คนสวนกับต่างโลก ภาค พิภพพฤกษา

ตอนที่ 68 : คนสวนกับต่างโลก ภาค พิภพพฤกษา ตอนพิเศษ

คนสวนกับต่างโลก ภาค พิภพพฤกษา ตอนพิเศษ



ย้อนกลับไปก่อนการมาของวิญญาณชายหนุ่มจากต่างโลก



เด็กชายในชุดสีขาวบ่งบอกถึงฐานะที่สูงส่งในตระกูลโอเดลรอส กำลังนั่งมองเด็กรับใช้คนอื่น ๆ ในตระกูลที่เข้าไปรุมล้อมป้อยอและสรรเสริญพี่ชายคนที่สามของเขาอย่างเอาอกเอาใจ



วันนี้เป็นวันที่ตระกูลโอเดลรอสได้มอบยาปลุกพลังเวทย์ให้กับคุณชายสามอลองเฟย์และเขาก็ไม่ได้ทำให้ตระกูลผิดหวัง คุณชายสามผู้นี้สามารถปลุกพลังเวทย์ธาตุไฟและกลายเป็นผู้ใช้เวทย์ในตระกูลได้อย่างเต็มตัว นั่นจึงทำให้ผู้คนต่างเข้าไปรุมล้อมรอบกายเขาอย่างเนืองแน่น



รวมถึงบิดาและอาวุโสในตระกูลก็เอาแต่พูดคุยถึงเรื่องนี้กันเกือบข้ามวัน พวกเขาวางแผนเรื่องการฝึกและพูดถึงแนวทางความสำเร็จในอนาคตของคุณชายสามจนไม่เป็นอันทำสิ่งใด คุณชายเจ็ดหรือวาเลนติโน่นั้นมองป้ายเชิญในมืออย่างเศร้าใจ



ป้ายเชิญนี้คือความภาคภูมิใจที่เขาต้องการนำมาให้บิดาได้ชื่นชมแต่ดูเหมือนว่าตอนนี้บิดาของเขาจะไม่ได้อยู่ในอารมณ์ที่จะสนใจสิ่งอื่นใดนอกจากบุตรชายที่ประสบความสำเร็จและมีอนาคตที่สดใสของเขา แต่ทว่านั่นมิได้บันทอนความตั้งใจของคุณชายน้อยผู้นี้ เขายังคงรอคอยช่วงที่บิดาว่างอย่างอดทน



ป้ายเชิญของวาเลนติโน่นั้นมาจากสถาบันหลอมศาสตรา ที่อยู่ภายใต้การจัดตั้งขึ้นมาของตระกูลกลาเทรีย หนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่ของอาณาจักรกรีนแลนด์


ไม่มีใครในตระกูลโอเดลรอสรู้ว่าวาเลนติโน่สามารถออกแบบอาวุธและยุทธภัณฑ์ได้ อีกทั้งยังสามารถคำนวนส่วนผสมที่ต้องใช้ในการขึ้นรูปเพื่อสร้างอาวุธได้อย่างไม่ผิดพลาดแม้เพียงนิดเดียว



พรสวรรค์บวกกับพรแสวงที่ได้จากการแอบศึกษาตำราลับเทพศาสตรานั้นจึงทำให้เขาสามารถสร้างอาวุธที่น่าอัศจรรย์ชิ้นหนึ่งในงานประชันศาสตราที่ตระกูลกลาเทรียจัดขึ้นมาได้



ถึงแม้ว่าระดับที่เขาเข้าแข่งขันนั้นจะเป็นการแข่งทำอาวุธในระดับต่ำสุดอย่างอาวุธระดับทองแดงก็ตาม แต่สำหรับเด็กชายที่ยังไม่บรรลุการปลุกพลังเวทย์นั้นการสร้างอาวุธขึ้นมาได้เป็นอะไรที่น่าอัศจรรย์ที่สุดแล้ว



และอาวุธชิ้นนั้นก็เป็นสิ่งที่เข้าตาอาวุโสของตระกูลกลาเทรีย เขาถึงกับออกหน้าด้วยตนเองเพื่อขอให้ตระกูลกลาเทรียออกป้ายเชิญวาเลนติโน่เป็นการส่วนตัวทันที



ความสำเร็จครั้งนี้วาเลนติโน่ขอบคุณโชคชะตาที่ทำให้เขาได้พบกับหญิงชราลึกลับคนหนึ่งในร้านที่ดูเก่าแก่และซอมซ่อในย่านจตุรัสอัคเคล่าที่วุ่นวาย ที่นั่นเธอมอบบันทึกขาด ๆ เก่า ๆ เล่มนึงให้กับเขา


บนหน้าแรกของบันทึกนั้นถูกสลักเอาไว้ด้วยหมึกที่มีสีซีดจางไปตามกาลเวลาว่า "ตำราลับเทพศาสตรา" แม้ว่าวาเลนจะมองว่าชื่อของมันดูโอ้อวดจนเกินจริงไปบ้างแต่เขาก็ไม่ปฏิเสธน้ำใจของหญิงชรา


ก่อนจากกันเขามอบเงินก้อนหนึ่งให้กับเธอถึงมันจะดูไม่มากในสายตาของวาเลนแต่ก็สามารถเอาชีวิตรอดไปได้อีกหนึ่งเดือน ถึงแม้ว่าหลังจากเดินออกมาเขาจะรู้สึกว่าหูฟาดและได้ยินคำว่า 'ขาดทุนเห็น ๆ ' ก็ตามเขาก็ไม่ได้ใส่ใจ


ใครจะคิดกันว่าเมื่อได้เริ่มศึกษาและทำตามที่ตำราบอกผลลัพธ์ของมันจะออกมาเกินคาดเช่นนี้ หลังจากที่วาเลนแข่งขันชนะในงานประชันศาสตราเขากลับไปหาหญิงชราอีกครั้งเพื่อที่จะกล่าวคำขอบคุณ แต่ที่นั่นเขากลับไม่พบกับใคร มันกลายเป็นสถานที่ ๆ ราวกับรกร้างมาหลายสิบปีท่ามกลางเมืองที่เจริญอย่างจตุรัสอัคเคล่า นี่แทบไม่น่าเชื่อว่าก่อนหน้านี้เขาได้พบกับหญิงชราในที่แห่งนี้ นี่มันเรื่องผีสางอันใดกัน! วาเลนติโน่หันหลังกลับอย่างรวดเร็วทันทีโดยที่ไม่ต้องคิดสิ่งใด นี่อาจเป็นเทพเจ้าเล่นตลกกับเขาก็ได้ใครจะรู้



ในขณะที่วาเลนติโน่นั่งถือป้ายเชิญและรอคอยอย่างใจเย็น บิดาของเขาก็เดินผ่านมา



"ท่านพ่อ" วาเลนติโน่ลุกขึ้นยืนและวิ่งเข้าไปหาอเลย์ โอเดลรอส ชายหนุ่มผู้ได้ชื่อว่าผู้นำตระกูลและเป็นบิดาของเขา


อเลย์ โอเดลรอสหันมามองวาเลนติโน่ด้วยใบหน้าเฉยชา เขาไม่เคยได้ยินว่าบุตรชายผู้นี้ของเขาจะถูกเรียกว่าเป็นอัจฉริยะในด้านไหนเหมือนกับในบรรดาพี่น้องทั้งเจ็ดคน เหตุใดเขาจึงมิได้ความฉลาดหรือเก่งกาจจากทั้งบิดาและมารดามาเลย


ในช่วงที่ตระกูลใหญ่ทั้งสี่ต่างแข่งขันกันเพื่อชิงความโดดเด่นในอาณาจักร อัจฉริยะรุ่นเยาว์คือหนึ่งในเรื่องที่นำมาพูดถึงกันอย่างกว้างขวาง ทั้งเปรียบเทียบและอวดอ้างใส่กันอย่างไม่มีใครยอมใคร การที่คุณชายเจ็ดนับได้ว่าเป็นบุคคลธรรมดาจึงไม่ใช่เรื่องที่จะยอมรับกันได้ง่าย ๆ



อเลย์ โอเดลรอสมองบุตรชายผู้ไร้ประโยชน์อย่างเย็นชาด้วยหางตาและไม่พูดสิ่งใด



วาเลนติโน่เห็นบิดาหยุดมองก็ดีใจเขายกป้ายเชิญของตระกูลกลาเทรียขึ้นมาและส่งให้บิดาได้ดู เรื่องราวต่าง ๆ ถูกคุณชายเจ็ดเล่าออกมา แต่ทว่าเรื่องของหญิงชราลึกลับที่ไร้ตัวตนเขากลับไม่ได้พูดออกไปเกรงว่าบิดาจะไม่ยอมเชื่อในเรื่องอัศจรรย์นี้



ยิ่งบุตรชายคนเล็กเล่าเรื่องที่เขาภาคภูมิใจออกมา นอกจากบิดาของเขาจะไม่ยินดีด้วยแล้วกลับยังมีสีหน้าโกรธเกรี้ยวและยิ่งแสดงออกด้วยท่าทีเย็นชาอย่างเห็นได้ชัด



"เจ้าคิดว่านี่เป็นเรื่องที่ข้าสมควรยินดีอย่างงั้นหรือ? บุตรชายที่ไม่ทำประโยชน์ใด ๆ ให้กับตระกูลกำลังจะกลายเป็นคนโปรดของอาวุโสผู้หนึ่งในตระกูลคู่แข่งอย่างกลาเทรีย งั้นรึ!.....ออกไปให้พ้นหน้าข้า นี่มันก็แค่ขยะที่น่าภาคภูมิใจของเจ้าคนเดียวเท่านั้นแหละ!" อเลย์ โอเดลรอสขว้างป้ายเชิญที่บุตรชายคนที่เจ็ดภูมิใจทิ้งอย่างไม่ใยดี



เหตุการณ์นี้อยู่ในสายตาของอลองเฟย์และเหล่าผู้เยาว์ในตระกูล พวกเขาหันไปหัวเราะขบขันราวกับนี่เป็นเรื่องตลกที่น่าอภิรมย์ วาเลนติโน่ถึงกับสะอึกเขานึกไม่ถึงว่าบิดาจะโหดร้ายกับเขาเช่นนี้ ทั้งหมดที่ทำไปเขาหวังเพียงได้แค่คำชมเท่านั้น แต่มันกลับเป็นได้แค่ขยะในสายตาของบิดา



วาเลนติโน่ยืนงงราวกับเขาถูกทุบหัวด้วยฆ้อนปอนด์ สายตาที่เอ่อล้นด้วยน้ำร้อน ๆ ปริ่มเต็มขอบตา ท่านหญิงวิเรร่าที่ยืนมองมาตั้งแต่ต้นเจ็บช้ำเสียยิ่งกว่าบุตรชายเป็นพันเท่า เธอปฏิญาณว่าจะเอาเหตุการณ์ในวันนี้เป็นบทเรียนในวันข้างหน้า เธอจะไม่ยอมให้บุตรชายหนึ่งเดียวของเธอคนนี้ต้องเจ็บช้ำใจอีกเด็ดขาด เธอจะสนับสนุนเขาไม่ว่าจะถูกหรือผิดพลาด เธอจะยอมรับผลของมันในฐานะของมารดา ตราบเท่าที่บุตรของเธอปรารถนา เธอจะหามันมาให้เขา



"เจ้าทำดีที่สุดแล้ว"ท่านหญิงวิเรร่าเอ่ยออกมายามที่เธอเข้ามาหาบุตรชายที่ยังคงยืนแข็งทื่อราวกับหุ่นขี้ผึ้งด้วยหัวใจที่แตกสลาย มือบางหยิบป้ายขึ้นมาและส่งมันกลับไปให้เขา



วาเลนติโน่เหลือบตามองไปที่ป้ายเชิญในมือมารดาและปาดน้ำตาที่เอ่อล้นออกมาทันที



"มันก็แค่ขยะ!" เขาสถบออกมาและหันหน้าหนีก่อนจะวิ่งจากไปทันที



หลังจากเหตุการณ์นี้ท่านหญิงวิเรร่ารู้สึกได้ว่าบุตรชายของเธอมีท่าทีที่เปลี่ยนไป เขากลายคนเหลวไหลและมักทำตัวไม่ดี
หลายครั้งที่เธอถูกตำหนิแทนบุตรชาย แต่ไม่มีซักครั้งเดียวที่เธอจะไม่ช่วยเหลือเขา หญิงสาวคิดเพียงว่าต้องทดแทนในส่วนที่บุตรชายขาดไป นั่นคือความรักที่ควรได้จากบิดา



ครั้งหนึ่งเธอเคยแทบจะคุกเข่าอ้อนวอนต่ออาวุโสเอียนเพื่อช่วยบุตรชายออกมาจากโทษทัณฑ์ของตระกูล ดีที่อาวุโสเอียนนั้นกลับขอยื่นข้อเสนอทดแทนจึงทำให้เธอไม่ต้องแสดงท่าทางที่น่าอับอายเช่นนั้นออกมา



แม้แต่ช่วงเวลาที่ต้องทนเห็นบุตรทนทุกข์ทรมานจากการปลุกพลังธาตุ ใจเธอนั้นแทบขาดหากสามารถรับทัณฑ์ทรมานจากอำนาจของสวรรค์แทนบุตรได้ เธอจะยอมรับมันอย่างไม่ต้องเสียเวลาคิดสิ่งใด แม้ต้องตายเธอก็จะไม่เปลี่ยนใจ



หลังจากทุกสิ่งอย่างที่เธอทำมาเพื่อบุตรชายมิคาดว่าสวรรค์จะเห็นใจเธอแล้วในตอนนี้ ท่านหญิงวิเรร่ามีความสุขที่บุตรชายหันกลับมาในเส้นทางที่ดีได้ในที่สุด



จุดที่ทำให้เธอมีความสุขมากที่สุด คือวันที่เขามีความเปลี่ยนแปลงอีกครั้งอย่างยิ่งใหญ่ ประโยคคำพูดของบุตรชายที่สลักเข้าไปในใจของเธอ



'ท่านแม่.......ข้าหวังที่จะเป็นความภาคภูมิใจของท่าน...ต่อให้หลังจากนี้บิดาจะเห็นข้าเป็นตัวอะไรก็ตาม"



ท่านหญิงวิเรร่าเผยยิ้มอย่างปลาบปลื้มใจ ประโยคที่บุตรชายของเธอได้เคยพูดเอาไว้วันนี้เขาทำมันได้จริง ๆ นั่นเพราะเขาเป็นยิ่งกว่าความภาคภูมิใจ! ในชีวิตของเธอ






-----------------------


ไม่เกี่ยวกับตอนปกติครับ ตอนนี้สำหรับวันพิเศษ ๆ เท่านั้น แต่ถึงอย่างนั้นตอนนี้ก็มีความลับที่ตอนปกติยังไม่ได้เปิดเผยครับ ช่วงแรกของตอนคือ วาเลนออริจิ นะครับ ตอนหลังที่เปลี่ยนไปคือวาเลนคนใหม่แล้วครับ กลัวจะงงกัน


#บอกใบ้นิดนึง คนที่วาเลนตามหาบางครั้งเขาก็มาก่อนหน้านี้แล้วครับ


บอกรักแม่กันด้วยนะครับ



จุ๊บ ๆ