ตอนที่ 66 : คนสวนกับต่างโลก ภาค พิภพพฤกษา ตอนที่ 65 ไททัน
คนสวนกับต่างโลก ภาค พิภพพฤกษา ตอนที่ 65 ไททัน
"ข้าต้องถามพี่ใหญ่และพี่รองมากกว่าว่าเหตุใดวิหคทั้งสองของพวกท่านจึงตั้งใจมาโจมตีใส่พวกเราเช่นนี้"องค์ชายสามออกมาประจันหน้าด้วยอารมณ์ที่ไม่ต่างกัน เขาไม่ได้ลืมตาดูเลยหรือว่าสถานการณ์ตอนนี้มันเป็นอย่างไร ฝ่ายไหนเริ่มก่อน
"พูดบ้าอะไร? ใครโจมตี..ถึงมันจะทำตัวแปลกไปบ้างแต่ข้าติดตามมันมาตลอด จะไปโจมตีเจ้าได้อย่างไร" องค์ชายหนึ่งโต้อย่างไม่ยอมรับในข้อกล่าวหานี้
"มองไปรอบ ๆ สิ พี่ใหญ่...มองไปที่คนของข้า"องค์หญิงสี่ตวาดขึ้นมาอย่างน่ากลัว
"พวกมันกล้าโจมตีคนของข้า...ข้าจะร่วมทุบตีพวกมัน...ถ้าท่านกล้าก็เรียกมันลงมาเราจะท้าสู้กันด้วยฝีมือ"องค์หญิงสี่ทะยานร่างขึ้นมาอยู่แนวหน้า เคียงข้างองค์ชายสามทันที ทุกคนเริ่มเห็นเค้าลางความขัดแย้งที่มีในราชวงศ์ได้ชัดเจน
แม้ว่าด้านล่างจะฟาดคำพูดรุนแรงใส่กันแต่ทว่าด้านบนนั้นการโจมตียังคงดำเนินต่อไป วิหคสายฟ้ากระหน่ำโจมตีเข้าใส่วิหคทั้งสองขององค์ชายทันทีที่ได้รับคำสั่งจากคารีส กระหนาบตามด้วยวิหคอัคคีที่ระเบิดเปลวเพลิงที่ร้อนแรงของมันออกมาห้อมล้อมเอาไว้
ตัวตนที่เหนือกว่าทั้งสองนี้ไม่ใช่สิ่งที่วิหคทมิฬและมยุราสวรรค์จะต้านทานได้ เพียงไม่กี่อึดใจยังพอมีหนทางเป็นไปได้ แต่เมื่อต้องเผชิญหน้ากับวิหคสายฟ้าของคารีสที่ระดมยิงสายฟ้าเข้าใส่ราวกับห่ากระสุนอีกทั้งยังตามจิกตีอย่างไม่มีเวลาให้พักหายใจ แต่ต่อให้เจ็บปวดและกรีดร้องเจียนตายมันกลับไม่มีผลต่อวิญญาณปรสิตภายในที่ควบคุมร่างของพวกมัน
ครั้นพวกมันจะถอยห่างออกมาก็ถูกวิหคอัคคีที่เต็มไปด้วยโทสะระเบิดเปลวเพลิงเข้าใส่อย่างไม่ปราณี วิหคทมิฬถูกมันตีโต้กลับไปบ้างด้วยบอลไฟในขณะที่มยุราสวรรค์นั้นพยายามใช้พลังธาตุลมตัดฝ่าทะเลเปลวเพลิงที่ร้อนแรงออกมา กลับถูกสายฟ้าขนาดใหญ่ยิงเข้าใส่ทันที ภายในชั่วพริบตานี้อสูรทั้งสองตกอยู่ในสภาพที่ไม่สู้ดีและเกือบตาย
เมื่อพบว่าวิหคทั้งสองโดนกระหน่ำโจมตีจนแทบจะลืมทางกลับบ้านเช่นนี้ องค์ชายทั้งสองก็มีใบหน้าที่บิดเบี้ยวทันที วิหคเหล่านี้แข็งแกร่งเกินไป แม้แต่วิหคอัคคีที่ครั้งหนึ่งมีพัฒนาการที่ล้าหลังมันกลับทรงพลังอย่างในตอนนี้ได้อย่างไร?
การพัฒนาอสูรล้วนต้องอาศัยความรู้ความเข้าใจในเชิงลึกจึงจะสามารถลดระยะเวลาในการพัฒนาของมันได้ น้องสามของเขาทำได้อย่างไรในช่วงระยะเวลาสั้น ๆ เช่นนี้
องค์ชายหนึ่งกวาดตามองไปรอบบริเวณเมื่อพบเห็นวาเลนเขาเบิกตากว้างอย่างไม่ตั้งใจทันที ใช่สิ! ครั้งหนึ่งคุณชายเจ็ดผู้นี้ก็เป็นผู้ที่รักษาวิหคทมิฬให้กับเขา มีความเป็นไปได้ว่าเขาจะอยู่เบื้องหลังความแข็งแกร่งของวิหคอัคคีในครั้งนี้
อีกทั้งผู้ที่ควบคุมวิหคสายฟ้าก็ยังเป็นผู้ที่ยืนคุ้มกันเขาอยู่ใกล้ ๆ มีข่าวภายในที่น่าตกตะลึงเกินกว่าจะทำใจเชื่อได้ในตอนแรกคือเขายังมีอสูรระดับสูงในครอบครองอีกถึงสองตัว
ก่อนหน้านี้องค์ชายหนึ่งมิได้ใส่ใจกับข่าวที่ผู้คนรายงานให้เขารู้ เขามองเป็นเรื่องขำขันด้วยซ้ำไป แต่ตอนนี้เขาไม่กล้าที่จะไม่เชื่ออีกต่อไปนั่นเพราะมีหลายอย่างชี้ไปในทิศทางเดียวกันว่าคุณชายผู้นี้มีบางสิ่งบางอย่างที่ไม่ธรรมดาซ่อนเอาไว้
หรือจริง ๆ ทายาทที่สืบทอดและกุมความลับที่ยิ่งใหญ่ของตระกูลนักล่าอสูรในอดีตจะเป็นคุณชายเจ็ดคนนี้ ตระกูลเก่าแก่ที่ครั้งหนึ่งเคยปรากฏผู้ที่ทรงพลังจนมีฉายาว่า "ราชันอสูรไร้พ่าย" ถึงยุคทองของผู้ทรงพลังเหล่านั้นจะผ่านพ้นไปนานแล้วแต่ไม่แน่ว่าพวกเขาอาจส่งต่อความลับที่ยิ่งใหญ่ให้กับอนุชนรุ่นหลังในตระกูลก็เป็นได้เช่นกัน
องค์ชายหนึ่งไม่ได้เคลื่อนไหวต่อในเวลาเช่นนี้ เขายังมีหลายอย่างไม่มั่นใจ กลุ่มของน้องสามมีน้องหญิงสี่ของเขาที่พร้อมพาหญิงงามเข้าบดขยี้ในทันทีที่เกิดการเคลื่อนไหว กลุ่มของเขาไม่ได้อยู่ในสภาพพร้อมรบเหมือนวันแรกที่เข้ามาในมิติบรรพชน นักรบส่วนใหญ่ไม่พร้อมที่จะสู้ในเวลาเช่นนี้ หากปะทะโดยไม่มีสตินั่นจะมีแต่ความขายหน้าตามมา
กลุ่มขององค์ชายสองกับผู้ใช้มนตราก็มีสภาพไม่ต่างกันเท่าไหร่แต่ก็อยู่ในสภาพที่ดีกว่าขององค์ชายหนึ่งอย่างเห็นได้ชัดต่อให้ไม่ทรงพลังในด้านการรบแต่การตั้งรับและป้องกันเหล่าผู้ใช้มนตราเหนือขั้นกว่าอย่างแน่นอน
องค์ชายสองฉลาดพอที่จะข่มความโกรธเอาไว้ตั้งแต่ต้นเขาจะไม่เริ่มเปิดฉากโจมตีก่อนในสถานการณ์อย่างนี้ สิ่งเดียวที่เขาทำคือจ้องมองอสูรคู่ใจของเขาที่ทำตัวแปลกไปด้วยแววตาที่เคร่งเครียดและไม่เข้าใจ อะไรทำให้มันเปลี่ยนไป?
"อย่าให้พวกมันตามไป..."วาเลนเบิกตากว้างพลางตะโกนออกมาอย่างตกใจเมื่อเห็นว่าวิหคทมิฬและมยุราสวรรค์นั้นสู้พลางถอยกลับไป โดยมีวิหคทั้งสองตามโจมตีไปติด ๆ กว่าวาเลนจะรู้ว่านี่เป็นกลอุบายที่วิหคทองคำอมตะคิดขึ้นมามันก็สายเกินกว่าจะทำสิ่งใดได้ทัน
วาเลนสังเกตุว่าแม้มันจะไม่ได้ทำสิ่งใดในช่วงเวลาที่ผ่านมานอกจากควบคุมวิหคทมิฬและมยุราสวรรค์จากระยะไกล แต่สิ่งหนึ่งที่หลาย ๆ คนอาจไม่ได้สังเกตคือตัวของมันมิได้หยุดการซึมซับพลังงานจากเมฆประหลาดที่ถูกพ่นออกมาจากปล่องภูผาอัคคี
หากกะด้วยสายตาของวาเลนตอนนี้มันแทบมีขนาดและระดับพลังไม่ต่างไปจาก มอโธร่า ราชินีอสูรของเขาเสียเท่าไหร่และหากยังเป็นเช่นนี้ต่อไปก็คาดว่ามันจะทรงพลังไปมากกว่าที่จะคาดเดาได้
บรึ้มมมมมมม
องค์ชายสามและคารีสไม่สามารถตอบสนองต่อคำเตือนได้ทัน หลังจากที่วาเลนพูดออกมาไม่นาน น่านฟ้าเหนือภูผาอัคคีนั้นก็มีกลุ่มเมฆประหลาดสีทองระเบิดออกมาแต่ครานี้มันมุ่งเข้าหาวิหคสายฟ้าและวิหคอัคคีทันทีราวกับมีชีวิต วิหคทั้งสองนั้นมีความเร็วที่เหนือชั้นก็ยังไม่สามารถหลบพ้นเมฆสีทองนี้ไปได้ คล้ายกับเมฆเหล่านี้เติมไปด้วยกฎที่ไม่อนุญาตให้พวกมันหนีไป
ทันทีที่ร่างของมันปะทะเข้ากับเมฆประหลาดสีทองก็มีเสียงกรีดร้องของวิหคทั้งสองดังโหยหวนออกมา เพียงเวลาไม่นานร่างของพวกมันก็ถูกแขวนค้างอยู่กลางอากาศอย่างไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ จิตวิญญาณภายในของพวกมันถูกสะกดในทันที!! ในตอนนี้วิหคทั้งสี่ถูกสะกดให้มีชีวิตราวกับหุ่นเชิดของมัน
หลังจากที่การปะทะกับเมฆประหลาดสีทองจบลงมีเสียงหัวเราะที่ฟังดูเก่าแก่และโบราณดังสนั่นหวั่นไหวออกมาราวกับว่านี่คือช่วงเวลาที่ดีที่สุดในรอบหลายพันปีของมัน
ผู้คนด้านล่างที่กำลังจับตามองไม่มีใครคาดเดาว่าจะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ได้ ยามที่ได้ยินเสียงนี้หัวใจของพวกเขาบีบรัดและเริ่มเต้นถี่รัวด้วยความตระหนกตกใจ
"ไม่" คารีสตะโกนออกมาอย่างเจ็บใจ ประกายตาที่เต็มไปด้วยความเหลือเชื่อปรากฏวาบออกมา เขาลงมือพร้อมกับองค์ชายสามที่โมโหจนแทบสติแตกในทันที เพื่อหวังจะชิงวิหคของพวกเขากลับคืนมา
พลังงานสายฟ้าในมือของเด็กชายถูกปล่อยออกไปโจมตีราวกับพายุคลั่ง กระทั่งในอากาศยังอบอวนไปด้วยกลิ่นไหม้ที่โชยออกมา มันพุ่งโจมตีได้ไวกว่าทะเลเปลวเพลิงที่องค์ชายสามปลดปล่อยออกมาเล็กน้อย ยามที่พลังทั้งสองโจมตีคล้อยหลังกันไม่เท่าไหร่แต่มันกลับกลายเป็นพลังงานที่หนุนกันจนเกิดแรงโจมตีที่มหาศาลออกมา
เสียงหัวเราะเยาะยังคงดังออกมาต่อเนื่องราวกับว่าการโจมตีตรงหน้านั้นไม่สามารถแปลเปลี่ยนอารมณ์ของมันได้ วิหคทองคำอมตะเคลื่อนไหวไปมามันส่งเสียงร้องที่ดังสะท้านฟ้าก่อนจะโจมตีสวนลงมาด้วยพลังที่ราวกับทรราช ลำแสงสีทองอาบย้อมไปทั้งท้องฟ้าถาโถมลงมาราวกับคลื่นในมหาสมุทรที่บ้าคลั่ง
ผู้คนด้านล่างมีสีหน้าที่เปลี่ยนไปหลังจากการโจมตีลงมาของวิหคทองคำอมตะ อสูรที่ได้ชื่อว่าปกปักษ์ราชวงศ์มาช้านาน ตอนนี้มันกลับเปลี่ยนไป! มีความบ้าคลั่งในตัวของมันที่คาดเดาไม่ได้ปรากฎออกมา ไม่มีใครคิดว่ามันมาดีอีกต่อไปพลังโจมตีที่จู่โจมลงมานี้พอที่จะดับสังหารผู้คนได้ในครั้งเดียว พลังที่เทียบเท่าได้กับระดับของจอมเวทย์!
เพียงพริบตาที่พลังสีทองปะทะทำลายล้างพลังของคารีสและองค์ชายสาม มันกลับไม่เกิดการหักล้างและหมดไป พลังส่วนใหญ่ยังคงตกลงมา ราวกับว่าต้องการจะบดขยี้ทุกสรรพสิ่งเบื้องล่างให้ราบพนาสูญ
โดยที่ไม่มีใครคาดคิดวาเลนเคลื่อนกายออกมาด้านหน้า เผชิญกับพลังสีทองที่ตกลงมาอย่างรวดเร็ว เขายกมือขึ้นทั้งสองข้างในท่าทุ่มบอล มีพลังงานมหาศาลปะทุออกมาตามความต้องการของเขา พลังงานเหล่านั้นก่อกำเนิดขึ้นมาจากอากาศว่างเปล่าขยายตัวทีละสองเท่าใหญ่โตราวครึ่งสนามฟุตบอลในชั่วพริบตา
ต้องไม่ลืมว่ายามนี้วาเลนได้พัฒนาบ่มเพาะพลังธาตุลมของเขาจนเข้าสู่ระดับใหม่มาแล้วก่อนหน้านี้ การโจมตีของเขาจึงเรียกได้เต็มปากว่านี่คือการโจมตีของจอมเวทย์ผู้หนึ่ง
"พะ พลังอะไรกันนี่...." มีผู้คนไม่น้อยที่อกสั่นขวัญแขวนกับเหตุการณ์เหล่านี้พวกเขาไม่มีใครคิดว่าจะมีอัจฉริยะที่สามารถไปถึงระดับจอมเวทย์ได้เพียงอายุเท่านี้ ดูก็รู้ว่านี่มิใช่พลังในขั้นที่นักเวทย์จะใช้ได้ นี่เขาเป็นตัวอะไรกัน! พัฒนามาได้ระดับนั้นเขายังเป็นคนอยู่ใช่หรือไม่
บรึ้มมมม วัง วัง วังงงงงง
พลังงานของวาเลนนั้นสามารถยับยั้งพลังของวิหคทองคำอมตะลงได้ในพริบตา ตอนนี้ใบหน้าที่เคยยิ้มแย้มนั้นไม่มีอีกต่อไป คนที่คุ้นเคยจะรู้ได้ทันทีว่าวาเลนตอนนี้นั้นอยู่ในสถานการณ์ที่กังวลใจ
"งั้นนี่ก็คือแผนการของเจ้าสินะ ควบคุมอสูรวิหคของราชวงศ์ เพื่อจะต่อกรกับจิตวิญญาณของหงส์เพลิงอัคคี จิตวิญญาณของบรรพชนที่สะกดเจ้าเอาไว้ !" วาเลนพูดกับเสียงหัวเราะปริศนาเมื่อแน่ใจในบ้างสิ่งเบื้องหน้า หากว่าเขามิได้พิจารณาเหตุการณ์ต่าง ๆ มาตั้งแต่ต้นเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะตระหนักและเข้าใจในเรื่องราวเหล่านี้ ประกอบกับข้อมูลที่ได้มาก่อนหน้านี้มันยิ่งทำให้เขามีความมั่นใจมากกว่าเก้าส่วนว่าตัวตนตรงหน้าคือสิ่งใด
"ข้าพูดถูกไหม?..... เพราะถ้าใช่เจ้าก็คือสิ่งที่บรรพบุรุษได้กล่าวเอาไว้ว่าเป็นภัยพิบัติโบราณ!" คำพูดของวาเลนนั้นทำให้เหล่าองค์ชายองค์หญิงที่เคยได้ยินเรื่องราวเก่าแก่ที่ถ่ายทอดสืบกันมานั้นถึงกับตัวสั่นอย่างห้ามมิได้ พวกเข้าได้แต่ภาวนาในใจอย่าให้เป็นเช่นที่คุณชายเจ็ดพูดออกมา
"หึ ฮ่า ฮ่า ฮ่า" เสียงเก่าแก่และโบราณหัวเราะออกมา ในน้ำเสียงของมันนั้นเต็มไปด้วยความเหี้ยมโหดและแสนจะเย็นชา น้ำเสียงที่น่ากลัวนี้วาเลนพบว่าเขาแทบไม่มีโอกาสได้เคยสัมผัสมันมาก่อนหน้านี้ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเผชิญกับหายนะอย่างไม่ตั้งตัว
"มดปลวกเช่นพวกเจ้าแท้จริงแล้วไม่สมควรที่ข้าผู้นี้จะมัวมาเสวนาด้วย คนที่ยังไม่เข้าถึงระดับที่ยิ่งใหญ่ไม่มีสิทธิแม้แต่จะยื่นต่อหน้าข้าด้วยซ้ำไป" ในขณะที่เสียงเก่าแก่นี้พูดออกมา ปรากฏว่าเหล่าวิหคทั้งสี่นี้กำลังเคลื่อนไหว มันมุ่งไปยอดของภูผาอัคคี
"แต่เห็นแก่บรรพบุรุษของพวกเจ้าที่ยอมเอาชีวิตโสโครกของพวกมันผนึกเศษเสี้ยวนึงของข้าเอาไว้...ข้าจะบอกให้ก็ได้ ถูกต้อง! ข้าคือสิ่งที่พวกเจ้าเรียกว่าภัยพิบัติโบราณ ข้าคือตำนานที่ล้างผลาญพิภพแห่งนี้ในอดีต! และข้ากำลังจะกลับมาอีกครั้ง พิภพชั้นต่ำแห่งนี้ได้ถูกพิพากษาให้ถูกกวาดล้างและมันจะกลายเป็นสถานที่ ๆ พี่น้องไททันของข้าจะได้หฤหรรษ์ยามที่พวกมันมาถึง มันคือชะตาที่พวกเจ้ามิอาจหลีกเลี่ยงได้! ......ทำลายมันซะ!" คำพูดสุดท้ายของมันราวกับประกาศิตที่ดังสนั่นไปทั้งมิติบรรพชน
มีเสียงกู่ร้องของวิหคทั้งห้าที่ดังสนั่นหวั่นไหวราวกับท้องฟ้าจะทล่มทลายลงมาเป็นการตอบรับคำพูดนี้ของมัน ก่อนที่ทุกคนจะได้เป็นประจักษ์พยานเหตุการณ์ตรงหน้า มีพลังงานขนาดใหญ่ห้าสายที่โจมตีลงมายังยอดภูผาอัคคีพร้อม ๆ กัน มันคือการโจมตีที่อหังการที่สุดเท่าที่ใครจะเคยพบเจอมา
บรึ้ม บรึ้ม บรึ้ม บรึ้ม บรึ้ม ครื่นนนนนนนน
--------------------------------------------------
ขอบคุณทุกกำลังใจครับ ^-^
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ค้างสุด
ค้างมากแมา