ตอนที่ 35 : คนสวนกับต่างโลก ภาค พิภพพฤกษา ตอนที่ 34 วิหคอมตะ
คนสวนกับต่างโลก ภาค พิภพพฤกษา ตอนที่ 34 วิหคอมตะ
อินทรีย์ทองคำโบราณ ร่างสถิตของวิหคอมตะในปัจจุบันบินตระหง่านเหนือท้องฟ้าของพระราชวังกรีนแลนด์
ร่างสีทองของมันนั้นส่องสว่างและมี รัศมีเรืองรองเจิดจรัสราวกับอาทิตย์ดวงที่สองก็ไม่ปาน การปรากฎตัวของมันนั้นไม่มีใครคาดฝันมาก่อน วิหคปกปักษ์ราชวงศ์ตัวนี้แทบมิเคยย่างกรายออกจากคอนทองคำของมัน นอกจากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน หรือการเสด็จออกจากราชวังของผู้เป็นเจ้านาย หรือก็คือกษัตริย์ไมเทรียสเพียงเท่านั้น
แต่ยามนี้เสียงร้องของมันกลับก้องกังวาล ยามเมื่อลำตัวสีทองผาดผ่านจะทิ้งเสียงขับขานราวกับเสียงเพลงของสวรรค์เอาไว้ให้ผู้คนได้ยิน
ความเร็วในการบินของมันนั้นราวกับดาวตกสีทองที่ส่องสว่างกำลังล่วงหล่นลงมาจากท้องฟ้า นัตย์ตาดุดันของมันกวาดมองไปโดยรอบ เพื่อกวาดตาดูและตรวจจับสัมผัสจากพลังที่ไม่คุ้นชิน อัคคีธาตุที่ประทุขึ้นมาอย่างรุนแรงนั้น เป็นพลังงานที่แม้แต่มันก็ยังไม่มั่นใจว่าเป็นสิ่งใดกันแน่
ในเวลาไม่นานมันก็สัมผัสได้ถึงพลังงานอีกละลอก ที่ท่วมท้นไม่แพ้กัน มันเร่งความเร็วอีกครั้งก่อนจะมาถึงแทบจะในทันที
เบื้องหน้าของมันขณะนี้ มีวิหคอีกสายพันธุ์ที่กำลังกรีดร้องอย่างทุกข์ทรมาน เจียนตาย ร่างกายที่เป็นเปลวไฟของมันลุกโชนเผาไหม้ถึงเนื้อใน นี่แทบเป็นไปไม่ได้ที่จะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้กับวิหคสายพันธุ์นี้
ไม่มีวิหคอัคคีที่ไหนถูกไฟไหม้ นอกจากมันเป็นไฟที่เหนือชั้นกว่า วิหคอมตะมองสัตว์อสูรตรงหน้า มันจำได้ทันทีว่านี่คือหนึ่งในตัวเลือกร่างสถิตของมัน
ใกล้ ๆ กันนั้นปรากฎร่างของชายหนุ่มที่ในอนาคตอันใกล้อาจจะได้กลายมาเป็นคู่หูคนใหม่ของมัน เขาคือหนึ่งในว่าที่กษัตริย์ในอนาคต
นัตย์ตาสีทองจ้องมองเนิ่นนาน มันกำลังเฝ้าดูอยู่เงียบ ๆ ว่าสัตว์อสูรตรงหน้านั้นจะผ่านเหตุการณ์วิกฤตินี้ไปได้อย่างไร
กลับมาที่วิหคอัคคีที่ตอนนี้เนื้อหนังมังสาของมันถูกเผาไหม้โดยเปลวไฟที่เหนือกว่า แต่ในคราวเคราะห์ของมันก็นับว่ายังมีโชคที่ดี สัตว์อสูรชนิดนี้นับว่าเกิดมาพร้อมกับดวงชะตาที่ต้องกันกับเปลวไฟ
ต่อให้มันจะถูกทำร้าย แต่มันก็สามารถดึงเปลวไฟมารักษาได้เช่นกัน จึงทำให้ในยามนี้นั้น มันต้องทนทุกข์ทรมานที่ถึงแม้อยากจะตายก็ตายไม่ได้อยู่ดี
องค์ชายสามแทบทรุดเมื่อเห็นภาพที่น่าปวดใจเช่นนี้ ความแข็งแกร่งไม่เคยมีใครได้มาฟรี ๆ มันย่อมแลกมาด้วยสิ่งที่เท่าเทียมเสมอ เขาพยายามที่จะเข้าใกล้โครวให้มากที่สุด เพราะต้องการดูว่าจะทำสิ่งใดได้บ้าง
แต่ดูเหมือนว่ายิ่งเข้าใกล้ วิหคอัคคียิ่งหนีออกไปให้ไกลห่าง มันเกรงว่าคู่หูของมันจะได้รับอันตราย
สุดท้ายองค์ชายสามเลือกที่จะไม่รั้งรออีกต่อไป หนึ่งในสมบัติของราชวงศ์ถูกดึงออกมาใช้ในทันที
มันคือ "แหวนมิติไร้กาล" หนึ่งในยุทธภัณฑ์วิญญาณประเภทผนึกที่หายาก วิหคอัคคีไม่อาจต้านทาน เจตจำนงของผู้ใช้งานได้ ร่างของมันถูกดูดเข้าไปภายในแหวนทันที
"กาเร็ท นำวิหคสายลมมาออกมา เราจะมุ่งหน้าไป โอเดลรอสตอนนี้"องค์ชายสามแสดงสีหน้ากังวลใจ เขาจะไม่ยอมเสียอสูรคู่ใจตัวนี้ไปเด็ดขาด
กาเร็ทเรียกวิหคสายลมของเขาออกมาทันที มันมีขนาดใหญ่พอที่จะบรรจุคนบนหลังได้ถึงสามคนในครั้งเดียว ทั้งสองคนไม่รอช้าที่จะพาร่างขึ้นไปหามัน กาเร็ทสั่งให้มันทะยานออกไปในทันที
วิหคสายลมนี้มีความเร็วที่ไม่ธรรมดา แต่ก็คาดว่าต้องใช้เวลานับหลายวันกว่าที่มันจะสามารถพาทั้งสองไปจนถึงอาณาเขตของตระกูลโอเดลรอสได้
นัตย์ตาสีทองที่คอยจับจ้อง กระพือปีกตามไปห่าง ๆ ทันที วิหคอมตะไม่ได้มีท่าทีจะช่วยเหลือแต่อย่างใด มันทำตัวเป็นผู้เฝ้าสังเกตุการณ์ที่ดีแต่เพียงเท่านั้น
อีกด้านของเด็กชายที่เป็นต้นต่อของเรื่องวุ่นวายอีกครั้งนั้น เขากำลังใช้พลังในการกลั่นสมุนไพร เปลวอัคคีสีไพลินที่ยิ่งเผาไหม้ยิ่งเพิ่มความเปล่งประกายให้สมุนไพรนั้น เป็นหนึ่งในไพ่ลับสำหรับการหลอมสมุนไพรของเขาที่ไม่มีใครเหมือน
หากมองย้อนกลับไป ความสำเร็จในการหลอมสมุนไพรส่วนใหญ่ของเด็กชายก็มาจากการใช้เปลวไฟแรกกำเนิดในการหลอมแทบทั้งสิ้น
วาเลนมองเห็นถึงความพิเศษของมันที่ไม่ได้มีแค่นั้น มันยังสามารถใช้ทำสิ่งอื่น ๆ ได้อีกหลายอย่าง ไม่ว่าจะนำไปฝักไข่อสูร หรือกลั่นแก่นเวทย์พลัง เขาก็สามารถใช้มันในการทำสิ่งเหล่านี้ได้ เสียอย่างเดียวที่เขาไม่มีความรู้ในการพัฒนาพลังธาตุไฟชนิดพิเศษอันนี้ มิเช่นนั้นมันคงได้ก้าวหน้ามากกว่าที่เป็นอยู่ในตอนนี้เป็นแน่
วาเลนพักจากการกลั่นสมุนไพร แล้วออกมาในลานกว้าง หน้าที่หลัก ๆ ในวันนี้ที่ถูกวางเอาไว้ล้วนถูกทำไปจนหมดแล้ว เรียกได้ว่าเด็กชายเข้มงวดกับการฝึกของตนเองในลักษณะนี้มาตลอดทุกวัน การฝึกฝนอย่างบ้าคลั่งนั้น กระตุ้นให้คนอื่น ๆ ไม่สามารถอยู่นิ่งเฉยได้ เริ่มจากท่านหญิงวิเรร่า เมื่อบุตรชายพูดว่าต้องการให้เธอมีพลังที่ยิ่งใหญ่ไว้คอยสนับสนุนเขาในอนาคต นั่นก็เริ่มชี้ให้เห็นเป้าหมายครั้งใหม่ของเธออีกครั้ง หลังจากไร้เป้าหมายในการฝึกฝนมานาน
คารีสนั้นเมื่อเห็นผู้เป็นนายทั้งสองตั้งมั่นกับการฝึกอย่างตั้งใจและมีเป้าหมาย เขาจึงคล้ายกับถูกกดดันในทันที ความรู้สึกนี้ทำให้เขามีแรงผลักดันที่จะขยันมากกว่าเดิมถึงสองเท่า ผลกระทบนี้กดดันไปถึงผู้เป็นอาจารย์ของเขาทั้งสองด้วย ผู้อาวุโสเอียน และผู้อาวุโสเมลล์ก็คล้ายกับถูกคนเอาไฟมาลนก้น
เขาจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนหากศิษย์รักข้ามหน้าข้ามตาเร็วเกินไป ผู้อาวุโสทั้งสองไม่อาจยอมให้เป็นเช่นนั้นได้ พวกเขาจึงเปลี่ยนแปลงวิถีการใช้ชีวิตตนเองใหม่และเริ่มวางแผนการฝึกในแต่ละวันเช่นกัน
สิ่งนี้กลายเป็นปรากฎการที่แปลกตาสำหรับคนในตระกูล บุคคลที่ล้วนเกี่ยวข้องกับคุณชายเจ็ดล้วนกลายเป็นคนที่เด็ดขาดในเรื่องของการวางแผนการฝึกพลัง วาเลนมองว่าเมื่อคน ๆ หนึ่งมุ่งมั่นอย่างตั้งใจ มันจะกระตุ้นให้คนอื่น ๆ เรียนแบบตาม เหมือนโยนหินลงในน้ำนิ่ง เมื่อเกิดละลอกคลื่น ก็ยากที่จะหยุดยั้งให้มันสงบลงได้
วาเลนแอบใช้พลังของสัมผัสพิเศษกับแต่ละคน เขาบอกกับทุกคนว่ามันคือวิชาลึกลับที่ได้มาจากคนแปลกหน้ายามเมื่อหลงอยู่ในป่าบรรพกาล สัมผัสพิเศษนี้มิใช่ความรู้ที่เป็นมรดกตกทอดมันจึงบอกขั้นตอนการเรียนรู้ไม่ได้ แม้แต่เขาเองก็ยังไม่รู้ว่าได้ความสามารถพิเศษนี้มาได้อย่างไร
บางสถานการณ์การโกหกว่าไม่รู้มันดูไม่น่าเชื่อถือมากเกินไป เขาจึงพยายามแต่งเรื่องให้น่าเป็นไปได้มากที่สุด เขาแสร้งทำเป็นบอกความลับกับทุกคนว่า เมื่อเขาใช้มันยามเมื่อสัมผัสใคร เขาจะสามารถเข้าถึงความลับที่ยิ่งใหญ่ของคน ๆ นั้นได้ในทันที
นี่จึงทำให้วาเลนกลายเป็นที่ปรึกษาในด้านการฝึกพลังไปโดยปริยาย ยิ่งคนที่สนิทชิดใกล้อย่างท่านหญิงวิเรร่าและคารีสแล้วก็ยังมีอาจารย์ทั้งสองของเขา ที่วาเลนใส่ใจ บอกความลับยิ่งใหญ่ในร่างกายของพวกเขาที่ได้จากสัมผัสพิเศษให้ฟัง นอกจากการแนะนำที่ได้จากเด็กชายแล้ว เขายังมอบแก่นเวทย์อสูรที่หาได้ยากยิ่งกว่าสิ่งใด ให้เป็นของขวัญแด่อาจารย์
แม้จะมีหลาย ๆ คนในตระกูลเริ่มให้ความสนใจกับการฝึกในลักษณะนี้ แต่พวกเขากลับไม่มีความสำเร็จที่น่าประทับใจ ดังเช่นผู้คนรอบกายคุณชายเจ็ดได้แม้แต่คนเดียว
ในขณะที่กำลังเดินเล่นผ่อนคลายอยู่นั้น อยู่ ๆ วาเลนก็สัมผัสได้ถึงพลังงานจากอสูรชนิดหนึ่งที่พุ่งเข้ามาในอาณาเขตของตระกูลอย่างว่องไว มันบินโฉบเข้ามาโดยไร้การแจ้งเตือน นี่เสมือนเป็นการตบหน้าของตระกูลนักล่าอสูรอย่างไม่น่าให้อภัย
มันบินวนจนแน่ใจก่อนจะพุ่งทะยานมุ่งตรงเข้ามาหาวาเลนในทันที ราวกับว่านี่คือจุดมุ่งหมายของมัน
ยังไม่ทันที่สัตว์อสูรตัวนั้น และคนที่มันพามาจะเข้ามาในระยะที่วาเลนยืนอยู่ได้
ภายใต้รัศมีหนึ่งกิโลเมตรรอบกายของเด็กชายก็กลายเป็นอาณาเขตสีทองคำในทันที รัศมีเหล่านี้พลั้นเปล่งประกาย ก่อนแสดงอำนาจที่ยิ่งใหญ่ของมัน
ตรึมมมมม โฮกกกกกก
บรรยากาศถูกกดลงมาเป็นชั้น ๆ ตามความสามารถของแรงโน้มถ่วงในทันที แรงกดดันที่มหาศาลนี้แทบไม่มีสิ่งใดสามารถต้านทานได้
พื้นที่หนึ่งกิโลเมตรรอบกายของวาเลนพลั้นหนักอึ้ง ราวกับถูกทุ่มใส่ด้วยภูเขาลูกใหญ่หลาย ๆ ลูกรวมกัน วาเลนไม่เพียงไม่มีอาการใด ๆ เขากลับยืนอย่างสบาย ๆ ภายใต้อาณาเขตนี้ของราชสีห์ขนทองคำที่ตอนนี้ได้กลายมาเป็นสัตว์อสูรในพันธะสัญญาของเขา
ต่างกันกลับวิหคสายลมและผู้ที่มันพามาที่มิอาจทานอำนาจแรงกดดันที่กระหน่ำลงมาเป็นชั้น ๆ ได้ ร่างเหล่านั้นพุ่งดิ่งลงมาราวกับดาวตก ซัดเข้ากับพื้นดินเบื้องล่างดังสนั่นหวั่นไหว กว่าที่วาเลนจะรู้ว่าพวกเขาเป็นใคร องค์ชายสามและกาเร็ทก็เกือบตายภายใต้กรงเล็บของราชสีห์ขนทองคำ
นั่นเพราะสิ่งที่วาเลนสนใจนั้นกลับเป็นจุดสีทองที่ติดตามมาไกล ๆ เบื้องหลังของอสูรตนนี้มากกว่า เด็กชายสามารถจับพลังของมันได้ว่า นี่คืออสูรระดับศักดิ์สิทธิ์ ที่ไม่น่าไว้วางใจ มันมิเข้ามาใกล้จนเกินไปราวกับเกรงว่าจะถูกตรวจพบได้ แสดงให้เห็นว่านี่เป็นอสูรที่มีระดับสติปัญญาที่ไม่เลว
ว่าแต่ว่า มันมาทำอะไร ? หรือมันติดตามคนพวกนี้มา นั่นเป็นสิ่งที่วาเลนต้องการค้นหาในขณะนี้
----------------------------------------------------------------------------------------------------
ขอบคุณทุกคนที่ติดตามนะครับ ขอบคุณทุกกำลังใจ love love
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

#ค้างสุดๆๆ#ฮือๆๆ