ตอนที่ 78 : คนสวนกับต่างโลก ภาคพิภพพฤกษา ตอนที่ 76 มิติบรรพชนที่แท้จริง
อาการของมารีนอยู่ในช่วงปรับตัวและจะดีขึ้นต่อเนื่องทุก ๆ วัน บรรพชนสตรีไฟประมาณเอาไว้ว่าเธอจะหายดีหลังจากที่ได้พักผ่อนเต็มที่สิบสองราตรี ในความเข้าใจของวาเลนนั้นก็คือสิบสองวันหรือเกือบสองสัปดาห์
บรรพชนสตรีไฟและองค์ชายสามลอบมองตากันลับ ๆ ทั้งคู่รู้สึกว่าความลับของคุณชายผู้นี้ยากเกินจะหยั่งถึงได้ในช่วงระยะเวลาสั้น ๆ มีอีกหลายสิ่งที่มันเหนือจิตนาการมากเกินไป
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ทำให้สตรีเปลวไฟคาดเดาอย่างมั่นใจว่าอัจฉริยะน้อยตรงหน้าต้องมีเบื้องหลังที่ทรงอำนาจคอยให้คำแนะนำลับ ๆ ในช่วงเวลาคับขันมิเช่นนั้นเขาจะสามารถรู้ถึงวิธีลับโบราณได้อย่างไร เธอมั่นใจว่าแม้แต่เหล่าผู้ใช้มนตราในปัจจุบันก็ยังไม่สามารถบอกถึงขั้นตอนที่สมบูรณ์แบบของวิธีลับโบราณนี้ได้
เป็นไปได้ว่าเมื่อถึงช่วงเวลาคับขันผู้ทรงอำนาจจึงได้ส่งอสูรที่มีสติปัญญามาแก้สถานการณ์ที่เลวร้าย คนลึกลับผู้นี้คือใครกัน? จะใช่สตรีผู้นั้นที่สามารถเปิดมิติทับซ้อนได้ใช่หรือไม่? ยิ่งคิดบรรพชนสตรีเปลวไฟก็ยิ่งหวาดหวั่น ตั้งแต่เมื่อไรกัน! ที่มีผู้ทรงอำนาจกำเนิดขึ้นมาเหนือกว่าสายเลือดของราชวงศ์
วาเลนไม่สามารถที่จะล่วงรู้ความคิดของใครได้ เขาจึงมิอาจทราบได้ว่าใครคิดเช่นไร แม้แต่การคาดเดาผิด ๆ ของสตรีเปลวไฟก็มิได้อยู่ในความสนใจของเขา แม้ไม่ได้พูดอะไรออกมาแต่เขาพอที่จะเกี่ยวโยงเรื่องราวทุกอย่างเอาไว้ได้
สิ่งลี้ลับมากมายที่เกิดขึ้นในชีวิตเขานั้นส่วนหนึ่งมาจากการที่รับเอาเลือดหนึ่งหยดเข้ามาในร่างกาย เลือดที่แปรเปลี่ยนศักยภาพทุกอย่างภายในร่างกายของเขา มันทรงอำนาจกระทั่งปลุกเอาธาตุทั้งห้าให้ตื่นขึ้นมาได้โดยการแปลงสภาพเลือด
วาเลนไม่เคยลืมเลือนความเจ็บปวดที่เขาต้องแลกมากับการรับเอาศักยภาพเหล่านั้นในโดมมายากฎสวรรค์ และสิ่งเหล่านั้นเป็นอานุภาพของเลือดเพียงหยดเดียวที่แปลงสภาพมาจากอักษรรูนโบราณอีกที! อักษรที่มีความหมายว่า วาสนาและโชคชะตา!
วาเลนมิได้บอกใครในเรื่องเหล่านี้ไม่แม้แต่มารดาและอาจารย์ทั้งสองของเขาเลือดหยดนั้นมันลึกลับและยากเกินกว่าจะคาดเดาได้ เสียดายที่สัมผัสวิเศษไม่สามารถใช้ได้กับตัวเขาที่เป็นเจ้าของเองมิเช่นนั้นความลับทุกอย่างมันคงจะง่ายกว่านี้ที่จะได้รู้
และเมื่อมันแปรเปลี่ยนมาจากอักษรลึกลับดึกดำบรรพ์อย่างอักษรรูนโบราณ เป็นไปได้ไหมว่านั่นคือพลังดั้งเดิมพื้นฐานของมันพลังของอักษรโบราณที่เหนือล้ำกว่าสัญลักษณ์แห่งพลังที่เป็นเพียงเศษเสี้ยวหนึ่งในอำนาจของมัน
ยิ่งวาเลนคิดถึงปฏิหาริย์ที่เกิดขึ้นกับมารีนมากเท่าไหร่หัวใจของเขาก็ยิ่งเต้นรัวเร็วยิ่งกว่ากลองศึกมากเท่านั้น เมื่ออำนาจของสัมผัสวิเศษไม่สามารถเปิดเผยได้ เขาจึงจำใจต้องอาศัยการอนุมานสิ่งต่าง ๆ ภายในใจ สิ่งเหล่านี้จะได้รับการยืนยันเมื่อมารีนนั้นตื่นขึ้นมา วาเลนจะไม่เสี่ยงทำในสิ่งที่คิดเอาไว้จนกว่าจะแน่ใจถึงความเป็นไปได้นี้ เขาอาจเป็นผู้ที่มีพรสวรรค์ทั้งสองด้านทั้งพลังเวทย์และทางด้านมนตราเช่นเดียวกับบรรพชนสตรีเปลวไฟของราชวงศ์กรีนแลนด์!
"เมื่อเรื่องต่าง ๆ คลี่คลายเช่นนี้ก็นับว่าดีแล้วอย่างนั้นข้าจะให้เจ้าพักเสียหน่อยก่อนที่จะพูดคุยกัน" สตรีเปลวไฟยกยิ้มและพูดกับวาเลนที่ยังคงยืนจ้องมารีนไม่วางตา
วาเลนถูกเสียงนี้ดึงสติออกมาจากภวังค์ความคิดของเขา ก่อนที่จะรีบหันกลับมาและค้อมกายลงต่ำและกล่าวกับสตรีตรงหน้า
"ผู้น้อยมิกล้าเสียมารยาทให้บรรพชนต้องรออีกต่อไป...อีกอย่างเหตุการณ์เมื่อครู่นี้คลี่คลายได้เพราะท่านบรรพชนช่วยยื้อเวลาให้ กอรปกับโชคชะตาของนางที่ยังไม่ถึงแก่ความตายจึงรอดมาได้โดยปฏิหาริย์"วาเลนพูดราวกับว่าเรื่องของมารีนที่รอดตายมาได้นั้นมิใช่มาจากความสามารถของเขา กลับกลายเป็นว่าเขาเลือกที่จะเอาปัญหาที่น่าปวดหัวของเรื่องต่าง ๆ ยกเอาไว้ให้พ้นตัวเพื่อไม่ต้องตอบคำถามหรืออธิบาย
สตรีเปลวไฟเข้าใจดีในสิ่งที่เด็กชายตรงหน้าพูดและสื่อความหมาย เขาโยนทุกสิ่งไว้กับคำว่าปาฏิหาริย์ อย่างนั้นจะคาดหวังให้เขาอธิบายสิ่งใดได้อีกเล่า เมื่อไม่ต้องการพูดถึงความลับและไม่ต้องการอธิบายบางครั้งคนเราก็แค่เงียบหรือไม่ก็แอบอ้างปาฏิหาริย์เช่นเด็กชายตรงหน้าทำมิใช่หรือ?
"หึหึหึ...นั่นน่ะสิ ช่างเป็นปฏิหาริย์โดยแท้ที่เลือดของเจ้าสร้างความอัศจรรย์เช่นนี้ได้.." สตรีเปลวไฟใช้คำพูดหยอกล้อวาเลนกลับทันที เธอกำลังจะบอกว่าแม้จะมีปฏิหาริย์แต่มันก็ย่อมมีสาเหตุเช่นกัน เมื่อเห็นวาเลนมีสีหน้าแหยง ๆ เธอก็คร้านที่จะแกล้งเด็กชายอีกต่อไป
"เอาล่ะ...มีหลายสิ่งที่เราต้องคุยกัน เมอไรออท เปิดใช้ธำมรงค์อัคคี" สตรีเปลวไฟไม่รอช้าเมื่อเห็นว่าวาเลนพร้อมแล้วเธอหันไปหาองค์ชายสามและสั่งเขาทันที
เพียงพริบตาที่องค์ชายสามสัมผัสไปที่ธำมรงค์น่าตาโบราณ ไม่มีการขยายแปลงเป็นประตูมิติอย่างที่วาเลนเคยเห็นเช่นในครั้งแรก แต่กลับมีแรงดึงดูดมหาศาลดูดทั้งร่างของเขาเข้าไปในมิติโดยตรงทันที
ภาพเบื้องหน้าของเขาตอนนี้คือภาพของผืนป่าพฤกษาอัคคีที่อยู่เต็มไปทุกที่ของมิติ เมื่อมองภาพนี้จากมุมบนปลายยอดของภูผาอัคคีวาเลนคิดว่าสถานที่แห่งนี้นั้นยิ่งใหญ่ตระการตาและไม่สามารถหาชมได้ในโลกภายนอก
"เชื่อว่าคราวที่แล้วที่เข้ามาเจ้าคงมั่วแต่ยุ่งอยู่กับธุระจึงมิได้ขึ้นมาชื่นชมบรรยากาศด้านบนนี้" สตรีเปลวไฟมองออกไปยังผืนป่าด้านหน้าด้วยแววตาภาคภูมิใจก่อนจะพูดกับเขาที่อยู่ใกล้ ๆ วาเลนเพิ่งสังเกตว่าบนยอดภูผาแห่งนี้นั้นไร้ซึ่งร่างขององค์ชายสาม
"เมื่ออยู่ภายใต้เจตจำนงของโลกอัคคี คาดว่านอกจากผู้ฝึกฝนที่มีพรสวรรค์เท่านั้นที่ผ่านขึ้นมายังยอดภูผาแห่งนี้ได้..ผู้เยาว์ยังไม่เข้าใกล้ในระดับนั้น" วาเลนหันกลับมาตอบยิ้ม ๆ ให้กับสตรีเปลวไฟ วาเลนพอจะรับรู้ได้ถึงเจตจำนงของมิติแห่งนี้เมื่อสัมผัสได้ถึงกฎมิติจำกัดการบินที่ถูกสร้างเอาไว้
สตรีเปลวไฟมองวาเลนด้วยความยินดี น้อยคนที่จะคิดว่ามิติแห่งนี้มีไว้เพื่อสิ่งใด เจตจำนงของมันคืออุทิศให้กับการฝึกฝนของคนรุ่นหลังที่มีความเกี่ยวข้องกับราชวงศ์มิใช่ผนึกสิ่งชั่วร้าย มิเช่นนั้นมันคงพังทะลายไปตั้งแต่จิตวิญญาณร้ายไททันหนีหายลับออกไป เจตจำนงของเธอจึงไม่ใช่เจตจำนงกักขังนั่นเป็นพลังเจตจำนงของหงส์เพลิงอัคคี หนึ่งในสี่จตุรเทพผู้พิทักษ์ป่าบรรพกาล
คนส่วนใหญ่คิดเพียงแต่ว่าภายในมิติบรรพชนนั้นจะต้องเต็มไปด้วยสมบัติลับล้ำค่าและทรงพลังมากมาย พวกเขาล้วนแล้วแต่สนใจสิ่งทรงพลังภายนอกมากกว่าที่จะมุ่งเน้นพัฒนาพลังภายในของตนเอง นี่จึงกลายเป็นความต่างของอัจฉริยะและผู้บ่มเพาะพลังทั่วไป
"การที่เจ้าอยู่บนนี้ได้นั้นนั่นคือคำตอบที่ว่าภูผาอัคคีนั้นยอมรับในพลังของเจ้าแล้ว นับได้ว่าคราวที่แล้วเจ้าได้เปิดหูเปิดตาให้ข้าเช่นกันเด็กน้อย เจ้าใช้พลังธาตุพฤกษาพิชิตยอดภูผาอัคคีได้ ไม่มีใครใช้พลังเช่นที่เจ้าทำมาก่อน" สตรีเปลวไฟมองวาเลนและเอ่ยปากชื่นชม เด็กชายตรงหน้าเธอนั้นเพียงเผยยิ้มอ่อน ๆ ออกมาราวกับว่าไม่ยอมรับและไม่ปฏิเสธในเวลาเดียวกัน
"สถานที่แห่งนี้ยินดีต้อนรับเจ้าตลอดเวลา อย่างไรเสียเมอไรออทและเจ้าก็เป็นสหายสนิทกัน ได้ยินมาว่านอกจากธาตุพฤกษาเจ้าก็ยังเป็นผู้ใช้ธาตุอัคคีด้วยเช่นกันมิใช่หรือ อย่างนั้นก็ให้ถือเสียว่าที่นี่เป็นที่ฝึกฝีมือก็แล้วกัน" สตรีบรรพชนพูดกับวาเลนและตัดสินใจให้เสร็จสรรพ เธอคาดหวังให้องค์ชายสามซึมซับพลังและบ่มเพาะไปพร้อม ๆ กันกับอัจฉริยะน้อยผู้นี้
สหายที่ใฝ่ดีย่อมมีแต่ส่งเสริมกันและกัน อนาคตข้างหน้านั้นมิแน่ว่าเขาทั้งสองนั้นจะกลายเป็นป้อมปราการที่แข็งแกร่งให้กับราชวงศ์และอาณาจักรกรีนแลนด์ต่อไป
"เอาล่ะ..ข้าคิดว่าถึงเวลาที่ต้องพูดเสียที..ในยามนี้มีสิ่งเดียวที่ข้านั้นยังไม่วางใจ นั่นคือการหายไปของจิตวิญญาณร้ายไททัน นอกจากความทรงพลังของมัน ก็สติปัญญาที่เจ้าเล่ห์เพทุบายนี่แหละที่ข้ากังวลใจ ตัวตนในยุคเก่าล้มตายราวใบไม้ล่วงเมื่อเผชิญหน้ากับมัน มิคาดว่าเวลาเนิ่นนานที่ผ่านมาผู้คนได้หลงลืมความน่ากลัวของยุคมืดไปเสียสิ้นแล้ว ความสุขสงบที่บรรพบุรุษได้แลกมาด้วยชีวิตทำให้พวกเขาใช้ชีวิตด้วยความประมาทและขาดพลัง อ่อนแอเช่นในทุกวันนี้ ยังดีที่ยังหลงเหลือผู้เยาว์เช่นเจ้าเอาไว้บ้าง มิเช่นนั้นวิญญาณของผู้ที่ตกตายลงไปคงไม่เป็นสุข" สตรีเปลวไฟพูดในสิ่งที่เธอกังวลใจออกมา
"อีกทั้งในยุคนี้นั้นไม่มีเหล่าจตุรเทพทั้งสี่ที่คอยพิทักษ์ปกปักษ์อีกต่อไป เชื่อได้ว่าหากวันหนึ่งจิตวิญญาณร้ายไททันได้ฟื้นคืนกลับมาในขณะที่ผู้คนนั้นยังไม่สามารถฟื้นคืนความแข็งแกร่งอย่างในอดีตได้นั่นจะกลายเป็นโศกนาฏกรรมครั้งใหญ่ยิ่งกว่าที่ในอดีตเคยพบเจอ"
สตรีเปลวไฟจ้องมองมาที่วาเลนอย่างเปิดเผยตรงไปตรงมา สายตาของเธอนั้นกำลังคาดหวังว่าเขาจะเป็นหนึ่งในบุคคลเหล่านั้นที่ยืนหยัดต่อต้านกับศัตรูร้ายไททันที่หายไปในขณะนี้ได้
"ข้ามิได้ต้องการจะผลักภาระทั้งหมดนั้นให้กับเจ้า เรื่องเหล่านี้นั้นไม่สามารถแบกรับเอาไว้คนเดียวได้ หน้าที่ตอนนี้ของพวกเจ้าคือเร่งฝึกฝนและยกระดับให้ก้าวหน้าโดยเร็วไว..นี่ต่างหากคือภาระที่เด็กรุ่นใหม่เช่นพวกเจ้าควรทำ"
วาเลนรับรู้ได้ถึงความกังวลของสตรีเปลวไฟ นี่คือความห่วงใยที่เธอมีให้กับอนุชนรุ่นหลัง เธอคาดหวังให้พวกเขาแข็งแกร่งและทรงพลังพอที่จะปกป้องตัวเองได้และสืบทอดปณิธานที่จะปกป้องดินแดนมาตุภูมิบ้านเกิดส่งต่อไปยังรุ่นลูกรุ่นหลานในอนาคตเช่นที่บรรพชนในอดีตเคยทำ
"ผู้น้อยน้อมรับคำแนะนำ ขอบรรพชนวางใจ" วาเลนตอบรับคำเตือนด้วยความห่วงใยนี้ สตรีเปลวไฟยกยิ้มด้วยความยินดี
เธอละสายตาจากวาเลนและทอดมองลงไปยังพื้นป่าพฤกษาอัคคีเบื้องล่าง ภายใต้พลังปณิธานมิติฝึกฝนโบราณนี้ทุกสถานที่ล้วนอยู่ในสายตาของเธอ
ภาพเด็กชายที่เธอเลือกให้ถือครองธำมรงค์โบราณกำลังฟาดฟันและต่อสู้อย่างหนักอยู่ภายในป่าขั้นที่สองเพียงลำพังเพื่อหวังที่จะขึ้นมายังยอดของภูผาอัคคี รอบกายของเขามีวิหคอัคคีที่เป็นอสูรคู่กายบินฉวัดเฉวียนไปมาและลอบโจมตีศัตรูที่เข้ามาใกล้เจ้านายของมัน
"ในบรรดาเชื้อสายที่เป็นบุรุษทั้งสามนั้น คนที่คาดว่าจะได้นั่งบัลลังก์กษัตริย์คงไม่พ้น แมกนัส (องค์ชายหนึ่ง) แต่คนที่สามารถรับพลังมรดกอัคคีได้กลับเป็นเมอไรออท น่าเสียดายที่สายเลือดของข้าไม่มีคำว่าสามัคคีเอาเสียเลย มิเช่นนั้นอะไรมันคงจะง่ายกว่านี้ " สตรีเปลวไฟสูดหายใจลึกเธอมีบางสิ่งที่คิดเอาไว้เนิ่นนานแต่ทว่ากลับขว้างกั้นด้วยความไม่แน่ใจ แต่ตอนนี้ด้วยเหตุการณ์หลาย ๆ อย่างบีบบังคับทำให้เธอต้องรีบตัดสินใจที่จะทำมัน
"ข้าไม่ห่วงเมอไรออทที่ครอบครองธำมรงค์อัคคีเขามีมิติแห่งนี้เป็นมรดกให้พัฒนา ห่วงแต่เหล่าทายาทคนอื่น ๆมากกว่าว่าจะถูกความโลภบังตาจนคิดช่วงชิงสิ่งที่ไม่ใช่ของตน ข้าจึงจำต้องทำให้ปัญหานี้เบาบางลงไปบ้าง นี่เป็นหนึ่งในความลับถึงความแข็งแกร่งของราชวงศ์ในอดีตที่ข้าจะให้เจ้าได้เห็น จงเก็บเป็นความลับ และนำพวกมันกลับมาทั้งหมดหกชิ้น หนึ่งในนั้นจะเป็นรางวัลของเจ้า" สิ้นคำของหญิงสาว มือขาวราวหยกผลึกวาดออกไปเบื้องหน้า
เหนือยอดของภูผาอัคคีปรากฏเป็นสัญลักษณ์มนตราชนิดหนึ่งที่ดูสลับซับซ้อน ยามเมื่อมันเชื่อมโยงเส้นสายของสัญลักษณ์เข้าด้วยกันจนสมบูรณ์ก่อเกิดเป็นพลังงานขนาดใหญ่ที่สามารถฉีกกระชากอากาศเบื้องหน้าให้ขาดได้ราวกับกระดาษเปียกชุ่มน้ำ
วาเลนไม่คาดคิดว่าจะมีมิติซ้อนมิติในที่แห่งนี้ ด้านหลังของรอยฉีกขาดของมิตินั้นเป็นโลกอัคคีที่สมบูรณ์แบบ เปลวเพลิงที่ลุกโชติช่วงมอดไหม้นี้ราวกับไม่มีวันดับมานานนับพันปี แต่ที่น่าตื่นตะลึงยิ่งกว่าที่เห็นนั่นคือ ศาตราวุธวิเศษและยุทธภัณฑ์วิญญาณนับร้อยนั้น กลาดเกลื่อนท่วมไปทั้งพื้นที่ของมิติด้านหลัง ไม่แปลกที่สตรีเปลวไฟจะเรียกมันว่าความลับของความแข็งแกร่งของราชวงศ์
"เด็กน้อย..ยินดีต้อนรับสู่มิติบรรพชนที่แท้จริง!"
----------------------
อย่าเพิ่งเง้างอลกันนะครับ ขอโทษที่หายไปนาน ช่วงนี้กำลังสอบด้วย เอามาให้อ่านคลายเหงาก่อน
ไม่ทิ้งแน่นอนครับ สำหรับนิยายรายเดือนเรื่องนี้ ????
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ไรต์ๆๆๆขยายตัวอักษรไม่ได้ครับ ผมอ่านบนมือถือ
เป็นรายเดือนเดือนละ 30 ตอนได้ป่าว อิอิอิ
ไม่ใช่รายเดือน แต่เป็น หลายเดือน โวย
เปลี่ยนเป็นนิยายรายสัปดาห์ได้ไหมอ่ะ
ติดตัวควบกล้ำ ล/ร หน่อย อ่านเลยสะดุดนิดนึง แต่พอเดาคำได้ครับ
😄😄
ถึงกลับต้องย้อนไปอ่านตอนก่อนหน้า
ลืมม
แต่ขอบคุณนะคะที่ยังกลับมา
สนุกกกก
รายสัปดาห์ได้ไหม~ ได้โปรดช่วยบอกฉันที~
#เมอไรออทxวาเลน #เมอเลน
คือๆบับ มันสั้นอะไรท์รีดยังไม่อิ่ม มาให้อยากละจากไปอีกแล้ว
ขอบคุณที่ยังมาลงให้อ่านนะครับ ^ ^
ขอบคุณค่ะ