ตอนที่ 26 : คนสวน กับต่างโลก ภาค พิภพพฤกษา ตอนที่ 25 หมาป่าดำนิลกาฬ
คนสวน กับต่างโลก ภาค พิภพพฤกษา ตอนที่ 25 หมาป่าดำนิลกาฬ
อาณาเขตของป่าบรรพกาล ไม่เคยมีใครทราบว่ามันไปสิ้นสุดเอาที่ไหน ความยิ่งใหญ่นี้ แทบไม่เคยมีใครระบุขนาดที่ชัดเจนของมันเอาไว้ได้
มีบันทึกเก่าแก่ที่ผู้อาวุโสเมลล์ได้คัดมาให้วาเลนได้อ่าน หนึ่งในบันทึกเหล่านั้น วาเลนค้นพบบทกวีที่พูดถึงลำนำขับขานของจอมเวทย์พเนจรเกี่ยวกับป่าบรรพกาลแห่งนี้เอาไว้ว่า
"มหาพงไพรแดนใต้ เขตแดนยิ่งใหญ่เหลือคณา ลึกสุดหยั่งยิ่งกว่า ห้วงมหาสมุทร "
นี่คือคำเปรียบเปรยที่แสดงให้เห็นถึงความใหญ่โตมโหฬารของมัน และคำกล่าวนั้นสำหรับวาเลนมันไม่เกินจริงเลย
"เราจะมุ่งหน้าออกไปทางใต้ของป่าเพื่อลดการปะทะ กับทีมของพี่ชายข้า" องค์ชายสามบอกแผนการคร่าว ๆ เมื่อเดินทางเข้าป่ามาได้ระยะหนึ่งแล้ว คารีสพยักหน้าอย่างเข้าใจ ก่อนจะเบี่ยงหน้าเดินนำทีมเดินทางลงใต้ ทันที
นี่คือเหตุผลที่องค์ชายสามไม่บุ่มบ่ามเดินทางเข้าป่าบรรพกาลในทันที ดังเช่นทีมอื่น ๆ มันเป็นหนึ่งในกลยุทธ์ของกาเร็ท เขาต้องการให้ทีมอยู่รั้งท้ายเพื่อรอดูทิศทางให้แน่ใจว่าจะไม่ไปเผชิญหน้ากับกลุ่มนักล่า ผู้มีฝีมือดีในทันทีที่เข้าไปในป่า
วาเลนมองทีมของเขาแล้วประเมินในใจเงียบ ๆ องค์ชายสามคือผู้นำทีมอย่างไม่ต้องสงสัย ส่วนกาเร็ทคนสนิทคือผู้คิดแผนการด้านต่าง ๆ มีหน้าที่ตัดสินใจภายในทีมรองจาก องค์ชายสาม คารีสถูกวางตัวเป็น หนึ่งในสี่นักล่า ในบรรดาสี่นักล่านั้น นอกจากคารีสแล้ว ยังมีอีกคนที่วาเลนให้ความสนใจ นั่นก็คือ กราดิส มอเดอร์ลีน เด็กหนุ่มจากตระกูลผู้ฝึกสัตว์
ส่วนนักล่าอีกสองคนเรียกได้ว่าธรรมดาทั่วไป อีกสามคนที่เหลือภายในทีมไม่ได้ให้ความรู้สึกพิเศษใด ๆ ในสายตาของวาเลน แม้กระทั่ง นักปรุงยาของทีม ที่เขาต้องไปเป็นผู้ช่วยนั้น หากเทียบกันแล้ว ระดับของคน ๆ นี้ยังไม่สามารถเทียบได้กับผู้หลอมโอสถฝึกหัดระดับสูงที่อยู่ภายใต้การให้คำแนะนำของเขาในตระกูลเลยด้วยซ้ำ
วาเลนที่เป็นถึงผู้คุมสูงสุดภายในหอโอสถนั้นเปรียบได้ดังผู้อาวุโสคนหนึ่งเลยทีเดียว เขาจึงไม่ได้ใส่ใจ เมื่อเด็กชายนักปรุงยาพยายามสอนเขาให้แยกระหว่างสมุนไพรที่จะนำมาปรุงยาว่ามีพิษ หรือ ไม่มีพิษ
"ข้ามิใช่จะคุยโตโอ้อวด ในหัวของข้า สามารถจดจำสมุนไพรได้ถึง สามสิบชนิด เจ้าคิดว่ามันเยอะงั้นหรือ? ไม่เลย หากเทียบกับปรมาจารย์ด้านการหลอม นี่ยังนับว่าน้อยไป แต่ถ้าเทียบกับระดับผู้อาวุโสนั้นก็นับว่าใกล้เต็มที" เด็กหนุ่มนักปรุงยาพยายามพูดกรอกหูวาเลนต่อไป เขาพยายามงัดความภาคภูมิใจออกมาสาดใส่วาเลนให้รู้สึกต่ำต้อยด้อยค่า
วาเลนแอบคิดในใจว่าเจ้าผู้นี้ มีดีแค่คัดแยกสมุนไพร ยังคิดที่จะคุยโม้โอ้อวดอีกหรือ ภายใต้สีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสคุณชายเจ็ดเต็มไปด้วยความรำคาญ แต่เขายังไม่สามารถหลบหนีจากสถานการณ์เช่นนี้ไปได้ ยังคงต้องปั้นหน้าต่อไป ให้สมกับบทบาทคุณชายเจ้าสำราญ
จากป่าโปร่งโล่งสบายเริ่มกลับกลายเป็นป่ารกชันขึ้นเรื่อย ๆ ยิ่งเดินลึกเข้าไป วาเลนยิ่งพบว่าต้นไม้เริ่มสูงใหญ่ขึ้นทุกที แสงแดดที่ก่อนหน้านี้มีรำไร เล้นหลบหายราวกับกาลเวลาเริ่มย่างกลายเข้าสู่ยามราตรี ทั้ง ๆ ที่เริ่มได้ไม่นาน เห็นได้ชัดว่านี่คือ อำนาจที่น่าพิศวง ของป่าบรรพกาล
"หยุดก่อน"มีเสียงดังขึ้นจากหนึ่งในนักล่าที่เดินนำอยู่หน้าขบวน วาเลนนั้นรับรู้ได้ถึงสิ่งผิดปกตินี้ ก่อนหน้าที่จะมีการแจ้งเตือนนานแล้ว
"กลิ่นอายของสัตว์อสูรเจ้าถิ่น"กราดิส มอเดอร์ลีน พูดขึ้นอย่างตื่นตระหนก เขานั้นไวต่อสัมผัสเหล่านี้เป็นพิเศษ เด็กหนุ่มขยับมือหนึ่งครั้งเรียกเอาสัตว์อสูรคู่ใจออกมาในทันทีอย่างเงียบเชียบ วาเลนหันมองไปรอบ ๆ พบว่าคนอื่น ๆ ส่วนใหญ่ก็อยู่ในลักษณะเดียวกัน การกระทำนี้เท่ากับเป็นประกาศศึกกับสัตว์อสูรเจ้าถิ่นในทันที มีเพียงวาเลน และองค์ชายสามเท่านั้น ที่ไม่ได้เรียกสัตว์อสูรของตนออกมา
วาเลนมีใบหน้าที่ครึ้มลง การล่าอสูรมีหลายวิธี และวิธีที่ง่ายที่สุดคือการวางกับดัก และการลอบสังหารเงียบ วิธีที่อันตราย คือการเข้าไปปะทะโดยตรง กับมัน แต่ตอนนี้สถานการณ์มันต่างออกไป นี่มิใช่การล่าที่ผู้ล่าเป็นผู้กำหนด
แต่กลับเป็นการต่อสู้เพื่อปกป้องถิ่นของสัตว์อสูร ภายในทีมนั้นไม่มีใครทันได้ตั้งตัว ไม่มีการเตรียมการ จึงทำให้สถานการณ์การเผชิญหน้าครั้งนี้ย่ำแย่ลงทันที
วาเลนคิดว่านี่คือผลเสียของการออกนอกเส้นทางจากเส้นทางปกติ ภายในป่าบรรพกาลนั้นถึงแม้ว่ามันจะเป็นป่าโบราณที่มีอันตรายหลากหลายรูปแบบ แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ไม่ใช่ป่าตกสำรวจ
มีนักล่ามากมาย สำรวจเส้นทาง และใช้เส้นทางเหล่านั้นในการเดินทางเข้าสู่ป่าชั้นใน หมายความว่าตลอดเส้นทางเหล่านี้นั้น จะพบว่ามันง่ายมากที่จะเดินทางผ่านเข้าไปโดยไม่พบสัตว์อสูรที่เป็นอันตราย
แต่ทีมของวาเลนนั้นคิดต่างออกไป แผนการหลบหลีกนักล่าผู้มีความสามารถมากมายภายในป่านั้นชักนำให้พวกเขาต้องมาพานพบกับเส้นทางที่อันตรายมากกว่า อย่างเส้นทางที่ถูกขว้างกันโดยสัตว์อสูรเจ้าถิ่นที่น่าอันตราย
วาเลนส่ายหัวอย่างหนักใจ เขาหันมอง สัตว์อสูรคู่ใจของกราดิส ใกล้ ๆ ทันที เพื่อประเมินทางหนีทีไล่ เขาพบว่ามันคือ สัตว์อสูรพังพอนแสงจันทร์ สัตว์อสูรวิเศษระดับกลาง ดวงตาที่เปล่งประกายของมันฉายแววอย่างชาญฉลาดเห็นได้ชัดว่ามันถูกฝึกมาเป็นอย่างดี แต่มันกลับไม่มีประโยชน์ในสถานการณ์ตอนนี้เสียเท่าไหร่ ถึงแม้ว่าถ้าดูให้ดี จะพบว่ามันแทบจะมีระดับสูงกว่าวิหคอัคคีขององค์ชายสามด้วยซ้ำ แต่สัตว์อสูรประค้นหา ไม่สามารถต่อกรกลับสัตว์อสูรเจ้าถิ่นนักล่านี้ได้
วาเลนคิดอย่างหนักใจ เขาพอมีเวลาได้ทำความเข้าในเรื่องเหล่านี้จากหอสมุด ของตระกูลมาบ้าง หากมิได้ศึกษามาก่อนหน้านั้นเป็นไปไม่ได้ที่จะอนุมานความรู้เหล่านี้ ออกมาได้
เขาพบว่าในขณะที่สัตว์อสูรมีระดับที่เท่ากันหรือเหลื่อมล้ำกันไม่เท่าไหร่นั้น สายพันธุ์และประเภทของมัน จะเป็นตัวบ่งบอกความสามารถที่เหนือกว่าและตัดสินแพ้ชนะกันได้ ตัวอย่างที่เห็นได้ในขณะนี้ก็คือ พังพอนแสงจันทร์ถึงแม้ว่ามันจะมีระดับที่มากกว่า แต่มันกลับไม่อาจหาญสามารถเอาชนะ วิหคอัคคีที่มีเชื้อสายสัตว์อสูรโบราณขององค์ชายสามได้
มีเพียงสัตว์อสูรที่มีอำนาจของราชาและราชินีของเผ่าพันธุ์เท่านั้น ที่มีอำนาจเทียบเคียงกัน นี่ยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่พังพอนแสงจันทร์ไม่ใช่สัตว์อสูรนักล่า อีกด้วย ยิ่งทำให้มันตอนนี้นั้นแทบจะไร้ประโยชน์ในทันที
แต่ดูเหมือนว่า กราดิส ก็รู้จุดอ่อนข้อนี้ของสัตว์อสูรตัวเองดี แต่เขาก็มีแผนการสำหรับมัน
"ไป" กราดิสพูดขึ้นเบา ๆ พังพอนแสงจันทร์ของเขาพลั้นหายไปจากครรลองสายตาทันที มีเพียงละอองแสงจันทร์จากตัวมันล่วงหล่นเพียงประปรายเท่านั้น จากจุดที่มันเคยอยู่ ความเร็วนี้ไม่อาจดูเบาได้ มันหายไปราวกับภูติผี วาเลนมีสีหน้าตื่นตะลึงเล็กน้อย เขาคาดว่ากราดิสต้องส่งมันออกไปเพราะอะไรซักอย่าง ด้วยสถานการณ์ตอนนี้ที่ไม่อาจละสายตา หรือหันไปปรึกษากันได้ ทุกคนในทีมล้วนอึดอัดใจทันที เพราะมันไม่มีรูปแบบการรบ!
วาเลนจับตาดูเงียบ ๆ เขาแกล้งทำเป็นไม่เห็นนักล่าสองถึงสามคนที่คอยจับตาดูสถานการณ์ของทีมเขาอยู่ไม่ไกล คาดได้ว่าต้องเป็นบรรดาทีมนักล่าอิสระที่แฝงตัวหาโอกาสรอบโจมตี คนพวกนี้ฉลาดพอที่จะอยู่ให้ห่างจากรัศมีตรวจจับของสัตว์อสูรเจ้าถิ่น ชี้ให้เห็นถึงประสบการณ์ที่พวกเขามี
ซึบ ซึบบบ แกร๊ก
เสียงเคลื่อนกายขนาดใหญ่ของอสูรเจ้าถิ่นดังสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นไปทั่วบริเวณ มันโผล่กายขนาดใหญ่ของมัน ออกมาราวกับจะขู่ขวัญให้ศัตรูตรงหน้าหวาดกลัว มันคือ หมาป่าดำนิลกาฬ สัตว์อสูรวิเศษระดับกลาง ในเขตป่าชั้นต้นของป่าบรรพกาล ในเมื่อศัตรูของมันรู้แล้วก็ไม่มีเหตุผลใด ๆ ต่อไป ที่มันจะต้องซ่อนตัว
"ถอยออกไป" กราดีส ตวาดลั่น สัตว์อสูรประเภทนี้เขารู้จักมันเป็นอย่างดี นับได้ว่าทีมของเขานั้นโชคไม่ดีเป็นอย่างมากที่มาพบเข้ากับพวกมัน
กรรรรรร โบร๊วววววว
มันส่งสัญญาณด้วยเสียงเรียกดังสะท้านไปทั่วป่า มันคือสัญญาณของการล่าจากจ่าฝูง!
ทุกคนภายในทีมมีสีหน้าไม่สู้ดี หากแค่สัตว์อสูรวิเศษ ระดับกลางหนึ่งตัว ยังพอสู้พลางหนีเอาตัวรอดได้ หนึ่งตัวยังเรียกว่าลำบากแทบตาย หากต้องให้ต่อสู้กับทั้งฝูง เห็นทีจะมีลางหายนะติดเป็นเงาตามตัวเสียแล้ว
กาเร็ทเคลื่อนกายไหววูบ เข้าประชิดตัวองค์ชายสามในทันที เหนือสิ่งอื่นใดเรื่องการแข่งขัน เขายังมีหน้าที่ ๆ สำคัญที่สุดอีกหนึ่งอย่างนั่นก็คือการปกป้องมิให้องค์ชายสามมีอันตราย
ในขณะเดียวกันนั้น คนที่เคลื่อนไหวได้ไวสุดมิใช้กาเร็ท แต่เป็น คารีส เขาแทบไม่ได้สนใจใครอื่น นอกจากสหายและเจ้านายหนึ่งเดียวของเขา นั่นก็คือวาเลน
คารีสนั่นเกิดอาการวิตกอย่างเห็นได้ชัด แต่ท่าทีสบาย ๆ ของวาเลนนั้นก็ยังพอทำให้เด็กน้อยเบาใจ หากคุณชายเจ็ดยังมีท่าทีสบาย ๆ เช่นนี้อยู่ได้ นั่นอาจหมายถึงทางรอดของทีม
ประกายสายฟ้าก่อตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว คล้ายอาภรณ์คลุมกายของคารีส กระแสไฟสีฟ้าขาว แล่นไปทั่วกาย ช็อตทุกสิ่งในระยะให้ไหม้กลายเป็นจุล
"อาภรณ์พลังเวทย์ เขาสามารถทำได้ถึงขนาดนี้!" หนึ่งในสี่นักล่าพูดขึ้นอย่างตกใจ นี่ไม่ใช่สิ่งที่ทำได้โดยง่าย หากควบคุมได้ไม่ดี มันมีแต่จะตีกลับเข้าตัวเองจนบาดเจ็บสาหัสได้
อาภรณ์พลังเวทย์ส่วนใหญ่ จึงถูกใช้โดยนักเวทย์ธาตุดิน และธาตุน้ำ ซึ่งไม่ใช่ธาตุทำลาย มันจะช่วยเพิ่มพลังป้องกันของผู้ใช้งานได้ในอีกระดับหนึ่ง ไม่แปลกที่คนอื่น ๆ จะตกใจ การได้เห็นธาตุพิเศษว่าไม่ง่ายแล้ว แต่การมีผู้ใช้มันได้อย่างเชี่ยวชาญ นับว่ายากกว่าหลายเท่า
โบล๊ววววววว ววววว วววว
เสียงเคลื่อนที่นับร้อยค่อย ๆ ตีวงล้อมเข้ามาเรื่อย ๆ ป่ารกชันกลายเป็นที่บดบังอย่างดีสำหรับพวกมัน ประกอบกับพื้นที่นี้เป็นเขตพื้นที่ล่าของพวกมัน สัตว์อสูรหมาป่าดำนิลกาฬ จึงชำนาญในการร่วมกันโจมตี
" ให้ตายสิ ! ให้ตาย ให้ตาย ทำไมข้าถึงได้โชคร้ายขนาดนี้ " วาเลนเหลือบมองหน้าผู้ปรุงยาประจำทีม ที่บัดนี้มีสีหน้าร่ำ ๆ ราวกับคนจะร้องไห้ คนอื่น ๆ นับได้ว่าไม่ต่างกัน
แฮ่ กรรรรรรร
หมาป่าดำไม่ต่ำกว่าร้อยตัว กระจายเป็นวงล้อมปิดทางหนีทั้งหมดเอาไว้ นัตย์ตาสีแดงดุร้ายของมันตัดกับขนกายสีดำสนิท จ้องมองผู้คนตรงหน้าราวกับว่าเห็นเป็นอาหารอันโอชะ
พวกมันทุกตัวล้วนมีพลังไม่ต่ำทราม อยู่ในขั้นของสัตว์อสูรวิเศษระดับต่ำแทบทั้งสิ้น บางตัวที่ใหญ่ขึ้นมาหน่อยก็อยู่ในขั้นกลาง มีเพียงจ่าฝูงของมันที่อยู่ในระดับสูง ประกายตาของมันฉายแววเจ้าเล่ห์เพทุบาย
"ท่านจะไม่ทำสิ่งใดเลยหรือ" วาเลนหันไปตามเสียงที่ดังถามขึ้นมาทางตน มันเป็นเสียงของเด็กสองคนที่เขาเจอหน้ากระโจม ใบหน้าของทั้งสองล้วนแสดงออกมาว่าหวาดกลัวอย่างชัดเจน
คนอื่นในทีมที่ไม่รู้เรื่องราว ต่างมีสีหน้าต่างกันไป นักล่าอีกสองคนมองคนถามอย่างขัดใจ นี่กลัวจนเสียสติไปแล้วหรือยังไง ? เจ้าจะเอาสิ่งใดกับผู้ช่วยนักปรุงยา!
"ข้าเป็นเพียงผู้ช่วยนักปรุงยา มิกล้าแสดงความคิดเห็นใด ๆ เหตุใดจึงมิใคร่ถามไถ่เอาจากท่านกาเร็ทกันเล่า "วาเลนตอบเสียงเย็น คนเหล่านี้มิได้เห็นค่าเขาแต่แรก ตัดสินเพียงสิ่งที่ได้ยินมาเพียงเท่านั้น เมื่อเป็นเช่นนี้ เหตุการณ์เช่นนี้ก็ควรเป็นบทเรียนสำคัญ ที่พวกเขาควรได้รับมัน วาเลนมองหน้าคารีสเป็นสัญญาณรู้กัน เขาไม่ห่วงเพื่อนตัวน้อยตรงหน้า ว่ากันด้วยเรื่องความเร็ว ไม่มีทางที่ใครจะไล่สายฟ้าได้ทัน วาเลนตัดสินใจหันเดินออกไปทันที
"นั่นเจ้าจะไปไหน ? "หนึ่งในนักล่าถามวาเลนเสียงดัง เมื่อเห็นว่าเขาหันหลังเดินออกจากกลุ่มดิ่งเข้าหาเหล่าหมาป่าดำนิลกาฬที่ล้อมวงอยู่อย่างไม่กลัวเกรง
"ทำหน้าทีของข้า! ไปหาสมุนไพรน่ะสิ นักปรุงยา พร่ำบอกกับข้ามาตลอดทาง ว่ายังขาดตัวยาอีก สิบกว่าชนิด ผู้ช่วยนักปรุงยาที่ทำอะไรมากไม่ได้อย่างข้า ก็ควรไปทำหน้าทีผู้ช่วยนักปรุงยาให้ดี ยังไงถ้าได้ของครบแล้วจะรีบกลับมา ไม่ต้องห่วงว่าข้าจะหนี" วาเลนลอยหน้าลอยตาตอบทันที
ทุกคนคิดพร้อมกันในใจว่า ก็ที่เจ้าทำอยู่นี่ไม่ใช่หรือยังไง แต่ก็ไม่มีใครคิดที่จะใส่ใจทักท้วง องค์ชายสามทำท่าจะออกมาห้าม แต่กาเร็ทไม่ยอมให้เขาขยับแม้แต่ก้าวเดียว เขาไม่ยินยอมให้องค์ชายที่เป็นถึงเชื้อพระวงศ์ ต้องมาเสี่ยงอันตรายกับเด็กชายไร้ประโยชน์คนนี้
ภาพที่ทุกคนคิดคือ อีกไม่ถึงสิบก้าว วาเลนต้องถูกบรรดาหมาป่าดำนิลกาฬ ฉีกกระชากกัดร่างน้อย ๆ ของเขาจน ตกตายอย่างน่าอนาถโดยไม่มีใครกล้ายื่นมือเข้าไปช่วยอย่างแน่นอน
แต่มันกลับไม่เป็นเช่นนั้น ภาพของเด็กน้อยที่เดิน ๆ อยู่กลับเหินลอยขึ้นราวกับเดินไต่บันไดอากาศ ถึงกับทำให้ทุกคนนั้นชะงักงันทันที หมาป่าบางส่วนแหงนหน้า กระโดดจะคว้าร่างน้อย ๆ ของวาเลน
หนึ่งในนั้นพลาดเป้าไปไม่สามารถเข้าใกล้ร่างน้อยได้ และอีกหลายตัวส่วนใหญ่ ถูกสายลมอัดกระแทกใส่หัว จนตัวปลิว สลบไสลล่วงหล่นจากกลางอากาศในทันที
เมื่อเห็นดังนั้น จ่าฝูงของมัน ยันร่างขนาดใหญ่ยื่นขึ้นเต็มความสูงในทันที มันจับจ้องวาเลนอย่างดุร้ายก่อนจะคำรามก้องอย่างไม่ยินยอม ภายใต้อาณาเขตของมัน มันตัดสินแล้วว่าคนทั้งหมดนั้นต้องตกตายลงที่นี่ จะไม่มีมนุษย์คนไหนในที่นี้หลบรอดออกไปได้โดยเด็ดขาด ร่างสีดำขนาดใหญ่พุ่งทะยานไล่หลังตามไปทันที
"เขาตายแน่ ๆ อยากทำตัวขี้ขลาดดีนัก" หนึ่งในนักล่าพูดขึ้นเมื่อเห็นว่าทั้งวาเลน และจ่าฝูงหมาป่าดำนิลกาฬ หายไปจากครรลองสายตา
คารีสกำหมัดแน่นด้วยความโกรธ เมื่อได้ยินดังนั้น แต่กลับมีเสียงที่ดุดันยิ่งกว่าตะโกนออกมาด้วยความอัดอั้นใจ
"หุบปากซะ" เป็นองค์ชายสามที่ตวาดออกมาอย่างไม่ไว้หน้า
"เจ้าคิดว่า คนที่สามารถควบคุมพลังเวทย์ระดับนี้ได้ ใช่คนระดับต่ำหรือ ? " องค์ชายสามพูดขึ้นอย่างรู้สึกเสียใจ
"เป็นข้าที่ผิดเอง หากเขากลับมาได้ ข้าจะเป็นฝ่ายขอโทษในความไร้มารยาทนี้ด้วยตนเอง" องค์ชายสามหันไปพูดกับคารีสอย่างรู้สึกเสียใจ
"องค์ชาย!" กาเร็ทที่ได้ยินดังนั้นถึงกับท้วงขึ้นอย่างตกตะลึง
"อย่าได้พูดสิ่งใดในตอนนี้ กาเร็ท ข้ามีความอดทนจำกัดนัก ต่อให้ข้าเห็นเจ้าเป็นเพื่อนก็ตาม" องค์ชายสามมีท่าทีกรุ่นโกรธที่ก่อนหน้านี้ กาเร็ทมีท่าที ที่จะปล่อยให้วาเลนตกตาย ไปในดงหมาป่าดำนิลกาฬ
"ช่างเรื่องนี้ไปก่อนเถอะ องค์ชาย คุณชายเจ็ดของข้า ไม่ได้มีดีเท่าที่เห็น เราเร่งจัดการปัญหาตรงหน้าก่อนจะดีกว่า " คารีสยิ้มอย่างภาคภูมิใจ ที่คนอื่น ๆ เริ่มให้ความสำคัญกับคุณชายของตน และเหนือสิ่งอื่นใด คือ องค์ชายสามคนนี้ เป็นคนดีใช้ได้คนหนึ่ง ทีเดียว
หมาป่าดำนิลกาฬระส่ำระสายทันทีที่ไร้ผู้นำ แต่เพียงไม่นาน มันก็เริ่มดึงสัญชาติญาณของผู้ล่ากลับคืนมา อย่างรวดเร็วแต่ถึงอย่างนั้น การไม่มีจ่าฝูงสั่งการ ก็สร้างความสับสนอลหม่านให้กับพวกมันไม่น้อย
ในขณะที่พวกมันยังสับสนอยู่นั้น คารีสก็เห็นถึงโอกาสจัดการทันที ประกายสายฟ้ากระพริบวาบพุ่งออกจากฝ่ามือน้อย ๆ เข้าหา แนวหน้าของหมาป่าที่ห้อมล้อมอยู่อย่างรวดเร็ว ก่อนที่มันจะมีโอกาสได้ตั้งตัว แนวหน้าเกือบยี่สิบตัวล้วนล้มลง บาดเจ็บเกือบตาย ภายใต้การโจมตีเดียว!! ของคารีส
-------------------------------------------------------------------------------------
ขอโทษที่หายไปหลายวันนะครับ พอดีติดงานยาวเลย แล้วตั้งแต่วันนี้ จนถึงวันอังคาร เป็นช่วงสอบ จะไม่ได้มาลงครับ หลังช่วงนี้ไปจะมาลงชดเชยให้นะครับผม จุ๊บ ๆ
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

แหม่ ชื่อเสียตัวเองก็ใช่ย่อย
เขาถึงทำแบบไม่เห็นค่า
ควรจะพิสูจน์ตัวเองสิ แล้วมาชิลๆ ขั้นพลังไม่บอก เขาก็ต้องประเมิณไว้ต่ำ ไม่ใช่ไม่เห็นค่าแต่ทำตัวเองให้ดูไม่มีค่าเองน่าจะไม่มีสิทธิ์ไปว่าเขาไม่เห็นค่านะ
รออยู่เด้ออออ
น่าจะจับเป็นเอามาช่วยงานได้นะเนี่ย