ตอนที่ 1 : นี่ผมตายแล้ว!!
"เรียนจบมาแล้วจะไปทำอะไรล่ะ"
"เลือกเรียนสายนี้ไม่กลัวเหนื่อยเหรอ"
“นายน่าจะไปได้ดีกับอีกสาขามากกว่านะ ไม่ลองคิดดูใหม่เหรอ”
"จะไปเป็นคนสวนเหรอ"
..............................................................
และอีกสารพัดคำถามที่หลายคนชอบถามผม เมื่อรู้ว่าผมเลือกเรียนสาขาวิชา เกษตรศาสตร์ การยิ้มรับน้อยๆ เป็นทางออกแรก ที่หลีกเลี่ยงการตอบได้ดีที่สุด
แต่ถึงอย่างนั้น มันก็ยังสร้างความคลางแคลงใจนิด ๆ ให้กับตัวผมเองว่าสุดท้ายแล้ว การที่ผมเลือกเรียนในสาขาวิชาที่ชอบ มากกว่าที่จะเรียนไปตามกระแส ที่เพื่อน ๆ แต่ละคน แนะนำนั้น ดีแล้วจริงๆ เหรอ !!!
แต่จนแล้วจนรอด ผมก็ได้เลือกเรียนในคณะที่ใฝ่ฝัน พอได้สัมผัสเข้าจริง ๆ มันไม่ใช่แค่การปลูกผัก ถากหญ้า มันเรียนลึกไปกว่านั้นเยอะ
โครงสร้างพืช ปัญหาดิน การตัดต่อ กิ่งพันธุ์ สิ่งที่สำคัญเลย คือการดูแลรักษา และอีกมากมายเกี่ยวกับพืช การดำรงอยู่ของสิ่งมีชีวิตสีเขียว ที่กำเนิดก่อนมนุษย์มาอย่างยาวนานนี้ มันเป็นสิ่งที่มหัศจรรย์เป็นอย่างมาก
และที่พูดไปทั้งหมดนั่นก็ยังไม่สามารถนำมาใช้อธิบาย ศาสตร์นี้ได้ทั้งหมด การศึกษาเกี่ยวกับสัตว์ก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งของคณะเกษตรศาสตร์ ไม่ว่าจะเป็นสัตว์บก สัตว์น้ำ สัตว์เศรษฐกิจ ซึ่งมันก็ไม่ได้จบแค่นั้น มันยังต่อยอดไปถึง การวิจัยตลาด การวางแผน การนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วย ในการเพราะเลี้ยง และรักษา และอีกหลากหลายที่ยังไม่ได้กล่าวมา
ทั้งหมดทั้งมวลนั่นผมใช้เวลาศึกษาอย่างจริงจัง ประกอบกับความชอบส่วนตัว จึงทำให้การเรียนนี้ถือว่าประสบผลสำเร็จตามความคาดหมาย และได้ใบปริญญาของสาขาวิชานี้มาครอบครอง เกรดที่ออกมาไม่ทำให้เจ็บช้ำน้ำใจ จัดว่าอยู่ในระดับสองของชั้นปีได้เลย
และวันนี้ก็เป็นวันที่จบการศึกษา และจะได้เป็นบัณฑิตอย่างเต็มตัว มีแต่คนบอกกับผมว่า วันนี้เป็นวันที่ผมยิ้มได้เต็มหน้าที่สุด น่าจะมีความหมายว่า ยิ้มได้ดูมีความสุขที่สุดละมั้ง
ก็น่าจะเป็นแบบนั้นล่ะนะ เพราะการเรียนจบครั้งนี้ มันเหมือนผมได้ปลดภาระทางใจไปหนึ่งอย่าง ทุนการเรียนของผม จากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จะได้ตกทอดต่อไปยังน้อง ๆ ที่มีโอกาสต่อไป
คุณฟังไม่ผิด!!! ถูกแล้ว ผมเป็นเด็กกำพร้า จากสถานรับเลี้ยงเด็กแห่งหนึ่ง ผมได้ทุนเรียนมาตลอดเพราะพรสวรรค์ด้านการเรียนที่เป็นเลิศ ทางสถานรับเลี้ยงนี้จึงมอบโอกาสทางการเรียนให้ เพื่อหวังว่าวันนึงผมจะได้เป็นผู้มอบโอกาสนี้ให้น้องรุ่นหลังต่อไปบ้าง เมื่อประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน
แต่ดูเหมือนว่าพรสวรรค์ที่พระเจ้าให้มา มันจะสวนทางกับชะตาชีวิต
ไม่รู้จะโทษตัวเองดี หรือ โทษรถบรรทุกคันนั้นดี ที่จู่ ๆ ไม่รู้พุ่งมาจากไหน ผมเห็นเพียงชายชุดคลุยที่ปลิวสะบัดตามแรงกระแทก จากรถบรรทุก และใบปริญญาของคณะที่ผมทุ่มเท เพื่อมันกระเด็นหลุดออกไปจากมือ
แรงกระแทกจากรถบรรทุก ส่งตัวผมลอยละลิ่วมายังถนนอีกฝั่งอย่างรวดเร็ว ความปวดร้าวลุกลามอย่างรวดเร็ว ผมรู้สึกเหมือนตัวเหลวเป็นน้ำไปหมด
เสียงบีบแตรรถดังระงม พร้อมกับเสียงล้อเบียดถนน จากการเบรก ดังเอี๊ยดยาว ๆ ปนมาพร้อมกับเสียงกรีดร้อง ของคนเห็นเหตุการณ์
แสงสีขาวสว่างจ้าสาดเข้าที่ใบหน้าผม ไม่รู้ว่ามาจากที่ไหน อาจเป็นไฟของรถอีกเลนที่วิ่งมา หรือแสงจากอะไรซักอย่างที่ผมไม่แน่ใจ ตาผมพร่าไปหมด ไม่นานนักแสงก็ค่อยๆเลือนหายไป พร้อมกับความเจ็บปวดที่ค่อย ๆ เบาลง
สิ่งที่ตามมาคือ ทุกอย่างเริ่มตกอยู่ในความมืด และนิ่งสงบ ราวกับกาลเวลานี้ยาวนานออกไป ร่างของผมแทบไม่รับรู้ถึงน้ำหนัก ไม่รู้ว่าตรงไหนคือล่างหรือบน ไม่รู้ทิศทาง ซ้าย หรือ ขวา มันลอยคว้างไปไม่สิ้นสุด
นี่ผมตายแล้ว!!!!!!! อุส่าห์ทนลำบากทำโน่นนี่นั่นมาตั้งหลายปี ตายง่าย ๆ แบบนี้เลยเหรอ
ให้ตายสิ!! นี่ผมยังไม่ได้ใช้ชีวิตชาวสวนของผมเลย พระเจ้าช่างรีบร้อนเสียจริง
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

เหรอ
นั่นสินะ เป็นเราอาจด่ากราดเลยก็ได้ ขอให้ได้ใช้ชีวิตให้มันคุ้มค่าก่อนที่ตายซักหน่อยไม่ได้เลยรึ ยังไม่ได้เป็นเศรษฐีน้อยร้อยล้านกับเขาเลย
ไม่เข้าใจตนเองเลยทำไมเวลาอ่านต้องอ่านเป็นทำนองการพูดของแบลกิลด้วย5555
รถบรทุกคือทางข้ามมิติ?
ผม:ไปยืนให้รถบรรทุกชนบ้างดีกว่า
เช้าวันต่อมา
นักข่าว: เหตุเกิดที่สีแยกได้มีนักศึกษา คนสั้นฆ่าตัวตาย โดยกระโดดข้างรถบรรทุดับอนาถคาสี่แยกไฟแดง
จบข่าว
โดยส่วนตัวเราว่ามันขาดเหตุผลรองรับและออกจะเกินความเป็นจริงไปหน่อย การที่รถบรรทุกชนขณะที่ยังใส่ชุดครุยและถือใบจบอยู่ แสดงว่าตัวละครอยู่ในบริเวณมหาวิทยาลัยหรือสถาณที่ที่กำหนดการรับปริญญา ซึ่งจะมีการกั้นรถเข้าเพื่อให้มีพื้นที่ถ่ายรูป ส่วนบริเวณโดยรอบรถจะติดมากกก และหากเหตุการณ์เกิดขึ้นรถบรรทุกน่าจะชนรถคันก่อนหน้ามาหลายคันก่อนที่จะถึงตัวเอกและคงมีคนอื่นๆ อยู่รอบๆ ตัวเองด้วยที่บาดเจ็บ
แต่ถ้าตัวเอกอยู่หน้าสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าเพื่อความภาคภูมิใจในตนเอง เหตุการณ์ที่รถบรรทุกชนก็อาจเกิดขึ้นได้
เราจึงขอแนะนำให้เพิ่มรายละเอียดในส่วนของสถานที่และสภาพแวดล้อมโดยรอบให้มากขึ้น เพราะจะทำให้เนื้อเรื่องดูมีน้ำหนักและเป็นเหตุเป็นผลมากขึ้น
ปล. เป็นเพียงความคิดเห็นส่วนตัวเท่านั้น บทเริ่มต้นของนิยายเป็นสิ่งสำคัญ เพราะบางทีก็เป็นตัวที่ใช้พิจารณาว่าจะอ่านบทต่อไปหรือไม่
ใช้วิธีวาปแบบโดเรม่อนไม่ได้รึ