ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    คำสารภาพของฆาตกร ภาค2 (The Memory)

    ลำดับตอนที่ #2 : หนาวเนื้อ

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 955
      79
      22 พ.ค. 54

     

    ตอนที่ 1 หนาวเนื้อ
    “เราก็มี....ความสุขกัน...ดีนี่นา แล้ว...ทำไมเธอยังจะ....ทิ้งฉันไปอีกล่ะ”
    ฉันถามเธอด้วยเสียงกระท่อนกระแท่น เนื่องจากต้องบังคับร่างกายให้เคลื่อนไหวเป็นจังหวะ ฉันถามเธอด้วยคำถามเดิมซ้ำๆ ทั้งที่รู้ว่าไม่มีทางได้คำตอบ แต่ที่จริงแล้วฉันก็ไม่ได้อยากได้คำตอบสักเท่าไหร่ แค่อยากตอกย้ำให้เธอรู้สึกผิดที่คิดตีตัวออกห่างจากฉันเท่านั้นเอง
    “ฉันบอก...แล้วไง ว่า...อ้า...”
    คำสุดท้ายไม่ใช่คำพูด แต่เป็นเสียงครางจากความสุข แน่ล่ะเธอเองคงจะรู้ดี เพราะเธอได้ยินเสียงนั้นซ้ำๆ มาแล้วหลายครั้ง ภายใต้ร่างของฉัน
    แขนของเธอกางแผ่ไร้สิ้นสภาพ ขาสองข้างก็แบะอ้ากว้างอยู่ในท่าที่พร้อมจะให้ฉันโจนจ้วงเข้าใส่ เธอคงไม่มีแรงพอที่จะยกมันขึ้นมา เพราะมันคงต้องใช้แรงไม่ใช่น้อยที่จะยกแขนและขาที่ถูกหักขึ้นมาได้
    ที่จริงจะบอกว่าหักมันก็คงจะเกินไปหน่อย เพราะที่หักจริงๆ มีแค่แขนขวาที่ตอนนี้บิดเป็นมุมกลับจากด้านปกติ แขนซ้ายฉันแค่กระชากมันจนหลุด อืมไม่สิข้อมือน่าจะหักด้วยใครใช้ให้เธอตบหน้าฉันล่ะ ฉันก็ต้องหักมันทิ้งน่ะสิ ส่วนขาทั้งสองข้างน่าจะหักเฉพาะข้างซ้ายมั้ง แต่ที่มันขยับไม่ได้ก็คงเพราะโดนถูกฉันทุบ เตะ และถีบจนกล้ามเนื้อหน้าขาไม่ทำงาน
    “โอ้...เธอนี่ช่าง อา...”
    ฉันกัดฟันแน่นพูดอะไรไม่ออก ที่จริงฉันอยากจะบอกเธอว่าตัวเธอช่างยอดเยี่ยมจริงๆ แม้แต่การถอดถอนก็เป็นความสุขแบบหนึ่ง เมื่อกล้ามเนื้อของเธอยังบีบรัดแนบแน่นเหมือนไม่อยากจะปล่อยให้ร่างกายของฉันผละไปจากเธอ ใช่ มันเป็นความสุขที่สุดยอดจริงๆ แม้ว่าจะเห็นน้ำตาของเธอไหลพรากก็ตาม
    ฉันไม่อยากออกจากกายเธอเลย ถ้าทำได้ฉันอยากหลอมรวมเราทั้งคู่เข้าด้วยกัน แต่มันจำเป็นในเมื่อฉันไม่ต้องการละทิ้งอะไรไว้ในกายเธอก่อนที่เราจะตกลงกันได้เรียบร้อย คุณรู้ไหมว่าการถอดถุงยางที่ดีมันต้องเริ่มขั้นตอนตั้งแต่เราเพิ่งปลดปล่อย ดึงส่วนนั้นออกจากความนุ่มชื้นตอนที่เรายังไม่อ่อนตัว ไม่งั้นอะไรก็ตามที่เรากักเอาไว้ในถุงจะไหลเลอะเทอะ แล้วต้องจับส่วนโคนไว้ให้มั่นป้องกันการหลุดร่วง ฉันค่อยๆ ใช้มือซ้ายดึงด้านปากถุงออกพร้อมกับใช้อีกมือประคองส่วนปลายตามแบบที่ได้เรียนรู้มา เมื่อตรวจสอบจนมั่นใจว่าไม่มีรูให้ของเหลวรั่วไหล ฉันก็เก็บมันใส่ถุงซิปล๊อครวมกับสองชิ้นก่อนหน้านี้
                “ไม่เอาน่า เธอจะร้องไห้ทำไม เราก็มีความสุขด้วยกันทั้งคู่”
                น้ำตาของเธอยิ่งหลั่งไหลมากยิ่งขึ้นเมื่อได้ฟังฉันพูด ถ้าฉันไม่อุดปากเธอด้วยกางเกงชั้นในของเธอเอง ป่านนี้เสียงร้องของเธอคงดังลั่นอีกเป็นแน่ เพราะตอนนี้อาการจุกเสียดจากการโดนชกคงหมดไปแล้ว ไม่สิ มันน่าจะหมดไปกว่าสองชั่วโมงแล้ว
                “เอาล่ะ เรามาคุยกันดีๆ ดีกว่านะ ในเมื่อเธอเป็นของฉันแล้ว ฉันก็อยากให้เธอเป็นของฉันคนเดียว เธอเข้าใจใช่ไหม”
                ฉันไม่จำเป็นต้องถามว่าฉันเป็นอันดับที่เท่าไหร่ที่เคยครอบครองเธอ ก็ในเมื่อรอยเลือดทั้งที่แห้งกรัง และที่ยังรินไหลอยู่เป็นข้อพิสูจน์ได้เป็นอย่างดี ถึงจะต้องยอมรับว่าฉันออกจะรุนแรงไปสักหน่อยก็เถอะ หรือถ้าพูดตามความจริง มันก็จัดว่ารุนแรงมากเลยทีเดียว ช่วยไม่ได้ก็ฉันรักเธอมากนี่นา ฉันอยากจะฝังร่างของตัวเองให้เข้าไปอาศัยอยู่ในร่างกายของเธอด้วยซ้ำ
                “เดี๋ยวฉันจะเอาผ้าออก เรามาคุยกันดีกว่า อย่าเสียงดังนะ ฉันไม่ชอบ”
                ขณะที่กำลังดึงกางเกงชั้นในออกจากปากเธอ ฉันก็เห็นด้านข้างปากของเธอมีรอยฉีกนิดๆ ตอนยัดผ้าเข้าไปฉันเผลอทำปากเธอฉีก แต่คงไม่เป็นไรหรอกแผลเล็กๆ เอง ว่าแต่นั้นมันอะไร แววบางอย่างในดวงตาเธอ ความหวังหรอ นี่เธอยังหวังว่าจะหนีไปจากฉันอีกหรอ  
                “ปั๊ก ปั๊ก ปั๊ก ปั๊ก”
                ฉันประเคนหมัดใส่หน้าเธอ ก่อนจะอัดซ้ำๆ เข้าที่หน้าท้อง อย่างน้อยคนเจ็บจนจุกก็ตะโกนไม่ได้ มันเป็นหนึ่งในเรื่องที่ดีมาก ยกเว้นว่าเราอาจจะคุยกันไม่รู้เรื่อง
                ร่างของเธองอตัวเพื่อลดความเจ็บปวด ฉันกระชากบ่าเธอนอนหงายอีกครั้ง ก่อนจะกระโดดขึ้นไปนั่งคร่อมทับระหว่างอกกับเอวเธอ
    “กร๊อบ”
    ซี่โครงเธอคงจะหักเพิ่มขึ้นอีก แต่กระดูกคงจะไม่แทงปอดหรอกมั้ง เสียงร้องด้วยความเจ็บปวดรอดผ่านผืนผ้าออกมาเบาๆ
                 ฉันดึงมันออก เลือดและน้ำลายไหลตามออกมาไม่ใช่น้อย ฉันโยนกางเกงในผืนน้อยทิ้งไป ก่อนที่จะใช้มือขวาดึงผมเธอโดยแรง เพื่อบังคับให้มองสบตาของฉัน ตอนนี้หน้าของเธอบวมแดง ปูดโปนเป็นรอยช้ำและเต็มไปด้วยคราบฝุ่น ไม่น่าเลย ฉันไม่น่าพาเธอมานอนในที่รกร้างอย่างนี้เลย แต่จะทำยังไงได้ในเมื่อฉันพาเธอกลับไปบ้านไม่ได้ เราก็ต้องมากลิ้งเกลือกกันอยู่ข้างทางแบบนี้แหละ
                “เอาล่ะ คราวนี้เรามาคุยกันดีๆ ได้เสียทีนะ”
                ปากที่แตกยับของเธอบิดเบ้ด้วยความเจ็บ น้ำตายังไหลไม่หยุด มันจะอะไรกันนักกันหนา จะร้องทำไม เธอเป็นผู้หญิงของฉันนะ อย่าลืมสิเธอเป็นของฉัน ทำไมต้องทำท่ารังเกียจด้วย ฉันคิดไปก็กระแทกหัวของเธอเข้ากับพื้น
                “ปึ๊ก”
                “เงียบ อย่าร้องไห้นะ”
                “ปึ๊ก”
                “บอกว่าให้เงียบ”
                “ปึ๊ก”
                “หยุด...อย่าทำฉัน”
                เสียงร้องขอทำให้ฉันหยุดลงได้ แน่นอนถ้าเธอขอฉันทำให้ได้ทุกอย่าง เว้นแต่เธอจะขอให้ฉันไปจากเธอ เพราะเธอต้องเป็นของฉันตลอดไป
                “ก็บอกแล้วว่าให้คุยกันดีๆ เธอนี่ยังไง ชอบให้ฉันโมโหอยู่เรื่อย”
    ฉันไม่อยากพูดอะไรซ้ำซากเลย ทำไมเธอถึงได้โง่อย่างนี้นะ เมื่อไหร่จะฉลาดเสียที กี่ครั้งแล้วที่ฉันต้องคอยบอกคอยเตือน แต่เธอก็ทำให้ฉันต้องออกแรงทุกที แววตาของเธอจับจ้องที่ฉันด้วยความหวาดกลัว มันน่าตบซักฉาดให้หายโง่
    “เพี้ยะ”
    “ฉันบอกหลายครั้งแล้วไง ว่าอย่ามองฉันแบบนี้”
    “เพี้ยะ”
    ไม่ไหวจริงๆ ทำไมฉันต้องรักผู้หญิงโง่ๆ อย่างนี้ด้วย อยู่กับฉันตั้งหลายปี สั่งสอนเท่าไหร่ไม่เคยจำ ต้องตบอีกกี่ฉาดถึงจะฉลาดขึ้นมาบ้าง
        “เพี้ยะ”
                ฉันกำลังจะฟาดให้หนัก เมื่อเธอสำลักเลือดจากปากที่บวมเจ้อ ฉันเจ็บแปลบเมื่อเห็นว่าน้ำตาและเลือดกำเดาไหลนองเต็มหน้าเธอ เห็นเป็นสายบนแก้มบวมช้ำจนแทบแตก ฉันอยากลูบปลอบใจเธอแต่เปลี่ยนเป็นรออยู่เงียบๆ จนกว่าเธอจะสามารถพูดได้อีกครั้ง ก็บอกแล้วว่าฉันอยากคุยกับเธอดีๆ
                  “กะ...แก...เป็นใคร”
                “นี่เธอลืมฉันอีกแล้วแร๊ะ ลืมฉันอีกแล้ว...”
    ถ้อยคำพรั่งพรูออกมาจากปากฉัน พร้อมกับแรงแค้นที่บีบเค้นเข้าที่คอของเธอ หนักขึ้น หนักขึ้นเรื่อยๆ พร้อมสติของฉันที่หลุดหายไป
                ฉันไม่รู้ว่าเวลามันผ่านไปนานเท่าไหร่ รู้แค่เพียงว่าเธอไม่หายใจอีกแล้ว เธอตายแล้ว แต่ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวฉันก็จะหาเธอเจออีกจนได้ ไม่ว่าเธอจะไปที่ไหน หรือว่าเธอจะไปใช้ชื่อว่าอะไร ฉันก็จะตามไปเจอเธอได้เสมอ เพราะว่าฉันรักเธอ ถึงเธอจะหนีไปไหน ฉันก็จะไปตามเอาตัวเธอกลับมาจนได้
    ........................
    อีกแล้วหรือเนี่ย ฉันทำบ้าอะไรลงไปอีกแล้ว สายตาฉันจับจ้องมองร่างขาวซีดที่นอนแน่นิ่งอยู่กับพื้น โธ่เอ๊ย...นี่ฉันลงมือโดยไม่รู้ตัวอีกแล้วหรอ ไม่สิ มันเหมือนจะรู้ตัวบ้าง แต่เหมือนไม่ใช่ตัวฉันที่ทำลงไป เหมือนว่าไม่ใช่มือของฉันที่กดลงบนคอระหงนั้น แต่มันเหมือนเป็นมือคนอื่น ใช่ มันต้องมีอะไรสิงสู่ให้ฉันทำลงไปโดยไม่รู้ตัวแน่ๆ
    ฉันดึงกางเกงกลับเข้าที่เดิม ในขณะที่ฉันกำลังจะคิดหาที่ ที่จะพาร่างไร้วิญญานไปเก็บซ่อน ก็ได้ยินเสียงเหมือนใครกำลังจะเดินเข้ามา บรรลัยแน่ถ้าฉันปล่อยให้ใครมาเจอศพ ฉันก้าวยาวๆ ไปยังจุดที่ได้ยินเสียงเหมือนมีคนจะเข้ามา ขณะที่ฉันกำลังจะออกไปแอบดูลาดเลา ก็มีเสียงดังสวนเข้ามา
    “หน๊าวเนื้อ โห่มเนื้อ จึ๊งหายหน๊าว หน๊าวร๊าวอกร๊าว โห่มโอกหาย...” 
    เสียงร้องเพลงอ้อแอ้บอกได้ดีถึงสภาพของคนแหกปากร้อง ไม่จำเป็นที่ฉันต้องออกไปเจอ เดี๋ยวแม่คนขี้เมาเสียงนรกก็คงจะเดินออกไปเอง บ้าชิบ...อยู่ๆ ยัยนี่จะโผล่หน้าเข้ามามองทำไมว่ะ
    จังหวะที่ฉันกำลังตกใจ แว่นตาอันเบ้อเริ่มบวกกับหัวหูกระเซอะกระเซิงก็ชะโงกเข้ามากวาดตามองดูข้างใน ผ่านช่องที่พังของรั้วสังกะสี ช่องเดียวกับที่ฉันลากร่างของผู้หญิงคนที่นอนเป็นศพเข้ามา
    “อ๊าว...มีคนอยู่ล้วยหลอ อย่างนี้ช้านก็... แหวะ...อ๊วกม่ายด้ายน่าซี้”
    แม้ปากจะบอกว่าไม่แต่เสียงขย้อนก็บอกว่ากำลังจะคายของเก่าออกมา นังนี่ต้องเป็นผู้หญิงเมาที่ทุเรศที่สุดเท่าที่ฉันเคยเจอแน่ๆ ชุดเสื้อกระโปรงแบบสาวออฟฟิศยับสกปรก เต็มไปด้วยคราบ ผมยาวหลุดจากยางรัดปรกหน้าปรกตา แว่นตาเอียงกระเท้เร้ตอนที่เจ้าของโก่งคออาเจียนเกือบรดปลายเท้าฉัน
    “แหวะ...แย่แหล็ว ช่วยล๊วยสิ”
    ฉันรีบเดินเข้าไปใกล้ ไม่ได้คิดพิศวาสจะไปช่วยหรอกนะ แต่ในเมื่อเห็นหน้ากันอย่างนี้ฉันคงปล่อยไปเป็นๆ ไม่ได้ แต่ยัยนั้นกลับโอนเอนเซถลาถอยหลังออกไปเสียก่อน
    “เอ๊ะ นั้นใครมาทำอะไรตรงนั้นน่ะ”
    เสียงหวานจากภายนอกดังขึ้นก่อนที่ฉันจะเข้าถึงตัวเป้าหมาย มีคนสองคนเดินลงมาจากรถยนต์ที่จอดอยู่ไม่ไกล บ้าชะมัด ฉันมัวแต่ระวังนังขี้เมาจนไม่ได้ยินเสียงรถเก๋งรุ่นใหม่ที่วิ่งเงียบสนิท ฉันหลบวูบเข้าสู่เงามืด ก่อนหญิงสาวในชุดนักศึกษารัดติ้วจะเดินมาแตะแขนเหยื่อรายใหม่ของฉัน
    “พี่คนนี้อยู่ห้องเยื้องๆ เราไงค่ะป๋า”
    ยัยเด็กไซด์ไลน์หันไปบอกคนที่กำลังปิดประตูรถเสียงดัง ในขณะที่แม่ตัวดีที่ฉันอยากฆ่านักหนายืนโงนเงนอยู่ข้างๆ ผู้หญิงในชุดนักศึกษาจำต้องหันไปยึดบ่าเอาไว้
    “ใช่หรอน้องน้ำ”
    คนที่เดินตามมาน่าจะเป็นพวกเสี่ย พุงพลุ่ยบวกกับเสื้อเชิ้ตเปิดอกเห็นสร้อยเส้นโต บอกยี่ห้อพวกรับเลี้ยงเด็กชัดๆ ต่ำจริงๆ พวกนี้
    “ค่ะป๋า น้องน้ำจำได้ เราพาไปส่งที่ตึกแล้วกันนะป๋า ทิ้งไว้อย่างนี้ไม่ได้หรอก เดี๋ยวใครลากไปล่ะแย่เลย”
    ซวยแล้วไง อีเด็กเสี่ยนี่ก็ยุ่งไม่เข้าเรื่อง แล้วนี่ฉันจะตามไปปิดปากนังนั้นได้ยังไง เอ๊ะ ไม่สิพวกนี้มันพวกที่ตึกนี่นา ดูดีๆ ยัยเพิ้งขี้เหล้าเนี่ยก็เดินสวนกันตั้งหลายทีแล้ว ช่างเถอะ เมาขนาดนี้คงจำอะไรไม่ได้หรอก แต่เพื่อความไม่ประมาทเก็บมันทีหลังแล้วกัน ก่อนหน้านั้นไปเก็บหลักฐานก่อนดีกว่า
    เสี่ยทำเสียงเหมือนไม่อยากช่วย ใครล่ะจะอยากให้ยัยคนขี้เมาอ๊วกแตกอ๊วกแตนอย่างนั้นขึ้นรถ แต่นังเมียน้อยคะยั้นคะยออ้อนเสี่ย พร้อมกับประคองกึ่งลากยัยขี้เมาขึ้นไปนั่งเบาะหลัง พอหลังจากพวกแขกไม่ได้รับเชิญล่าถอยออกไป ฉันก็รีบเร้นกายกลับเข้าไปสู่จุดเกิดเหตุอีกครั้ง
    ..................................
                ฉันใช่เวลานานทีเดียวยืนมองร่างที่นอนอยู่กับพื้น เหมือนจริงๆ ไม่สิ นั้นเธอเลยล่ะ แย่แล้วไอ้ความรู้สึกบ้าๆ มันครอบงำฉันอีกแล้ว ไม่ได้การฉันต้องเตือนตัวเองเอาไว้ ว่านั้นไม่ใช่เธอ หรือต่อให้ใช่มันก็เป็นเพียงแค่เปลือกนอกที่เธอลอกคราบทิ้งไว้
    ฉันเห็นบางอย่างทางหางตาจึงเอื้อมไปหยิบขึ้นมาดู รองเท้าหนังคัทชูสีขาวของเธอนี่นา เธอคงลืมเอาไว้ ไม่เป็นไร ฉันจะเก็บไว้รอเธอมาสวม แต่เธอคงจะมีคู่อื่นๆ อีกเหมือนเดิมน่ะแหละ อย่างนั้นก็ดีแล้วเวลาที่เธอใส่ฉันจะได้จำได้ว่าเธอกลับมาหาฉันอีกครั้ง รีบกำจัดซากเก่าที่เธอไม่ใช้แล้วดีกว่า ยังต้องรีบตามไปฆ่านังตัวยุ่งนั้นอีก
    To be continue.
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×