ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    คำสารภาพของฆาตกร ภาค2 (The Memory)

    ลำดับตอนที่ #21 : ความทรงจำเมื่อไม่นาน (กับอีกขั้นของความมืดมน)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 537
      16
      22 พ.ค. 54

     
    ตอนที่
    19 ความทรงจำเมื่อไม่นาน
    (กับอีกขั้นของความมืดมน)
    สัญญานปลายสายที่ยังไม่มีใครตอบรับ ทำให้ฉันร้อนรุ่มขึ้นทุกวินาที ทำไมเจนถึงไม่ยอมรับสาย ดึกป่านนี้เธอออกไปไหน ฉันบอกแล้วไงว่าอย่าออกไปรับแขกอีก เงินที่ฉันให้เธอมันพอที่จะอยู่ได้แบบไม่ลำบาก มันอาจไม่มากมายนัก แต่มันก็ทำให้เจนไม่ต้องไปขายตัว เธอจะได้ไม่ต้องออกไปเสี่ยงกับคนแปลกหน้า เจนไม่รู้หลอกว่าโลกภายนอกมันอันตรายแค่ไหน เธออาจจะเจอกับคนแบบฉันเมื่อไหร่ก็ได้ คนที่พร้อมจะฆ่าใครสักคนโดยไม่ลังเล
    “ฮัลโหลค่ะพี่ยักษ์”
    เสียงเจนที่รับสายมีอาการหอบนิดๆ เหมือนเพิ่งวิ่งมา ทำให้ฉันยิ่งหงุดหงิด
    “ทำไมรับโทรศัพท์ช้าจัง มัวทำอะไรอยู่ พี่บอกแล้วใช่ไหมว่าถ้าพี่โทรหาให้รีบรับ”
    ฉันรู้ว่ากำลังตะคอกเจน แต่ฉันก็ห้ามตัวเองไม่ได้ ถ้าเธอแอบออกไปข้างนอก ถ้าเธอไปรับแขกอีกล่ะ ฉันไม่รู้ว่าจะทำยังไงกับเธอดี
    “เจนขอโทษค่ะ พอดีเจนเข้าห้องน้ำอยู่ ปวดท้องนิดหน่อย”
    “ไม่สบายหรือเปล่า”
    ความเงียบแทนคำตอบของทั้งหมด วันนี้หลังจากจัดการกับน้องเปรี้ยวเรียบร้อย ฉันก็พกพาอารมณ์ที่ยังรุนแรงไปลงที่เจนอีกเช่นเดิม แต่เธอก็ยังยอมรับฉันโดยปราศจากข้อโต้แย้ง และปราศจากคำถามใดๆ
    “ไปหาหมอหรือยัง”
    “เจนไม่เป็นอะไรหรอกค่ะ พักสักวันก็หาย”
    มันไม่หายเร็วขนาดนั้นหรอก ฉันรู้ดีว่ามันไม่หายในหนึ่งวันแน่ๆ ก่อนจะกลับมารอยรอบแขนและลำคอของเธอเริ่มปรากฏสีเขียวอมม่วงให้เห็นชัดเจนแล้ว
    “พี่บอกว่าให้ไปหาหมอ เจนก็ต้องไปสิ ไม่ดีกว่าเจนรออยู่ที่ห้องน่ะแหละ เดี๋ยวพรุ่งนี้พอพี่เลิกงานจะพาไปหาหมอเอง”
    “เจนไม่เป็นอะไรมากหรอกค่ะ พี่ยักษ์ไม่ต้องเสียเงินพาเจนไปหาหมอหรอก นอนพักซักคืนก็หายแล้วเปลืองตังส์”
    จากคำพูดของเจน แสดงให้เห็นว่าเธอยังคงเป็นห่วงเรื่องเงินที่ฉันให้เธอเช่นเคย เธอกลัวเสมอว่าจะทำตัวเอาเปรียบฉัน ทั้งที่ครั้งนี้เธอต้องเจ็บตัวจนป่วยก็เพราะฉัน และความเกรงใจของเจน ทำให้ฉันยิ่งโมโหเธอขึ้นไปอีก
    “เจนอย่ามาเถียงพี่ได้ไหม ไม่สบายขนาดนั้น มันจะหายเองได้ยังไง กะอีแค่ไปหาหมอ มันไม่ได้ทำให้พี่หมดตัวหรอกน่า”
    “ทะเลาะกับใครอยู่”
    เสียงที่พี่สัมถามทำฉันสะดุ้งสุดตัว เมื่อมองตามหลังแกเข้าไปในห้อง ฉันพบว่าคนในห้องนอนอยู่บนเตียงหมดแล้ว เมื่อกี้ฉันคงเผลอพูดเสียงดังเข้าไปในห้อง ทำให้พี่สัมซึ่งเกลียดการถูกกวนใจตอนนอนตื่นขึ้นมาดู และคงไม่เห็นฉันอยู่บนเตียงจึงลุกขึ้นเดินมาหา
    “คือแฟนผมเขาไม่ค่อยสบายน่ะพี่สัม ผมให้ไปหาหมอ แต่เขาดื้อไม่ยอมไป”
    “แกมีแฟนตั้งแต่เมื่อไหร่ว่ะ”
    คนเป็นหมอนี่ต้องช่างสังเกตทุกคนเลยใช่ไหม พี่สัมขมวดคิ้วนิดๆ ฉันรู้ว่าไม่เคยบอกใครเรื่องเจน จึงไม่แปลกที่พี่สัมจะสงสัย
    “เราเพิ่งคบกันเองพี่ ว่างๆ ผมจะพามาแนะนำ”
    แล้วพี่สัมก็เดินกลับเข้าไปในห้อง คราวนี้ฉันว่าพี่แกคงสามารถหลับได้ลงจริงๆ เสียที และตามปกติถ้าหลับแล้ว มักจะไม่ค่อยมีใครอยากปลุกแกขึ้นมาโดนด่า ฉันจึงแน่ใจว่าไอ้พวกที่เหลือคงจะไม่เดินออกมาให้พี่สัมต้องตื่นนอนอีกเป็นแน่
    “พี่ยักษ์ค่ะ พี่ยักษ์”
    เสียงปลายสายเรียก เมื่อเห็นว่าฉันเงียบเสียงไปนาน
    “หือ”
    “พี่คุยกับใครหรือค่ะ”
    เจนถามด้วยน้ำเสียงลังเล ฉันรู้ดีว่าอารมณ์รุนแรงของฉันทำเธอหวาดกลัวแค่ไหน แต่ถึงยังไงฉันก็ไม่อาจควบคุมมันได้ พอๆ กับไม่อาจเลิกคบหากับเธอ ทั้งที่อยากจะปกป้องดูแลเจน แต่สุดท้ายฉันก็คงทำร้ายเธอเรื่อยไป
    “รุ่นพี่ของพี่น่ะ ไม่มีอะไรหรอก เจนพักผ่อนให้มากๆ นะ พรุ่งนี้พี่จะแวะพาไปหาหมอ”
    “ค่ะ พี่ก็พักมากๆ นะ เจนเป็นห่วง”
    ฉันกดวางสาย แต่ยังมองมือถือในมือต่อไปเงียบๆ ฉันไม่อยากวางหูเลย แต่กลัวว่าเจนจะป่วยหนักมากขึ้นถ้าไม่ได้พักผ่อน ฉันอยากได้ยินเสียงเจนอีก ต้องการอย่างยิ่งที่จะได้เห็นหน้าของเจน ได้รู้สึกถึงความอบอุ่นอ่อนโยนจากเธอ ก่อนที่ฉันจะจมลงสู่ความมืดมิดมากกว่านี้
    ...................................................
    7 ชั่วโมงก่อนหน้านี้
                ฉันมองดูร่างของน้องเปรี้ยวที่นอนพาดขวางเตียง ใจหนึ่งก็อยากให้เธอตายๆ ไปซะ อีกใจก็ไม่อยากให้เธอตาย ไม่ใช่ว่าห่วงหรอกนะ แต่มันเป็นเพราะฉันไม่อยากมีอะไรกับศพ การฆ่าเธอโดยไม่มีร่องรอยการข่มขืนเท่ากับชี้ให้เห็นว่าครั้งนี้ไม่เหมือนกับครั้งอื่นๆ ฉันลงทุนลงแรงไปมากเพื่อที่จะใช้เธอเป็นเหยื่อ และแค่ฝืนใจทำเรื่องที่ไม่อยากทำ เป็นการกระทำเล็กน้อยที่จะทำให้ฉันได้ในสิ่งที่ต้องการ เวลาและโอกาส
                เวลาที่จะสืบหาตัวพี่ฟ้า และโอกาสที่จะได้เจอเธออีก
                หรือในอีกด้าน
                เวลาที่จะวางแผนปิดปากธัญญ่า และโอกาสที่จะลงมือฆ่าเธอ
                เป้คู่ใจยังวางแอบอยู่มุมหนึ่งฉันหยิบอุปกรณ์ที่เตรียมไว้มาวางเรียงใกล้มือ เริ่มแรกฉันหยิบถุงมือยางสวมมือตัวเอง และหยิบอีกคู่ใส่มือทั้งสองข้างของน้องเปรี้ยวจากหลายครั้งที่เธอเคยพยายามจะมีอะไรกันกับฉัน ทำให้รู้ว่าเธอเป็นพวกชอบจิกข่วนป่านนี้เล็บมือของเธอคงเต็มไปด้วยเนื้อเยื่อของพี่สัม ฉันรู้สึกว่าตัวเองกำลังยิ้มเมื่อคิดถึงการที่ผู้ชายชอบนอนกับน้องเปรี้ยว
    ฉันเองก็อยากรู้เหมือนกันว่าการมีเซ็กค์กับเธอจะเป็นแบบไหน แล้วก็ใช่ว่าน้องเปรี้ยวจะไม่ให้โอกาส เพียงแต่มันจบลงตรงที่ฉันไม่มีอารมณ์ น้องเปรี้ยวสรุปเอาเองว่าฉันเป็นพวกรักร่วมเพศ แต่เธอไม่รู้หรอกว่าความจริงฉันไม่กล้าทำร้ายเธอต่างหาก เพราะไม่อย่างนั้นพวกเพื่อนๆ ก็จะรู้ว่าฉันเป็นพวกนิยมความรุนแรง แต่วันนี้น้องเปรี้ยวจะได้รู้สักทีว่าการมีอะไรกับฉันมันเป็นยังไง
                หลังจากมั่นใจว่าซอกเล็บของเธอจะไม่มีเนื้อเยื่อของฉันเข้าไปปะปน และจะไม่มีการดิ้นรนขัดขืนจากเธอเพราะแขนขาถูกมัดติดไว้กับขาเตียงเรียบร้อยแล้ว รวมทั้งปากที่ถูกปิดทับด้วยเทปกาวก็จะเป็นการการันตี ได้ว่าจะไม่มีใครสามารถได้ยินเธอร้องขอความช่วยเหลือ เสื้อผ้าของเธอคงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องใช้อีก ฉันจึงตัดมันเป็นชิ้นๆ เพื่อดึงออกจากตัวเธอ
    ขณะที่มองน้องเปรี้ยวนอนเปลือยเปล่าช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ฉันก็เริ่มสงสัยว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่ ฉันควรจะเลิกดีไหม ทั้งที่รู้ว่าน้องเปรี้ยวต้องเอาเรื่องฉันแน่นอน แต่ฉันก็ยังลังเลที่จะฆ่าเธอ และฆ่าเพียงเพราะแค่อยากเพิ่มหลักฐานเอาผิดพี่สัม ฉันยังไม่มั่นใจเต็มร้อยว่าพี่สัมจะโดนจับ แต่อย่างน้อยพี่สัมก็ต้องตกเป็นผู้ต้องสงสัย และไม่อาจเข้ามาเกี่ยวข้องกับคดีได้อีก การขาดพี่สัมกับพี่ชาญจะทำให้คดีล่าช้าไปไม่น้อย แต่มันคุ้มเชียวหรือกับการที่ต้องฆ่าคนรู้จัก ฝันร้ายที่ตามหลอกหลอนฉันมันมากเหลือเกิน ทั้งแม่ ทั้งก้อย ฉันจะต้องเพิ่มอีกกี่คนจนกว่าเรื่องนี้จะจบลง จนกว่าฉันจะได้เจอกับพี่ฟ้าอีก
    ชื่อของพี่ฟ้าช่วยให้ฉันตัดสินใจได้ ถึงฉันจะต้องตกลงสู่ความมืดมนแค่ไหน เธอก็จะดึงฉันขึ้นมาจนได้ ขอแค่ได้เจอเธออีกเท่านั้น ฉันขอแค่นั้นจริงๆ แล้วทุกๆ อย่างจะจบลง ฉันจะไม่ทำร้ายใครอีก ฉันขอแค่ได้เจอเธอเท่านั้น แม้ว่าฉันจะต้องฆ่าใครอีกหลายๆ คนก็ตาม
    ร่างของน้องเปรี้ยวยังไม่กระดุกกระดิก ฉันไม่จำเป็นต้องใช้อุปกรณ์ในการปลุก เพราะความเจ็บปวดเป็นสิ่งดีที่สุดในการทำให้เธอตื่นมารับรู้ช่วงสุดท้ายในชีวิตของตัวเอง หัวแม่มือสองข้างของฉันเกี่ยวเข้ากับรอยบุ๋มเหนือกระดูกไหปราร้าของน้องเปรี้ยว เมื่ออยู่ในท่าถนัดฉันกดเต็มแรง
    “กร๊อบบ”
    แรงกดสามารถหักกระดูกไหปลาร้าของเธอได้พร้อมๆ กันทั้งสองข้าง มันคงเจ็บแทบขาดใจทีเดียว ฉันรู้เมื่อเห็นตาของน้องเปรี้ยวเบิกโพลง กับเสียงอู้อี้เหมือนเธอกำลังกรีดร้องสุดเสียง ยิ่งเธอดิ้นมันก็จะยิ่งเจ็บเพราะกระดูกที่หักจะยิ่งเคลื่อนที่เสียดสีกัน แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ยังดิ้นไม่หยุด ตัวของฉันเลื่อนไปทับหน้าแข้งของเธอแล้วกดสองมือท้าวลงบนหัวเข่าข้างซ้าย ก่อนจะเอนตัวไปด้านหน้าแล้วโถมน้ำหนักลงไปทั้งตัว
    “ป๊อก”
    กระดูกเข่าซ้ายหลุดออกจากกัน ฉันย้ายมือทั้งสองไปยังเข่าขวา แล้วทำแบบเดิมซ้ำอีกครั้ง คราวนี้เธอคงรู้ตัวจึงพยายามดันขาหนี เพื่อแก้ปัญหาฉันจึงกระแทกหมัดเข้าที่ท้องของเธอหนึ่งครั้งหยุดให้เธออยู่นิ่งกับที่ชั่วคราว
    “ป๊อก”
    ขาสองข้างของเธอหมดสภาพแล้ว แต่ความเจ็บปวดของเธอมันยังไม่พอ มันไม่พอที่จะทำให้ฉันต้องการในตัวเธอ เร็วเท่าใจคิดเมื่อในมือของฉันมีมีดเดินป่า คมของมันค่อยกรีดลงบนข้อมือทั้งสองข้างของน้องเปรี้ยว มีหยุดเป็นระยะเมื่อพบเส้นเอ็นและเส้นเลือด ฉันกรีดเฉือนซ้ำๆ หนักขึ้น หนักขึ้น เลือดไหลรินออกมาตามแผลที่เปิดกว้างขึ้นทุกที ความรู้สึกที่แสนจะคุ้นเคยคืบคลานขึ้นมาตามแขนขาเมื่อเห็นเธอดิ้นทุรนทุราย
    เมื่อนึกบางอย่างออก ฉันรีบลุกออกจากตัวน้องเปรี้ยวเพื่อกำจัดเสื้อผ้าออกจากตัว ขณะที่กำลังสวมเครื่องป้องกัน ฉันก็เห็นแววตาหวาดกลัวของเธอจ้องมองที่ฉัน มันทำให้ฉันยิ่งแกร่งร้อนมากยิ่งขึ้น ฉันคลานกลับขึ้นไปบนตัวเธอรับรู้ว่ามันทำให้เข่าที่หลุดเจ็บมากยิ่งขึ้น ปลายมีดในมือทาบอยู่ชิดลำคอขาวผ่อง ทำให้นัยตาของน้องเปรี้ยวเหลือกลานยิ่งขึ้นด้วยความกลัว ก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นความเจ็บปวด เมื่อฉันเคลื่อนตัวเข้าไปในกายเธอ พร้อมๆ กับปาดคมมีดเข้ากับผิวของเธอ
    จังหวะของฉันเนิบช้าแต่รุนแรง เหมือนกับที่ฉันรักษาความลึกของคมมีดๆ ไม่ให้มันมากจนเกินไปที่จะทำให้น้องเปรี้ยวเสียชีวิต เช่นเดียวกันกับเลือดไหลออกมาจากบาดแผลอย่างต่อเนื่อง เหมือนน้ำตาที่ไหลออกมาไม่ขาดสาย ทุกครั้งที่จมลึกในตัวเธอมันทำให้ฉันสงสัยว่าทำไมผู้ชายถึงชอบน้องเปรี้ยว เธอไม่ได้พิเศษเธอไม่มีอะไรเลย
    เมื่อถึงจุดปลดปล่อยฉันเผลอแทงมีดเข้าไปในตัวของน้องเปรี้ยว กว่าที่ฉันจะรู้สึกตัวคมมีดก็จมลงไปในบ่าของเธอจนมิดด้าม มันอาจอยู่ใกล้หัวใจ แต่มันยังไม่เพียงพอที่จะทำให้เธอตายทันที ฉันถอดถอนออกถึงอารมณ์จะยังค้างคา แต่ฉันไม่ต้องการจะลงไปเกลือกกลั้วกับน้องเปรี้ยวอีก ไม่รู้ว่าเพราะอะไรรู้แค่ไม่อยาก
    หลังจากถอดถุงยางออกจากตัวฉันมองเห็นกระเป๋าของน้องเปรี้ยว ก่อนที่จะส่งเธอไปสบายฉันต้องทำอะไรบางอย่างก่อน มือถือของน้องเปรี้ยวยังปิดเสียงอยู่มีหลายเบอร์โทรเข้ามา ฉันพยายามตรวจดูสักครู่ก็เจอคลิปเสียงที่เธออัดเอาไว้ก่อนหน้านี้ ฉันค่อยๆ เปิดเลือกจังหวะที่น้องเปรี้ยวเอ่ยชื่อพี่สัม ถึงจะไม่เอ่ยชื่อแต่การร้องเรียกว่าพี่หมอ ก็น่าจะเพียงพอ ฉันบันทึกเข้าเครื่องของตัวเองเป็นคลิปสั้นๆ แล้วบันทึกกลับเข้าไปในครื่องของเธอ แล้วเลือกเลือกเบอร์ขึ้นมาสี่เบอร์ก่อนจะกดส่งคลิปออกไป เมื่อมือถือของฉันร้องเตือนว่ามีข้อความเข้า ฉันตรวจสอบจนมั่นใจว่าสามคนที่เหลือจะได้รับมันเช่นกัน ก่อนจะกดปิดเครื่องของน้องเปรี้ยว
    ร่างของน้องเปรี้ยวยังนอนเหยียดยาวอยู่บนเตียง มันคงจะเป็นการสงเคราะห์เธอเป็นอย่างมากที่จะฆ่าเธอให้ตาย ก่อนจะตัดร่างกายของเธอออกเป็นชิ้นๆ แต่ฉันไม่เห็นความจำเป็นว่าต้องทำแบบนั้น ยังไงเธอก็ต้องตายอยู่ดี ฉันขี้เกียจเสียเวลาฆ่าแล้วค่อยหั่น เพราะถ้าหั่นหัวเธอออกยังไงก็ต้องตาย
    เมื่อแน่ใจว่าถุงมือที่สวมจะไม่เลื่อนหลุด ฉันก็ดึงมีดเล่มเล็กออกจากตัวน้องเปรี้ยวเลือดทะลักออกมาตามมีด ฉันดีใจที่ยังเปลือยกายอยู่ต่อให้เลือดเปื้อนตัวมันก็ไม่ยากในการชำระล้าง ดีกว่าต้องซักเสื้อผ้าเปื้อนเลือด ฉันเช็ดมีดกับผ้าปูที่นอน เมื่อสะอาดดีก็เก็บเข้าเป้แล้วหยิบอุปกรณ์อื่นขึ้นมา เลื่อยมือขนาดกลางยังเป็นอุปกรณ์ถนัดที่ฉันเลือกใช้ เลื่อยตัดเหล็กที่มีโครงจับถนัดมือสะดวกในการพกพา มันเปลี่ยนใบมีดได้และยังเลื่อยกระดูกเป็นชิ้นๆ ได้ง่าย ขณะที่ทาบใบเลื่อยเข้ากับคอของน้องเปรี้ยวฉันรู้สึกถึงมือเธอที่พยายามจะยกขึ้น น่าเบื่อเป็นบ้า ฉันคิดว่าป่านนี้เธอจะหมดแรงขัดขืนแล้วเสียอีก หรือไม่งั้นเธอก็คงจะยังเสียเลือดไม่พอ
    เนื่องจากเชือกรัดแน่นที่แขนของน้องเปรี้ยว ฉันจึงไม่ต้องกลัวที่จะตัดมือเธอออกก่อน คิดได้อย่างนั้นมือซ้ายของฉันก็จับมือซ้ายของเธอที่ยังสวมถึงมือแน่น มือขวาจับด้ามเลื่อย กดใบเข้าที่ข้อมือก่อนจะเลื่อยมันออก ตอนที่มันตัดผ่านเนื้อหนังเป็นตอนที่เลอะเทอะแต่ง่ายดาย จนค่อยๆ ลำบากขึ้นเมื่อต้องเลื่อยกระดูก โดยปกติฉันแค่เลื่อยให้ลึกพอก่อนจะหักออก แล้วค่อยเฉือนเนื้อกับหนังให้ขาดออกจากตัว น้องเปรี้ยวดิ้นรนทุกขั้นตอน แต่มันยิ่งทำให้งานไวขึ้น เมื่อจบจากมือซ้าย ฉันก็ย้ายไปมือขวา ฉันหยิบทั้งสองมือใส่ลงถุงใบใหญ่ที่เตรียมมา
    ตอนนี้เลือดเจิ่งนองเต็มเตียง ผิวขาวซีดของเธอยิ่งเห็นเด่นชัดยิ่งขึ้น อาจเป็นเพราะการเสียเลือดมากไปทำให้ร่างของน้องเปรี้ยวเกร็งกระตุกเป็นระยะ ฉันขึ้นไปนั่งข้างศรีษะของเธอทางด้านขวา ใช้เข้าขวากดบ่าเธอแล้วใช้มือซ้ายจิกผมเธอเพื่อเป็นหลักยึด ก่อนจะเลื่อยคอของเธอออก เลือดไหลออกมาไม่ขาดสาย เหมือนว่าฉันกำลังตัดท่อน้ำแทนที่จะเป็นเนื้อหนังมนุษย์ เทปกาวที่ปิดปากของเธอไม่อาจจะขวางเลือดที่ทะลักออกจากปากได้ มันไหลหยดลงมาเต็มคางและคอ ฉันเห็นความเปลี่ยนแปลงของน้องเปรี้ยวทุกวินาที
    เริ่มจากอาการเกร็งด้วยความกลัวตาย ความเจ็บปวดทรมาน จนถึงความพยายามจะดิ้นรนหายใจ จนสุดท้ายมันจบลงตรงที่สิ้นสุดการมีชีวิต เมื่อตัดกระดูกจนขาด ใบเลื่อยก็ดันหัก ฉันขี้เกียจจะเปลี่ยนใบใหม่จึงเดินไปหยิบเอามีดออกมาอีกครั้ง หลังจากตัดคอเธอจนหลุดออกจากร่าง ฉันก็หิ้วผมเธอขึ้นมาดู
    ฉันรู้แล้วว่าทำไมผู้ชายถึงชอบน้องเปรี้ยว เธอสวย แม้ว่าตอนนี้จะดูไม่ค่อยออกนักเนื่องจากดวงตาเหลือกลาน ใบหน้าบิดเบี้ยวแต่เธอก็ยังสวย แต่มันก็มีแค่นั้นผู้ชายถึงชอบอยู่ใกล้เพื่อมีอะไรกับเธอ แล้วก็ทิ้งเธอไป เพราะเธอไม่ได้มีอะไรที่เรียกได้ว่าพิเศษ ก็แค่ผู้หญิงคนนึง ผู้หญิงที่เรียกร้องเอาแต่ใจ เรียกร้องให้ใครๆ รัก
    พอคิดถึงตรงนี้ฉันก็เอื้อมมือไปลูบใบหน้าของเธอเบาๆ ด้วยความเห็นใจ ไม่ว่าใครก็ต้องการคนที่มาอยู่เคียงข้าง เธอไม่ผิดหรอกที่ทำตัวเหลวแหลก ฉันลองถามตัวเองว่าสิ่งที่ทำลงไปผิดไหม แต่กลับหาคำตอบไม่ได้ นั้นสิฉันทำอะไรลงไป มันคุ้มค่าไหมที่ปล่อยให้ตัวเองถลำลึกลงไปเรื่อยๆ
    ..................................................
    ฉันเก็บมือถือของตัวเองลงกระเป๋ากางเกง มันกระทบเข้ากับอะไรบางอย่าง มือฉันล้วงหยิบมือถือของน้องเปรี้ยวออกจากกระเป๋า ฉันรู้ดีว่าพี่สัมเป็นคนฉลาด แต่ฉันก็ไม่ได้โง่เหมือนกัน สิ่งที่พี่สัมคิดฉันก็คิดได้ และอาจจะคิดได้ก่อนพี่สัมด้วยซ้ำ
     To be continue.
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×