ตอนที่ 14 : คนสวน กับต่างโลก ภาค พิภพพฤกษา ตอนที่ 14 สมุนไพรระดับเงิน
คนสวน กับต่างโลก ภาค พิภพพฤกษา ตอนที่ 14 สมุนไพรระดับเงิน
ณ ผืนป่าที่กว้างไกลสุดสายตา เขตรอยต่อของตระกูลโอเดลรอส ชายหนุ่มท่าทางสง่าในชุดของราชวงศ์กรีนแลนด์ ยืนเหนือกิ่งไม้ต้นที่สูงใหญ่ที่สุด มองไปยัง ขบวนของปักษาครามที่เต็มลานหน้าตระกูลโอเดลรอส อย่างใจเย็น
ชายชุดคลุมลายปักษาสีเงิน ปักด้วยดิ้นสีทอง ปลิวสะบัดตามแรงลม ที่พัดกระทบเอื่อย ๆ บนไหล่ของชายหนุ่ม ปรากฎ วิหคสีน้ำเงิน ตัวใหญ่เกาะอยู่ มันใช้จงอยปากขัดถูกับเล็บเท้าของมันอย่างขมักเขม่น
ชายหนุ่มยิ้มพลางเหลือบมองมันอย่างเอ็นดูก่อนจะเอื้อมมือมาลูบหัวของมันอย่างแผ่วเบา อสูรวิหคเงยหน้าน้อย ๆ ของมันจ้องมอง ก่อนจะเอาหัวของมันถูไถล อย่างออดอ้อน
"ท่านพี่มักจะคิดเสมอว่าตนนั้นเดินนำคนอื่นอยู่หนึ่งก้าว ไม่มีใครเท่าทันความคิดของเขาได้ แต่นั่นแหละยิ่งดี ให้ความมั่นใจนี้ได้ทำลายตัวของมันเอง"ชายหนุ่มพูดขึ้นก่อนจะเหยียดยิ้ม อย่างเย้ยหยัน
ชายหนุ่มผู้นี้คือ องค์ชายสอง ของราชวงศ์ กรีนแลนด์ เขามาถึงยังที่แห่งนี้นานกว่าองค์ชายหนึ่ง เกือบครึ่งชั่วโมง
"เจ้ามีความมั่นใจมากน้อยแค่ไหน กับชัยชนะในครั้งนี้ อิกลาน โอเดลรอส" ชายหนุ่มถามชายหนุ่มอีกคนที่ยืนถัดลงไปยังกิ่งไม้เบื้องล่าง
"ข้ามีความมั่นใจในระดับหนึ่งองค์ชายหากมันเป็นไปตามแผนของข้า"อิกลาน หรือคุณชายห้าของตระกูล ญาติผู้พี่ของวาเลนพูดตอบรับ
"ไปดำเนินการตามแผนของเจ้าซะ ข้าไม่ต้องการให้ผิดพลาด หากครั้งนี้สำเร็จเจ้าไม่ต้องกลัวว่าจะได้รับผลตอบแทนไม่คุ้มค่า ข้าจะจัดรางวัลให้เจ้าอย่างงามเลยทีเดียว" สิ้นคำพูด คุณชายห้าพลันเหยียดยิ้มรับ ก่อนจะค้อมหัวคำนับน้อยๆ แล้วจากไปทันที
"ข้าก็ต้องเริ่มแผนของตนเองเช่นกัน มาเถอะอาราน ถึงเวลาไปเยี่ยมเยียนเพื่อนเก่าของเจ้าแล้ว"นัตย์ตาเยียบเย็นขององค์ชายสองเปร่งประกายวาวโรจน์ จับจ้องไปยังวิหคสีดำที่บินลับหายเข้าไปในผืนป่ากว้างใหญ่
วิหคสีน้ำเงินเมื่อได้ยินเสียงเรียกของคู่หู ก็พลันสยายปีกขนาดใหญ่ของมันถลาพุ่งตามไปทันที ประกายของเหล็กที่แหลมคมล้อกับแสงอาทิตย์เป็นประกายวิบวับถูกประดับติดไว้บนกรงเล็บ และปีก ของมัน
วิหคที่สวยงามแต่ยามนี้มันถูกติดอาวุธจึงเปรียบได้กับพยัคฆ์เสริมเขี้ยวเล็บ
จุดเด่นของพวกมันอยู่ที่พวงหางอันงดงามหาที่เปรียบมิได้ ไม่มีวิหคสายพันธุ์ใดจะมีพวงหาที่งดงามไปกว่าพวกมันอีกแล้ว มันจึงถูกขนานนามว่า "มยุราสวรรค์" ตระกูลสูงสุดของอสูรนกยูง แต่ยามนี้ แม้แต่พวงหางของมันก็เต็มไปด้วยอันตรายถึงชีวิต ใบมีดขนาดเล็ก นับร้อยราวกับใบมีดโกน ถูกประดับแซมขนของมันอย่างเป็นระเบียบ ราวกับถูกใช้เป็นอาวุธสังหารที่เหี้ยมโหด
"หากท่านคิดว่ามันเป็นเกมส์ ข้าก็จะเล่นเกมส์กับท่าน เกมส์ที่เดิมพันด้วยชีวิตยังไงล่ะ ฮ่า ฮ่า ฮ่า" องค์ชายสองหัวเราะอย่างชอบใจ
ไม่มีใครคาดคิด ว่าการแข่งขันของบรรดารัชทายาท ได้ถูกเริ่มก่อนที่สัญญาณแห่งฤดูการล่าจะมาถึงเสียอีก
พระราชวัง ราชวงศ์กรีนแลนด์
หากจะหาคนที่เดินเกมส์ช้า คงจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก องค์ชายเมอไรออท องค์ชายอันดับสามของราชวงศ์กรีนแลนด์
ศาสตราวุธพิเศษที่ถูกสั่งทำขึ้นมา ถูกเควี่ยงทะลุฝาผนังห้องอย่างรุนแรง เมื่อคู่หูคนสนิทกลับมารายงานว่า ขบวนของคณะปักษาครามของราชวงศ์ ขณะนี้ได้ถูกนำไปใช้โดยองค์ชายหนึ่งแล้ว
"ข้านึกอยู่แล้วเชียว ว่ามันต้องเป็นแบบนี้ ข้านี่มันไม่ได้เรื่องจริง ๆ " องค์ชายสามสบถอย่างหัวเสีย ก่อนจะหันไปมองสัตว์อสูรวิหคคู่บารมีของตนเองอย่างเศร้าสร้อย
"โครวของข้าไม่มีหวังเสียแล้ว กาเร็ท" สุรเสียงที่ผิดหวังและเสียใจถูกเอื้อนเอ่ยให้คนสนิทได้ฟัง
"องค์ชาย มีสุภาษิตที่ว่า เมื่อการรบยังไม่จบ อย่าเพิ่งนับศพไพร่พล มันนับเป็นเรื่องจริงถึงแปดส่วน คุณชายอลองเฟย์นับได้ว่าเป็นอัจฉริยะด้านนี้ก็จริง แต่ก็มิใช่ว่า จะมีเพียงหนึ่งเดียว ข้าได้ทาบทามคนผู้หนึ่งไว้ เขานับได้ว่าเป็นอัจฉริยะผู้หนึ่งเหมือนกัน ถ้าไม่นำมาเทียบกับคุณชายของตระกูลโอเดลรอส
"เจ้าหมายถึงใครกัน" องค์ชายสามถามขึ้นอย่างมีความหวังเล็ก ๆ
"กราดิส มอเดอร์ลีน ตระกูลผู้ฝึกสัตว์ ถึงแม้เขาจะไม่ได้เก่งกาจในเรื่องการล่า แต่ความรู้ความสามารถเรื่องสัตว์อสูร นับว่าโด่ดเด่นเป็นอย่างมาก หากเราหานักล่าที่เก่งกาจ แล้วให้ประกบคู่กับเขาก็นับว่าเรายังพอมีหวังนะองค์ชาย" กาเร็ทคู่หูคนสนิทเสนอ
"จริงสิ ข้ามัวแต่ให้ความผิดหวังบดบังปัญญา ข้านี่ใช้ไม่ได้เอาเสียเลย ขอบใจเจ้ามาก กาเร็ท" องค์ชายสามกลับมามีความหวังอีกครั้งก่อนจะหันกลับไปดึงศาสตราที่สั่งทำพิเศษ ออกจากกำแพง
"ข้าก็ควรจะช่วยเจ้าอีกแรง คราวนี้ก็เหลือนักล่าสินะ ข้าควรเตรียมการให้พร้อมกว่านี้ จะต้องมีคนที่เชี่ยวชาญด้านอื่น ๆ ในกลุ่มด้วย เผื่อพบเจอกับเรื่องฉุกเฉิน" กาเร็ทพยักหน้ารับ และลอบยิ้มอย่างยินดี สิ่งต่าง ๆ ล้วนทดแทนกันได้ มีเพียงกำลังใจและความหวังที่ไม่มีสิ่งใดทดแทนได้ หากขาดมันไป ความสำเร็จที่คาดหวังก็ยากนักที่จะได้ครอบครอง การดึงองค์ชายสามให้กลับมามีความหวังอีกครั้งคือสิ่งที่สำคัญที่สุด
ในขณะที่ความวุ่นวายของเหล่าราชวงศ์ดำเนินไป มีเด็กชายคนหนึ่งเพิ่งฟื้นจากการปลุกพลังเวทย์มนต์ เขาคือคุณชายเจ็ดของตระกูล วาเลนติโน่ โอเดลรอส
"ลุกไหวแล้วหรือ วาเลน" เด็กน้อยหันไปตามเสียงที่ไถ่ถามด้วยความเป็นห่วง ภาพที่เห็นคือ มารดาที่นั่งเฝ้าเขาและคาดว่าน่าจะเฝ้ามาทั้งคืน เธอปิดหนังสือในมือ แล้ววางไว้บนโต๊ะข้าง ๆ ก่อนจะลุกมาดูอาการของเขาอย่างฉับไว
"ข้ามิได้เป็นอะไรแล้ว ท่านแม่" วาเลนตอบพลางยิ้มให้อย่างซาบซึ้งใจ
"เจ้าควรจะพักให้มาก ๆ ก่อน เจ้าผ่านอะไรมามากจริง ๆ"ท่านหญิงวิเรร่า ไม่มีวันลืมความทุกข์ทรมานของบุตรชายได้ลง เมื่อลูกเจ็บปวดมากเท่าไหร่ ผู้เป็นแม่ก็เจ็บร้าวไปทั้งใจมากกว่าสองเท่า
"ข้าพักมาพอแล้วจริง ๆ ท่านแม่ ตอนนี้ข้าอยากจะออกไปสูดอากาศเสียหน่อย รู้สึกราวกับอุดอู้ในห้องมานับปี " วาเลนพูดเล่นกับมารดาอย่างอารมณ์ดี
"เอาสิ ก็ดีเหมือนกัน จะได้สูดอากาศบริสุทธิ์เสียบ้าง" ท่านหญิงวิเรร่า พยักหน้าอนุญาตอย่างตามใจบุตร ก่อนจะเดินออกไปจากห้อง
วาเลนเปลี่ยนเสื้อผ้าอย่างรวดเร็วก่อนจะออกจากห้องทันที เขาเดินไปเรื่อย ๆ อย่างไร้จุดหมาย ปล่อยใจไปกับธรรมชาติรอบ ๆ กาย มารู้ตัวอีกทีก็เดินมาถึงสถานที่ ๆ คุ้นเคย
แปลงสมุนไพร สถานที่แรกแห่งความทรงจำในร่างใหม่ของเขา มันก็ยังเป็นเช่นเดิมเหมือนที่เคยเป็นมา
จะแปลกตรงที่ว่า วาเลนกับได้ยินเสียงราวกับการสื่อสารทางใจ ที่ชัดเจน จากต้นไม้ ใบหญ้ารอบ ๆ มันคือการเปิดออกถึงขุมพลังและขุมความรู้ขนาดใหญ่โดยไม่ต้องใช้สัมผัสพิเศษเข้าช่วยเหมือนก่อน
ราวกับต้นไม้ใบหญ้าเหล่านี้ ล้วนเป็นหนึ่งเดียวกับเขา มันโอนอ่อน และตอบรับอย่างยินดี เสียงบรรเลง จากการโยกไหว และเสียดสีของใบไม้เป็นท่วงทำนองที่ไพเราะ อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
นี่อาจเป็นผลจากการปลุกพลังธาตุพิเศษอย่างธาตุพฤกษาขึ้นมาก็ได้ มันสร้างสัมผัสทางใจ ระหว่างวาเลนและสิ่งมีชีวิตพืชพันธุ์ขึ้นมา ช่างน่าประหลาดนัก
หากเทียบกับก่อนหน้านี้ วาเลนจะเข้าถึงขุมความรู้ของสมุนไพรได้ ก็ต้องมาจากการสัมผัสโดยตรง หรือ ชุดความรู้ที่ได้จากการแตะอ่านบันทึกเท่านั้น
แต่ตอนนี้เกิดความแตกต่างขึ้น ความสามารถหลังปลุกพลังธาตุพฤกษานี้ เพียงวาเลนปรายตามองผ่าน ก็สามารถรับรู้ถึงข้อมูลโดยตรงของพืชพันธ์ต่าง ๆ ได้อย่างสมบูรณ์ ราวกับเขาเป็นเชื้อสายของเหล่าทวยเทพพฤกษา เทพผู้ให้กำเนิดเหล่าพืชพันธุ์ทั้งมวลก็ไม่ปาน!
แววตาของเด็กน้อยเปล่งประกายสดใส ภายในจิตใจปรากฎความตื่นเต้นเหลือคนานับ นี่จะเป็นครั้งแรกที่วาเลนจะทดลองใช้พลัง หลักจากผ่านการปลุกพลังเวทย์ที่แสนทรมานมาได้
ความวิเศษของการปลุกพลังโดยการแปลงโลหิต อีกอย่างคือ ผู้ปลุกพลังจะได้รับทั้งพลังและคลังความรู้บางส่วนของเจ้าของโลหิต มันย่นเวลาในการเรียนรู้ไปได้มากเลยทีเดียว สิ่งนี้เองจึงทำให้โดมมายากฎสวรรค์ เห็นว่าเป็นการฝืนชะตาชีวิต จึงมีกฎในการลงโทษและต้องทัณฑ์ทรมานให้หนักหน่วงกว่าผู้ปลุกพลังธรรมดานับหลายร้อยหลายพันเท่า
คลังความรู้ที่ถูกส่งต่อทำให้วาเลนเข้าถึงวิธีการใช้พลังเวทย์อย่างรวดเร็ว คนที่มอบหยดโลหิตนี้ไว้เป็นมรดก และทำให้วาเลนได้รับโชคอย่างมหาศาล จึงนับได้ว่าเขาคืออาจารย์อย่างแท้จริง วาเลนระลึกอยู่ในใจเสมอ ถึงบุญคุณอันใหญ่หลวงนี้และเกิดความรู้สึกซาบซึ้งใจอย่างหาสิ่งใดเปรียบมิได้
วาเลนตัดสินใจ นำมือน้อย ๆ ยื่นออกไปวางคว่ำเหนือต้นสมุนไพรในแปลงต้นหนึ่ง ก่อนที่วาเลนจะถ่ายเทพลังธาตุพฤกษา ไปที่สมุนไพรต้นนั้น อย่างรวดเร็ว
เกิดกระแสพลังเป็นสายธารสีเขียวสว่างสดใส กระจายเป็นละอองเล็ก ๆ ราวสะเก็ดดาว ล่วงหล่นไปยังสมุนไพรต้นนั้นทันที
พลังนี้ของวาเลนคือหนึ่งในชุดความรู้โบราณที่ตกทอดมา การเร่งการเจริญเติบโตอย่างฉับพลัน! ของวงวารพืช
พลังธาตุพฤกษาจากวาเลน ย้อมอาบไปที่สมุนไพรอายุสี่เดือน ให้เจริญเติบโตอย่างบ้าคลั่งไปเป็นสมุนไพรที่มีอายุแปดเดือนและ เลื่อนไปเป็นหนึ่งปี อย่างรวดเร็ว ไม่เท่านั้นมันยังคงเลื่อนขึ้นไปเรื่อย ๆ อย่างไม่หยุดยั้ง
วิวัฒนาการของมันอยู่ในสายตาของเด็กน้อย ภาพการเจริญเติบโตอย่างรวดเร็วของมันราวกับวีดีโอที่ถูกเร่งเวลา
เพียงเวลาไม่นาน ลำต้นของมันก็สูงขึ้นมาจนถึงเอวของวาเลน กิ่งและใบดูแข็งแรง สมบูรณ์ ตามคุณลักษณะที่ดีของสมุนไพร แตกต่างกับก่อนหน้าที่ดูแคระแกน ไม่สวยงาม
เมื่อพลังธาตุพฤกษาไม่ตอบสนองต่อการเจริญเติบโตของสมุนไพรตรงหน้าอีกต่อไป วาเลนจึงหยุดถ่ายเทพลังให้กับมัน
"วิเศษจริง ๆ มันกลายเป็นสมุนไพร ระดับ เงิน ไปแล้ว" วาเลนพูดขึ้นอย่างตื่นเต้น
การแบ่งแยกระดับของสมุนไพรจะเป็นเฉกเช่นเดียวกับตัวยา
สมุนไพรระดับต่ำ จะถูกหลอมออกมาเป็นเม็ดยา สีทองแดง จึงถูกเรียกว่า ยาระดับทองแดง สมุนไพรก็เช่นกัน สมุนไพรระดับสูงกว่านั้น จะออกมาเป็นสีเงิน สีทอง และ สีรุ้งประกายเพชร ตามลำดับ
สมุนไพรระดับเงิน อาจนับว่าไม่สูงส่งแต่การจะครอบครองมันก็จำเป็นต้องบุกป่าฝ่าดง อันตราย นับไม่ถ้วน เพราะการ ปลูกมันนั้น หากไม่มีเทคนิคดี ๆ อย่างหวังว่ามันจะพัฒนา จากระดับทองแดงเป็นสีเงินได้ ผู้คนคงได้แต่เฝ้ามองมันโชว์กิ่งก้านใบ ในระดับทองแดงจนมันตกตายลง
สมุนไพรระดับเงินนั้น ส่วนใหญ่จะถูกพบได้ในป่าที่มีความอันตราย ระดับ สี่ถึงห้า เป็นต้นไป เพราะมันจะไม่ถูกรบกวนโดยเหล่านักล่า
หากสิ่งที่วาเลนเพิ่งทำนั้นหลุดรอดออกไป มิคาดว่าบรรดานักล่าทั้งหลายคงได้อกแตกตาย ด้วยความริษยาเป็นแน่
วาเลนดึงสมุนไพรระดับเงินต้นนั้นขึ้นมา จากแปลงอย่างทะนุถนอม ก่อนจะมองมันด้วยความภาคภูมิใจ เขากำลังหาทางสร้างความประทับใจให้กับอาจารย์อยู่พอดี สิ่งนี้จะเป็นใบเบิกทางสู่การเป็นนักหลอมโอสถ ได้ดีทีเดียว
วาเลนลุกขึ้นมองไปรอบ ๆ แปลงสมุนไพรอีกครั้ง
แปลงสมุนไพรของตระกูลนั้น ถึงมันจะใหญ่โตก็จริงแต่มันก็มีเพียงสมุนไพรระดับต่ำเพียงเท่านั้น มันไม่สามารถเติมเต็ม ความรู้ความต้องการของวาเลนได้อีกต่อไป ตอนนี้เป้าหมายระยะสั้นของเด็กน้อย คือการได้ออกไปสำรวจป่า ที่อยู่ใกล้ ๆ กับตระกูล
"ในป่ามักเต็มไปด้วยอันตราย เห็นที่ ข้าคงต้องฝึกฝนร่างกาย และพลังเวทย์ให้แข็งแกร่งกว่านี้ ถึงจะท่องไปได้โดยไม่ต้องกังวล"วาเลนพูดกับตนเองเบา ๆ เด็กน้อยตระหนักได้ดี ถึงอันตรายที่อาจเกิดขึ้นจากความประมาท และความไม่ประมาณตน ไม่มีทางที่เขาจะเข้าไปเสี่ยงกับความไม่แน่นอนนี้เด็ดขาด
--------------------------------------------------------------------
เท่าที่วางโคลงเรื่องไว้ มันก็ใกล้ฉากต่อสู้แล้ว แต่มีสิ่งหนึ่งที่กังวล คือ ไม่รู้จะเขียนออกมาได้ดีไหม
กลัวทำเนื้อเรื่องกร่อย มากครับกับฉากต่อสู้ ไม่รู้เคยเป็นไหม ในหัวจินตนาการได้ แต่ บางทีบรรยายออกมาเป็นตัวหนังสือไม่ได้
T0T
ขอบคุณทุกคนที่ยังติดตาม และให้กำลังใจกัน เหมือนเดิมนะครับ ^^
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ควรใช้คำว่า "เกม" ดีกว่า มันหมายถึง การแข่งขัน หรือการเมือง ที่ใช้เล่ห์เหลี่ยม เช่นเกมการเมือง
พี่ใหญ่ พี่/น้องรอง น้องสาม น้องสี่ น้องห้า ใช้คำพวกนี้จะสมูทกว่า
หวั่ใจว่าเจ้าหนูเจ็ดจะเผลอแสดงความสามารถให้คนโลภได้เห็นแล้วตกไปเป็นเครื่องมือของพวกคนไม่ดีน่ะ
สนุกมากๆเป็นกำลังใจให้ไรท์ค่ะ
รออยู่นะครับสู้ๆ
สู้ๆน่ะไรท์
ขอบคุณค่ะ
อ่านออกเสียงเหมือนกันจ้า
แต่เขียนไม่ถูก