ตอนที่ 79 : คนสวนกับต่างโลก ภาค พิภพพฤกษา ตอนที่ 77 วิญญาณพิทักษ์อัคคี 1
วาเลนเข้าใจอะไรมากขึ้นเมื่อได้เห็นว่าสถานที่เบื้องหน้านั้นเต็มไปด้วยสิ่งใด นี่คือการเดิมพันครั้งใหญ่ของสตรีเปลวไฟเช่นกันเพื่อรักษาสถานะความแข็งแกร่งของราชวงศ์เอาไว้เธอถึงกลับยอมเอ่ยปากมอบสิ่งของล้ำค่าให้กับเขาหนึ่งชิ้นโดยไม่ลังเล
วาเลนเข้าใจว่าลึก ๆ เธอก็ไม่ต้องการที่จะเสี่ยงให้สายเลือดของเธอที่ยังไม่พร้อมนั้นเข้าไปในสถานที่แห่งนี้ มองดูก็รู้ว่านี่เป็นสถานที่ ๆ อันตราย แต่ทว่าด้วยเหตุผลบางอย่างทำให้เธอตัดสินใจที่จะให้เขานำอาวุธเหล่านั้นออกมาให้กับเหล่าสายเลือดของเธอแทน
"เหตุใดบรรพชนถึงไม่นำของเหล่านี้มามอบให้กับพวกเขาด้วยตนเองโดยตรง นี่จะมิเป็นการดีกว่าหรือ?" ภายใต้คำถามที่ดูเหมือนไม่มีอะไร แต่วาเลนลอบตรวจสอบกลาย ๆ ว่าสตรีเปลวไฟนี้จะสามารถทำสิ่งใดได้บ้างในมิติแห่งนั้น
"หากเจ้าต้องการรู้ว่าข้าสามารถเข้าไปในนั้นได้หรือไม่ ข้าต้องตอบตามจริงว่าไม่! นั่นจึงเป็นเจ้าที่ต้องเข้าไป อาวุธวิเศษและจิตวิญญาณของยุทธภัณฑ์จะปฏิเสธข้า แต่มันจะไม่ปฏิเสธมนุษย์ที่สามารถจับต้องมันได้ แต่ก่อนที่เจ้าจะเข้าถึงพวกมันเจ้าต้องผ่านวิญญาณพิทักษ์อัคคีให้ได้เสียก่อน"
"วิญญาณพิทักษ์อัคคี?" วาเลนทวนคำอย่างแปลกใจที่ได้ยินคำเรียกนี้
"ใช่แล้ว..มันคือสิ่งมีชีวิตที่เอาแน่เอานอนไม่ได้ กำเนิดจากพลังธรรมชาติคล้ายกับวิญญาณธาตุที่มีสตินึกคิดเป็นของตนเอง ต้องบอกว่าแม้แต่ข้าก็เคยพบพวกมันเพียงครั้งเดียวเท่านั้น น่าเสียดายที่ในเวลานั้นข้าสามารถนำมันออกมาได้แค่ชิ้นเดียว คนที่เข้าไปในนั้นแม้แต่ในอดีตที่ผ่านมาก็ยังมีจำนวนไม่มากแต่หากสามารถผ่านมันไปได้และได้รับศาตรากลับมา ไม่ว่าจะเป็นอาวุธวิเศษหรือยุทธภัณฑ์วิญญาณล้วนแล้วแต่เสริมให้พวกเขาทรงอำนาจแทบทั้งสิ้น" ภายในใจของวาเลนนั้นลอบตื่นเต้นและกระหายที่จะเข้าไป แม้แต่ตอนนี้อาวุธที่เขามีก็อยู่เพียงแค่ระดับทองแดงขั้นต่ำเพียงเท่านั้น
แม้ว่าหอกกุงนีย์ของเขาจะมีสัญลักษณ์แห่งพลังกำกับเอาไว้และสามารถเผยพลังอำนาจจนถึงขั้นทองแดงระดับสูงได้แต่มันก็ยังมิใช่อาวุธระดับสูงอยู่ดี สิ่งนี้จึงเย้ายวนใจวาเลนเป็นอย่างมาก เพราะการต่อสู้แต่ละครั้งนอกจากพลังเวทย์แล้วการที่มีอาวุธที่ดีย่อมส่งเสริมให้คนผู้นั้นมีชัยไปกว่าครึ่ง
"เรียนบรรพชน หากข้านั้นไร้ความสามารถจนมิอาจนำพวกมันออกมาทั้งหกชิ้นตามที่ท่านบอกได้..เช่นนั้น..."สตรีเปลวไฟมองเด็กชายที่มากไปด้วยมารยาทแต่ทว่าคำพูดคำกล่าวนั้นกลับมิยินยอมที่จะเสียเปรียบแต่อย่างใด การไถ่ถามเช่นนี้มิใช่เพราะอยากรู้ถึงผลลัพธ์ที่เขาจะได้ในกรณีที่ไม่สามารถทำตามข้อตกลงได้มิใช่หรือ? หากไร้ซึ่งผลประโยชน์เหตุใดเขาถึงต้องทำในเรื่องที่เสี่ยงเช่นนี้
สตรีเปลวไฟหรี่ตามองแต่มุมปากของเธอยกยิ้มขึ้นมาราวกับถูกใจ
"ต่อให้ไม่สามารถนำออกมาได้ทั้งหกชิ้น มันก็ยังจะเป็นของเจ้าหนึ่งชิ้นเช่นเดิม" ถ้อยคำยืนยันของสตรีเปลวไฟจุดประกายในดวงตาของวาเลน เขาไม่เห็นว่าจะเสียหายแต่อย่างใด ไม่จำเป็นต้องฝืนพยายามให้เกินตัว ศาตราหกชิ้นนั้นเป็นจำนวนไม่น้อยมันคือการคาดหวังสูงสุดของสตรีเปลวไฟ พูดได้ว่าหากเขานำพวกมันออกมาได้สักครึ่งหนึ่งที่เธอคาดหวังเอาไว้ มันก็ยังเป็นจำนวนที่พอรับได้และไม่น่าเกลียดจนเกินไป
"ด้วยพลังของข้าในยามนี้ มิติบรรพชนนั้นจะเปิดอยู่ได้ไม่นาน" สตรีเปลวไฟพูดและแตะสัมผัสแผ่วเบาไปที่ข้อมือของวาเลน มีวงแสงปรากฏให้เห็นและเข้าพันข้อมือของเขาเอาไว้ทันที มันคล้ายกับสายแพรที่บางเบาและมีสีขาวราวน้ำนม
"จงคอยดูสิ่งนี้เอาไว้ให้ดี เวลาของประตูมิติจะปิดยามที่สายแพรนี้เริ่มเลือนลาง ข้าหวังว่าเจ้าจะใช้เวลาให้คุ้มค่า..ไปเถิด" วาเลนค้อมกายรับคำแนะนำสุดท้ายจากสตรีเปลวไฟก่อนที่เขาจะตัดสินใจก้าวเข้าไปยังโลกอัคคีตรงหน้า
ยามเมื่อร่างของวาเลนลับสายตา สตรีเปลวไฟผินหน้ามองไปยังเงาร่างที่ค่อย ๆ ปรากฏออกมาสี่ถึงห้าร่างด้านข้างของเธอ
"หวังว่าเจ้าจะมีเหตุผลดี ๆ ให้กับเราเหล่าผู้เฒ่า อาวุธเหล่านั้นสงวนเอาไว้ให้กับเหล่าสายเลือดของราชวงศ์เจ้ารู้ดี" กระแสเสียงที่เก่าแก่และโบราณดังกังวานออกมาจากหนึ่งในเงาเหล่านั้น
"อย่าได้กดดันนางนักเลย เจ้าหนุ่มนั่นก็ดูทรงใช้ได้อยู่นะ แต่ก็นับว่าน่าเสียดายที่ไม่ใช่สายเลือดของราชวงศ์.."กระแสเสียงโบราณอีกเสียงเอ่ยท้วงติงเบา ๆ
ใบหน้าของสตรีเปลวไฟอ่อนโยนราวกับพบญาติผู้ใหญ่ที่ห่างหายกันไปนาน
"พบบรรพชนเงาศักดิ์สิทธิ!"สตรีเปลวไฟพูดขึ้นก่อนจะย่อกายอย่างอ่อนหวาน
"ฮึมมม!" เธอปิดปากหัวเราะเมื่อได้ยินเสียงคำรามด้วยความรำคาญของเหล่าผู้เฒ่าที่เธอเรียกขานด้วยฉายานี้
"นังหนูนี่ดูท่าว่าจะเคร่งเครียดกับงานจนหลงลืมว่าเราผู้เฒ่าเป็นญาติผู้ใหญ่จึงได้เรียกขานด้วยถ้อยคำเช่นนี้" สตรีเปลวไฟที่ได้ยินยิ่งอบอุ่นหัวใจ
"ผู้อาวุโสอย่าได้กังวลกับสิ่งเหล่านี้! ที่ข้าทำก็เพื่อหน้าตาของราชวงศ์...ข้าเพียงต้องการส่งเสริมให้พวกเขานั้นก้าวหน้าโดยเร็วไวและไม่ต้องการเห็นภาพที่น่าอนาจในงานแข่งขันราชันย์จตุรทิศรุ่นนี้ก็เพียงเท่านั้น"
"ข้าก็หวังว่าเจ้าจะมองคนไม่ผิด!" สตรีเปลวไฟนิ่งคิดและเหม่อมองเข้าไปในช่องมิติที่ฉีกขาดเงียบ ๆ และไม่เอ่ยตอบสิ่งใด เหล่าผู้เฒ่าที่ถูกเรียกว่าเงาศักดิ์สิทธินั้นเลือนหายไปคล้ายกับเงาของเปลวไฟที่ไม่มีอยู่จริง ทิ้งไว้เพียงหญิงสาวที่เฝ้ารอด้วยความหวัง
------------------
มิติซ้อนมิติบรรพชนภูผาอัคคี
วาเลนสัมผัสได้ถึงความร้อนของเปลวไฟที่ลามเลียผิวหนัง มันให้ความรู้สึกแสบผิวราวกับยืนตากอยู่ในแสงแดดที่รุนแรงของโลกก่อน
มีพลังสะท้อนของเวทมนต์ธาตุลมที่บางเบาเคลือบไปทั้งตัวของวาเลนราวกับต้องการปกปักษ์ผิวกาย หากคนภายนอกได้เห็นจะรู้ได้ทันทีว่าเด็กหนุ่มผู้นี้เป็นอัจฉริยะที่ไม่ธรรมดา อาภรณ์พลังเวทย์ธาตุลมที่ถูกใช้ออกมาย่อมบ่งบอกถึงระดับพลังของเด็กชายได้เป็นอย่างดี นี่คือสัญลักษณ์ระดับพลังของขั้นจอมเวทย์!
"สมกับที่ได้ชื่อว่า มิติบรรพชนภูผาอัคคี พลังธาตุของที่นี่อัดแน่นและบริสุทธิ์ยิ่งกว่าภายนอกเป็นสิบเท่า"วาเลนเดินสำรวจราวกับที่แห่งนี้เป็นสวนหลังบ้าน เขาสัมผัสได้ว่าชายขอบรอบนอกนี้มีพลังธาตุที่ไม่กดดันรุนแรงมากนัก ด้วยระดับพลังของเขายังคงสามารถต้านทานไว้ได้
วาเลนมองอาวุธที่อยู่กลาดเกลื่อนไปทั่วทั้งมิติแห่งนี้ เขาคาดเดาได้ทันทีว่าศาตราแต่ละชิ้นก็ยังมีระดับที่ไม่เท่ากัน คาดว่าศาตราที่อยู่ด้านในย่อมดีกว่าศาตราทั่วไปภายนอกนี้มากนัก
เขาตัดสินใจที่จะพิสูจน์ความคิดนี้ วาเลนหยิบไปที่อาวุธชิ้นหนึ่งใกล้ ๆ ก่อนจะเดินหน้าเข้าไปไกลกว่าเดิมอีกระดับและหยิบจับอาวุธอีกชิ้นหนึ่งขึ้นมา พลังของสัมผัสพิเศษถูกกระตุ้นใช้ในทันทีที่อาวุธทั้งสองนี้อยู่ในมือ
ในขณะที่วาเลนกำลังให้ความสนใจกับชุดข้อมูลที่หลั่งไหลเข้ามาอยู่นั้น พลังงานเล็ก ๆ ก็เริ่มก่อตัวควบรวมเป็นก้อนพลังงานขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่ กลายเป็นลูกไฟวิญญาณที่เต็มไปด้วยพลังงานของธาตุอัคคี
เพียงเวลาไม่ถึงอึดใจดวงไฟวิญญาณเหล่านี้ก็ทยอยผุดขึ้นราวกับฟองอากาศอวัยวะท่ีเด่นชัดของพวกมันคือดวงตาที่ดุร้ายและบัดนี้พวกมันต่างจับจ้องไปยังเด็กชายที่กำลังเหลือบซ้ายที ขวาทีราวกับว่ากำลังวิเคราะห์อาวุธที่อยู่ในมือโดยที่ไม่มีทีท่าว่าจะสนใจสิ่งใด
---------------------
บรรทัดอาจแปลก ๆ ต้องขออภัยครับ พอดีอัพในมือถือ
ขอบคุณทุกกำลังใจและคอมเม้นต์มาก ๆ นะครับผม เลิฟ เลิฟ เหมือนเดิม ????????
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

รออ่านน้าาาา
ของตัวเองต้องเทพกว่าใคร ให้สมกับค่าเหนื่อยหน่อย
วาเลนจะต้องได้ทั้งหกชิ้นแน่ๆ น้องเก่งอยู่แล้ว