ตอนที่ 43 : คนสวนกับต่างโลก ภาค พิภพพฤกษา ตอนที่ 42 การต่อสู้ที่ไม่คาดฝัน
คนสวนกับต่างโลก ภาค พิภพพฤกษา ตอนที่ 42 การต่อสู้ที่ไม่คาดฝัน
ถ้อยคำของคุณชายเจ็ดสร้างความไม่พอใจให้กับผู้อาวุโสที่ลอบเข้าไปสำรวจแปลงสมุนไพรเป็นอย่างมาก แต่เมื่อตกอยู่ภายใต้ร่างของสัตว์อสูรสีทองระดับสัตว์วิเศษขั้นสูงที่ยืนตระหง่านค้ำอยู่นั้น ถ้อยคำต่าง ๆ ในหัวกลับพันกันมั่วไปหมด จนมิอาจเอื้อนเอ่ยคำขอร้องใด ๆ ออกไปได้
ใบหน้าของผู้อาวุโสมอลายมีสีหน้าตกใจ แต่ทว่าภายใต้ความตกใจนั้นเขากลับรู้สึกผ่อนคลายอย่างน่าประหลาด ชายชราเช็ดเลือดที่ซึมออกมาจากมุมปาก และจับจ้องสถานการณ์อย่างใจเย็นมากขึ้น หากเป็นเขาที่เข้าไปถึงแปลงสมุนไพรเหล่านั้นเป็นคนแรกเกรงว่าคงมีชะตาที่น่าอดสูเช่นเดียวกับอาวุโสผู้นั้นเป็นแน่
"ช่วยด้วย .... ช่วยข้าที ข้าเป็นถึงสมาชิกของภาคีนักล่า อีกทั้งยังดำรงตำแหน่งอาวุโสของสภา เหตุใดเจ้าจึงทำกับข้าเยี่ยงนี้"เมื่อตกอยู่ภายใต้สัตว์อสูรวิเศษระดับสูงและเห็นว่าไม่สามารถหลุดรอดไปด้วยตนเองได้ ชายผู้นั้นจึงกู่ก้องร้องตระโกนหาความเป็นธรรมให้ตนเองทันที
บรรดาผู้อาวุโสส่วนหนึ่งที่ไม่พอใจล้วนกระโดดออกมาเบื้องหน้าถึงสามคน
"ปล่อยข้าออกไปเสียดีกว่าคุณชายเจ็ด...ต่อให้เจ้ามีอสูรระดับสูงแล้วอย่างไร? เจ้าสามารถต้านบรรดาผู้อาวุโสทั้งหลายได้รึ เพื่อเจ้ายังมองไม่เห็น ผู้อาวุโสสองก็อยู่ที่นี่ ข้ามีทั้งภาคีนักล่า และสภาอาวุโสหนุนหลัง....แล้วเจ้าล่ะ" เสียงกระซิบเจ้าเล่ห์ดังออกมาให้ได้ยินเพียงสองคนอย่างเย้ยหยัน
วาเลนหันกลับไปมองชายที่นอนใต้เท้าของราชสีห์ขนทองคำด้วยสายตาสมเพชแม้สถานการณ์เช่นนี้เจ้ายังจะมีท่าทีและคำพูดที่หยิ่งยโสอย่างนี้ได้เช่นไร ดูท่าอาวุโสเหล่านี้จะถืออำนาจบาตรใหญ่ และหาผลประโยชน์ให้กับตัวเองโดยอาศัยตระกูลเสียแล้ว
"ปล่อยผู้อาวุโสซาเมนมา คุณชายเจ็ด ท่านไม่ควรแสดงกิริยาเช่นนี้ต่ออาวุโสของตระกูล คนผู้นั้นเป็นถึงอาวุโสของสภาและอาวุโสของภาคีนักล่าอันทรงเกียรติที่ตระกูลให้การรับรอง การทำเช่นนี้ถือว่าท่านไม่ให้เกียรติตระกูลตนเอง ข้าในฐานะอาวุโสของภาคี ไม่อาจเห็นสมาชิกที่ตระกูลรับรองต้องถูกย่ำยีศักดิ์ศรีได้ เพราะฉะนั้น ท่านควรปล่อยตัวเขาได้แล้ว"หนึ่งในอาวุโสที่ไม่พอใจพูดขึ้น
ปรากฏว่าไม่ได้มีแค่สภาอาวุโสเท่านั้น ที่เป็นขุมอำนาจของตระกูล ยังมีภาคีนักล่าที่บรรดาอาวุโสส่วนใหญ่ล้วนสังกัดอยู่ในนั้น อีกทั้งภาคีนี้ยังเป็นสิ่งที่อดีตผู้นำตระกูลให้การรับรอง และมันถูกปกครองโดยผู้อาวุโสสองของตระกูล ที่เป็นรองเพียงอาวุโสสูงสุดเพียงเท่านั้น
เป็นไปได้ว่าผู้อาวุโสซาเมนจะเป็นหนึ่งในลิ่วล้อของผู้อาวุโสสองที่ถูกส่งมา เขาจึงมีท่าทางไม่กลัวเกรงใคร
วาเลนยิ้ม เขายิ้มสดใสภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ แสดงให้เห็นว่าเขาไม่มีท่าทีกดดันใด ๆ กับคำพูดของชายที่ประกาศตัวเป็นหนึ่งในสมาชิกของภาคีนักล่า
"อาวุโสท่านนี้ หากข้าจำไม่ผิด เขากับอาวุโสอีกคนร่วมกันโจมตีอาจารย์ข้า เพื่อที่ว่าจะได้เข้ามามีสิทธิ์ในสมุนไพรที่เขาไม่ได้แม้แต่จะปลูกหรือพรวนดินให้มัน และการที่เขามานอนเล่นดิน เล่นทราย ในแปลงสมุนไพรของข้าในตอนนี้นั้น ก็ยังนับเป็นความผิดของข้าอีกงั้นหรือ? ช่างน่าขันเสียจริง พวกท่านยังภูมิใจและกล้ากล่าวอ้างว่าตัวอยู่ในสภาและภาคีอันทรงเกียรติอยู่ได้อย่างไร" ใบหน้าที่ยิ้มน้อย ๆ ของวาเลนขณะที่พูดนั้นทำให้คนอื่น ๆ มิอาจคาดเดาอารมณ์ของเขาได้ แต่ทั้งหมดรู้ว่านี่เป็นคำปรามาสที่รุนแรง
ผู้อาวุโสของภาคีนักล่าทั้งสามมิอาจรับได้กับคำพูดเหล่านี้ พวกเขาพุ่งทะยานเข้าหาวาเลนทันที รวดเร็วราวกระสุนปืน
สถานการณ์ชุลมุนเกิดขึ้นอีกครั้งหนึ่ง ผู้อาวุโสเอียนผลุบหายมาโผล่เบื้องหน้าของหนึ่งในนักล่าของภาคี อาภรณ์พลังเวทย์เปล่งประกายตอบรับพลังธาตุดินปกป้องร่างกายของชายชราเอาไว้ ในขณะที่กำปั้นที่หนักราวกับขุนเขานั้นพุ่งทะยานเข้าหาอาวุโสของภาคีทันที ครั้งนี้อาวุโสเอียนไม่มีคำว่าเมตตาอีกต่อไป เห็นได้ชัดว่าการโจมตีเหล่านี้ ล้วนมุ่งหมายถึงชีวิต มิใช่คิดเพียงสั่งสอนเท่านั้น
และเมื่อวาเลนตกอยู่ในอันตราย คารีสลอบปรากฏกายฉับพลัน เด็กชายดิ่งลงมาดุจดาวตก สองมือของเขากุมบอลพลังงานสายฟ้าเอาไว้ในท่าเตรียมทุ่มบอล นัยน์ตาของเด็กชายเป็นประกายโกรธเกี้ยวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
รวดเร็วเกินไป! นี่คือความรู้สึกของอาวุโสในภาคี ก่อนที่หนังศีรษะของเขาจะถูกช็อต จนด้านชาและถูกเผาไหม้ ภาพสุดท้ายคือ เด็กชายที่ถูกห่อหุ้มไปด้วยประกายสายฟ้าที่เกรี้ยวกราดของอาภรณ์พลังเวทย์ บอลสายฟ้าในมือของเขาจับทุ่มใส่หัวของอาวุโสภาคี อย่างไม่มีลังเล ไม่มีแม้แต่เวลากรีดร้อง อาวุโสอีกคนทรุดหมดสภาพไปแทบจะในทันที นี่คือการลอบโจมตีที่น่ากลัว ราวกับเป็นวิถีของนักฆ่า !
อาวุโสภาคีคนสุดท้ายไม่ทันได้เข้าใกล้วาเลนก็ราวกับโดนกำแพงที่มองไม่เห็นกระแทกใส่ ร่างของเขากระเด็นไปไกลโดยที่ไม่สามารถทำสิ่งใดได้
วาเลนยังคงยืนยิ้มสบายใจและไม่เคลื่อนไหว รอยยิ้มเย็นของเด็กชายราวกับเขาไร้หัวใจ ไร้ความรู้สึก รอยยิ้มที่ไม่สามารถอธิบายความรู้สึกได้
อาวุโสภาคีอันทรงเกียรติทั้งสามพ่ายแพ้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ตอนนี้ทุกคนเริ่มรู้แล้วว่ามิได้มีเพียงแต่ผู้เป็นอาจารย์ของคุณชายเจ็ดเท่านั้นที่พัฒนา กลับกลายเป็นว่าแม้แต่ คารีสเด็กรับใช้ของเขาก็แข็งแกร่งเกินหน้าของผู้อาวุโสภาคีไปแล้ว
"อาวุโสเอียน นี่นับเป็นความผิดเจ้า เป็นถึงสมาชิกสภาอาวุโสกลับให้ท้ายศิษย์จนกลายเป็นปีศาจร้ายเช่นนี้ได้...เห็นทีข้าคงวางเฉยไม่ได้แล้ว" ผู้อาวุโสเอียนมีสีหน้าเคร่งเครียดทันทีที่อาวุโสผู้นี้พูดจบ
ถึงเขาจะบรรลุอำนาจของจอมเวทย์ขั้นต้นได้แต่ก็ยังมิอาจต้านทานจอมเวทย์ขั้นต้นที่เกือบบรรลุขั้นกลางได้ ผู้อาวุโสที่พูดมิใช่ใคร แต่เป็นผู้อาวุโสสองที่ยืนดูเหตุการณ์มาตั้งแต่ต้น ภายในใจของอาวุโสสองนั้นเดือดดาลเป็นอย่างมาก อาวุโสภายใต้ภาคีกลับไม่มีน้ำยาขนาดนี้ได้อย่างไร กับอาวุโสเอียนยังไม่เท่าไหร่ แต่ถึงกลับพ่ายแพ้ให้แก่คุณชายเจ็ด และเด็กรับใช้ของเขา นี่ยังนับว่าเป็นอาวุโสที่น่านับถือได้อยู่อีกหรือ?
หากเป็นเช่นนี้ต่อไป มิคาดว่าสมุนไพรระดับสูงเหล่านี้คงได้หลุดลอย เขาจำต้องลงมือเอง และต้องเป็นตอนนี้!
วาเลนมีสีหน้าเคร่งเครียดทันที เขาไม่คิดว่าตัวตนเช่นนี้จะลงมือเอง อนุภาพของสมุนไพรระดับสูงช่างทรงอำนาจจริง ๆ มันถึงขั้นทำให้คนถึงกลับหลงผิดและคิดครอบครองมันได้
วาเลนอาจไม่รู้ว่าในโลกภายนอกนี้มันมีค่ามหาศาลขนาดไหน เพียงแค่เมล็ดพันธุ์ก็สามารถทำให้คนฆ่ากันตายได้แล้ว นี่เป็นสมุนไพรระดับสูงพร้อมใช้นับสิบแปลง! ความรุนแรงที่จะจุดประกายความโลภให้ใครหลาย ๆ คนนั้นไม่ต้องพูดถึง
"รับมือ!... "เสียงสนั่นหวั่นไหวของผู้อาวุโสสอง แผ่กระจายออกมา ฟังดูกดดันจนผู้คนหวั่นผวาหวาดกลัว
อำนาจของเปลวเพลิงจากมือซ้ายลุกโหมไหม้พร้อมทำลายล้าง ในขณะที่มือขวาของเขานั้นกำด้ามดาบที่เป็นอาวุธวิเศษไว้แน่น พร้อมฟาดฟันทำลายศัตรูเช่นกัน
เพียงชั่วพริบตาไม่มีใครคาดเดาการเคลื่อนไหวของอาวุโสสองได้ เขาโผล่ออกมาราวภูติผี ฝ่ามือที่เต็มไปด้วยเปลวไฟถูกกระแทกไปที่ลำตัวของผู้อาวุโสเอียนอย่างรุนแรง อาภรณ์พลังเวทย์ธาตุดินช่วยกระจายพลังเวทย์ธาตุไฟออกไป แต่ถึงอย่างนั้นร่างกายของอาวุโสชรา ก็เซถลา จนเกือบจะล้มคว่ำลงไปอยู่ดี
ยังไม่ทันที่อาวุโสเอียนจะตั้งตัว ดาบที่ดูอันตรายก็ตัดผ่านอากาศลงมาหมายจะฟันลงไปที่ลำคออย่างจงใจ ความไวของคารีสไม่อาจดูเบาได้เช่นกัน เด็กชายปรากฏกายได้เร็วกว่าการลงมือของผู้อาวุโสสองถึงสองเท่า เขาคว้าอาวุโสเอียนแล้วเหวี่ยงออกไปให้พ้นวิถีของดาบ ก่อนจะหันกลับมาเหวี่ยงขาหมายฟาดฝ่าเท้าไปที่อาวุโสสองต่อทันที
อาวุโสสองใช่ว่าจะพลาดท่าง่าย ๆ มือข้างที่ไม่ได้จับดาบคว้าข้อเท้าของคารีสก่อนจะเหวี่ยงร่างของเขาออกไปกระแทกกับพื้นใกล้ ๆ อย่างรุนแรงจนเศษฝุ่นฟุ้งกระจาย อาวุโสชรากระโดดตามไปเตรียมกระทืบซ้ำใส่ร่างบอบบางนั้น
แต่ผิดคาดที่ร่างของคารีสไม่ได้อยู่จุดเดิม เด็กชายปรากฏกายใกล้ ๆ ประคองอาวุโสเอียนเอาไว้พลางเช็ดเลือดที่ไหลออกจากมุมปากอย่างไม่ใส่ใจ ใบหน้าของคารีสฉายแววหนักใจ อาวุโสผู้นี้รับมือยากเกินไป ระดับที่ห่างชั้นทำให้การต่อสู้ตกเป็นรองทันที
"ข้าเอง!..." อาวุโสมาเทรียมกระทุ้งไม้เท้าในมือ เขาตัดสิ้นใจสร้างความยุ่งยากให้วาเลนเพิ่มเติม รอบตัวคุณชายเจ็ดมีคนที่พัฒนาก้าวหน้ามากเกินไป แม้แต่อาวุโสเอียนที่เคยมีระดับพลังล้าหลังยังก้าวหน้าได้มากมายขนาดนี้ในช่วงระยะเวลาสั้น ๆ นั้นเป็นสิ่งที่น่ากลัวเกินไป
หากไม่ได้การปะทะก่อนหน้านี้เป็นไปไม่ได้ที่จะเผยพลังของชายชราผู้นี้ออกมา
อาวุโสมาเทรียมไม่ใช่คนโง่ การเข้าร่วมกดดันอาวุโสเอียนและคุณชายเจ็ดตอนนี้ นับเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุด หากไม่ได้ตัวช่วยอย่างอาวุโสสอง คาดว่าคงมิสามารถกดพลังอำนาจของอาวุโสเอียนลงได้ ต่อให้ใช้อาวุโสในตระกูลที่มีพลังในขั้นนักเวทย์ระดับสูงถึงสามคน ก็ใช่ว่าจะสามารถจัดการอาวุโสนักปรุงยาผู้นี้ลงได้
อาวุโสมาเทรียมจึงต้องการใช้สถานการณ์ชุลมุนนี้จัดการกับบุคคลที่ทรงพลังรอบกายคุณชายเจ็ดให้หมด เพื่อขจัดปัญหาในอนาคต ที่อาจเกิดขึ้นได้เส้นทางสู่การเป็นผู้นำตระกูลรุ่นถัดไปจะต้องเป็นของคุณชายสามแต่เพียงผู้เดียวเท่านั้น นี่จึงเป็นหน้าที่ของผู้เป็นอาจารย์ที่จะจัดการอุปสรรคต่าง ๆ ที่ขัดขวางอยู่ออกไปให้พ้นทาง
"สมิงดำ..." อาวุโสมาเทรียมเรียกสัตว์อสูรระดับสัตว์วิเศษขั้นกลางของตนออกมาก่อนจะทะยานขึ้นไปควบมันต่างม้าศึก
สมิงดำควบทะยานไปด้านหน้า เปิดเผยเจตนาฆ่าที่ดุร้ายของมันทันที อาวุโสมาเทรียมโบกไม้เท้าในมือหนึ่งครั้ง บังเกิดสายลมที่ทรงอำนาจขึ้นเส้นหนึ่ง มันม้วนตัวบิดเป็นเส้นสายลมขนาดใหญ่ ก่อนจะถูกอำนาจของไม้เท้าดูดมาเชื่อมต่อไว้ที่หัวของมัน กลายเป็นแส้ที่ทรงอำนาจและมิอาจดูเบาได้ มันคือยุทธภัณฑ์วิญญาณระดับเงิน "ไม้เท้าสายลม"!
แส้สายลมที่อัดแน่นไปด้วยพลังธาตุถูกฟาดไปที่คารีสทันที อาวุโสมาเทรียมรู้ตัวดีว่าไม่สามารถจัดการอาวุโสเอียนได้ในตอนนี้ เขาจึงตั้งใจที่จะกีดกันเด็กชายที่มีพลังสายฟ้าที่อันตรายผู้นี้ออกไปแทน
การต่อสู้อีกละลอกเกิดขึ้นอย่างไม่มีเวลาให้พักหายใจ คารีสนั้นมีระดับไม่ห่างกับอาวุโสมาเทรียมเท่าไหร่ แต่ประสบการณ์การต่อสู้นั้นเขายังไม่สามารถนำมาวัดกับชายชราผู้นี้ได้ เด็กชายจึงได้แต่เคลื่อนกายหลบหนีไปมา เพราะไม่สามารถหาช่องโหว่โจมตีได้
วาเลนจับจ้องไปที่ผู้อาวุโสเอียนดูเหมือนอาจารย์ของเขาก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของผู้อาวุโสสองในขณะนี้
"หึหึหึ.....ฮ่า ฮ่า ฮ่า คราวนี้ท่านรู้หรือยังเล่าว่าการกักตัวข้าไว้นั้นไม่มีประโยชน์ อาจารย์ของเจ้ากำลังจะพ่ายแพ้ คนรับใช้ของเจ้าก็ไม่มีทางเอาชนะอาวุโสมาเทรียมได้ ...ข้าจะรอดูว่าเจ้ายังจะเชิดหน้าเช่นนี้ได้อีกนานแค่ไหนกัน" อาวุโสภาคีที่อยู่ใต้เท้าราชสีห์ขนทองคำเอ่ยวาจาเยาะเย้ยวาเลน
เหตุที่วาเลนไม่ออกไปสู้นั้นเพราะเขาต้องการประเมินความสามารถของผู้เป็นอาจารย์ และคารีส ถึงเขาจะให้ทรัพยากรแก่ทั้งคู่ไปบ่มเพราะพลัง แต่สิ่งหนึ่งที่ยังเห็นได้ชัดคือการที่ทั้งคู่หวังพึ่งการใช้แต่พลังมากเกินไป เรียกได้ว่าขาดจินตนาการในการต่อสู้
อาจารย์ของเขานั้นไม่ได้ขาดแคลนยุทธภัณฑ์วิญญาณ แม้แต่คารีส วาเลนก็ยังไม่เห็นเด็กชายใช้สัตว์อสูรคู่กาย อย่างธันเดอร์ ในการร่วมสู้ แม้แต่ครั้งเดียว ทั้งคู่เอาแต่คิดพึงพาพลังมากเกินไป จนละความสนใจจากสิ่งรอบตัวที่สามารถนำมาประยุกต์ใช้ในการต่อสู้ได้
"ยังคงต้องให้เวลา...."วาเลนพึมพำเบา ๆ ก่อนจะส่ายหน้าน้อย ๆ
มือของวาเลนยื่นออกไปตบเบา ๆ ที่แผงคอของราชสีห์ขนทองคำ สิ้นการกระทำนั้นราวกับทั้งสองสื่อใจถึงกัน เท้าของมันข้างที่เหยียบอาวุโสของภาคีอยู่นั้นค่อย ๆ ถูกยกขึ้นอย่างแผ่วเบา
ใบหน้าของอาวุโสภาคียกยิ้มราวกับผู้ชนะ ก่อนที่จะหดหายกลายเป็นปวดร้าวอย่างฉับพลันคราที่เท้าข้างนั้นกระแทกลงมาอีกครั้งยังจุดเดิม
ตรึมมมมมม
“ข้าจะปล่อยท่านออกไป ผู้อาวุโส หากท่านเดินไม่ได้ ข้าคงต้องขอให้ท่านคลานออกไปเอง” วาเลนกล่าวทิ้งท้ายก่อนจะผละเดินออกไป อย่างไม่สนใจใยดี
เสียงกระหึ่มของผืนดินดังราวกับเกิดแผ่นดินไหว แสงสีทองกระจายตัวออกมาจากฝ่าเท้าของราชสีห์ขนทองคำ อำนาจอาณาเขตของราชาเผ่าพันธุ์เปล่งประกายฉายแสงสีทองไม่ต่ำกว่าหนึ่งกิโลเมตร แรงกดดันจากบนลงล่าง กระแทกให้เห็นในอากาศเป็นชั้น ๆ อาวุโสภาคีที่อยู่ใจกลางอาณาเขตรู้สึกราวกับกระดูกในร่างแหลกลาญไม่มีชิ้นดี
สมิงดำพยายามพาเจ้านายของมันหนีออกจากอาณาเขตสีทองนี้ แต่ยิ่งวิ่งเหมือนมันยิ่งมีแรงน้อยลงไปเรื่อย ๆ จนสุดท้ายมันแบกรับสภาพที่หนักอึ้งนี้ไม่ไหว ได้แต่ทรุดตัวส่งเสียงครวญครางด้วยความเจ็บปวดแทน
อาวุโสเอียนและคารีสถูกวาเลนผลักออกไปโดยอาศัยพลังของธาตุลม พวกเขาจึงไม่ได้ตกอยู่ในอาณาเขตแรงโน้มถ่วงนี้ มีเพียงอาวุโสของภาคี อาวุโสมาเทรียม และอาวุโสสองเท่านั้น
ภายใต้อาณาเขตของราชสีห์ขนทองคำกลับกลายเป็นว่า อาวุโสสองยังคงยืนอยู่ได้ แม้จะมีท่าทีลำบากเล็กน้อยในการใช้พลัง
ชายชราไม่รอช้า เขาพุ่งตัวเข้าหาวาเลนหวังจบเรื่องราวทุกอย่างในการโจมตีเพียงครั้งเดียว ฝ่ามือเปลวเพลิงของเขาลุกพรึบเผาไหม้เปลวไฟโหมกระหน่ำในอากาศราวกับถูกราดไปด้วยน้ำมัน
วาเลนเตรียมตัวตั้งรับการโจมตีนี้อย่างไม่หวั่นเกรง แต่ทว่าจู่ ๆ เขาก็สัมผัสได้ถึงบางสิ่ง ดวงตาของเขาแสดงออกอย่างตื่นเต้นปนตกใจ เด็กชายอดยกยิ้มอย่างยินดีไม่ได้ เมื่อสิ่งที่เขาสัมผัสได้ปรากฏกายเบื้องหน้าฉับพลัน
วาเลนลอบคิดในใจ สงสัยวันนี้จะไม่ใช่วันของเขา มีคนเข้าคิวแสดงพลังกันมากมายเหลือเกิน
ผ้าคลุมหน้าสีดำปลิวไสว ร่างนั้นหยุดยืนเบื้องหน้าเด็กชายอย่างเงียบเชียบ ผู้อาวุโสสองรู้สึกได้ถึงแรงกดดันที่มากมายกระจายตัวจนขนหัวลุก ระดับพลังเช่นนี้มัน....อาวุโสสูงสุด? ไม่... ไม่ใช่ ....ไม่ใช่อาวุโสสูงสุด คนผู้นี้เป็นใครกัน?
ก่อนที่ความสงสัยจะคลี่คลายมือบางระหงก็หวดฟาดใส่ใบหน้าของอาวุโสสองจนกลิ้งไม่รู้กี่ตลบ แม้แต่คนที่โดนตบก็ยังมองไม่ทันกับการโจมตีเช่นนี้
ตามมาด้วยเสียงของสตรีที่ทรงอำนาจตวาดออกมาอย่างเกรี้ยวกราดในตอนท้าย
"บังอาจ.....เจ้ากล้าแตะต้องเขาหรือ? ไม่อยากมีมือไว้ค้ำยันไม้เท้าตอนแก่แล้วใช่ไหม หรืออยากหาเรื่องตายเสียแต่วันนี้?"
-----------------------------------------------------------------
สุขสันต์วันหยุดครับ 5555 มาช้าดีกว่าไม่มานะ ขอบคุณทุกคนที่ติดตามนะครับ
ขออนุญาติแจ้ง รีดที่ติดตามไรท์ตั้งแต่เรื่อง The king of spirit ราชันย์วิญญาณครองพิภพ ครับว่าเรื่องนั้น ไรท์ขอพักยาว ๆ ไปก่อนครับ ตั้งใจว่าจะเอาเรื่องนี้ให้ดีก่อน สำหรับคนที่ติดตามเรื่องนั้นต้องขอขอบคุณจริง ๆ ครับ แล้วยังไงถ้าเรื่องนี้จบแล้ว ไรท์จะไปรีไรท์เรื่องนั้นอีกทีครับ
ขอบคุณมาก ๆ ครับ ><
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

แม่มาแล้วลูกชายใครบังอาจแตะ
สะใจมากตอนนี้ อารมแบบอยากตบเข่าไปอ่านไป อิอลแม่เอ้ยมันสมากกกกกก อห นิยายสนุกอะไรขนาดนี้ กริ๊ดด ประทับใจ
อิอิแม่ๆมา แม่ๆมา เย้ๆ ตบมันเลยค่ะแม่ๆ
ท่านแม่มาแล้วๆๆๆๆ อย่างโหด
แม่มาล่ะ ใครจะยุ่งกับคุณลูก ต้องผ่านคุณแม่จอมห่วงให้ได้ก่อนล่ะนะ