ตอนที่ 86 : คนสวนกับต่างโลก ภาค พิภพพฤกษา ตอนที่ 83 ศิลาดำ
คนสวนกับต่างโลก ภาค พิภพพฤกษา ตอนที่ 83 ศิลาดำ
เสียงแตกลั่นของกระดองเต่าศิลาทมิฬที่ดังขึ้นถึงกลับทำให้จอมเวทย์ธาตุไฟมีสีหน้าที่เปลี่ยนไป เขามองอสูรสีทองตรงหน้าอย่างไม่อาจทำใจยอมรับได้ นี่มันอสูรศักดิ์สิทธิไม่ใช่หรือ?! เด็กคนนี้มีมันในครอบครองได้อย่างไรกัน
ต้องรู้ว่าการจะหาทรัพยากรมาพัฒนาตนเองนั้นนับว่ายากเย็นแสนเข็น แต่ต้องร่ำรวยมากขนาดไหนกันถึงจะสามารถเจียดมันมาพัฒนาอสูรให้ก้าวหน้าอยู่ในระดับนี้ได้
เสียงกรีดร้องที่ดังสนั่นหวั่นไหวของเต่าศิลาทมิฬ เรียกสติของจอมเวทย์ธาตุไฟให้กลับมา บนใบหน้าของเขาแสดงออกอย่างชัดเจนว่าอิจฉาริษยาจนแทบกระอักเลือดตาย แต่ไม่สามารถทำอะไรได้
สัตว์อสูรระดับศักดิ์สิทธิมีพลังเทียบได้กับจอมเวทย์ผู้หนึ่งการเข้าใกล้มันอาจนำพาชีวิตไปตกอยู่ในสถานการณ์อันตราย ต่อให้ต้องการช่วยเหลืออสูรคู่ใจมากแค่ไหนจอมเวทย์ธาตุไฟก็ไม่กล้าที่จะเคลื่อนไหวแบบไม่ยั้งคิดได้
"พี่ใหญ่!" เมื่อตัดสินใจว่าสถานการณ์ตรงหน้านั้นเกินกว่าที่จะรับมือได้จอมเวทย์ธาตุไฟตัดสินใจที่จะหาตัวช่วยในทันที
จอมเวทย์ผู้เป็นพี่ใหญ่กวาดสายตาไปทั่วลานหน้าตระกูลหนึ่งครั้ง เมื่อเห็นว่าสถานการณ์ไม่เป็นไปดังคาดเอาไว้ อีกทั้งสตรีที่คอยโจมตีขัดขวางอยู่นี้ก็มีฝีมือที่ไม่ธรรมดา เขาเชื่อว่าด้วยระดับการบ่มเพาะนั้นเธอยังไม่สามารถเทียบเท่าเขาได้แต่มันมีบางอย่างที่เขารู้สึกไม่สบายใจคล้ายกับสัญชาตญาณกำลังบ่งบอกว่าสตรีผู้นี้ยังมีไพ่ที่อันตรายใบสุดท้ายที่ยังไม่ได้หงายออกมา
"ไปให้พ้นหน้าข้า!" พลังงานมหาศาลของธาตุดินระเบิดออกมา คลื่นพลังนี้ซัดกระจายเป็นวงกลมจากศูนย์กลางจากจอมเวทย์ธาตุดินออกไป มันกวาดล้างหน้าดินจนกระเพื่อมและยกตัวสูงราวกับคลื่นสึนามิในมหาสมุทรทันที
ท่านหญิงวิเรร่าถูกแรงระเบิดนี้ในระยะประชิดกระแทกโจมตีจนกระเด็นถอยกลับออกมา ความทรงพลังของมันนั้นถึงขนาดทำลายล้างอาณาเขตของราชสีห์ขนทองคำลงได้ภายในพริบตาทันที สิ่งก่อสร้างที่อยู่ในระยะของวิถีพลังล้วนถูกทำลายย่อยยับจนทะลายลงมา แสดงให้เห็นว่านี่เป็นพลังที่เหนือชั้นกว่าจนอยู่ในระดับที่น่ากลัว
"พวกท่านทำบ้าอะไรกัน!?" บิดาของวาเลนตะคอกออกมาอย่างตกใจเขาและอาวุโสสูงสุดนั้นไม่สามารถมองดูตระกูลถูกทำลายลงไปเฉย ๆ ได้ เขาไม่คิดว่าการปะมือนั้นจะเลยเถิดมาในลักษณะนี้
ในขณะที่พลังนี้ยังคงบุกตะลุยไปด้านหน้าราวกับกระทิงคลั่ง บิดาของวาเลนและอาวุโสสูงสุดพุ่งทะยานออกมาและใช้พลังของพวกเขายับยั้งมันเอาไว้ ถึงอย่างนั้นอาคารหลายส่วนก็ยังคงพังทะลายลงมาให้เห็นอยู่ดี
ท่านหญิงวิเรร่าใช้สายลมผลักดันจนสามารถหยุดยืนอยู่กลางอากาศได้ ใบหน้าที่เย็นชาของเธอตึงเครียดและมีแววตาที่เป็นกังวลอย่างเห็นได้ชัด ในเสี้ยววินาทีที่อันตรายนั้นอาภรณ์พลังเวทย์ของเธอทำงานและต้านทานแรงระเบิดพลังบางส่วนเอาไว้ได้ เธอจึงไม่ได้รับบาดเจ็บที่ถึงกับเป็นอันตราย
หลังการระเบิดพลังนี้หญิงสาวรู้ได้ทันทีถึงช่องว่างพลังระหว่างเธอและชายตรงหน้านั้นต่างกันมากเกินไป ถึงจะอยู่ในระดับของจอมเวทย์ขั้นสูงเช่นเดียวกัน แต่ระยะเวลาในการบ่มเพาะของเธอนั้นน้อยกว่าและยังไม่สามารถคุกคามชายตรงหน้าได้
"ท่านแม่!" วาเลนปรากฏกายออกมาลอยตัวอยู่ด้านหลังมารดาอย่างเงียบเชียบและสำรวจไปรอบ ๆ ร่างนั้นอย่างห่วงใย
"ข้าไม่เป็นไร.." มารดาของวาเลนตอบกลับมาเบา ๆ โดยไม่ละสายตาไปจากจอมเวทย์ธาตุดินที่อันตราย
"ข้าให้โอกาสเจ้าอีกครั้งน้องชาย เห็นแก่หน้าเจ้าที่เป็นผู้นำหนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่แห่งกรีนแลนด์...ส่งมอบบุตรชายคนเล็กของเจ้าออกมา เมื่อมีสัมพันธ์เครือญาติผ่านมารดาคุณชายสามเราจะนำเขาไปอบรมตามวิถีตระกูลไรท์ เด็กผู้นี้จะได้รู้จักมารยาทและไม่สร้างเรื่องในอนาคตให้แก่อลองเฟย์..ว่าที่ผู้นำตระกูล!"จอมเวทย์ธาตุดินพูดขึ้นมาด้วยท่าทางของผู้ที่เหนือกว่า
ในที่นี้บรรดาผู้คนตรงหน้าไม่มีใครสามารถปกปิดขั้นพลังต่อเขาได้ ต่อให้มีจอมเวทย์ในระดับต่ำและกลางร่วมสู้ด้วยก็ไม่นับเป็นปัญหา การท้าทายจอมเวทย์ระดับสูงนับได้ว่าเป็นหายนะ ไม่มีใครที่ไม่รู้เรื่องนี้ นี่จึงนับเป็นการกดดันตระกูลโอเดลรอสในอีกทางหนึ่ง
ท่านหญิงอีฟมารดาของคุณชายสามอลองเฟย์เหลือบสายตาที่เหนือกว่ามองไปยังท่านหญิงวิเรร่าอย่างท้าทาย ก่อนที่เธอจะตวัดสายตาที่เกลียดชังมองไปยังวาเลนด้วยแววตาที่อำมหิตและโหดร้าย
ใครใช้ให้เจ้าทำตัวโดดเด่นจนเกินไป จะไม่มีใครเป็นอัจฉริยะในชื่อของตระกูลโอเดลรอสได้นอกจากคุณชายสามอลองเฟย์เท่านั้น ต่อให้ตัวเธอมิใช่มารดาผู้เป็นจอมเวทย์ที่เก่งกาจแล้วอย่างไร เธอยังมีพี่ชายถึงสามคนจากตระกูลไรท์เป็นฐานอำนาจหนุนหลังเช่นในตอนนี้
เมื่อไม่มีคุณชายเจ็ดตัวปัญหาทรัพยากรต่าง ๆ ของเขาจะต้องถูกริบเอามาพัฒนาบุตรชายของเธอ เมื่อนั้นต่อให้เขากลับมาได้แล้วอย่างไร เขาจะไม่มีวันพัฒนาขึ้นมาทัดเทียมบุตรชายของเธอได้อีกต่อไปแต่นั่นมันหลังจากที่เขาได้กลับมาล่ะนะ
"พี่ชายจากตระกูลไรท์ ..พวกท่านทำเช่นนี้เพราะคิดว่าตระกูลโอเดลรอสไม่มีปัญญาอบรมผู้เยาว์ภายใต้การปกครองใช่หรือไม่?...ท่านกดดันเราเพราะคิดว่าเราไม่มีทางเลือกอื่นใช่หรือไม่? จริงที่ข้าอาจไม่สามารถต่อต้านจอมเวทย์ระดับสูงได้ แต่อย่าได้กดดันข้าให้มากจนเกินไปนัก ข้าคิดว่าท่านก็คงไม่อยากเผชิญหน้ากับสมบัติพิทักษ์ตระกูลเช่นกัน" บิดาของวาเลนนั้นกัดฟันตอบกลับไป
ไม่มีตระกูลใหญ่ใดไม่มีพันธมิตรจากต่างแดนคอยหนุนอำนาจ เพียงแต่ว่ามันเป็นไปในลักษณะที่ค้ำจุลกัน ต่างฝ่ายต่างได้ประโยชน์ แต่มาวันนี้ตระกูลไรท์นั้นถือว่าตนมีอำนาจที่เหนือกว่าและคิดที่จะควบรวมอำนาจไว้ที่สายเลือดของตนเองนั่นจึงเป็นสาเหตุให้จอมเวทย์ทั้งสามออกหน้าในเรื่องนี้ โดยมีท่านหญิงอีฟที่ครอบคลุมไปด้วยแรงริษยาชักจูง
"แสดงว่าเจ้าเลือกแล้วใช่หรือไม่? เช่นนั้นวันนี้ก็ถึงคราที่ผู้นำตระกูลจะต้องเปลี่ยนคนเสียที...อาวุโสสอง อาวุโสมาเทรียม..เจ้าทั้งสองนำคนของเราคร่ากุมผู้นำตระกูลของเจ้าเอาไว้ " สิ้นคำสั่งพลังงานปั่นป่วนหลายสายทะยานเข้าใส่อเลย์ โอเดลรอสทันทีโดยที่ไม่มีใครคาดคิด
"เจ้าพวกเลี้ยงเสียข้าวสุก!" อาวุโสสูงสุดตวาดออกมาอย่างเดือดดาล พลังธาตุในมือของเขาควงสว่านเป็นพลังงานสองสายที่ต่างกันเข้าต้านรับพลังงานหลายสายที่โจมตีเข้ามา
บิดาของวาเลนเห็นเช่นนั้นก็ไม่รอช้า เขาชูมือขึ้นมาและเรียกสมบัติพิทักษ์ตระกูลทันที คันทวนสีแดงประดับพู่ห้อยที่ปรากฏออกมานี้พาให้บรรยากาศโดยรอบที่เพิ่งนิ่งสงบเริ่มตลบอบอวนไปด้วยกลิ่นอายของการฆ่าฟัน พลังงานที่กระจายออกมานั้นชวนให้ผู้คนรู้สึกสยองขวัญและขนหัวลุก
บิดาของวาเลนนั้นเต็มไปด้วยความเดือดดาล เมื่อมองดูอาวุโสที่ดาหน้าเข้ามา พวกเขาเหล่านี้นั้นล้วนเป็นผู้คนที่อยู่ภายในภาคีนักล่าและสภาอาวุโสแทบทั้งสิ้น ยิ่งคิดยิ่งพาลให้แค้นใจว่าเหตุใดผู้คนเหล่านี้จึงหันไปภักดีกับผู้ที่มาจากตระกูลอื่นจนถึงขนาดกล้าที่จะคร่ากุมผู้นำตระกูลอย่างเขาได้
"หึ ทวนหรดีอย่างนั้นหรือ ศาสตราวุธระดับทองขั้นสูง เจ้าคิดว่าพวกข้าที่เตรียมตัวมาเช่นนี้จะไม่เตรียมการมาเป็นอย่างดีหรือไง..ดูให้ดีนี่คือหนึ่งในอาวุธล้ำค่าของตระกูลไรท์ ที่พวกเจ้าไม่มีวันมีได้ ศิลาดำ!"
จอมเวทย์ธาตุดินผู้เป็นพี่ใหญ่คว้าบางอย่างออกมาจากในอากาศธาตุเบื้องหน้าเช่นกัน ศิลาสีดำที่เต็มไปด้วยไอพลังงานด้านลบกระจายตัวออกมาพลังอำนาจของมันแทบจะเหนือชั้นกว่าทวนหรดีที่เป็นสมบัติพิทักษ์ตระกูล ถึงแม้จะมีระดับที่เท่ากันแต่เห็นได้ชัดว่าศิลาดำนั้นเป็นอาวุธประหลาดที่ทรงพลังมากกว่า
กลิ่นอายของมันนั้นนอกจากเต็มไปด้วยการฆ่าฟันเฉกเช่นทวนหรดีแล้ว มันยังเต็มไปด้วยพลังงานมืดที่น่าสะอิดสะเอียน เมื่ออาวุธทั้งสองเผชิญหน้ากันดูเหมือนแรงกดดันที่บิดาวาเลนต้องการจะใช้ก็หายไปเมื่ออาวุธที่เป็นไพ่ตายถูกศัตรูข่มเอาไว้ได้เช่นนี้ อเลย์โอเดลรอสที่มองดูสถานการณ์มาตลอดก็มีสีหน้าที่ราวกับคนใกล้จะตกตาย
นอกจากศิลาดำ ยังมีอาวุธระดับทองขั้นต่ำของสองจอมเวทย์ ที่แทบจะทำให้ผู้คนในตระกูลถอดใจ พวกเขาคิดเห็นตรงกันว่าคนเหล่านี้ไม่สามารถต้านทานได้จริง ๆ
ในระหว่างที่ผู้คนเตรียมจะถอดใจและยอมจำนนเพื่อรักษาชีวิตเอาไว้นั้น ลูกศรจากหน้าไม้ถูกปล่อยออกไปจากแล่งของมันทะยานเข้าใส่ศิลาดำด้วยความรุนแรงราวกับดาวตกพุ่งชน
เฟี๊ยบบ ปัง!
ศิลาดำที่ลอยอยู่กลางอากาศถึงกับสั่นสะท้านและปรากฏรอยร้าวออกมา ใบหน้าของสามจอมเวทย์กลายเป็นแข็งค้าง สมบัติระดับทองขั้นสูงถูกโจมตีจนเป็นเช่นนี้ได้ สิ่งที่ทำต้องไม่ใช่อะไรที่ธรรมดา
สายตาของพวกเขาตวัดมองไปยังต้นกำเนิดของพลังโจมตีตรงหน้าก่อนจะพบว่าบัดนี้เด็กชายที่พวกเขาเกลียดชังกำลังยืนถือหน้าไม้ยกเล็งค้างเอาไว้ดวงตาของเขาปรากฏแววแห่งความไม่พอใจออกมา คาดว่าเป็นเพราะไม่สามารถทำลายศิลาดำได้ในทันที
ข้าง ๆ กันมีท่านหญิงวิเรร่า จอมเวทย์พี่ใหญ่เบิกตากว้างยามเมื่อได้เพ่งมองเธอเต็ม ๆ ตาอีกครั้ง ไม่รู้ว่าบนศรีษะของเธอปรากฏมงกุฎพฤกษาสวมอยู่ตั้งแต่เมื่อใด เพียงการปรากฏของมันถึงกลับทำให้บรรยากาศรอบ ๆ กายของท่านหญิงวิเรร่านั้นเปลี่ยนไปทันที ขั้นพลังที่เขาเคยตรวจสอบได้ก่อนหน้านี้มันกลับหายไป ลางสังหรณ์ที่บ่งบอกถึงอันตรายวาบเข้ามาในใจของจอมเวทย์ทั้งสามทันทีที่จ้องมองสตรีตรงหน้า
"ลองอีกที! ข้าจะดูสิว่าศิลาดำของเจ้าจะขนาดไหนกันเชียว " เสียงของวาเลนเรียกสติพวกเขากลับมาทันได้เห็นหน้าไม้ที่ทรงอำนาจในมือของเขาก่อนหน้านี้นั้นได้ค่อย ๆ อันตรธานหายไปกับตา ก่อนที่ในมือของเขาจะปรากฏคันธนูขึ้นมาแทนที่ สำหรับวาเลนนี่ถือเป็นโอกาสที่ดีเขายังมีอาวุธอีกหลายชิ้นที่ยังไม่ได้ทดลองใช้งาน
"กะ เกาทัณฑ์เพลิงอัคคี!! บัดซบ นี่มันศาสตราของบรรพชนนักล่าของราชวงศ์กรีนแลนด์ที่สิ้นชีพไปแล้วมิใช่หรือไง ทำไมมันถึงมาอยู่ที่นี่ได้?"
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

วันนี้เหนื่อยมาก เลยกลับมาอ่านนิยายไรท์ใหม่อีกรอบ ขอบคุณนะคะ :)
สนุกมากกตื่นเต้นแล้ววว
ได้โปรดมาลงอีกตอนไวไว