ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    คำสารภาพของฆาตกร ภาค2 (The Memory)

    ลำดับตอนที่ #14 : ความทรงจำในวัยเยาว์ 15 ปี (สายเลือดเดียวกัน)

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 467
      29
      7 พ.ค. 54

    ตอนที่ 13 ความทรงจำในวัยเยาว์
    15 ปี (สายเลือดเดียวกัน)
    ฉันตื่นนอนเกือบเที่ยงเนื่องจากเหนื่อยล้าที่ต้องสร้างหลักฐานมัดตัวคนอื่น แล้วยังต้องสร้างภาพเพื่อให้เพื่อนๆ ไม่สงสัย การกินดื่ม คุยเล่น ทั้งที่ในใจ กำลังกำลังตึงเครียดด้วยความรู้สึกผิดไม่ใช่เรื่องที่ทำได้ง่ายๆ ในตอนที่กำลังออกจากร้านฉันมองไปยังจุดที่ร่างของโบว์นอนอยู่ มันยังปกคลุมไปด้วยความเงียบและความมืดมิดเช่นเดียวกับสิ่งที่อยู่ในใจฉัน
    ขณะที่กำลังออกจากห้องเพื่อนๆ ยังนอนกันอยู่ เพราะต่างคนก็ต่างเมามายมิใช่น้อย บางคนตามกลับมาทีหลังเสียด้วยซ้ำ มันเป็นเรื่องธรรมดาที่พวกเราจะไม่ถามกันว่าไปไหนหรือทำอะไร และฉันชอบที่มันเป็นอย่างนั้น
    ฉันนั่งรออาหารตามสั่ง พร้อมกับกวาดตามองไปรอบๆ อย่างไร้จุดหมายก่อนจะสะดุดสายตาเข้ากับคนคู่หนึ่งที่ยืนอยู่หน้าตึก ร่างเล็กกำลังยกกระเป๋าขึ้นท้ายรถแท๊กซี่ แล้วเปิดประตูให้หญิงชราคนหนึ่งเดินขึ้นไปนั่งบนเบาะหลัง ก่อนจะปิดประตูแล้วโบกมือลา ฉันจำหญิงสาวร่างเล็กคนนั้นได้ และยิ่งจำหญิงชราคนนั้นได้ดี แม้ว่าเวลาจะผ่านไปนานกว่าสิบห้าปีแล้วก็ตาม
    “ธัญญ่ามาส่งใครหรอ”
    ฉันร้องถามก่อนที่เธอจะเดินเข้าไปในตึก
    “อ้อ ธัญญ่ามาส่งแม่น่ะ”
    ก่อนที่จะทันคิดฉันก็พูดสิ่งที่อยู่ในใจออกไป
    “นั้นมันยายไม่ใช่หรอ”
    ธัญญ่าชะงักไปเล็กน้อย แล้วเสหลบตาฉัน เหมือนมีเรื่องปิดบังก่อนจะปฎิเสธเบาๆ
    “เปล่านี่ คนเมื่อกี้เป็นแม่ของธัญญ่า เพียงแต่ธัญญ่าเป็นลูกหลงเท่านั้นเอง ธัญญ่าขอตัวก่อนนะ พอดีมีเรื่องจะไปติดต่อนิติบุคคลหน่อย”
    พูดเสร็จธัญญ่าก็รีบเดินจากไป แต่ถึงเธอจะไม่ยอมรับแต่ผมก็รู้ดีว่าธัญญ่ากับผู้หญิงคนเมื่อกี้ มีความสัมพันธ์กันแบบไหนกับเธอ และทำไมเธอจึงอ้างว่าเป็นลูกหลงของยายตัวเอง
    .........................................
    15 ปีก่อนหน้านี้
    ฉันมองใบแจ้งค่าเทรอมด้วยความหนักใจ ถึงจะมีทุนเรียนดี กับทุนยากจน แต่ค่าใช้จ่ายอื่นๆ ก็ยังมากอยู่ดี และคนที่ต้องแบกรับทุกอย่างก็คือพี่ฟ้า ถึงเธอไม่เคยพูดแต่ฉันก็รู้ว่าเงินทุกบาทที่ฉันใช้มาจากหยาดเหงื่อแรงงานของเธอ แม้ตัวเองจะลำบากแต่พี่ฟ้าก็ยังยืนยันไม่ยอมให้ฉันทำงานสกปรกใดๆ เธอยอมให้ฉันรับจ้างทำงานเล็กๆ น้อยๆ เช่นพิมพ์เอกสาร หรือ เป็นเด็กช่วยงานในร้านค้า แต่รายได้ที่ก็ยังไม่มากนัก เพราะอายุของฉันไม่มากพอจะทำงานได้
    เสียงกริ่งประตูดังผ่านหูแว่วๆ ฉันเอาเอกสารของทางโรงเรียนเก็บใส่กระเป๋าเพื่อให้พ้นสายตาของพี่ฟ้า ทั้งที่รู้ว่าพี่ฟ้าต้องถามถึงมันอยู่ดี
    “เอ้อ นี่ห้องของพลอยใช่ไหมจ๊ะ”
    ผู้หญิงสูงวัยตรงหน้ามองฉันด้วยความสับสนงุนงง ฉันพยักหน้ารับด้วยความประหลาดใจไม่แพ้กัน แต่เมื่อมองไปยังดวงตาของผู้หญิงตรงหน้า ฉันก็รู้ทันทีว่าเธอเป็นอะไรกับพี่ฟ้า
    “เขาไม่อยู่หรอ งั้นเดี๋ยวยายไปรอข้างล่างก่อนนะ”
    “ไม่เป็นไรครับ คุณมารอข้างในห้องดีกว่าครับ”
    เธอพยักหน้ารับ พร้อมกับถอดรองเท้าเดินเข้ามาในห้อง ด้วยกิริยางกๆ เงิ่นๆเหมือนหญิงชราจากต่างจังหวัด ฉันเดินพาเธอไปนั่งยังชุดเก้าอี้เล็กๆ ที่ฉันนั่งอยู่เมื่อครู่ เราทั้งสองนั่งอยู่ด้วยกันท่ามกลางความเงียบ จนเธอเป็นคนเอ่ยขึ้นมาก่อน
    “ยายเป็นแม่ของพลอย หนูเป็นใครหรอ”
    ฉันรู้ดีว่าเธอถามตามมารยาท แต่ฉันไม่อาจหาคำตอบที่เหมาะสมได้ ว่าฉันกับพี่ฟ้าอยู่ในฐานะอะไร ฉันอาจคิดกับพี่ฟ้ามากกว่าพี่สาวคนหนึ่ง แต่พี่ฟ้าไม่เคยมีท่าทีอะไรกับฉันมากกว่านั้น เราไม่เคยมีอะไรเกินเลย แม้ว่าพี่เก๋จะไม่เคยเชื่ออย่างนั้นก็ตาม ตลอดปีที่ผ่านมาฉันอาจจะมีอะไรกับพี่เก๋หลายครั้ง และทุกครั้งมันเป็นไปด้วยความดิบเถื่อน พี่ฟ้ารู้ดีแต่ไม่พูดต่อว่าอะไร เหมือนกับที่ฉันไม่คิดจะทำแบบเดียวกันนั้นกับพี่ฟ้า
    “ผมเป็นคนรู้จักกับพี่ฟ้าครับ ผมมีปัญหานิดหน่อยเลยมาขอให้พี่ฟ้าช่วย”
    คุณยายมองหน้าฉันด้วยความสงสัย ฉันไม่รู้ว่าเธอจะเชื่อฉันไหม หรือเธออาจจะคิดแบบเดียวกับพี่เก๋ก็ได้ แต่หลายครั้งที่ฉันกับเธอมาเจอกันในภายหลัง ฉันก็ยังยืนยันประโยคนั้น ทั้งที่ในใจไม่เคยยอมหยุดความต้องการ ความสัมพันธ์ที่มากกว่านั้นกับพี่ฟ้า
    ..................................
    อาหารที่สั่งมาวางอยู่ตรงหน้า แต่ฉันปล่อยมันวางนิ่งอยู่ตรงนั้น ไม่อาจนำตัวเองมาสู่ความเป็นจริงได้ โดยเฉพาะความจริงที่วิ่งเข้าใส่ ฉันรู้แล้วว่าทำไมฉันถึงชอบธัญญ่า ฉันชอบรอยยิ้มอ่อนโยนของเธอ เพราะมันเป็นรอยยิ้มที่อยู่ในความทรงจำของฉันตลอดมา เพียงแต่รอยยิ้มที่ฉันเคยเห็นแฝงความเศร้าสร้อยมากกว่าความแจ่มใส
    ถ้าฉันอยากเจอกับพี่ฟ้าอีกครั้งฉันก็ต้องหาหนทางผ่านลูกสาวของเธอ เพราะพี่ฟ้าไม่ใช่คนประเภทที่ตัดขาดสายเลือดของตัวเองง่ายๆ จะเป็นยังไงถ้าฉันถามธัญญ่าว่าแม่ของเธออยู่ที่ไหน เธอก็คงจะตอบว่าแม่อยู่ที่ต่างจังหวัด และฉันไม่อาจย้ำถามธัญญ่าได้ ว่าฉันอยากรู้ที่อยู่แม่แท้ๆ ของเธอ เพราะมันคงมีคำถามมากมายว่าฉันรู้จักแม่ของเธอได้อย่างไร ฉันไม่ต้องการให้เธอสงสัยอดีตของฉัน โดยเฉพาะอดีตที่เพิ่งเกิดขึ้นไม่นานมานี้เอง
    เสียงทุ่มเถียงใกล้ๆ ทำให้ฉันต้องละความคิดเพื่อหันไปมอง เจ้าของร้านกำลังตะโกนดุด่าลูกชายวัยรุ่นเสียงดัง ในขณะที่เด็กชายกระแทกกระทั้นข้าวของพร้อมกับเถียงบิดาไม่ยอมหยุด ฉันประหลาดใจเสมอกับสิ่งที่เด็กยุคใหม่ทำกับบุพการี แต่มันก็ยังไม่แปลกเท่าที่ฉันเคยทำ หรือเรียกได้ว่ามันห่างไกลกับสิ่งที่ฉันเคยทำกับคนที่ให้กำเนิดมากทีเดียว
    .................................
    15 ปีก่อนหน้านี้
    ฉันกลับมาที่ห้องเก่าด้วยความไม่เต็มใจ แต่เนื่องจากแม่โทรมาบอกว่ามีเรื่องสำคัญจะคุยกับฉันและไม่ต้องการให้พี่ฟ้ามาด้วยฉันจึงต้องมาเพียงลำพัง ตอนแรกพี่ฟ้าแนะนำให้ฉันไปเจอกับแม่ที่อื่น แต่เมื่อถึงเวลานัดแม่กลับขอร้องให้ฉันมาหาที่บ้านแทน
    “แม่มีอะไรหรือเปล่า”
    หลังจากเจอแม่เกือบชั่วโมง ฉันจึงถามด้วยความรำคาญ ที่แม่เฝ้าแต่พูดถึงเรื่องไร้สาระ ที่ดูเหมือนจะยาวนานไม่สิ้นสุด ทั้งที่ตลอดมา ตั้งแต่ฉันออกไปจากบ้านเราทั้งคู่ไม่เคยคุยกันมากกว่าสิบประโยคด้วยซ้ำ และยังเป็นการพูดคุยผ่านโทรศัพท์
    “พ่อของแกโทรมา”
    คำพูดนั้นทำให้ฉันจ้องมองหน้าแม่ด้วยความประหลาดใจ ตั้งแต่จำความได้แม่ไม่เคยพูดถึงพ่อของฉันมาก่อน จนฉันเคยคิดไปเองด้วยซ้ำว่าแม่ไม่รู้ว่าพ่อของฉันเป็นใคร
    “เขารู้จากเพื่อนว่ามีแก อีกสองสามเดือนเขาจะบินมาไทย เขาอยากจะช่วยเหลือเรื่องค่าใช้จ่ายของแก”
    “งั้นพอเขามา แม่ค่อยโทรหาผมแล้วกัน”
    ฉันบอกง่ายๆ พร้อมกับเตรียมตัวจะกลับห้องของพี่ฟ้า ก็ในเมื่อฉันไม่เคยเจอพ่อ ไม่เคยคิดว่าจะมีพ่อ ฉันจึงไม่รู้ว่าควรจะทำยังไง คิดแค่อยากจะไปบอกข่าวเรื่องที่ฉันมีพ่อให้พี่ฟ้ารู้
    “แกก็กลับมาอยู่ที่บ้านได้แล้ว เวลาที่พ่อมาจะได้เห็นว่าแกอยู่ที่ไหน”
    ฉันรู้ทันทีว่าแม่มีจุดประสงค์อะไรในการให้ฉันกลับมาอยู่ด้วย แน่นอนว่าฉันไม่คิดจะตอบรับ แต่ก็ไม่ต้องการปฎิเสธให้เรื่องยืดยาว เพราะเราแทบไม่มีความจำเป็นที่จะต้องอยู่ด้วยกัน เราไม่มีความผูกพันธ์เว้นแต่ทางสายเลือด อย่างน้อยก็สำหรับฉัน แต่กับแม่ ฉันคงมีประโยชน์ไม่ใช่น้อยถ้าพ่อให้เงินช่วยเหลือ
    “ลุงแกก็ย้ายออกไปตั้งนานแล้ว แกก็ย้ายกลับมาสักที”
    แม่คิดแต่เพียงว่าลุงเป็นสาเหตุให้ฉันออกจากบ้าน ทั้งที่ความจริงฉันออกไปเพราะแม่เป็นคนผลักไสฉันออกไปต่างหาก ก่อนที่ฉันจะบอกออกไป แม่ก็พูดบางสิ่งขึ้นมาเสียก่อน
    “หรือว่าแกยังอยากจะมั่วกับอีกระหรี่นั้น พ่อแกรับไม่ได้หรอกนะที่มีลูกเป็นแมงดา”
    “กระหรี่น่ะมันแม่ ส่วนแมงดาก็บรรดาผัวที่แม่กกกอดอยู่ทุกวันไงล่ะ”
    คำพูดรุนแรงออกจากปากของฉัน เพื่อตอบโต้ความร้ายกาจที่แม่กล้าหยาบคายถึงคนที่ดูแลฉันมาตลอด  นับตั้งแต่วันแรกแม่ขับไล่ฉันออกจากบ้าน เพราะเห็นแก่ผู้ชายเลวๆ คนหนึ่ง
    “เพี๊ยะ”
    ฝ่ามือของแม่กระทบหน้าฉันจนชา แต่ฉันไม่คิดจะตอบโต้ได้แต่ยืนนิ่งด้วยความโกรธ
    “ไอ้ลูกชั่ว กล้าด่าแม่ตัวเองเพราะอีตัวเชียวหรอ ยังไงกูก็เป็นคนเบ่งมึงออกมานะ ไปอยู่กับมันไม่เท่าไหร่ไม่เห็นกูเป็นแม่แล้วใช่ไหม”
    “แล้วแม่ล่ะ เคยเห็นผมเป็นลูกหรือเปล่า”
    ฉันตะคอกกลับ แล้วหันหลังจะเดินออกไป แต่แม่ก็ยังด่าทอไม่หยุด
    “ไปเลย กลับไปกกอีนั้นเลย เดี๋ยวกูจะไปแจ้งความว่ามันพรากผู้เยาว์ยังไงกูก็เป็นแม่มึง คอยดูเมียมึงติดคุกให้พวกนักโทษรุมเย็ดได้เลย อีนั้น...”
    ฉันไม่รอฟังต่อด้วยซ้ำว่าแม่ต้องการจะพูดอะไรอีก เมื่อหันกลับมาตบแม่จนหน้าหัน ก่อนจะลั่นหมัดต่อยซ้ำๆ ไม่นับ แม่พยายามต่อสู้ทั้งจิกข่วนและด่าทอ แต่ก็ไม่อาจสู้แรงความโกรธจากฉันได้ เมื่อเวลาผ่านไปหลายนาที ฉันจึงหยุดมือแล้วพบว่าแม่นอนร้องไห้อยู่กับพื้น ก่อนที่ฉันจะคิดได้ว่าควรทำอย่างไรกับแม่ต่อ แม่ก็ช่วยตัดสินใจแทนให้
    “ถ้ากูยังอยู่ อย่าคิดเลยว่ามึงกับอีดอกนั้นจะอยู่ด้วยกันได้”
    แม่ยังพูดต่ออีกหลายประโยค แม้ว่าฉันจะลุกเดินไปหยิบของที่อยู่ใกล้ๆ ก่อนที่แกจะลุกขึ้นมานั่งฉันก็กระแทกเตารีดอัดเข้าที่กกหูของแกเต็มแรง ฉันเรียนรู้มาจากลุงว่าหากโดนทุบเข้าที่นั้นจะทำให้สลบ แต่ดูเหมือนว่ามันยังไม่พอ เพราะถึงจะมีเลือดไหลแดงฉานเต็มหน้าแต่แม่ก็ยังกรีดร้องได้อีก ด้วยความกลัวว่าเพื่อนบ้านจะรู้ ฉันจึงจับหูเตารีดกระแทกเข้าที่ปากของแม่อีกหลายครั้งจนแม่เงียบเสียง ฉันรู้ว่าแม่ยังไม่สลบเพราะมือของแม่ยังพยายามยกขึ้นมาบังใบหน้าแม้ว่าจะอยู่ในลักษณะที่อ่อนแรงเต็มที แต่ที่แม่ไม่ร้องอีกก็เพราะเลือดหรืออาจจะมีฟันหลายซี่ไหลเข้าไปในคอของแม่ และมีบางส่วนที่ไหลเจิ่งนองพื้น ฉันวางเตารีดลงแล้วเดินไปค้นหาในครัว เพื่อหาอะไรสักอย่างเพื่อจะจบเรื่องของระหว่างฉันกับแม่
    เมื่อฉันเดินกลับมาแม่ก็กำลังตะเกียกตะกายไปยังประตู แต่ฉันลากด้านหลังคอเสื้อยืดของแม่กลับมายังกลางบ้านอีกครั้ง แม่พยายามพลิกตัวกลับมาสู้ แต่กลายเป็นการหันมาเพื่อโดนฉันฟันเข้าที่ใบหน้าด้วยมีดอีโต้เล่มใหญ่ เลือดไหลพรากออกมาจากปากแผลที่เปิดอ้าระหว่างลำคอกับทรวงอก มือของแม่พยายามจะกดปิดแผลฉกรรณ์นั้น จึงโดนการฟาดฟันครั้งต่อๆ มาเข้าเต็มแรงจนแขนทั้งสองแทบขาดออกจากตัว ใบหน้าแหลกยับ ลำคอเหวอะหว่ะ แต่แม่ก็ยังนอนหายใจรวยรินพร้อมกับใช้ดวงตาข้างที่ยังดีอยู่มองหน้าฉัน
    เป็นครั้งที่สองที่แม่มองฉันด้วยความหวาดกลัว แต่ครั้งนี้แม่ไม่อาจถอยหนีไปไหนได้ เหมือนกับที่ฉันไม่อาจจากไปโดยที่ยังไม่ได้ดับลมหายใจของแม่
    “ปั๊ก”
    ครั้งแรกที่เล็งสับลำคอ มันพลาดไปโดนไหล่ ตัวแม่กระตุกด้วยความเจ็บปวด ฉันตั้งสมาธิแล้วเงื้อสับอีกครั้ง
    “ปั๊ก”
    ครั้งนี้มันเข้าที่ลำคอเต็มๆ เลือดกระฉูดออกมา พร้อมๆ กับฟองอากาศจากหลอดลม ฉันยกมีดขึ้นอีกครั้งแต่มีเสียงดังเบาๆ ออกจากคอแม่พร้อมกับคอที่พับห้อยลงมา
    ดวงตาข้างขวาของแม่เต็มไปด้วยข้อกล่าวหา มันไม่ได้จับอยู่ที่ใบหน้าของฉันอีกแล้ว แต่ฉันมั่นใจว่ามันจะติดตรึงอยู่ในความทรงจำของฉันตลอดไป
    มือของฉันเอื้อมไปหยิบสร้อยทองที่ขาดออกจากคอของแม่ ก่อนจะรูดแหวนทองออกจากนิ้วมือ ฉันอยากให้ดูเหมือนการลักทรัพท์มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ที่สำคัญมันต้องไม่เหลือหลักฐานกลับมาที่ตัวฉัน
    ระหว่างรื้อค้นข้าวของมีค่า ฉันก็เช็ดรอยนิ้วมือตามไปด้วย เมื่อแน่ใจว่าไม่มีสิ่งมีค่าใดหลงเหลืออยู่ภายในบ้าน ฉันก็เดินกลับไปที่ร่างไร้วิญญานของแม่อีกครั้ง แล้วสับมือทั้งสองข้างเก็บใส่ถุงพลาสติก จากหนังสือพิมพ์ที่เคยอ่าน ตำรวจมักจะพบเนื้อเยื่อในซอกเล็บเสมอและจากการที่เราต่อสู้กัน ฉันมั่นใจว่าต้องมีเหลือพอที่จะโยงมายังตัวฉันได้อย่างแน่นอน ฉันหาเสื้อยืดตัวใหญ่มาผลัดเปลี่ยนกับเสื้อที่เปื้อนเลือดจนเต็ม โชคดีที่กางเกงมีรอยเลือดไม่มากนัก เมื่อใช้น้ำโชลมเอาคราบลิ่มเลือดออกมันก็ดูเหมือนกางเกงที่เปียกน้ำธรรมดา หากไม่มีคนมาเพ่งดูใกล้ๆ ไม่มีทางเห็นคราบสีแดงที่แฝงอยู่
    เมื่อมั่นใจว่าทุกอย่างเรียบร้อย ฉันก็รวบรวมถุงที่ใส่มือของแม่ เตารีด และมีดอีโต้ใส่ลงในเป้ ด้ามของมีดโผล่ให้เห็นเล็กน้อย ฉันพยายามเอาผ้าขี้ริ้วพันห่อมันไว้ไม่ให้ดูสะดุดตา เมื่อจะก้าวออกจากบ้านฉันเหลียวมองซ้ายขวา มันยังเป็นเช่นเดิมที่ดูเหมือนจะไม่มีใครสนใจใคร โดยเฉพาะวันนี้ที่รอบบ้านดูจะปราศจากผู้คน
    ก่อนจะถึงคอนโดของพี่ฟ้า ฉันแวะไปยังข้างทางสองครั้ง ครั้งแรก ฉันไปยังคลองระบายน้ำ แล้วทิ้งมีดอีโต้กับเตารีด ครั้งที่สองฉันแอบเข้าไปในป่าละเมาะแล้วขุดดินด้วยมือตัวเอง เพื่อจะฝังมือทั้งสองข้างของแม่ ตอนแรกฉันคิดจะฝังเงินและทองที่ได้มา แต่แล้วก็เปลี่ยนใจเก็บมันเอาไว้
    เมื่อกลบฝังดินจนเสร็จ ฉันเห็นหยดน้ำตกลงบนกองดินชื้นนั้น ตอนแรกฉันคิดว่าฝนกำลังตก ก่อนจะรู้สึกว่าตัวเองกำลังร้องไห้อยู่ ฉันไม่ปาดน้ำตาออกแต่ปล่อยให้มันไหลไปเรื่อยๆ ในขณะที่สะอื้นจนตัวโยน ไม่สนว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหน ไม่สนว่าจะหยุดร้องไห้เมื่อไหร่ ฉันรู้แค่ว่าตัวเองไม่มีแม่อีกแล้ว รู้ว่าตัวเองไม่อาจเป็นคนดีได้อีกต่อไป มือทั้งสองข้างของฉันเปื้อนเลือดและมันเป็นเลือดแบบเดียวกับที่ไหลเวียนในตัวฉัน
    .....................................
    ฉันหมุนแหวนที่นิ้วเล่นด้วยอารมณ์เหม่อลอย มันไม่ใช่แหวนของแม่ แต่มันก็ได้มาเพราะการที่แม่ไม่มีลมหายใจ ฉันแทบนึกหน้าของพ่อไม่ออก นึกได้แต่เพียงจำนวนเงินที่พ่อโอนเข้าบัญชีของฉันทุกเดือนจนฉันจบปริญญาตรี เขาทำหน้าที่ของเขาได้เป็นอย่างดี และฉันเองก็ไม่ได้ต้องการอะไรมากกว่านั้น
    ผ่านไปกว่าสี่เดือนพ่อถึงจะติดต่อกลับมา เขาติดต่อฉันผ่านทางคนรู้จักของแม่มายังพี่ฟ้า และทำให้พี่ฟ้ารู้ว่าแม่เสียชีวิตไปแล้ว เพราะไม่มีใครในชุมชนสนใจจะบอกข่าวกับเธอก่อนหน้านี้ ประกอบกับระยะหลังเธอไปทำงานอาสาสมัครที่อื่นเพราะไม่อยากทนกับการถูกซิบซิบนินทาว่าเอาเด็กผู้ชายมาเลี้ยง
    เมื่อรู้ว่าแม่ตาย พี่ฟ้าเข้ามาบอกฉันด้วยน้ำตานองหน้า ฉันรับฟังด้วยอาการสั่นสะท้านและใบหน้าซีดเผือด เธอคิดว่าฉันเสียใจจนช๊อคกับข่าวร้าย แต่แท้ที่จริงมันปนเประหว่างความเศร้าที่รู้ว่าไม่มีญาติที่ไหนจัดงานศพให้แม่ กับความกลัวในสิ่งที่ตัวเองกระทำ
    หลังจากได้รับเงินก้อนแรกจากพ่อ พี่ฟ้าให้ฉันเป็นคนรับผิดชอบเงินนั้น โดยมีที่พี่ฟ้าคอยดูแลให้ฉันซื้อหาแต่ของที่จำเป็นต่อตัวเองและเก็บไว้เป็นทุนการศึกษาของฉัน แต่เธอไม่เคยก้าวก่ายหรือคิดจะเบียดบังเงินของฉันแม้แต่น้อย ดังนั้นฉันจึงเอาแหวนและสร้อยของแม่ไปขาย มันเปลี่ยนเป็นเงินจำนวนไม่มากนัก แต่ฉันเอาเงินที่ได้ไปซื้อแหวนให้เธอ บอกว่าได้มาจากพ่อ เป็นครั้งแรกที่พี่ฟ้าโกรธฉัน เธอไม่ยอมรับมัน แต่เมื่อฉันตื้อมากๆ เข้า เธอก็ขอให้ฉันสวมมันเอาไว้
    “สวมไว้ให้พี่เห็นนะยักษ์ ถึงเราจะไม่มีความเกี่ยวข้องกัน แต่เราก็ผูกพันธ์กัน ไม่ว่าเมื่อไหร่พี่จะอยู่ข้างๆ ยักษ์เสมอ”
    ไม่น่าเชื่อว่ามันเป็นครั้งแรกอีกเช่นกัน ที่เธอโกหกฉัน
     To be continue.
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×