ตอนที่ 22 : คนสวน กับต่างโลก ภาค พิภพพฤกษา ตอนที่ 22 ฝึกฝน
คนสวน กับต่างโลก ภาค พิภพพฤกษา ตอนที่ 22 ฝึกฝน
ในขณะที่เทศกาลล่าอสูรก็ใกล้ถึงเข้ามาทุกขณะ ผู้เยาว์ทุกคนก็ต่างเร่งฝึกฝนตัวเองอย่างไม่ลดละ แข่งกับเวลาที่มีอยู่อย่างจำกัด
วาเลนก็เช่นกัน เขาแจ้งเจตจำนงในการเข้าร่วมครั้งนี้ให้กับมารดาและอาจารย์ของเขาได้รับทราบ นั่นจึงเป็นเหตุผลให้ทั้งตัวเขาและคารีส ถูกเคี่ยวกรำอย่างหนักหน่วง จนแทบไม่มีเวลาหยุดพัก หายใจ
ทั้งสองคนแทบไม่เจอหน้ากันเลยในแต่ละวัน คารีสถูกหนึ่งในสหายของผู้อาวุโสเอียนนำไปฝึกฝนเรื่องการล่า แน่นอนว่าผู้อาวุโสท่านนั้น เป็นหนึ่งในนักล่าที่มีฝีมือคนหนึ่งของตระกูล ผู้อาวุโสเอียนแทบไม่ต้องขอร้อง หรือต้องพูดสิ่งใด ผู้เยาว์ที่ปลุกพลังเวทย์ธาตุพิเศษ อย่างสายฟ้าขึ้นมาได้ คือผู้ที่มีคุณสมบัติของนักล่าขั้นสูงสุด และมีแต่ผู้ต้องการตัว เปรียบได้ดังสมบัติล้ำค่า ที่ผู้คนไขว้คว้าหา มาครอบครอง
ส่วนวาเลนนั้น เขาปฏิเสธหัวชนฝา ที่จะเข้ารับการฝึกในทำนองเดียวกันนั้น เด็กน้อยยังคงมุ่งมั่น เลือกที่จะหันเข้าหาศาสตร์แห่งการปรุงยาเพียงอย่างเดียว
นี่ทำให้ผู้อาวุโสเอียนภูมิใจในตัวศิษย์คนนี้เป็นอย่างมาก นับวันเด็กน้อยก็ค่อย ๆ กลายเป็นศิษย์ที่ผู้อาวุโสชรารักใคร่เอ็นดูจนออกหน้าออกตา มากที่สุด
คุณชายเจ็ดไม่ใช่ตัวตนที่คนในตระกูลรังเกลียดทั้งหมดอีกต่อไป ตอนนี้เขามีสหาย เพิ่มขึ้นมากมายจากหอโอสถ ผู้เยาว์ที่สามารถสอบผ่านเป็นถึงผู้คุมได้อย่างเขานั้น สร้างแรงบันดาลใจ ให้กับหลาย ๆ คนเป็นอย่างมาก วาเลนมีความคิดที่จะสร้างให้หอโอสถมีฐานอำนาจขึ้นมาทัดเทียมกับหอนักล่าของตระกูล
และผู้เยาว์อีกหลาย ๆ คนเช่นกันที่หันมาขอคำปรึกษาละทิ้งอคติแต่เก่าก่อน จนทำให้เลื่อนระดับได้อย่างรวดเร็ว ทำให้เป็นที่ประจักษ์แล้วว่า คุณชายเจ็ดไม่ใช่คนโง่เง่าไร้ปัญญา ดังที่ได้เคยด่าว่าดูถูกอีกต่อไป
"วันนี้พอแค่นี้ก่อน....."ผู้อาวุโสเอียนมองผลงานของวาเลนตรงหน้าอย่างพึงพอใจ ชายชรายิ้มเต็มใบหน้าอย่างมีความสุข การมีศิษย์ที่อัจฉริยะ นั้นน่าภาคภูมิใจเสมอ
"อาจารย์ของเจ้าอีกคนนั้น เริ่มตัดพ้อข้าแล้ว.....น่าขันยิ่งนัก เสนอตัวขันอาสา แล้วยังกล้ามาว่าข้าอีก"ผู้อาวุโสเอียนถอนหายใจอย่างนึกฉุน กับสหายเฒ่าของเขา
วาเลนยิ้มแล้วไม่พูดสิ่งใด อาจารย์อีกคนของเขาที่ผู้อาวุโสเอียนพูดถึงนั้นก็คือ ผู้อาวุโสเมลล์ หรือผู้อาวุโสหอสมุดนั่นเอง
เมื่อผู้อาวุโสหอสมุด รู้ข่าวจากผู้อาวุโสเอียนว่าเขาจะเข้าร่วมเทศกาลล่าอสูร นั่นสร้างความตกใจอย่างใหญ่หลวงให้กับชายชราไม่แพ้บรรดา คนอื่น ๆ
ผู้อาวุโสเมลล์ตัดสินใจอย่างไม่ให้วาเลนได้มีโอกาสเลือก ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่าง ๆ รวมทั้งสถานที่อันตราย ทั้งหลายในป่า ที่ผู้อาวุโสเมลล์ สามารถค้นหามาได้ ถูกรวบรวมเอาไว้ไม่ต่ำกว่ายี่สิบเล่ม
ผู้อาวุโสเมลล์ยืนยันว่าไม่ว่ายังไงวาเลนต้องอ่านให้หมดอย่างน้อย ๆ ก็ครึ่งหนึ่งถึงจะเบาใจ ซึ่งวาเลนไม่ได้มีท่าทีอิดออดแต่อย่างใด ยิ่งสร้างความประทับใจ ให้กับชายชรายิ่งขึ้นไปอีก
เมื่อถึงเวลา ผู้อาวุโสเมลล์ ยกคำถามจากหนังสือที่เอามาให้วาเลนอ่าน เป็นการทดสอบความรู้ ปรากฎว่าวาเลนสามารถตอบได้ทั้งหมด จนชายชราไม่สามารถรักษาอาการตกตะลึงเอาไว้ได้ ถึงกลับกล่าวว่า วาเลนคือนักปราชญ์ในตำนาน ที่กลับชาติมาเกิด พร้อมทั้งชักชวนให้เขาหันเห หนทางมาศึกษาศาสตร์แห่งอักษรแทนหนทางแห่งการปรุงยา เสียอย่างนั้น
"ข้ารู้ว่าเจ้านั้นลำบากใจ.....แต่ข้าก็มิได้ถึงกับให้เจ้าเลิกปรุงยา เอาเป็นว่า ข้าเสียดายสมองของอัจฉริยะเช่นเจ้า เพียงลองเปิดใจแบ่งมาศึกษาศาสตร์นี้ดูบ้างเท่านั้น"ผู้อาวุโสเมลล์เกลี่ยกล่อมพร้อมกับทำท่าหนักใจ
"ผู้อาวุโส ท่านกล่าวเกินไปแล้ว ผู้เยาว์นับเป็นเกียรติอย่างมาก และไม่ได้ลำบากใจแต่อย่างใด ข้าจะแบ่งเวลามาศึกษาอย่างแน่นอน ขอท่านวางใจ" วาเลนยิ้มรับก่อนจะคำนับให้อย่างยินดี
"ดี...เมื่อเป็นเช่นนั้น หากข้าจะมีของรับขวัญศิษย์ ก็คงจะไม่มีใครว่าได้แต่อย่างใด"ผู้อาวุโสเมลล์ ยิ้ม ก่อนจะหันไปคว้าศิลาอักษร สำหรับบันทึกข้อความ ทันที
"เจ้าอยากได้สิ่งใด.....สัตว์วิเศษในเขตต้องห้ามดีไหม ? หรือ ศาสตราวิเศษ ดี! อย่าทำหน้าอย่านั้น ข้าให้มันกับเจ้าได้จริง ๆ"ผู้อาวุโสเมลล์รีบบอกอย่างเร่งร้อน เมื่อเห็นวาเลนขมวดคิ้วน้อย ๆราวกับไม่เชื่อ เมื่อได้ยินเรื่องการให้ของขวัญรับศิษย์
นี่เป็นหนึ่งเหตุผลที่ผู้อาวุโสเอียนไม่ทักท้วงเรื่องการขอรับศิษย์ซ้ำซ้อนกับตน สหายเฒ่าของเขาผู้นี้นั้นมีความลับมากมาย ชายชราผู้นี้ไม่เคยมีศิษย์รับใช้แม้สักคนเดียว สิทธิพิเศษต่าง ๆ ที่ศิษย์ของผู้อาวุโสเมลล์ควรได้นั้นยังไม่เคยถูกแจกจ่ายแต่อย่างใด เป็นไปได้ว่ามันอาจถูกใช้ไปกับวาเลนจนหมดแน่ ๆ
"เจ้าต้องมีสิ่งเหล่านี้ติดตัวไว้บ้าง ข้าได้ข่าวว่า คุณชายสามเพิ่งได้รับ สัตว์อสูรวิเศษระดับต่ำหนึ่งตัว เพื่อเข้าร่วมงานเทศกาลล่า นี่นับว่าไม่ถูกต้องนักสำหรับผู้เยาว์คนอื่น ๆ ไหนจะแส้อสรพิษดำ ยุทธภัณฑ์ระดับทองแดงขั้นกลางอีก นี่นับว่าลำเอียงจนเกินไป ข้ามิอาจทำใจรับได้ ดังนั้นข้าจึงต้องการอย่างหนึ่ง อย่างใด ที่มันสามารถทัดเทียมได้ ให้กับเจ้าบ้าง เจ้าสามารถบอกข้าได้ แม้ว่าข้าจะให้ได้เพียงอย่างเดียว แต่มันก็ทรงพลังพอช่วยเจ้าให้เอาชีวิตรอดในป่าได้อย่างแน่นอน" วาเลนซึ้งใจในความห่วงใยของผู้อาวุโสท่านนี้เป็นอย่างมาก
"ข้ามีสัตว์อสูรคู่ใจอยู่แล้ว ท่านอาจารย์ ถ้าท่านจะกรุณา ข้าขอเป็นศาสตราวุธวิเศษแทนก็แล้วกัน" วาเลนตอบกลับ
"สัตว์อสูรคู่ใจ หากมันยังไม่เติบใหญ่ คาดว่ามันคงมิสามารถช่วยอะไรเจ้าได้มากนัก จริง ๆ แล้วข้าคิดว่าการมอบสัตว์อสูรวิเศษให้เจ้าจะดีกว่ามาก แต่เมื่อเจ้าต้องการศาสตราวุธ อย่างนั้นข้าก็จะไม่ขัดใจ นำสิ่งนี้ไปมอบให้กับหอหลอมศาสตรา พวกเขาจะพาเจ้าไปยังโรงเก็บศาสตราวิเศษ"ผู้อาวุโสเมลล์ยื่นศิลาอักษรที่เขาบันทึกข้อความลงไปส่งให้กับวาเลน
"ศิษย์ขอขอบคุณท่านอาจารย์ "วาเลนรับศิลาก่อนจะโค้งหัวขอบคุณผู้อาวุโสห้องสมุดอย่างนอบน้อม
วาเลนเก็บศิลาอักษรไว้อย่างดี เมื่อออกจากหอสมุด เขายังพอมีเวลาที่จะไปยังหอหลอมศาสตราและนำเอาอาวุธวิเศษกลับมาช่วยในการยกระดับการฝึกได้
วาเลนเคลื่อนกายด้วยท่าเท้าสายลม หนึ่งในเวทมนต์ธาตุลมที่เขาถนัด ร่างน้อย ๆ ของเขาพุ่งหายไปจนเหลือทิ้งไว้เพียงภาพติดตา
ร่างของวาเลนโผล่มายังหอหลอมศาสตรา เขายื่นศิลาให้ผู้คุมด้านหน้า โดยไม่พูดสิ่งใด ผู้คุมคนนี้เมื่อเห็นหน้าก็จำได้ทันทีว่าเด็กน้อย เบื้องหน้าเป็นใคร เขาก้มดูศิลาอักษรใกล้ ๆ ก่อนจะพยักหน้าเป็นเชิงให้วาเลนตามเข้าไปด้านในทันที
"นั่นคือสิ่งที่ท่านสามารถเลือกนำไปได้ นี่คือศาสตราส่วนใหญ่ที่ตระกูลมี"ผู้คุมหอหลอมศาสตราเอ่ยบอกกับวาเลน
วาเลนเหลือบมองไปอีกทาง ทางที่เขาสัมผัสได้ถึงพลังงานแปลกประหลาดแต่กลับให้ความรู้สึกที่คุ้นเคยกระจายตัวไปทั่วทั้งบริเวณ โดยรอบห้อง
ผู้คุมมองตามสายตาของวาเลน เขาอดที่จะยกยิ้มขึ้นมาไม่ได้ เด็กน้อยคนนี้ช่างมีสัมผัสที่ฉับไวเสียจริง ในช่วงอายุที่เท่ากันนั้น เขาแทบไม่เคยเจอผู้เยาว์คนไหน ที่จะใส่ใจกับห้องเก็บอาวุธอีกทางหนึ่งมาก่อน
แท้จริงแล้วแม้แต่อาวุธก็ถูกแบ่งออกเป็นชนิดและระดับเหมือนกัน แทบทุกสิ่งถูกจัดสรรคเพื่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนที่เท่าเทียม
อาวุธวิเศษนั้นถูกแบ่งออกเป็นสองชนิดหลัก ๆ ด้วยกัน นั่นคือ ศาสตราวุธ และ ยุทธภัณฑ์วิญญาณ
เรียกได้ว่าทั้งสองอย่างนั้นทรงพลังพอ ๆ กัน แต่มันถูกแบ่งโดย นักหลอม เพื่อให้รู้แจ้งถึงแหล่งที่มาที่แท้จริงเพียงเท่านั้น
ศาสตราวุธนั้นคือ (อาวุธวิเศษที่ถูกหลอมตีขึ้นมาโดยวัสดุที่มีอำนาจ) มันจะไม่แปลงสภาพเป็นรูปทรงอื่น จะต่างจากยุทธภัณฑ์ ที่บรรจุอำนาจแห่งวิญญาณลงไป มันสามารถแปลงสภาพได้ ตามอำนาจวิญญาณ ของพวกมัน
ด้วยความต่างกันนี้ อาวุธจึงถูกแบ่งเรียกด้วยถ้อยคำง่าย ๆ ว่า ศาสตราวุธและยุทธภัณฑ์วิญญาณ
แต่หากพูดถึงพลังอำนาจของพวกมันนั้นก็มินับว่าแตกต่างกันมากสักเท่าไหร่
สัมผัสแห่งวิญญาณที่วาเลนสัมผัสได้จึงเป็นกระไอพลังของยุทธภัณฑ์อย่างไม่ต้องสงสัย ถึงจะแปลกใจแต่เด็กน้อยก็ไม่ได้ถามสิ่งใดต่อ เขาละสายตาก่อนจะมุ่งหน้าสู่ห้องศาสตราวุธทันที
ผู้คุมรู้สึกเสียดาย น้อยคนที่จะสัมผัสได้ถึงพลังวิญญาณในยุทธภัณฑ์ ถึงแม้ว่าอาวุธทั้งสองจะมีพลังที่ไม่ทิ้งห่างกัน แต่หากนับไปนั้น ยุทธภัณฑ์จะเหนือกว่าเล็กน้อย ที่เป็นเช่นนั้นเพราะวิญญาณส่วนใหญ่ที่บรรจุในอาวุธนั้นมีสติปัญญา และต่อให้ทรงพลังน้อยกว่าแต่มันสามารถพลิกสถานการณ์ได้ด้วยประสบการณ์ แต่ห้องเก็บยุทธภัณฑ์นั้นถูกจำกัดการใช้ไว้ชั่วคราว สิ่งเหล่านี้ถูกสงวนเก็บไว้ให้ผู้มีพรสวรรค์แต่เพียงเท่านั้น ซึ่งการจะครอบครองมันจะต้องได้รับอนุญาตจากผู้นำตระกูล
วาเลนเดินมองไปรอบ ๆ ห้องเก็บศาสตราวุธหนึ่งรอบ มือน้อยหยิบจับไปตามด้ามอาวุธที่เขาสนใจ อันแล้วอันเล่า และตามนิสัยของเขา วาเลนย่อมรับเอาสิ่งที่ดีที่สุด
เด็กน้อยมาหยุดอยู่ด้านหน้า ศาสตราชิ้นหนึ่ง มันคือ หอกที่รูปทรงดูธรรมดา แต่ทว่ามันกลับซ่อนเร้นพลังที่แท้จริงเอาไว้
ภายใต้ความธรรมดานี้ มีสิ่งที่ไม่ธรรมดาซ่อนอยู่ สัญลักษณ์ประหลาดกระจายอำนาจอันแผ่วเบาออกมา มิคาดว่าเขาจะเจอเข้ากับศาสตราที่บรรพบุรุษนักหลอมของตระกูลได้ทิ้งเอาไว้
มันคือศาสตราชิ้นสุดท้ายที่ถูกสังเวยไว้ด้วยดวงวิญญาณ อาวุธที่ถูกสลักไว้ด้วยสัญลักษณ์แห่งพลังนี้ คือ จุดจบของตำนานแห่งการหลอมศาสตราของตระกูล มันคืออาวุธชิ้นเดียว และชิ้นสุดท้าย ที่บรรพบุรุษผู้นั้นได้ทิ้งเอาไว้ ก่อนที่จะจากไปอย่างไม่มีวันหวนคืน
เรื่องนี้เหล่าผู้อาวุโสเก่าแก่จะรู้ดีที่สุด การยุ่งเกี่ยวกับสัญลักษณ์แห่งพลังโดยไม่ตระหนักถึงความอันตรายของมัน ในอดีตคนเหล่านั้นล้วนตกตายก่อนที่จะได้ประสบพบเห็นความสำเร็จของตน เสียอีก
ผู้คุมหอหลอมศาสตรา จ้องมองวาเลนตาไม่กระพริบ เขาคือหนึ่งในคนที่ไม่รู้เรื่องราวเหล่านี้ และสำหรับเขา นี่คือหอกธรรมดา ๆ แต่มันกลับให้ความรู้สึกที่ไม่ธรรมดาเมื่อมาอยู่ในมือของเด็กน้อย น่าแปลกจริง ๆ
"ข้าขอรับเอาหอกเล่มนี้ ท่านผู้คุม"วาเลนจับพลิกดูไปมา สายตาของเขาแทบไม่ละไปจากสัญลักษณ์แปลก ๆ บนตัวหอกแม้แต่น้อย
"เช่นนั้นก็นำไปเถิด....มันเป็นของท่านแล้ว ศิลาอักษรนี้ข้าคงต้องขอเก็บเอาไว้ ไม่มีความจำเป็นใด ๆ ที่ท่านต้องใช้มันอีก" ผู้คุมพูดพลางเก็บศิลาอักษรเอาไว้ทันที
"เช่นนั้นข้าขอตัว" วาเลนนำหอกเล่มนี้เดินพาดบ่าออกมา จากหอหลอมศาสตรา เขาแทบทนรอไม่ไหวที่จะได้ทดสอบพลังของมัน
วาเลนลูบคลำสัญลักษณ์นี้อย่างดีใจ สัญลักษณ์เหล่านี้มีพลังบางส่วนจากอักษรรูน สัญลักษณ์แห่งพลังเปรียบไปก็คืออักษรรูนในรูปแบบคัดย่อ ถึงมันจะไม่สามารถแสดงพลังทั้งหมดของอักษรโบราณเหล่านี้ออกมาได้ แต่ใช่ว่าใคร ๆ จะมีมันได้ทุกคน
วาเลนเคลื่อนกายอย่างว่องไว หายไปราวภูตผี ภาพติดตาของเขาผลุบโผล่ ตรงนั้นที ตรงนี้ที ก่อนจะหายไปอย่างรวดเร็ว
ร่างเล็กมาหยุดยืนกลางอากาศ เหนือเขตชายป่าใกล้ ๆ เรือนที่เจ็ดของเขา ก่อนจะสอดส่ายสายตาหาบางสิ่งบางอย่างทันที นัตย์ตาของเขาพราวระยับเมื่อพบกับสิ่งที่ตามหา
มือน้อยของวาเลนเหวี่ยงหอกในมือออกไปราวกับไม่ใส่ใจ เมื่อมันพุ่งทะลวงไปในอากาศ มันราวกับไม่สามารถบังคับทิศทางของตัวมันเองได้ วาเลนวางเป้าหมายจริง ๆ ไว้ที่นกน้อยตัวหนึ่ง แต่ดูเหมือนกับว่าคมหอกจะพลาดท่า พุ่งเฉียงออกไปไม่เข้าเป้า นกตัวน้อยตกใจตีปีกบินหนีไปอย่างรวดเร็ว ทันที
วาเลนเห็นดังนั้นจึงยกมือขึ้น ชี้นิ้วไปในอากาศที่ว่างเปล่า ก่อนจะเปล่งภาษาที่แปลกประหลาดออกมาเสียงดัง
"ติดตาม" สัญลักษณ์บนตัวหอกเปล่งประกาย บังเกิดคลื่นเสียงสั่นสะเทือนอากาศดังสะท้อนออกมาจากตัวหอก
หอกที่เด็กน้อยขว้างออกไปนั้น มันระเบิดพลังความเร็วจนถึงขีดสุด ปลายหอกพุ่งทะลวงเชือดเฉือนอากาศจนรอบด้านลุกเป็นเปลวไฟ ทิ้งรอยแผลสีขาวไว้เป็นทางยาว
ปลายหอกราวกับหัวของอสรพิษ มันบิดหันเบี่ยงทิศทางและพุ่งทะลวงติดตามนกน้อยตัวนั้นไปอย่างรวดเร็ว ราวกับมีชีวิต
วาเลนหลับตาเมื่อรู้ว่าผลที่ออกมาจะเป็นเช่นไร
สวบ ตึงงงง
ร่างของนกผู้โชคร้ายถูกปลายหอกปักแน่นคาไว้กับพื้นดินไม่ไกลจากตัวของเขา ดวงตาของวาเลนค่อย ๆ ลืมขึ้นช้า ๆ ประกายในดวงตาไม่หวั่นไหว ถึงเขาจะไม่นิยมชมชอบ การไล่ล่าหรือการฆ่าสังหาร แต่หากเมื่อใดที่ถึงคราวที่ต้องทำ วาเลนกับไม่มีท่าทีลังเล
ตอนนี้เด็กน้อยมั่นใจในบางสิ่งแล้วว่า ถึงมันจะเป็นศาสตราวุธในระดับทองแดงขั้นต่ำ แต่ยามเมื่อมันถูกกวัดแกว่งและสำแดงสัญลักษณ์แห่งพลัง มันจะปลดขีดจำกัดของตัวเองจนกลายเป็น ศาสตราวุธระดับทองแดงขั้นสูงได้ในทันที แต่สัญลักษณ์แห่งพลังที่ไม่สมบูรณ์นี้ไม่สามารถคงอยู่ได้นาน มันมีขีดจำกัดด้านเวลาเข้ามาเกี่ยวข้อง วาเลนพยักหน้าน้อย ๆ อย่างพึงพอใจ สัญลักษณ์แห่งพลังนี้จะช่วยให้มันเป็นเปล่งพลังที่ไร้ขีดจำกัดออกมาได้ช่วงระยะเวลาหนึ่งเท่านั้น แต่มันก็เพียงพอที่จะสังหารได้อย่างฉับไว
สัญลักษณ์แห่งพลังที่ถูกสลักไว้ มันคือสัญลักษณ์ อักษรย่อของภาษารูนโบราณที่แปลว่า ติดตาม และนับเป็นฝันร้ายของศัตรูที่วาเลนได้เห็นถึงอานุภาพของมันแล้ว และเข้าใจได้ในทันทีถึงวิธีที่จะใช้งาน และเมื่อมันถูกสลักลงบนศาสตราวิเศษชิ้นนี้ จึงทำให้มันมีพลังที่สามารถติดตามศัตรูได้ นี่นับเป็นความโชคร้ายอย่างมากมายมหาศาล หากต้องรับมือกับมัน
“หึหึหึ ศาสตราที่ไม่พลาดเป้า และเจ้าแห่งการกวัดแกว่ง นี่คงเป็นสิ่งที่บรรพบุรุษนักหลอมหวังและต้องการที่จะให้มันเป็นซินะ ถ้าอย่างนั้นข้าก็จะให้ชื่อมันว่า ......กุงนีร์”
------------------------------------------------------------------------
ระดับศาสตราวุธวิเศษ (อาวุธวิเศษคงสภาพ)
ระดับทองแดง
ระดับเงิน
ระดับทอง
ระดับเพชร
ศาสตราเทพเจ้า
ระดับยุทธภัณฑ์วิญญาณ (อาวุธวิเศษบรรจุวิญญาณแปลงสภาพ )
ยุทธภัณฑ์ระดับทองแดง
ยุทธภัณฑ์ระดับเงิน
ยุทธภัณฑ์ระดับทอง
ยุทธภัณฑ์ระดับเพชร
ยุทธภัณฑ์ระดับสวรรค์
**ในแต่ละระดับจะถูกแบ่งออกเป็นอีก สามขั้นย่อย ๆ คือ ต่ำ กลาง และสูง นะครับ
----------------------
ขอบคุณทุกคอมเม้นต์ และทุกกำลังใจนะครับ
โดยเฉพาะคนที่มาอุดหนุนผลงานของนักเขียนโนเนมคนนี้
ขอบคุณมากครับ
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ต้องขอโทษด้วยในฐานะรี้ด ที่ไปก้าวก่ายเนื้อหาแต่ทันจัดจริงๆ
เป็นนิยายที่ครบเครื่องมากกกกก สนุกมากกกกกกกกกกกๆๆๆๆๆๆๆๆ
ได้ชื่อหอกในตำนานซ่ะด้วย
ขอบคุณค่ะ
Merry Christmas
หายไปนานเลย. ขอบคุณครับรออยู่ๆ
ถ้าหอกแดงๆ แทงเข้าหัวใจเป็นหลัก ต้อง เกโบล สิ
นี่ย่อมาจาก ลองกินุสรึเปล่า?
เอ๊ะหรือไม่ใช่ เราก็เดาไปงั้นนน
ขอบคุณมากกกค่าา
เราก็ไม่แม่นเรื่องพวกนี้เท่าไหร่