้งเขาจะเสียความรู้สึกมากแค่ไหน คุณหมอนี่ก็เหลือเกินนะคะ ไม่ห้ามปรามคนไข้เลย” ปรายฟ้าบ่นไป ก็เอาผ้าพันแผลออกจากตัวคนไข้เจ็บหนักแบบปลอมๆ ไป

    “พี่หมอเป็นคนพันผ้าให้ผมเลยล่ะครับ ไม่ห้ามปรามเลยซักนิด” คนไข้ฟ้อง

    “แล้วใครเป็นคนคิดแผนล่ะคะ” ปรายฟ้าถาม

    “ก็คนที่โดนพันนั่นแหละครับ ขี้แกล้งที่สุด โดยเฉพาะกับพี่ชายของเขา” นายสิงห์พูด พร้อมกับหันหน้าไปทางคิมหันต์ ปรายฟ้ามองตามนายสิงห์ไปประสานตาเข้ากับเจ้าของแววตาสีสนิม ที่คมแปลบเหมือนมีดที่กรีดหัวใจของเธอ ปรายฟ้ารีบหลบสายตาทันที เธออยู่มาก็ตั้งยี่สิบกว่าปียังไม่เคยมีชายใดทำให้เธอรู้สึกร้อนวูบวาบได้เพียงแค่มองตาเช่นเขาผู้นี้

    “เอ่อ..ขออนุญาตเช็ดตัวนะคะ” ปรายฟ้าดึงสติกลับมาอยู่กับหน้าที่ของเธอ

    “แล้วนี่นายกินอะไรมารึยังวะไอ้ต้น” หมอรุจถามเพื่อน

    “ยังเลย ตั้งแต่เที่ยงก็ยังไม่มีอะไรตกถึงท้องเลย มัวแต่เคลียร์งานอยู่ ก็ผู้ช่วยต้องมาดูแลน้องชาย เลยไม่มีคนช่วยทำ ฉันไม่ไว้ใจใคร แกก็รู้นี่” คิมหันต์ตอบเรียบๆ

    “ถ้าอย่างนั้น ไอ้น้องชายพาเพื่อนพี่ไปกินอะไรอร่อยๆแถวนี้หน่อยสิ เดี๋ยวมันจะหิวจนกินพยาบาลแถวนี้ซะก่อน”หมอรุจพูดพร้อมกับเหล่มองมาที่ปรายฟ้า เธอรู่สึกชาๆที่หน้ายังไงก็ไม่รู้เมื่อหมอรุจพูดเช่นนั้น พอมองไปที่เจ้าของดวงตาคมกริบคู่นั้น กลับต้องรีบหลบอีกรอบ เพราะเจ้าตัวจ้องมาที่เธอยู่ก่อนแล้ว

    “พี่หมอก็พูดไปนั่น พี่ผมไม่กินพยาบาลหรอกครับ พี่ผมไม่ใช่ยักษ์นะ ที่จะกินคนได้น่ะ ฮ่ะๆๆๆ” คนไข้พูดแก้

    “ไปกันได้แล้วนายสิงห์ พี่ชายนายนี่ไร้สาระขึ้นทุกวัน” คิมหันต์พูดอย่างเรียบๆ แต่แฝงไปด้วยพลังอำนาจบางอย่างที่ทำให้ปรายฟ้ารู้สึกขนลุกอย่างบอกไม่ถูก    

             
               หลังจากที่คิมหันต์และนายสิงห์ออกจากห้องไปเรียบร้อยแล้ว คุณชายเล็กก็เรียกพยาบาลสาวมาคุยด้วย เรื่องที่จะให้เธอมาร่วมมือปฏิบัติภารกิจกับเขา การเจรจาผ่านไปอย่างรวดเร็ว และผลสรุปก็คือ...

    “ไม่ค่ะ ดิฉันทำไม่ได้ ดิฉันบอกแล้วไงคะว่ามันไม่ดี ถ้าเป็นคุณ คุณจะรู้สึกอย่างไร ถ้ารู้ว่าถูกคนที่ไว้ใจหลอกลวงแบบนี้” เธอตอบ

    “แต่ผมมีค่าจ้างให้คุณอย่างงามเลยนะครับ” เหมันต์หว่านล้อม

    “ดิฉันไม่ได้ขัดสนเรื่องเงินขนาดนั้นหรอกนะคะ ถึงดิฉันจะจน แต่ดิฉันก็ไม่ทำเรื่องแบบนี้แน่นอนค่ะ” ปรายฟ้ายืนยันคำตอบ

    “แล้วถ้าผมบอกว่า ที่ผมต้องเป็นแบบนี้เพราะพี่ชายคุณล่ะ พี่ชายผมจะต้องฆ่าพี่คุณทิ้งแน่ เขาเพิ่งจะบอกผมเมื่อกี้นี้เอง แต่ถ้าคุณยอมทำตามแผนการของผม รับรองว่าพี่ชายคุณจะอยู่อย่างสงบสุขกับอดีตคนรักของผม ตราบจนเขาทั้งสองจะเลิกรักกัน  ว่าไงล่ะคุณพยาบาล” เหมันต์งัดไม้เด็ดขึ้นมาใช้ ซึ่งคราวนี้ดูท่าว่าจะได้ผล

    “อะไรนะคะ พี่ไฟ พี่ไฟแย่งคนรักของคุณหรอคะ เป็นไปไม่ได้ พี่ไฟมีพี่น้ำฝนคนเดียวมาตั้งแต่ ม.ปลายจนถึงทุกวันนี้ เป็นไปไม่ได้แน่ๆ ครอบครัวเราสอนให้รักเดียวใจเดียวกับคนที่รักมาตลอด พี่ไฟไม่มีวันทำอย่างนั้นแน่” ปรายฟ้าตอบ

    “อะไรนะ  เขารักกันมาตั้งแต่มัธยมหรอ ไอ้เลวเอ๊ย!” เหมันต์สบถ

    “อย่ามาว่าพี่ชายฉันนะคะ” เธอเถียง

    “เปล่า ผมด่าตัวเอง เอาเถอะๆ ไว้วันหลังฉันจะเล่าให้ฟัง แต่ว่า คุณคงต้องร่วมมือกับผมแล้วล่ะ ถ้าไม่อยากให้คนในครอบครัว รวมทั้งตัวคุณต้องเดือดร้อนเพราะพี่ชายของผม” เหมันต์ยังคงมิวายเชื้อเชิญ

    “แต่ว่า...” ปรายฟ้าไม่รู้จะตอบยังไง

    “ฉันว่าให้คุณฟ้าได้ตัดสินใจก่อนดีกว่านะ แกก็นอนได้แล้วเจ้าเล็ก พรุ่งนี้ก็ออกจากโรงพยาบาลได้แล้ว เผื่อว่าพรุ่งนี้จะมีข่าวดีสำหรับพวกเรา” คุณหมอว่า

    “ถ้าอย่างนั้น ดิฉันขอตัวไปจัดห้องก่อนนะคะ” ว่าแล้วปรายฟ้าก็ออกจากห้องไป เหลือเพียงแค่สองหนุ่มคุยกัน

    “พี่คิดว่าเธอจะยอมหรือเปล่าครับ” คนป่วยถาม

    “พี่ก็ไม่รู้เหมือนกันนะ เท่าที่ร่วมงานกันมา คุณปรายฟ้าเธอเป็นคนที่ดีมากๆ คนหนึ่ง มุ่งม่น ตั้งใจทำหน้าที่ที่เธอได้รับมอบหมายอย่างเต็มกำลังความสามารถ แต่เธอจะไม่ชอบทำผิดศีลธรรมสักเท่าไหร่ แต่ที่พี่รู้มานะ เธอก็เป็นนักกิจกรรมตัวยงเลยนะ โดยเฉพาะเรื่องการแสดง การเอ็นเตอร์เทนคนดูเนี่ย เธอถนัดมาก ถ้าให้เธอไปแสดงละคร หรือทำตามแผนของเราพี่ว่าเธอน่าจะทำได้ดีนะเจ้าเล็ก” คนเป็นหมอตอบ

    “กลับมาแล้วครับ” เสียงของนายสิงห์ดังขึ้นหลังจากที่คุณหมอรุจพูดจบ

    “อ้าว...แล้วไอ้ต้นล่ะ” คนเป็นพี่ชายถาม

    “อาบน้ำอยู่ครับ” คนเป็นน้องตอบ

    “อะไรนะ?!!!” ทั้งหมอและคนไข้อุทานพร้อมกัน...

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×