ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    คำสารภาพของฆาตกร ภาค2 (The Memory)

    ลำดับตอนที่ #25 : วูบเดียวในคืนเหงา

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 460
      18
      2 มิ.ย. 54

    ตอนที่ 24 คืนไร้รมณ์ (วูบเดียวในคืนเหงา)
                ท่ามกลางความมืดเท้าของสัมมาเอียงวูบเมื่อสัมผัสพื้นห้อง โชคดีที่มือสามารถคว้าจับกรอบประตูด้วยสัณชาตญานก่อนที่หน้าจะคะมำลงพื้น เมื่อทรงตัวได้อีกครั้งเขาก็เอื้อมมือปิดประตู ถอดรองเท้าถุงเท้า แล้วค่อยๆ ประคองตัวไปล้มลงบนเตียง หนังตาหนักอึ้งเหมือนจะกดทับศรีษะของเขา นานแล้วที่เขาไม่เคยปล่อยตัวให้เมามายขนาดนี้ เรื่องการที่เขานอนละเมอเวลาลืมตัวเป็นปัญหาหนักกว่าที่ใครจะรู้จะเข้าใจ ไม่ใช่แค่เรื่องภาษาที่ใช้ แต่มันเป็นเรื่องที่เขาพูด สองปีที่ผ่านมาเขาพูดเรื่องเดิมซ้ำๆ ทุกครั้ง เรื่องที่กรรณิกาไม่กลับมาหาเขา
                ทุกครั้งที่สัมมาเมาจนขาดสติ เขาจะฝันร้าย ฝันว่ากำลังทะเลาะกับกรรณิกา ในความฝันชายหนุ่มต่อว่าภรรยาของตัวเอง ว่าทำไมวันนั้นเธอถึงเดินไปจากเขา ทำไมเธอไม่ฟังเขา ทำไมเธอถึงไม่รู้ว่าถ้าไม่มีเธอเขาก็ไม่มีความสุข ทำไมเธอไม่เข้าใจว่าเขารักใครไม่ได้ถ้าไม่ใช่เธอ ทำไมวันนี้เธอถึงทิ้งเขาไป สัมมาไม่อยากฝันถึงกรรณิกาอีกแล้ว เพราะสิ่งที่เจ็บปวดยิ่งกว่าการฝันร้ายเรื่องเดิมๆ คือการตื่นนอนหลังจากผ่านฝันนั้น และพบว่าตัวเองอยู่ตามลำพังโดยไม่มีเธออยู่ข้างๆ
                วันนี้หลังจากเข้าพบเจ้าของคดี สัมมาก็ไปดื่มคนเดียวในผับประจำ โดยไม่ยอมสนใจผู้หญิงหลายคนที่พยายามเข้าหา ไม่โทรเรียกเพื่อนคนไหนไปดื่มด้วย ที่จริงเขาอยากให้ชาญเดชมาอยู่กับเขา แต่เขาก็เข้าใจที่เพื่อนสนิทอยากอยู่กับธัญญ่า ถ้าสถานการณ์กลับกันเขาก็พร้อมจะทิ้งเพื่อนเพื่อกรรณิกา สติของสัมมารางเลือนด้วยฤทธิ์สุรา เขากำลังจะนอนหลับเมื่อได้ยินเสียงเปิดประตู
                “นั้นใคร”
                สัมมาถามเสียงดังก่อนที่จะรีบลุกขึ้น พร้อมกับนึกด่าตัวเองที่ประมาทไม่ยอมปิดล๊อคประตูห้องเพราะคิดเสมอว่าตัวเองรู้สึกตัวไว
                “ผมเองพี่สัม”
                “แกมาทำอะไรที่ห้องพี่ว่ะอาร์ม”
                เมื่อสายตาเริ่มชินกับความมืดสัมมาก็เห็นอรัญยืนหน้าประตู พร้อมกับถุงกระดาษแบบที่ใช้บรรจุขวดสุราต่างชาติ ชายหนุ่มรุ่นน้องเอื้อมมือไปเปิดไฟ สัมมาหลับตาหลบแสงที่สว่างวาบขึ้นกระทันหัน อรัญพึมพำขอโทษพร้อมกับเดินเข้ามาใกล้
                “พี่ชาญไปไหนล่ะครับ”
                หมอสัมพยายามสังเกตสีหน้าคนถาม แต่เห็นเพียงชายหนุ่มคนหนึ่งที่ถามถึงรุ่นพี่ด้วยท่าทีสบายๆ ถามแบบที่ไม่อยากรู้คำตอบด้วยซ้ำ
                “มันไปเป็นเพื่อนธัญญ่าน่ะ พอดีธัญญ่าต้องไปเยี่ยมญาติต่างจังหวัด แกมีธุระอะไรกับชาญมันหรือเปล่า”
                “ไม่มีครับ ผมก็ถามไปอย่างนั้นเอง ปกติเห็นพี่หมออยู่กับพี่ชาญตลอด คืนนี้เห็นพี่อยู่คนเดียวก็เลยถามดู”
                อรัญยักไหล่นิดๆ ขณะตอบ อันเป็นกิริยาแบบหนุ่มสังคมที่สัมมาชินตา แต่วันนี้ท่าทางของเขากลับดูเกร็งๆ กว่าที่สัมมาเคยเห็น
                “แล้วแกมีอะไรถึงมานี่”
                “ก็แค่เบื่อๆ เลยว่าจะชวนพวกพี่ดื่ม”
                พูดแล้วอรัญก็ดึงขวดเหล้านอกราคาแพงขึ้นมาให้ดู สัมมาอดแปลกใจไม่ได้ที่ไม่เห็นคนอื่นตามมาด้วย เพราะปกติพวกรุ่นน้องจะไปไหนมาไหนด้วยกันเสมอจนแทบจะเป็นแฝดสี่ แต่วันนี้อรัญกลับมาที่ห้องของเขาเพียงคนเดียว
                “แล้วพวกไอ้จุ๊ยมันไปไหนกันหมดล่ะ แกถึงต้องหอบเหล้าขึ้นมานี่”
                “ไอ้กอร์ฟมันออกไปเข้าเวรที่มูลนิธิ ไอ้ศกไปหาแฟน แต่ไอ้จุ๊ยหายหัวไปไหนก็ไม่รู้ โทรไปก็ไม่รับสาย สงสัยไปเมาหัวทิ่มกับเพื่อนที่วง”
                สัมมาไม่แปลกใจกับคำตอบนักเพราะวิทยาทำงานมูลนิธิเป็นหลักและจริงจังกับงานมาก ศกเองก็เพิ่งบอกว่ามีแฟนเลิกจากงานก็คงอยากอยู่ด้วยกัน ส่วนสมเจตนอกจากเวลางานนิติเวชก็รับจ๊อบเล่นดนตรี ประกอบกับคืนนี้เป็นคืนวันศุกร์ ทั้งหมดคงไปทำตามที่แต่ละคนต้องการ ถึงอรัญจะกลับเร็วแต่ถ้ามองในแง่ว่าอีกฝ่ายทำงานโรงแรมก็คงจะมีเวลาเบื่อเที่ยวบ้างเป็นธรรมดา
                “หรอ แกจะกินก็บริการตัวเองแล้วกัน แต่พี่ไม่ไหวแล้วกินไปเยอะ ขืนกินเข้าไปอีกจะอ๊วกซะเปล่าๆ จะยืนยังไม่ไหวเลย”
                อรัญยิ้มด้วยสีหน้าแปลกๆ แบบที่สัมมาไม่เข้าใจ แต่ก่อนที่หมอหนุ่มจะถาม รุ่นน้องก็เปิดขวดเหล้าเทเข้าปากตัวเองโดยไม่อาศัยแก้ว ดื่มอย่างรวดเร็ว โดยที่ยังนั่งอยู่บนเตียงใกล้ๆ สัมมา
                “ถ้าแกจะมอมเหล้าตัวเองก็ไปที่ห้อง พี่ขี้เกียจตามเช็ดอ๊วก”
                สัมมาดุรุ่นน้องที่ดื่มรวดติดต่อกันแบบไม่คิดห่วงร่างกาย แต่อรัญก็แค่หันมายิ้มแล้วกระดกเหล้าเข้าปากต่อ จนผ่านไปครึ่งขวดถึงหันมาพูดเรื่องอื่น
                “คืนนี้มันแปลกๆ นะ พี่สัมว่าไหม ลมมันไม่พัดเลย”
                เมื่อฟังอย่างนั้นสัมมาก็เริ่มคิดว่ามันแปลกจริงๆ เวลาตอนนี้ก็เกือบเที่ยงคืนเข้าไปแล้ว แน่นอนว่าทุกอย่างย่อมเงียบสงัด แต่ในห้องที่ไม่เปิดพัดลมหรือเครื่องปรับอากาศ กลับไม่มีเสียงลมจากภายนอกเข้ามา ทั้งที่ปกติห้องนี้จะมีลมพัดตลอด และแปลกยิ่งกว่าที่รอบตัวเขาไม่ร้อนอบอ้าวเพราะขาดลม แต่กลับมีความหนาวเย็นลอยอยู่ในห้องแทน สัมมาขมวดคิ้วด้วยความสงสัย แต่เมื่อหันไปมองอีกทีอรัญก็ดื่มเหล้าต่อจนเกือบหมดขวด
                “แกเป็นอะไรว่ะอาร์ม เครียดอะไรมาหรือเปล่า มีอะไรก็บอกได้นะ”
                “ไม่มีอะไรครับพี่สัม ก็แค่อากาศมันแปลกๆ ผมเลยอยากดื่ม”
                อรัญพูดพร้อมกับกระดกเหล้าจนหมดขวด ชายหนุ่มหันมองขวดที่ว่างเปล่าลง ก่อนจะหันมาถามรุ่นพี่
                “พี่สัมมีเหล้าบ้างไหม”
                “จะบ้าหรือเปล่าว่ะแดกขนาดนี้จะเอาให้ตายเลยหรือไง เออ...ถ้าจะต่อก็มีอยู่ในตู้เย็นของไอ้ชาญมัน เห็นแช่ไว้เป็นเดือนแล้ว”
                สัมมาพูดยังไม่จบประโยค อรัญก็เดินเอาขวดกับถุงกระดาษไปทิ้ง แล้วก็เดินเซๆ ไปหยิบเหล้าในตู้เย็นเดินกลับมาดื่มบนเตียงต่อ
                “พี่สัมเอาหน่อยไหม”
                อาจเพราะสัมมาก็เครียดๆ อยู่เช่นกัน จึงเอื้อมมือไปรับขวดจากมือรุ่นน้องมาดื่มบ้าง และเห็นแววตาบางอย่างที่วูบไหวของอรัญ ก่อนที่ร่างของหนุ่มอ่อนวัยกว่าจะเคลื่อนที่มานั่งชิดพิงไหล่เขา
                “คืนนี้ผมนอนนี่ได้ไหม ขี้เกียจกลับห้อง”
                ความสงสัยเข้ามาในความคิดของหมอหนุ่ม ตามปกติอรัญจัดเป็นผู้ชายที่สำอางมาก ไม่เคยนอนโดยไม่ขัดสีฉวีวรรณตัวเองเลยสักครั้ง และอยู่ๆ มานอนค้างกับเขาโดยไม่อาบน้ำก่อน มันน่าจะมีอะไรมากกว่าแค่ไม่อยากกลับห้องของตัวเอง สัมมาไม่คิดว่าอรัญจะลงมือฆ่าเขา ต่อให้อรัญเป็นฆาตกรตัวจริงก็คงไม่ฆ่าแพะที่ตัวเองอุตส่าห์สร้างขึ้นมา
                “อารมณ์ไหนว่ะ น้ำท่าก็ไม่อาบ”
                “ผมเหงาคืนนี้ผมไม่อยากอยู่คนเดียว”
                เสียงอรัญดูแผ่วลงเหมือนคนเมา ร่างที่สูงเกือบเท่าสัมมาแต่เพรียวกว่ากันมาก เอนพิงร่างของรุ่นพี่เต็มที่ คล้ายกับทรงตัวไม่อยู่ สัมมาแปลกใจว่าเหล้าไม่ถึงสองขวด แม้ว่าจะดื่มรวดเดียว แต่มันทำให้รุ่นน้องเมาได้ถึงขนาดนี้เชียวหรือ
                “ถ้าเหงาแกก็ไปนอนกับแฟนแกสิ”
                “หึ ผมไม่มีแล้วพี่ แฟนเฟินอะไรน่ะ ผมเลิกแล้ว”
                “ทำไมไวนัก เพิ่งคบไม่ใช่หรอ”
                สัมมาถามทันที ก็เมื่อคืนนี้เองที่อรัญบอกเขาว่าคบกับผู้หญิงคนหนึ่งอยู่ แต่แค่ชั่วข้ามคืนกลับมาบอกว่าเลิกลากันไปแล้ว
                “ก็ไปกันไม่ได้ ตอนแรกผมคิดว่าเขาจะเป็นแบบที่ผมชอบ แต่ไปๆ มาๆ ก็ไม่ใช่”
                “แล้วแบบไหนล่ะที่แกชอบ”
                ร่างผอมเพรียวลุกขึ้นจากการเอนพิงบ่าแกร่ง ตาสีน้ำตาลเข้มเผลอมองดวงตาสีดำที่มีสีม่วงแฝงอยู่ นับเป็นครั้งแรกในคืนนี้ที่อรัญสบตากับสัมมาตรงๆ ในแววตาของชายหนุ่มรุ่นน้องมีคำตอบสำหรับคำถามนั้น และมีคำตอบสำหรับหลายๆ เรื่องที่สัมมาไม่ได้ถาม ก่อนที่หมอสัมจะมองค้นลึกเข้าไปอีก อรัญก็รีบหลบตาแล้วเบี่ยงเบนประเด็นที่เขารู้ดีว่ารุ่นพี่กำลังสงสัย
                “ผมยังบอกไม่ถูกเหมือนกันว่าชอบแบบไหน พี่ก็รู้ว่าเรื่องสเปคเนี่ยมันตอบยาก”
                “ยากหรอ พี่ว่าไม่นะก็แค่ชอบแบบไหน แกก็คิดดูสิว่าผู้หญิงแบบไหนที่แกชอบคบด้วย เอาแบบคบนะไม่ใช่นอนด้วย”
                รอยยิ้มของอรัญดูเย้ยหยันมากกว่าที่เคย น้ำเสียงที่ตอบก็ดูประชดประชันเหมือนว่าเจ้าตัวกำลังเจตนาถากถางตัวเอง
                “พี่ก็เห็นว่าผมก็คบมาแล้วทุกประเภท ส่วนเรื่องนอนผมก็นอนมาแล้วทุกแบบเผลอๆ จะมากกว่าพี่ด้วยซ้ำ”
                สัมมาไม่เถียงเรื่องนี้ หลังจากรรณิกาไม่อยู่เขาอาจจะมั่วไปบ้าง แต่ก็ไม่อาจเทียบกับคนที่ได้ชื่อว่ามั่วไม่เลือก เจ้าชู้ตัวพ่อแบบอรัญได้ ที่สำคัญเขาคิดว่าคำว่าทุกแบบ อาจครอบคลุมรูปแบบที่เขาไม่เคยคิดว่าจะลองเข้าไปด้วย ไม่สิ ถ้าดูจากสายตาอรัญที่มองเขาเวลานี้รุ่นน้องต้องเคยลองมาแล้วและกำลังคิดจะลองอีก เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกว่ากำลังมองตัวตนจริงๆ ของอรัญ ตัวตนที่มากกว่าผู้ชายที่คบผู้หญิงไม่เลือก ตัวตนของผู้ชายที่ต้องการอะไรสักอย่างแล้วอยากจะได้มา เพียงแต่ตัวตนด้านนี้ของอรัญเป็นด้านที่สัมมาไม่อยากจะทำความเข้าใจในตอนนี้
                “พี่ว่าบางแบบมันก็ไม่เวิร์คกับบางคนหรอก”
                “พี่สัมจะรู้ได้ยังไงว่าเวิร์คไม่เวิร์ค ถ้าพี่ยังไม่ได้ลอง”
                ไม่แค่พูดแต่หน้าของอรัญก็เลื่อนเข้าไปใกล้สัมมา จนหมอหนุ่มสังเกตเป็นครั้งแรกว่าผิวใสแบบลูกครึ่งเกาหลีมันต่างจากแบบลูกครึ่งจีนแค่ไหน และน้ำหอมแบบที่อรัญใช้มีกลิ่นยังไง สัมมาไม่รู้ว่าควรจะทำแบบไหนดี เมื่อริมฝีปากสีแดงสดเกือบจะจรดลงบนบนริมฝีปากของเขา ลมหายใจร้อนๆ ที่ผสมผสานระหว่างแอลกอฮอล์ลกับบางอย่างที่ชวนมึนเมากระทบผิวหน้าเขา
                “พี่หมอนอนยัง”
                เสียงถามแบบไปไม่เกรงใจชาวบ้าน ดังขึ้นพร้อมเสียงเคาะประตู สัมมารีบดึงตัวออกห่างจากอรัญ พร้อมกับดึงสติกลับ ในขณะที่ตะโกนตอบ
                “ยัง เข้ามาได้เลยจุ๊ย ประตูไม่ได้ล๊อค”
                “ไม่ได้ล๊อคอะไรล่ะ ถ้าไม่ได้ล๊อคผมก็เข้าไปแล้วสิ”
                เสียงบิดลูกบิดที่ถูกล๊อคยืนยันคำพูดนั้น สัมมาหันไปมองหน้าอรัญที่หลบตามองทางอื่น หมอสัมรู้ทันทีว่าเรื่องที่ผ่านมาในคืนนี้ รุ่นน้องมีเจตนาบางอย่าง เขาเดินไปเปิดประตูให้จุ๊ยที่หอบข้าวของพะรุงพะรังเข้ามา มีทั้งถุงใส่ขวดเหล้า โซดา ถุงใส่น้ำแข็ง และของขบเคี้ยวแบบที่ใช้เป็นกับแกล้ม
                “นี่พวกมึงกะจะยึดห้องกูเป็นที่แดกเหล้าใช่ไหม”
                “พี่หมอก็พูดเกินไป นานๆ ทีหรอกน่า คืนนี้ผมก็กลัวว่าพี่จะเหงาที่ถูกพี่ชาญทิ้ง เลยอุตส่าห์จะมาอยู่เป็นเพื่อน อ้าว...ไอ้อาร์มนี่มึงมาอยู่นี่เองหรอ กูนึกว่ามึงไปอยู่กับแฟนซะอีก รู้งี้กูโทรตามมึงออกไปนั่งที่ผับด้วยกันก็ดี พอเล่นที่ผับน๊อคดาร์วเสร็จ พวกไอ้ยุ่นมันแยกไปเล่นอีกที่ต่อ กูเลยหาคนกินเหล้าด้วยไม่ได้เลย”
                สมเจตเข้ามาถึงก็รื้อหาอุปกรณ์การดื่มในห้องแบบไม่สนใจสถานการณ์รอบตัว แต่เป็นสัมมาที่ติดใจประโยคที่ไอ้ตัวป่วนพูด
                “จุ๊ย แกเอาโทรศัพท์ของแกให้พี่แล้วแกใช้อะไร”
                “ผมก็ใช่เครื่องเก่าน่ะสิ ไม่งั้นพี่จะโทรหาผมได้ไง อย่าบอกนะว่าตำรวจยึดไว้เป็นหลักฐาน คลิปโป๊ให้รึ้มเลยนะเครื่องนั้น”
                แค่นี้สัมมาก็มั่นใจว่าอรัญต้องการเข้าหาเขาในคืนนี้ แต่ที่ยังคาใจมีแค่ว่าอรัญรู้หรือเปล่าว่าคืนนี้ชาญไม่อยู่ที่ห้อง แต่แค่ใช้เวลาคิดแป๊บเดียว หมอสัมก็คิดว่าอรัญน่าจะรู้เพราะปกติที่จอดรถของหมวดชาญเป็นแบบส่วนตัว มีการจ่ายค่าเช่าเป็นพิเศษเพื่อความสะดวกในการออกไปทำธุระด่วน เช่นการโดนเรียกตัวเวลากลางคืน และถ้าไม่เห็นรถก็แสดงว่าคนไม่อยู่
                “ผมล้อเล่นน่า ผมไม่โง่เอาเครื่องที่มีคลิปโป๊ให้ตำรวจหรอก ว่าแต่ตำรวจเขาว่าไงมั้งล่ะพี่ ต้องไปให้การอีกไหม”
                คนที่ไม่รู้ตัวว่ากำลังมีคลื่นใต้น้ำอยู่ในห้องพูดจ๋อยๆ ไม่หยุด สัมมาจำต้องหันไปตอบ ก่อนที่จุ๊ยจะสงสัย
                “ก็ไม่ว่าไง เขาก็ลงบันทึกประจำวันไว้ คืบหน้าหรือว่ามีเรื่องอะไรเขาก็คงโทรมาอีกที แต่โทรศัพท์แกเขาก็ไม่ได้ยึดไว้นะ เดี๋ยวพี่หยิบให้”
                สัมมาเดินไปหยิบเครื่องจากกระเป๋าที่วางทิ้งไว้ใกล้ประตูส่งให้สมเจต ก่อนจะนั่งใกล้ๆ กินกับแกล้ม พร้อมกับปฎิเสธเมื่อจุ๊ยทำท่าจะชงเหล้าส่งให้
                “คืนนี้พี่กินมาเยอะแล้ว ไอ้อาร์มก็หมดไปขวดกว่า”
                แต่อรัญที่ทำท่ามึนเมาซบไหล่ของสัมมาอยู่เมื่อกี้ กลับเดินมานั่งข้างสมเจตแล้วจับแก้วชงเหล้ากินต่อเงียบๆ คนที่เหลือมองหน้ากัน จุ๊ยแค่แปลกใจนิดหน่อยแต่ไม่คิดอะไรมากตามนิสัย ในขณะที่เจ้าของห้องมองหน้าอรัญนิ่งๆ พยายามทำความเข้าใจกับสิ่งที่เพิ่งได้รู้เกี่ยวกับตัวของชายหนุ่มรุ่นน้อง แต่จู่ๆ ลูกครึ่งเกาหลีก็เอ่ยปากถามสมเจตขึ้นมาดื้อๆ
                “ที่มึงให้พี่สัมยืมมือถือเนี่ย เพราะเรื่องน้องเปรี้ยวใช่ไหม”
                จุ๊ยชะงักหันมองเพื่อนด้วยความประหลาดใจ
                “มึงรู้ได้ไง”
                “ถ้าเรื่องคลิปเสียงกูก็ได้เหมือนกัน ไอ้กอร์ฟ ไอ้ศกก็ได้ เมื่อวานกูลองถามพวกมันดู แต่เห็นว่าไอ้กอร์ฟลบไปแล้ว แต่ไอ้ศกลังเลว่าจะเอามาให้พี่สัมดีไหม”
                สัมมารู้สึกว่าน้ำเปล่าที่กำลังดื่มอยู่ฝืดคอขึ้นมาทันที ลำพังจุ๊ยกับชาญรู้เขาก็คิดว่าแย่พอแล้ว แต่ถ้าอาร์มกับพวกรู้ เขาคิดว่าอีกไม่นานทุกคนในกลุ่มเพื่อนก็ต้องรู้ หมอหนุ่มนิ่งไป ปล่อยให้คนปากไวเอ่ยถามขึ้นมาแทน
                “มึงรู้แล้วทำไมไม่พูดว่ะ เผื่อจะเป็นพยานให้พี่หมอได้”
                ประโยคนี้ทำให้หมอสัมคิดบางอย่างขึ้นมาได้ ตั้งแต่เมื่อวานเขามัวแต่คิดเรื่องอื่น จนลืมเรื่องที่อรัญก่อเอาไว้
                “อาร์มแกเอาเรื่องของพี่กับก้อยไปพูดหรอ”
                “ผมขอโทษ ผมเผลอไป”
                อรัญพูดแล้วก็ก้มหน้านิ่ง ท่าทางคนขอโทษสำนึกผิดจนสัมมาไม่อยากจะด่า เขาเลยถามถึงเรื่องที่สำคัญกว่านั้นแทน
                “แล้วแกเป็นคนบอกเปรี้ยวหรือเปล่า ว่าเมื่อวานพี่อยู่ที่ห้อง”
                “อันนั้นผมไม่รู้เรื่องนะพี่ ผมจะทำอย่างนั้นทำไมล่ะ ถ้าไอ้จุ๊ยรู้ว่าผมทำตัวเหี้ยๆ อย่างนั้น มันก็เอาผมตายน่ะสิ”
                ครั้งนี้อรัญปฎิเสธหนักแน่น สัมมามองหน้ารุ่นน้องพร้อมกับประเมิณความจริงในคำตอบนั้น เขาไม่มั่นใจเต็มร้อยว่าอรัญพูดจริง แต่ก็ไม่คิดว่าอรัญจะโกหก
                สมเจตเปลี่ยนเรื่องเมื่อเห็นสถานการณ์เริ่มตึงเครียด ทั้งสามดื่มกันไปคุยกันไปหลายชั่วโมง ก่อนที่จุ๊ยซึ่งดื่มหนักสุดจะคอพับคออ่อนทำท่าจะหลับ อรัญจึงพาเพื่อนกลับห้อง
                เมื่ออยู่ตามลำพังอีกครั้ง สัมมาก็นอนรวบรวมความคิดที่สับสนวุ่นวาย ทั้งเรื่องก้อย เรื่องน้องเปรี้ยว เรื่องอรัญ และเรื่องฆาตกร โดยเฉพาะสองเรื่องหลังที่เขานำมาคิดซ้ำไปซ้ำมา จนทนไม่ไหวเมื่อความง่วงและมึนเมาฉุดเขาเข้าสู่นิทรา ชายหนุ่มจึงลืมสังเกตไปว่าในห้องของเขาที่ไม่มีใครอื่น กำลังมีสายลมเอี่อยๆ พัดผ่านไปมา
     To be continue.
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×