ตอนที่ 81 : คนสวนกับต่างโลก ภาค พิภพพฤกษา ตอนที่ 78 ร่างจำแลง
ไม่มีเสียงตอบกลับใด ๆ จากวิญญาณพิทักษ์อัคคีที่เลียนแบบร่างของวาเลนตรงหน้า มีเพียงดวงตาที่ฉายแววบ้าคลั่งที่จับจ้องมายังเขาอย่างไม่วางตาเพียงเท่านั้น
วาเลนที่ลอบตกใจกับการหยิบจับอาวุธของมันในคราแรกถึงกับถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกยามเมื่อเห็นว่าวิญญาณอาวุธและยุทธภัณฑ์ระดับสูงชิ้นนั้นต่อต้านจนมันไม่สามารถหยิบจับเอาไว้ได้
นี่คงเป็นเหตุผลที่สตรีเปลวไฟไม่สามารถเข้ามารับเอาศาสตราเหล่านี้ไปด้วยตนเองได้เช่นกันและประโยชน์เหล่านั้นจึงได้ตกมายังเขาในเวลาเช่นนี้
ดาบสายลมที่คมกริบและบางราวกับใบมีดโกนถูกวาเลนกลั่นออกมาในช่วงเสี้ยววินาที เขาตัดสินใจโจมตีร่างจำแลงในขณะที่มันมัวเอาแต่ละสายตาไปสนใจอาวุธที่กำลังต่อต้านอยู่ในมือ
ความเร็วของวาเลนนั้นมิใช่ธรรมดาแม้แต่นักฆ่ามืออาชีพก็คาดว่าจะมิสามารถลอบโจมตีเขาได้ จอมเวทย์ธาตุลมนั้นโดดเด่นในเรื่องของความว่องไวใบดาบของเขาจึงฟาดเข้าใส่จุดที่เล็งไว้ได้อย่างพอดิบพอดี
แตร๊งง ครึก ครึก ครึก
ก้านคอที่วาเลนวาดใบดาบเข้าใส่โยกเอียงไปตามแรงฟัน จุดที่ใบดาบกระทบนั้นก่อให้เกิดสะเก็ดไฟราวกับฟาดใบดาบเข้าใส่หินศิลา ไม่เพียงวิญญาณพิทักษ์อัคคีจะไม่เป็นสิ่งใดแล้ว มันยังค่อย ๆ ยกยิ้มช้า ๆ และเอี้ยวหัวกับขึ้นมาอย่างสบาย ๆ ราวกับว่านี่ไม่ผิดไปจากที่ตัวมันคำนวนสักเท่าไหร่
ในขณะที่เปลวไฟรอบกายของมันกระพริบวาบ วาเลนเร่งยกใบดาบสายลมขึ้นมาต้านรับทันที ใบดาบอัคคีในมือของวิญญาณพิทักษ์ปรากฏออกมาและฟาดเข้าใส่วาเลนอย่างกระชั้นชิดทันที
ใบดาบนั้นมีจุดหมายมาที่ลำคอของเขาเช่นกันราวกับว่าจะโต้คืนการโจมตีก่อนหน้านี้ พลังทั้งสองสายที่ปะทะกันนั้นก่อให้เกิดแรงระเบิดที่ดีดทั้งคู่ให้กระเด็นออกจากกันทันที นี่เป็นผลของการลงมือในช่วงเสี้ยวพริบตา ผลที่ออกมาถึงกับทำให้วาเลนหรี่ตามองอย่างไม่สบายใจ
แม้ไม่สามารถใช้อาวุธระดับสูงได้แต่ทว่าดาบอัคคีที่อันตรายนี้แทบจะมีพลังไม่ต่างไปจากดาบสายลมที่วาเลนสร้างขึ้นมาเพียงแต่ว่าเขาไม่ทันได้สังเกตว่าร่างจำแลงตรงหน้าสร้างมันขึ้นมาตอนไหน หรือมันจะมีความสามารถขนาดที่กลั่นสร้างได้รวดเร็วเพียงชั่วพริบตา
พรึบ พรึบ พรึบ
พลังงานธาตุไฟลุกโชนและสาดกระจายไปรอบตัวของร่างจำแลงอีกครั้ง ก่อนที่พลังเหล่านั้นจะเปลี่ยนเป็นห่าใบมีดอัคคีนับร้อยใบกระจายไปทั่วอากาศ คมดาบเหล่านั้นเตรียมที่จะฟาดฟันเข้าใส่เขาอย่างไม่ต้องสงสัย นี่เป็นการเฉลยเป็นนัย ๆ ถึงข้อสงสัยของวาเลน ให้ตายสิ! นอกจากสร้างได้ในชั่วพริบตา มันยังสามารถสร้างออกมาได้เป็นร้อยใบอีก ขี้โกงเกินไปแล้ว
รอยยิ้มที่แขวนค้างอยู่บนใบหน้ากอรปกับดวงตาที่จ้องมองมาราวกับคนวิกลจริตของร่างจำแลงนี้ทำให้วาเลนเริ่มมีรู้สึกกลัวตัวเองขึ้นมาเป็นครั้งแรกยามเมื่อต้องจ้องมองสิ่งที่คล้ายใช่และไม่ใช่ตนเองตรงหน้า
ร่างจำแลงของวาเลนไม่รอช้ามันยกมือขึ้นมาและชี้นิ้วเข้าหาเขาทันทีการโจมตีระลอกที่สองนี้ถาโถมเข้ามาราวกับว่าไม่ต้องการให้วาเลนตัวจริงได้หยุดพักหายใจ
ใบมีดอัคคีนับร้อยตอบสนองต่อความต้องการของร่างจำแลงมันพุ่งทะแยงตัดฝ่าอากาศจนเกิดเสียงดังกัมปนาทก้องสะท้อนไปทั้งท้องฟ้าในมิติอัคคี ก่อนที่มันจะพุ่งเข้าโจมตีวาเลนด้วยความเร็วที่ราวกับลูกอุกกาบาต
นี่เป็นครั้งแรกที่วาเลนตัดสินใจใช้พลังธาตุอื่น ๆ ต่อสู้พร้อมกันแม้จะเป็นนักเวทย์เบญจธาตุแต่เขานั้นกลับถนัดที่จะใช้พลังธาตุที่มั่นใจเพียงธาตุเดียวมาโดยตลอด ข้อดีเพียงข้อเดียวนี้คือการที่ธาตุลมของเขาโดดเด่นและพัฒนาได้ก้าวหน้าว่องไวข้อเสียของมันคือการที่ธาตุอื่น ๆ นั้นไม่สามารถพัฒนาขึ้นมาได้เลยยกเว้นธาตุพิเศษพฤกษาที่มันไม่ต้องอาศัยการบ่มเพาะของวาเลนมาช่วยตัวมัน
ใบหน้าขี้เล่นของเขานั้นเริ่มเปลี่ยนเป็นจริงจัง มือขวาของเขานั้นเต็มไปด้วยพลังงานปั่นป่วนของธาตุลมที่ระเบิดพลังออกมาต้านทานใบดาบอัคคี ในขณะที่มือซ้ายขยับคว้าเมล็ดพันธุ์พฤกษาชนิดหนึ่งออกมาจากแหวนมิติ มือขวาก็กดพลังปั่นป่วนของธาตุลมเข้าบดทำลายใบดาบอัคคีด้านหน้าทันทีอย่างไม่รอช้า
ใบดาบอัคคีที่บินวกมาด้านหลังปะทะกับกำแพงดินที่วาเลนเรียกขึ้นมาต้านรับอย่างทันท่วงที ถึงแม้ว่ามันจะพังทะลายลงในทันทีที่สัมผัสกับใบดาบอัคคีที่ทรงพลังมากกว่าแต่นั่นก็เพียงพอให้วาเลนได้ใช้พลังธาตุอีกสายดังที่ตั้งใจ
มือซ้ายของเขาทอประกายแสงสีเขียวสว่างเจิดจ้า พลังของธาตุพฤกษาระดับจอมเวทย์พลั่งพลูออกมาและบงการให้เมล็ดพันธ์พฤกษาในมือของวาเลนเติบโตก้าวหน้าอย่างอัศจรรย์
ความเร็วในการเติบโตของมันนั้นเหนือจินตนาการไปมากนักภายใต้การใช้พลังของวาเลนบังคับเปลี่ยนให้มันกลายเป็นพฤกษาอัคคีขนาดใหญ่ภายในพริบตา คลื่นหายนะของดาบอัคคีจึงไม่สามารถฝ่ากิ่งใบขนาดใหญ่ที่ยื่นออกมาปกป้องวาเลนไปได้
ร่างจำแลงที่แฝงกายมากับใบดาบอัคคีนับร้อยถูกกิ่งก้านขนาดใหญ่ของพฤกษาอัคคีตบฟาดออกไปราวโดนตีด้วยไม้เบสบอล ร่างที่ลุกโชนไปด้วยเปลวไฟนั้นกระเด็นกระดอนจนแทบไม่รู้ทิศทางก่อนจะปะทะกับพื้นดินที่ห่างออกไปจนมีเสียงดังหนักทึบตามออกมา
"เป็นไปได้หรือนี่"วาเลนคร่ำครวญออกมาเมื่อเห็นว่าร่างจำแลงแทบไม่เป็นสิ่งใด ราวกับว่ามันนั้นเป็นอมตะภายในมิติแห่งนี้
"ให้ตายสิงานหินอย่างนี้เริ่มไม่คุ้มค่าเสียแล้ว" วาเลนเริ่มตระหนักได้ว่าการต่อสู้หาผลแพ้ชนะกับร่างจำแลงนั้นแทบเป็นไปไม่ได้ การต่อสู้กับสิ่งที่ไม่รู้จักเจ็บหรือตายนั่นเป็นหายนะที่รอเวลาเพียงเท่านั้นเอง
เมื่อการโจมตีของพฤกษาอัคคีช่วยเพิ่มระยะห่างให้กับเขาและร่างจำแลง วาเลนจึงไม่รอช้าที่จะพุ่งเข้าหาศาสตราระดับสูงชิ้นแรกที่อยู่ใกล้ ๆ ทันทีไม่มีเวลาแม้แต่จะตรวจดูว่ามันคือสิ่งใด วาเลนจับมันได้ก็เปิดใช้แหวนมิติทันที
วาเลนในตอนนี้ราวกับคนขี้ตระหนี่ที่สุดในโลกเขาพบเจอสิ่งใดเป็นจับโยนเข้าใส่แหวนมิติโดยไม่มีท่าทีลังเล คาดว่าเหตุการณ์เหล่านี้หากปรากฏแก่สายตาของเหล่าราชวงศ์พวกเขาคงได้อกแตกตายเมื่อพบว่าได้ไว้ใจให้ขโมยน้อยผู้นี้เป็นคนเข้ามา
ปัญหาอยู่ตรงที่ว่าร่างจำแลงหรือวิญญาณพิทักษ์อัคคีไม่ปล่อยให้วาเลนได้ทำตามใจ ใบหน้าที่ยิ้มค้างราวกับคนวิกลจริตได้หุบลงแล้ว มันไม่มีท่าทางใจดีอีกต่อไปแววตาของมันทวีความดุร้ายขึ้น มุมปากที่เคยมีรอยยิ้มเย็นชืดประดับเอาไว้บัดนี้เผยให้เห็นเขี้ยวเล็ก ๆ ภายในจนดูน่าหวาดกลัว
"ผู้บุกรุก อย่างหวังว่าเจ้าจะเอาอะไรออกไปได้แม้ฝุ่นธุลีเดียว" สิ้นคำของร่างจำแลงที่พูดออกมาครั้งแรก ฝ่ามือของมันยกขึ้นและเหยียดออกมาด้านหน้า นิ้วทั้งห้าของมันรวบกำเข้าหากันราวกับจะบดขยี้อากาศ
ครืน ครืน เปรี๊ยะ! โครม
เสียงลั่นของกิ่งไม้ดังสนั่นหวั่นไหวออกมาก่อนที่พฤกษาอัคคีที่วาเลนเร่งให้เจริญเติบโตขึ้นมานั้นจะถูกทำลายราวกับมีมือขนาดใหญ่ที่มองไม่เห็นบดขยี้มัน
ที่น่ากลัวกว่านั้นคือ พฤกษาที่เติมไปด้วยเปลวไฟต้นใหม่กำเนิดขึ้นมาใกล้ ๆ กัน แต่มันกลับเต็มไปด้วยจิตวิญญาณอัคคีที่ดุร้ายไม่เหมือนพฤกษาอัคคีที่วาเลนใช้พลังธาตุพฤกษาควบคุมขึ้นมา
นี่อาจเป็นความน่ากลัวของมิติอัคคีก็ว่าได้ ไม่ว่าผู้ที่เข้ามาจะนำสิ่งใดมาใช้ ผู้พิทักษ์อัคคีจะให้กำเนิดสิ่งเดียวกันและใช้มันเข้าทำลายผู้ที่กล้าเข้ามาในสถานที่แห่งนี้ ความคิดของวาเลนที่จะเรียกอสูรคู่ใจออกมาเป็นอันต้องพับเก็บไปเขาไม่อยากเผชิญหน้ากับอสูรที่ดุร้ายยิ่งกว่า สถานการณ์ตอนนี้ไม่ใช่เรื่องตลกอีกต่อไป
"นั่นไม่ใช่ธุระกงการอะไรของเจ้า"วาเลนกัดฟันตอบกลับเบา ๆ รอบกายของเขาปรากฏพลังธาตุที่เขาไม่เคยคิดที่จะใช้มันนอกจากการหลอมโอสถและชำระสมุนไพร
ร่างจำแลงที่ได้ยินแยกเขี้ยวเผยท่าทางดุร้ายมันพุ่งทะยานเข้าหาวาเลนดุจกระสุนปืนใหญ่ ในมือของมันเปล่งประกายแสงสีแดงของใบดาบอัคคีที่เตรียมหวดฟาดร่างเล็กตรงหน้าให้ตายคามือของมัน
"ไสหัวไป!.."วาเลนที่เตรียมตัวไว้แล้วใช้ใบดาบธาตุลมที่กลั่นออกมาต้านรับใบดาบอัคคีเอาไว้ และใช้มืออีกข้างของเขาที่เต็มไปด้วยเปลวไฟสีฟ้าอัดกระแทกเข้าไปที่ใบหน้าของมันอย่างจัง
มีเสียงกรีดร้องโหยหวนดังสนั่นออกมาจากการโจมตีที่ไม่คาดว่าจะได้ผลของวาเลน ร่างจำแลงที่กระเด็นออกไปไม่มีทีท่าว่าจะลุกขึ้นมาโจมตีอีกต่อไป มันเอาแต่จ้องมองมาที่วาเลนอย่างหวาดกลัวและไม่กล้าเข้าไปใกล้ในระยะที่เด็กชายสามารถโจมตีมาถึงมัน
เปลวเพลิงสีฟ้าที่สว่างไสวไปรอบตัวของวาเลนตอนนี้นั้นคือเปลวเพลิงแรกกำเนิดในตำนาน ที่วาเลนไม่ต้องการใช้มันก่อนหน้านี้เพราะขั้นพลังมันต่างกันเกินไป ยามนี้ที่เขางัดมันออกมาใช้ก็มิคาดว่ามันจะได้ผลกับวิญญาณพิทักษ์อัคคี
"เพลิง...เพลิงจักรพรรดิ!" วิญญาณพิทักษ์อัคคียังคงกรีดร้องออกมา มือไม้ของมันปัดป่ายไปทั่วใบหน้าพยายามดับไฟสีฟ้าที่ยังคงลุกเผาไหม้ตรงจุดที่วาเลนโจมตีใส่มัน
***** เหตุที่เรียกเพลิงจักรพรรดิเพราะมันมีความสามารถหลายอย่าง ต้องไปอ่านตอนที่ 36 ร่างสถิตวิญญาณ เอานะครับ *****
คิดถึงรีดเหมือนเดิมมมมม เอามาลงดึกเลยจะมีคนอ่านไหม 5555
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

สมกับที่เป็นนิยายหลายเดือน เน้นว่า หลาย ไม่ใช้ ราย
ขอบคุณค่ะ หายไปนาน คิดถึงวาเลนมาก
มาต่อไวๆนะค่ะ
ชอบๆ
#ฝันดีค่ะไรท์ 💙
เข้ามาทั้งทีเอาให้คุ้ม เกลี้ยงแน่
จับมันมาทำเบ๊เลยวาเลน
อ่านคร้าบบบบบ
สรุปพระเอกเราจะได้อาวุธไปกี่เล่มกันเนี่ย เดาไม่ถูกเลย