ตอนที่ 70 : คนสวนกับต่างโลก ภาค พิภพพฤกษา ตอนที่ 68 อัจฉริยะที่ไม่ธรรมดา
คนสวนกับต่างโลก ภาค พิภพพฤกษา ตอนที่ 68 อัจฉริยะที่ไม่ธรรมดา
สตรีร่างไฟถึงแม้จะเป็นจิตวิญญาณของปณิธานที่หลงเหลือเอาไว้ในธำมรงค์อัคคี แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังอดไม่ได้ที่จะรู้สึกสั่นสะท้านไปทั้งจิตวิญญาณยามเมื่อเห็นการร่วมโจมตีที่กระหน่ำลงมา
ความทรงพลังที่สะท้านฟ้าสะเทือนดินตรงหน้าทำให้จิตวิญญาณร้ายที่คงอยู่ข้ามผ่านกาลเวลามานับพันปีแตกสลายในทันทีไม่หลงเหลือแม้เศษธุลีให้เห็น นี่เป็นภาพที่แปลกประหลาดเป็นอย่างมากมิคาดว่าเธอจะได้เห็นการร่วมโจมตีของสองอสูรที่ทรงพลังจากทั้งอดีตและปัจจุบันพร้อม ๆ กันเช่นนี้
แม้ว่าอสูรขนาดใหญ่ตรงหน้าอย่างราชินีแห่งมวลภมรนั้นจะทำให้เธอรู้สึกกดดันและตกใจแต่สิ่งที่ทำให้เธอเกิดความรู้สึกที่อันตรายจริง ๆ กลับกลายเป็นอสูรน้อยในร่างกึ่งอสรพิษตรงหน้า มีความรู้สึกบางอย่างที่ทำให้เธอรู้สึกว่าตัวตนตรงหน้านั้นสามารถคุกคามเธอได้ พลังงานโบราณบางอย่างที่ให้ความรู้สึกถึงความกดดันที่กำลังแผ่กระจายออกมา
ดวงตาสีอเมทิสต์ของมันจับจ้องมายังเธออย่างสนใจเล็กน้อย ร่างอสรพิษที่มีเกร็ดสีดำเขียวของมันสะท้อนกับเปลวไฟกลายเป็นสิ่งที่ทำให้ดูแปลกตา
มันละความสนใจจากเธอและไม่สนใจการต่อสู้สะท้านฟ้าสะเทือนดินที่เกิดขึ้นตรงหน้าในช่วงเวลาที่ผ่านมา ก่อนจะใช้ปีกเล็ก ๆของมันบินพุ่งเข้าหาเด็กชายที่คาดว่าเป็นเจ้านายของมัน
ถึงแม้ในสายตาของสตรีเปลวไฟนั้นมันจะเป็นอสูรที่อยู่ในวัยทารก แต่ไม่อาจปกปิดได้ว่ามันฉลาดและขี้สงสัย
ราวกับรู้ว่านี่เป็นสถานการณ์ที่เจ้าของ ๆ มันกำลังเผชิญกับสภาวะที่เป็นอันตราย เมื่อมันเคลื่อนกายเข้ามาใกล้วาเลน มันฉกไปที่สร้อยคอรูปจี้ดอกไม้สีขาวบริสุทธิ์ทันที มีพลังงานโบราณบางอย่างในตัวของมันที่กระแทกออกมาและซัดไปที่จี้ดอกไม้ พลังโบราณนั้นไม่ได้มีเจตนาทำลาย แต่มันก็แรงพอที่จะกระตุ้นให้บางสิ่งที่ซ่อนเอาไว้เผยออกมา
ชั่วพริบตาหลังจากการกระทำนั้นพลังงานสีเขียวกระจ่างปรากฏออกมาเป็นโดมทรงกลมครอบเด็กชายเอาไว้ อสูรน้อยกึ่งอสรพิษกลายเป็นแสงสว่างวาบหายเข้าไปในตัวของวาเลนทันทีที่เห็นโดมนี้ ช่วงเวลาเดียวกันที่ข้างกายวาเลนปรากฏร่างของหญิงสาวที่มีท่วงท่าราวกับราชินีโผล่ออกมา ร่างบางที่สวมใส่ชุดป่านพฤกษาขมวดคิ้วและหรี่ตาลงอย่างแปลกใจ
มีบางสิ่งไม่ปกติเกิดขึ้นที่นี่ แต่ถูกพลังของมิติยับยั้งและบิดบังการรับรู้เอาไว้ ก่อนหน้านี้เธอมีความรู้สึกบางอย่างที่ไม่ดีวาบขึ้นมาในใจแต่มิสามารถตรวจจับสิ่งใดได้ สายตาของเธอเหลือบมองไปยังจุดที่มิติพังทลายและหันกลับมามองยังจี้ดอกไม้ที่ห้อยอยู่บนคอของวาเลน มีละอองของพลังงานประหลาดบางอย่างกระจายให้เห็นอย่างบางเบา
ท่ามกลางการจับตาของสตรีเปลวไฟหญิงสาวผู้มาใหม่ที่ไม่ธรรมดานี้ไม่ใช่สิ่งที่เธอสามารถตรวจสอบได้ มีความรู้สึกบางอย่างบอกกับเธอว่าสถานการณ์ที่เลวร้ายก่อนหน้านี้จะเปลี่ยนไปทันทีหากมีเธอปรากฏกายขึ้นมา
ราชินีอสูรมอโธร่าที่ยังรั้งอยู่เพื่อคุ้มครองวาเลนนั้นก็พลั้นวางใจทันทีที่เห็นหญิงสาวที่คุ้นเคยปรากฏกายออกมา มันเปลี่ยนสถานะเป็นแสงพลังงานและพุ่งเข้าหาวาเลนเช่นเดียวกันกับอสูรน้อยก่อนหน้านี้ กลับเข้าไปในโลกแห่งพลังของเขาทันทีอย่างไม่ลังเล
ราชินีดรายแอดส์ไม่เห็นประโยชน์ที่จะอยู่ต่อไป เหตุการณ์ต่าง ๆ ตอนนี้ยังไม่ชัดเจนคงต้องรอเวลาให้เจ้าตัวตื่นขึ้นมาและถามหาความจริงดูอีกที ว่ามันเกิดสิ่งใดขึ้นที่นี่กันแน่
มือขาวราวผลึกโบกสะบัดออกไปหนึ่งครั้งปรากฏวังวนสีเขียวออกมาในชั่วพริบตา เธอพาวาเลนจากไปอย่างรวดเร็วเหมือนกับตอนที่ปรากฏกายออกมา สตรีเปลวไฟถึงกับมีสีหน้าที่เปลี่ยนไป
"หญิงสาวผู้นี้เป็นใครกัน? เธอสามารถเปิดมิติในมิติอีกทีได้อย่างไร!" สตรีเปลวไฟพบเจอกับเรื่องตกใจติด ๆ กันจนความรู้สึกเธอนั้นแทบรับไม่ไหว รอบกายของเด็กชายคนนี้นั้นมีแต่สิ่งที่ทรงพลังมากเกินไป แม้ว่าเธอจะสามารถสร้างมนตราเคลื่อนย้าย อย่างเทเลพอร์ทได้นั่นเพราะมิติแห่งนี้คือสถานที่ภายในการควบคุมของเธอ แต่สตรีนางนั้นกับสร้างมิติที่เหนือล้ำยิ่งกว่าขึ้นมาภายใต้พลังปณิธานของเธอ! เป็นไปได้อย่างไร
ถึงแม้ว่าจะเต็มไปด้วยความสงสัยแต่น่าเสียดายที่เวลานี้พลังของเธอใกล้หมดลงและคงต้องกลับเข้าไปในธำมรงค์อัคคี การคงสภาพร่างพลังงานเช่นนี้ในขณะที่มิติบางส่วนพังทลายนั้นกลายเป็นภาระที่หนักเกินไป มิเช่นนั้นเธอจะหาทางรู้ให้ได้ว่าเด็กชายคนนี้เป็นใคร อัฉริยะที่ไม่ธรรมดาผู้นี้มีพลังที่มากมายเช่นนี้ได้อย่างไร อายุเพียงเท่านี้มาได้ไกลขนาดนี้เป็นไปได้หรือไม่ว่าเขาจะแข็งแกร่งกว่านักสู้ในอดีตที่ผ่านมา
ในขณะที่ศึกใหญ่จบลง กษัตริย์ไมเทรียสและเชื้อพระวงษ์อื่น ๆ ก็ได้เข้ามา ขณะนี้ผู้คนล้วนเห็นแล้วว่าพื้นที่ดงพญาไฟนั้นเสียหายขนาดไหน มีล่องรอยของการทำลายล้างหลายแห่งแสดงไว้เป็นอนุสรณ์ที่พังทลาย แม้แต่พลังของมิติบรรพชนที่แข็งแกร่งในช่วงหลายพันปีก่อนก็ดูจะอ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด
กองกำลังภายในราชวงศ์กระจัดกระจายไปโดยรอบเพื่อรักษาความปลอดภัย ในยามนี้สถานที่นี้กลายเป็นสมรภูมิที่อันตรายเกินกว่าจะวางใจได้ มีเพียงกษัตริย์และเชื้อพระวงษ์เท่านั้นที่อยู่ภายในกึ่งกลาง แม้แต่ตระกูลติดตามและสำนักต่าง ๆ ก็ต้องถูกกันออกไปชั่วคราว
กษัตริย์ไมเทรียสคุกเข่าต่อหน้าสตรีเปลวไฟเขานั้นรู้ถึงสถานะของเธอจากเหล่าบุตรและธิดาก่อนหน้านี้ ยามเมื่อกษัตริย์ปฎิบัติเช่นนั้นก็ไม่มีใครกล้าที่จะไม่ทำตาม ทุกผู้คนล้วนคุกเข่าคำนับบรรพชนของราชวงศ์กรีนแลนด์ตรงหน้า
สตรีเปลวไฟเผยยิ้มเล็กน้อยออกมาให้กับสายเลือดของเธอ
"ผ่านมาหลายพันปี มิคาดว่าสายเลือดของข้ายังคงรักษาราชวงศ์เอาไว้ได้ด้วยระดับพลังเพียงเท่านี้"สายตาของเธอมองกวาดไปเบื้องหน้า บรรดาเชื้อพระวงศ์ที่คาดว่าเป็นเหล่าผู้สืบสายเลือดของเธอมีพลังตกต่ำจนน่าใจหาย เธออดที่จะเปรียบเทียบพวกเขากับเด็กชายที่ครอบครองพลังที่ยิ่งใหญ่คนนั้นมิได้ น่าเสียดาย น่าเสียดายจริง ๆ ที่เขาไม่แม้แต่จะมีเชื้อสายของราชวงศ์
ทุกคำพูดของสตรีเปลวไฟกลายเป็นดาบทิ่มแทงใจจนแสบร้อน กลับกลายเป็นว่าสิ่งเหล่านี้คือความจริงที่ไม่น่าอภิรมย์เท่าไหร่ หากเทียบกับเหล่านักสู้โบราณพลังที่พวกเขาถือครองนั้นนับว่าเล็กน้อยเกินไป ในยุคที่ความผาสุขก่อเกิดความสบายผู้คนกลับกลายเป็นไร้พลังและอ่อนแอ
ไม่มีคำกล่าวแก้ตัวใด ๆ ราวกับว่าพวกเขายอมรับคำกล่าวนั้นโดยดุษฎี สตรีเปลวไฟได้แต่ถอนหายใจ สงสัยว่าหลังจากกลับไปพักยังธำมรงค์อัคคีเธอต้องจัดการเรื่องเหล่านี้เสียใหม่
บรรทัดฐานของราชวงศ์หย่อนยานเกินไป ผู้ปกครองที่ไร้พลังมีแต่จะนำพาผู้คนไปตายอีกทั้งภัยพิบัติโบราณก็ยังมิได้ถูกกำจัดถอนรากถอนโคนให้หมดไป ไม่มีสิ่งใดรับประกันได้ดีกว่าการพัฒนาพลังเพื่อใช้ในอนาคตอย่างแน่นอน
สตรีเปลวไฟหันไปมองตามทิศทางเสียงร้องที่ดังขึ้นของหงส์เพลิงอัคคีเป็นครั้งสุดท้าย หนึ่งในจตุรเทพที่ยิ่งใหญ่ในอดีตยามนี้กำลังค่อย ๆ สลายหายไปตามปณิธานที่ยิ่งใหญ่ของมัน
บัดนี้ภูผาอัคคีไม่ต้องมีการกักกันวิญญาณชั่วร้ายอีกต่อไป แม้ว่าภัยพิบัติโบราณจะยังไม่จบสิ้นอย่างสมบูรณ์แต่นั่นมิใช่เหตุผลที่มันคงอยู่มานานนับพันปี ตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมานี้หน้าที่กักกันของมันได้บรรลุลงแล้วปณิธานสุดท้ายจึงหมดไป
การจากไปของจิตวิญญาณที่ยิ่งใหญ่นั้นปรากฏขึ้นท่ามกลางการพบปะของสายเลือดในราชวงศ์กรีนแลนด์ สตรีร่างไฟถอนหายใจอย่างปลดปลงหรือนี่คือสัญญาณของการเข้าสู่ยุคใหม่ที่แท้จริง
ไม่มีใครกล้าเคลื่อนไหวในขณะที่กษัตริย์ไมเทรียสยังคงสงบนิ่งต่อหน้าปฐมราชวงศ์กรีนแลนด์ มีเพียงองค์ชายสามที่มีท่าทีกระวนกระวายและอยู่ในอารมณ์ร้อนลน คุณชายเจ็ดสหายของเขาในตอนนี้นั้นหายไป!
"หยุดทำท่าเช่นนั้นเสียที...อย่าเสียมารยาทต่อหน้าบรรพชน" กษัตริย์ไมเทรียสอดที่จะดุบุตรชายคนที่สามของเขาไม่ได้
"เสด็จพ่อได้โปรด..สหายของข้าหายไป ชีวิตของเขาก็สำคัญไม่แพ้กัน อาจเกิดสิ่งใดขึ้นกับเขาก็เป็นได้" องค์ชายสามนั้นกระวนกระวายใจ ตราบเท่าที่เขายังไม่เห็นว่าวาเลนปลอดภัยเขายังคงไม่อาจวางใจเรื่องสหายผู้นี้ได้
"พูดเรื่องเหลวไหลอะไรกัน ...จะมีสิ่งใดสำคัญยิ่งไปกว่าการพบบรรพชนของเจ้า" กษัตริย์ไมเทรียสกล่าวสั้น ๆ ราวกับการให้เกียรติบรรพชนนั้นสำคัญเหนือสิ่งอื่นใด
สตรีเปลวไฟที่ได้ยินคำสนทนาสั้น ๆ นั้นแต่เธอกลับมีประกายตาที่วูบไหวทันที มุมปากของเธอเผยยิ้มที่ยินดีออกมา ร่างที่น่าหลงใหลเลื่อนลงมาอยู่ตรงหน้าขององค์ชายสามและถามย้ำทันที
"เด็กชายผู้นั้นคือสหายของเจ้างั้นรึ!" องค์ชายสามโค้งกายเป็นเชิงตอบคำถามต่อสตรีเปลวไฟตรงหน้า ตามมารยาทของราชวงศ์
"ดี! ดีจริง ๆ เจ้าไม่ต้องห่วงไป สหายของเจ้ามีสตรีผู้หนึ่งได้ช่วยและพาเขาจากไปแล้วก่อนหน้านี้ " องค์ชายสามมีสีหน้าที่เบาใจเขาโค้งกายให้กับบรรพชนสตรีเปลวไฟอีกครั้งอย่างยินดี ใบหน้าที่หม่นหมองกลายเป็นคลายความกังวลใจในทันทีที่ได้ยินดังนั้น
ณ เรือนพักที่เจ็ด ตระกูลโอเดลรอส
ไม่ทันที่ท่านหญิงวิเรร่าจะเร่งไปหาบุตรชายหลังจากที่ได้พบกับคารีส เธอก็พบว่าเขาปรากฏตัวตรงหน้าพร้อมกับหญิงสาวที่เธอเคยพบเจอ หญิงสาวที่บุตรชายของเธอเรียกว่า"ผู้มีพระคุณ"
วาเลนในยามนี้หลุดจากภวังค์ของโลกแห่งพลังภายในร่างกาย การระเบิดพลังของพฤกษาเทวะสวรรค์นั้นกลายเป็นการสร้างภาระให้กับร่างกายของเขาอย่างมากมายมหาศาลโดยตรง
ถึงแม้ว่ามันจะค่อย ๆ คืนสภาพและปรับตัวหลังจากได้รับการช่วยเหลือจากราชินีพฤกษาดรายแอดส์ทันทีที่มาถึงก็ตาม แต่ความเหนื่อยล้าของจิตใจก็ยังเป็นผลกระทบที่หลีกเลี่ยงไม่ได้อยู่ดี
"เขาไม่เป็นอะไรแค่เหนื่อยมากเกินไปก็เท่านั้น...รอให้เขาตื่นขึ้นมาเองจะดีกว่าระหว่างนี้อย่าเพิ่งไปรบกวนเขา" ท่านหญิงวิเรร่าราวกับปลดภาระทางใจ ยามที่ได้ยินเช่นนั้น สถานการณ์ที่คารีสเล่าให้ฟังมันเลวร้ายเกินกว่าจะสงบใจลงได้แต่ยามที่บุตรชายกลับมาพร้อมสตรีตรงหน้ากลับทำให้เธอสามารถคลายความกังวลใจได้ทันที จะไม่มีอันตรายใด ๆ ยามที่บุตรชายของเธออยู่ใกล้กับตัวตนที่ทรงอำนาจตรงหน้านี้แน่นอน
วาเลนตื่นขึ้นมาในอีกหนึ่งวันหลังจากนั้นเมื่อพบว่ายังมีอาการอ่อนเพลียเขาคว้าบางอย่างออกมาจากแหวนมิติที่ติดตัวทันที โอสถสีทองอร่ามที่เขานำออกมานี้ถูกโยนเข้าไปในปากราวกับว่าเป็นของขบเคี้ยวกินเล่นเพียงเท่านั้น
หากใครได้เห็นว่าวาเลนเห็นคุณค่ามันเพียงเท่านี้คงไม่พ้นได้มีอาการกระอักเลือดตาย
โอสถเพียงเม็ดเดียวนี้มีมูลค่าที่ใครได้เห็นก็อดที่จะน้ำตาล่วงมิได้ ไม่ต้องพูดถึงการได้มาครอบครองเพราะพวกเขาแทบไม่มีแม้แต่โอกาสที่จะได้เห็นมันใกล้ ๆ
การปรากฏของมันแต่ละครั้งนั้นส่วนใหญ่ก็ไม่พ้นสถานที่จำพวกโรงประมูลที่ให้กำไรมหาศาลที่บุคคลธรรมดาไม่สามารถจับต้องได้หรือไม่ก็เป็นสมบัติลับของขุมอำนาจต่าง ๆ ที่เอาไว้ใช้ในเวลาจำเป็น น้อยครั้งที่จะเห็นมันถูกใช้อย่างไม่คิดเช่นนี้
ผู้หลอมโอสถระดับสูงจึงเป็นบุคคลที่เป็นที่ต้องการต่อขุมอำนาจต่าง ๆ มากมาย ต่างกับเหล่าผู้หลอมโอสถขั้นต้นที่ผู้คนแทบมิให้ความสำคัญ
หลังจากนั้นวาเลนเดินออกมาจากห้องและพบว่ามารดา อาจารย์ทั้งสองของเขารวมถึงคารีสนั้นเฝ้ารออยู่ในห้องรับรอง ทั้งสี่มองวาเลนด้วยความรู้สึกที่แตกต่างกันออกไปแต่เหนือสิ่งอื่นใดที่พวกเขามีให้เหมือนกันนั่นก็คือความห่วงใยที่ส่งผ่านมาทางสายตาและวาเลนรับรู้ได้ถึงความรู้สึกเหล่านั้น
"ลำบากท่านแม่ ท่านอาจารย์และเจ้าแล้ว"วาเลนเอ่ยออกมา ทันทีที่ได้ยินคำนี้เขาเห็นว่ามารดาและอาวุโสทั้งสองนั้นถอนหายใจออกมาพร้อม ๆ กัน ถึงแม้จะรู้ว่าความยากลำบากนั้นจะหล่อหลอมให้นักสู้กลายเป็นผู้ที่แข็งแกร่งได้ดีกว่าสิ่งใด แต่ทุกครั้งที่เหล่าลูกหลานต้องพบกับภัยอันตรายกลับอดไม่ได้ที่จะแสดงความกังวลใจออกมา
"คนที่เจ้าควรจะขอบคุณไม่ใช่พวกเรา...แต่เป็นท่านหญิงผู้นั้น" ท่านหญิงวิเรร่าพูดออกมายามเมื่อเห็นละลอกคลื่นของมิติที่สั่นไหว วาเลนมองไปยังร่างบางของสตรีสูงศักดิ์ที่อยู่ในชุดป่านสีเขียวตรงหน้า ถึงชุดที่สวมใส่จะให้ความรู้สึกที่ธรรมดา แต่ท่วงท่าที่ราวกับจักรพรรดินีนี้ไม่ใช่สิ่งที่ใครจะเทียบได้
"พบผู้มีพระคุณ"วาเลนเดินเข้ามาหาหญิงสาวตรงหน้าพร้อมกล่าวทักทายด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม ราชินีพฤกษาดรายแอดส์พยักหน้าเบา ๆ ตอบกลับมา
"ถึงข้าอยากจะรู้ว่าเจ้าจัดการกับภัยพิบัติโบราณได้อย่างไร แต่มันก็ยังไม่สำคัญเท่ากับเรื่องที่ข้าจะบอกเจ้าหลังจากนี้"
"ท่านกำลังหมายถึงสิ่งใด" วาเลนจับจ้องราชินีพฤกษาดรายแอดส์และถามด้วยความสงสัยทันที
"ข้าสัมผัสได้ถึงพลังงานของอสูรโบราณในดินแดนอีกสามแห่งที่เชื่อมต่อกับป่าบรรพกาล มันให้ความรู้สึกเช่นเดียวกับในมิติแห่งนั้นที่ข้าพาเจ้าออกมา ข้าคาดเดาว่าอะไรก็ตามที่เกิดขึ้นกับเจ้าในมิตินั้น มันอาจเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้พวกมันค่อย ๆ ตื่นขึ้นมาก็เป็นได้"
---------------------------------------
ชดเชยให้ 2 ตอนก่อนนะครับ กลัวรีดหนีกันหมด -.,-
อสูรในพันธสัญญาตัวที่ 3 ของวาเลน ร่างทารก
CR..https://wallpaperscraft.com/catalog/fantasy
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ปล. น้องมังกือตะมุตะมิมากเลย ตั๊ลร้ากกก
อสูรตัวที่ 3 นี่ดูน่ากลีวอะ คล้ายงูเห่าเลย รอเป็นมังกรค่า
มาลงทีตื่นเต้นมาก
สนุกมากกกกกกกกก
ขอบคุณค่ะ
น่าสงสานไททันเจอตออย่างจัง
สนุกกกๆๆๆ
ปล.มาต่อเร็วๆน้าค้าาา