ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    คำสารภาพของฆาตกร ภาค2 (The Memory)

    ลำดับตอนที่ #12 : ความทรงจำในวัยเยาว์ 14 ปี (ปีกของนางฟ้า)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 451
      35
      5 พ.ค. 54

    ตอนที่ 11 ความทรงจำในวัยเยาว์
    14 ปี (ปีกของนางฟ้า)
                ฉันหยิบถุงพลาสติกในกางเกงออกมาดูเป็นรอบที่ร้อย พร้อมกับทบทวนแผนที่มีในใจและคาดหวังว่ามันจะได้ผล สายตาของฉันกวาดมองบริเวณโดยรอบๆ ฉันไม่พบเจอใครสักคนที่น่าสนใจพอ หรือถ้าจะให้ดีกว่านั้น ฉันอยากเจอเธอ เพื่อที่จะได้ไม่ต้องลงมือทำในสิ่งที่ฉันเองยังไม่แน่ใจว่าอยากทำ ไม่เพียงแต่ฉันกำลังจะลงมือทำผิดต่อรุ่นพี่ที่เคารพเท่านั้น แต่มันยังเป็นการเริ่มต้นลงมือตามแผนการณ์ ที่จะจบลงด้วยการสังหารธัญญ่า ถ้าเมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมาฉันไม่ได้เจอเธอ ไม่รู้จักเธอ มันคงเป็นแค่การสังหารผู้หญิงคนหนึ่งเท่านั้น การที่ได้พูดคุยกับเธอ ได้รู้ว่าเธอเป็นคนยังไง มันคงจะทำให้ฉันทำใจได้ยากขึ้น เมื่อต้องเป็นคนปลิดชีวิตเธอ
                วันนี้ก็เหมือนคืนก่อนๆ ที่พวกก๊วนหนุ่มโสดจะพากันไปเที่ยว และเป็นเช่นดังปกติที่พี่หมอจะไม่ดื่มเหล้าหนัก แต่จะนั่งดื่มเรื่อยๆ เพื่อรอออกไปกับผู้หญิงคนใดคนหนึ่งที่มาชวน ส่วนคนอื่นๆ ที่หล่อน้อยกว่าก็จะออกไปล่าเหยื่อตามฟลอร์เต้นรำ มีคนที่แปลกไปเพียงคนเดียวนั้นคือพี่ชาญ ที่วันนี้ขอตัวกลับห้องเร็วกว่าปกติ แต่มันก็ดีสำหรับฉัน เพราะแผนที่วางไว้ต้องอาศัยช่วงเวลาที่รุ่นพี่ของฉันไม่ได้อยู่ด้วยกัน และตอนนี้ฉันต้องหาเป้าหมายให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้           
    “กำลังมองหาใครอยู่หรอค่ะ”
    เสียงหวานแทบรดใบหู บวกกับเล็บแหลมที่แตะต้นแขนทำเอาขนฉันลุกเกรียว ฉันหันไปยิ้มให้ผู้หญิงที่กำลังเอนตัวมาเกือบชิดตัวฉัน กลิ่นแอลกอฮอลล์อาจไม่รุนแรงนัก แต่นัยตาหรี่ปรือของเธอบอกได้ดีว่าตอนนี้สติของเธอแทบไม่เหลือแล้ว
    “ผมกำลังมองหาคุณอยู่ไงครับ”
    เธอยิ้มกว้างทันที ก่อนจะโอบแขนรอบลำคอฉันพร้อมกับเบียดตัวมาอิงฉันเอาไว้
    “จริงหรอค่ะ โบว์ไม่ยักรู้ว่ามีคนหล่อขนาดนี้รอโบว์อยู่ด้วย ว่าแต่จะดีไหม ถ้าเราจะรู้จักกันให้มากกว่านี้”
    สายตาของโบว์กวาดมองทั่วตัวฉัน เหมือนกับกำลังประเมินราคาสินค้า พอๆ กับสายตาของฉันที่จับจ้องเธอทีละส่วน เพื่อประเมินความเสี่ยง ในขณะที่บอกชื่อของฉันให้เธอรู้
    “ยักษ์ครับ ผมชื่อยักษ์”
    .................................
                หลังจากตรวจสอบจนมั่นใจว่าโบว์มากับเพื่อนแค่สองคน แต่เพื่อนแยกไปกับผู้ชายคนอื่นปล่อยให้เธอนั่งดื่มลำพัง ฉันก็ค่อยๆ หลอกล่อให้เธอออกไปรอที่ลานจอดรถ อ้างว่าต้องไปเอากุญแจจากเพื่อนก่อน แต่แอบเดินไปอีกทางเพื่อเอากระเป๋าหนังที่ซ่อนไว้ท้ายรถออกมา เมื่อได้อุปกรณ์ฉันก็กวาดตามองหาเธอ  แสงจากประตูหลังของผับสาดส่องให้เห็นร่างของเธอที่ยืนรอฉันอยู่ และฉันไม่ขยับเดินเข้าไปหา เพราะรู้ดีว่าตรงนั้นมีกล้องวงจรปิด
                “โบว์ครับ ผมอยู่นี่ครับ”
                เธอยิ้มแบบเย้ายวนแล้วค่อยๆ กรีดกรายเดินมาหาฉัน ท่ามกลางแสงสลัวฉันรู้สึกถึงความมืดดำที่โอบล้อมเราทั้งคู่ และหนทางที่ไม่มีทางย้อนกลับ
                “รถจอดอยู่ตรงไหนหรือค่ะพี่ยักษ์”
                ฉันไม่ตอบแต่โอบบ่าของโบว์ให้ออกไปทางด้านหลังลานจอดรถ ไปยังส่วนที่มีแต่พงหญ้าสูง และต้นไม้รก เธออาจจะสงสัยอยู่บ้างที่ฉันพาเธอไปยังที่เปลี่ยวแต่เธอคงไม่แคร์ เมื่อสังเกตจากนิ้วเรียวที่ลูบไล้ไปมาบนต้นแขนของฉัน
                เมื่อมั่นใจว่าพ้นสายตาของคนอื่น ฉันก็ดันตัวเธอจนแผ่นหลังของเธอกระแทกเข้ากับต้นไม้ใหญ่แล้วล้วงเข้าไปในชายกระโปรงตัวสั้นบีบเคล้นเนื้อบั้นท้าย พร้อมๆ กับบดจูบเธอด้วยความรุนแรง ฉันคาดหวังให้เธอดิ้นรนต่อสู้ แต่เธอกลับตอบสนองทุกสัมผัสดิบเถื่อนนั้นด้วยความพึงพอใจ พอมือของฉันเลื่อนมากอบกุมใจกลางความเป็นหญิง มือของเธอก็เอื้อมมาสัมผัสฉันบ้าง แต่แล้วก็ส่งเสียงประหลาดใจเมื่อพบว่าอวัยวะส่วนนั้นของฉันยังนิ่งสนิทเหมือนไม่รับรู้ถึงความเร่าร้อนใดๆ
                มันก็เหมือนเวลาที่ฉันมีเซ็กกับคนอื่นๆ ฉันไม่เคยมีอารมณ์ง่ายๆ หรือจะพูดให้ถูกคือฉันไม่เคยมีอารมณ์ในสภาพปกติ
    ....................................
    16 ปีก่อนหน้านี้
                เกือบสองเดือนที่ฉันย้ายมาอยู่กับเธอ คนอื่นๆ เรียกเธอว่าพลอย แต่สำหรับฉันเธอคือพี่ฟ้า เหมือนกับชื่อที่คนอื่นเรียกฉันไม่มีความสำคัญเหมือนชื่อยักษ์ที่เธอเรียก พี่ฟ้าตัดสินใจพาฉันมาอยู่ด้วยโดยไม่ถามสักคำว่าเกิดอะไรขึ้น แล้ววันต่อมายังไปพูดกับแม่เพื่อขอรับผิดชอบดูแลฉันเอง ฉันไม่รู้ว่าแม่พูดอะไรบ้าง แต่วันนั้นพี่ฟ้ากลับมายังห้องที่เราอยู่ด้วยกันแล้วกอดฉันแน่น ก่อนจะบอกว่า เธอจะดูแลฉันเอง ด้วยเสียงสั่นเครือ
                “ยักษ์ทำอะไรอยู่น่ะ”
                ฉันเงยหน้าจากหนังสือที่กำลังอ่าน เห็นพี่เก๋เพื่อนของพี่ฟ้ากำลังเดินเข้ามาใกล้ๆ โซฟาที่ฉันนั่งอยู่  เธอชอบเดินเข้ามาในห้องของพี่ฟ้าเสมอ ทั้งคู่ทำงานอยู่ที่เดียวกัน แต่ไม่ใช่งานที่ต้องให้ชุดสีฟ้า เป็นงานที่ไม่ต้องใช่เสื้อผ้าด้วยซ้ำ
    วันแรกที่ฉันย้ายมาอยู่ด้วย พี่ฟ้าลังเลว่าจะบอกความจริงกับฉันยังไงดี แต่ฉันไม่ได้นึกรังเกียจในสิ่งที่เธอทำสิ่งที่เธอเป็น ฉันแค่แปลกใจว่าทำไมเธอถึงต้องใส่ชุดฟอร์มพนักงานบริษัทไปทำงานอาสาสมัครด้วย เธอบอกฉันว่าเธอมีความฝันอยู่สองอย่าง คือ หนึ่งเป็นผู้หญิงที่ทำอาชีพปกติธรรมดาอย่างพนักงานออฟฟิศ กับสอง เป็นคนที่ทำความดีเพื่อสังคมโดยไม่หวังผลตอบแทน ในเมื่อพี่ฟ้าไม่สามารถทำตามฝันแรกได้ อย่างน้อยเธอก็อยากทำตามฝันที่สอง โดยไม่ให้อาสาสมัครคนอื่นรังเกียจในอาชีพของเธอ
                “พลอยไปไหนล่ะ”
                สายตาของพี่เก๋สอดส่ายหาพี่ฟ้า เมื่อไม่เห็นเธอก็นั่งบนโซฟาข้างๆ ฉัน แล้วมองดูหนังสือเรียนที่ฉันอ่านอยู่
                “ออกไปซื้อของเมื่อกี้เองครับ อีกสักชั่วโมงคงจะกลับ เดี๋ยวผมบอกพี่พลอยให้ก็ได้ครับ ว่าพี่เก๋มาหา”
                ฉันตอบตามจริงเพราะคิดว่าพี่เก๋มีเรื่องที่ต้องการพบพี่ฟ้า เธอนิ่งมองหน้าฉันด้วยแววตาแปลกๆ ก่อนจะยิ้มกว้าง
                “อ้อ...ที่ว่าจะจัดงานวันเกิดให้ยักษ์นี่เอง อายุเท่าไหร่แล้วล่ะเรา”
                “สิบสี่ครับ”
    ฉันตอบเรียบๆ เพราะไม่คิดว่าจะว่าการอายุครบสิบสี่จะมีอะไรเป็นพิเศษ
                “จริงหรอ ตัวใหญ่เท่าสิบแปดเลย ไม่น่าเชื่อว่ายังแค่สิบสี่ เป็นลูกของพลอยได้เลยนะเนี่ย เดือนหน้าเขาก็สามสิบแล้ว”
                ฉันรู้สึกหงุดหงิดกับคำพูดนั้น ทั้งที่ไม่รู้ว่าทำไมการที่มีคนคอยตอกย้ำความต่างด้านอายุของฉันกับพี่ฟ้ามีความสำคัญยังไง
                “อย่าบอกนะว่าโมโห พี่แค่ล้อเล่นน่า”
                ฉันฝืนยิ้มให้พี่เก๋ เธอไม่ใช่คนประเภทที่มีเจตนาร้าย เพียงแต่พูดอะไรไม่ค่อยคิด และติดชอบพูดเล่นมากเกินไป จู่ๆ เธอก็เดินมานั่งเบียดกับฉันบนโซฟา แล้วเอื้อมมือมาลูบต้นแขนฉันเบาๆ ก่อนจะยิ้มให้ด้วยนัยตาหยาดเยิ้ม
                “พี่มีของขวัญจะให้ยักษ์”
                พี่เก๋พูดเสียงเบาๆ ใกล้หูฉัน จนฉันต้องเลื่อนตัวออกห่าง ด้วยความที่ไม่เคยชินกับการอยู่ใกล้ชิดกับใคร
                “ไม่เป็นไรครับ มันก็แค่วันเกิด”
                คำปฎิเสธออกจากปากก่อนที่ฉันจะทันคิด เพราะตั้งแต่เกิดมา ฉันไม่ยังเคยได้รับของขวัญจากใครเลยสักชิ้น ฉันจึงมองว่ามันเป็นของที่ไม่จำเป็น และสิ้นเปลืองเงิน แต่พี่เก๋ไม่สนใจเธอขยับตัวมาเบียดฉันจนชิด ก่อนที่ฉันจะเขยิบหนีอีก เธอก็โอบบ่าฉันแน่นแล้วกระซิบใส่หูฉัน
                “น่า พี่อยากให้ มันไม่ได้เสียตังส์ซื้อมาเสียหน่อย”
                ฉันไม่ทันปฎิเสธเมื่อมือของเธอเอื้อมไปยังชายเสื้อของตัวเอง แล้วดึงผ่านศรีษะ เผยให้เห็นทรวงอกขนาดใหญ่ ก่อนจะรูดกางเกงออกทางปลายเท้า เผยให้เห็นชั้นในลูกไม้สีดำตัวจิ๋ว ที่ค่อยๆ ลงไปกองกับพื้นเช่นเดียวกับเสื้อผ้าชิ้นอื่น ฉันเคยเห็นหนังสือที่พวกเพื่อนๆ เอามาที่โรงเรียน แต่ไม่เคยเห็นของจริงที่เคลื่อนไหวได้มาก่อน ขณะที่ฉันกำลังตกตะลึง เธอก็คว้ามือทั้งสองข้างของฉันให้วางประกบลงบนก้อนเนื้อหยุ่นนุ่ม
                “จับได้นะ”
                ฉันจะดึงมืออก แต่เธอเคลื่อนตัวมานั่งคล่อมตักฉันบนโซฟา กดบ่าของฉันตรึงไม่ให้ขยับไปไหน ก่อนจะเสียดสีตัวเองเข้ากับฉัน
                “ทำไม่เป็นสินะ มาพี่จะทำให้”
                พูดแล้วเธอก็ล้วงมือเข้าไปในกางเกงเพื่อจะกอบกุมฉันไว้ ก่อนจะนิ่วหน้าด้วยความประหลาดใจแกมไม่สบอารมณ์
                “ทำไมไม่สู้ล่ะ หรือว่าเป็นตุ๊ด”
                ความโกรธแล่นเข้าสู่ตัวฉันทันที ฉันผลักเธอลงไปกองกับพื้น แล้วผุดลุกขึ้นจะหนีไปที่อื่น      “โอ๊ย...มันเจ็บนะ ไม่เอาก็บอกดีๆ สิ ใครจะไปรู้ว่าอีพลอยมันเลี้ยงกระเทย”      
                ก่อนที่ฉันจะหนีไป พี่เก๋ก็ลุกมายืนขวางทางพร้อมกับชี้หน้าด่า
                “ฉาด”
    คราวนี้ฉันลืมที่จะเก็บอารมณ์ เมื่อส่งฝ่ามือกระทบใบหน้าของพี่เก๋จนหัน เมื่อสามารถตั้งสติได้เธอก็กระโจนขึ้นมาจิกข่วนฉันสุดแรง จนเสื้อยืดของฉันฉีกขาด ผิวแสบร้อนเมื่อโดนเล็บแหลมๆ ลากผ่าน ก่อนที่เธอจะตบฉันจบแสบชาไปทั้งหน้า เมื่อตั้งหลักได้ฉันรีบจับสองมือของพี่เก๋เอาไว้แน่น แต่เธอยังดิ้นรนเตะถีบฉันเต็มแรงจนเราทั้งคู่ล้มกลิ้งไปนอนบนพื้น โดยที่ร่างของฉันเป็นฝ่ายทาบทับ
    ฉันไม่รู้ว่ามันเริ่มต้นตั้งแต่เมื่อไหร่ ที่ฉันเริ่มรู้สึกถึงความหนักหน่วงของบางส่วนในร่างกาย และพี่เก๋ก็คงรู้สึกถึงมันได้เช่นกัน ในเมื่อมันกดทับอยู่บนส่วนนั้นของเธอ ตาของพี่เก๋เบิกกว้างด้วยความประหลาดใจ ก่อนจะหรี่แคบเหมือนใช่ความคิด
    “มีอารมณ์แล้วหรอไอ้ตุ๊ด กลับไปเอาตูดแม่มึงไป”
    ฉันปล่อยมือที่จับยึดเธออยู่เพื่อถอดกางเกงขาสั้นออกจากตัว แต่พี่เก๋กลับนอนรออยู่เฉยๆ ไม่ทำท่าจะขยับหนีไปไหน และยังมีสีหน้าพึงพอใจเมื่อฉันกดกระแทกเข้าไปเต็มตัว เมื่อฉันมองเห็นรอยยิ้มที่เธอส่งมาก็ชะงักค้างด้วยความสับสน ทั้งที่สัญชาติญานบอกให้เคลื่อนไหวแต่ฉันกลับพยายามกลั้นใจถอยหลัง
    “ฉาด”
    ฝ่ามือของพี่เก๋ตบเข้ามาที่หน้าของฉันเต็มๆ จนฉันชาไปทั้งซีกหน้า และรับรู้ถึงรสเค็มของเลือดในปาก
    “ลุกออกไปนะ ไปเอาอีพลอยโน้น”
    คราวนี้ฉันโหมกระแทกกลับลงไปเต็มแรงจนพี่เก๋ร้องกรี้ด และยังโหมทะยานซ้ำๆ ท่ามกลางเสียงกรีดร้องของเธอ
    หูของฉันไม่ได้ยิน ตาของฉันมองไม่เห็น ฉันหายใจไม่ออก เอาแต่เคลื่อนไหวเข้าออกในร่างพี่เก๋ เหมือนบางอย่างที่ไม่รู้จักกำลังอัดแน่นอยู่ในตัว ก่อนจะระเบิดออกและทะลักทลายกระจายไปทั่ว ก่อนที่ฉันจะสามารถสูดหายใจได้อีกครั้ง ก่อนที่จะขยับออกจากร่างของพี่เก๋ หัวใจของฉันก็เกือบหยุดเต้นเมื่อได้ยินเสียงร้องด้วยความตกใจ
    “ยักษ์ทำอะไรน่ะ”
    ฉันผุดลุกรีบคว้ากางเกงมาสวมใส่ ในขณะที่พี่เก๋ค่อยๆ ขยับตัวลุกขึ้นอย่างช้าๆ สวมใส่เสื้อผ้าจนเสร็จด้วยรอยยิ้มสาสมใจ
    “จะโวยวายทำไมล่ะพลอย มันก็แค่เรื่องธรรมดา”
    พี่เก๋หันไปพูดกับพี่ฟ้าด้วยน้ำเสียงขบขัน ก่อนจะหันมายิ้มเยาะฉัน
    “ชอบแรงๆ ก็ไม่บอก ทีหลังไปหาพี่ที่ห้องก็ได้นะ มีอะไรจะสอนเยอะเลย”
    พูดเสร็จพี่เก๋ก็เดินกลับห้องของตัวเอง ปล่อยฉันกับพี่ฟ้าให้ยืนอยู่ด้วยกันเพียงลำพังท่ามกลางความเงียบที่น่าอึดอัด ในมือของพี่ฟ้าหอบหิ้วถุงหลายใบหนึ่งในนั้นมีถุงใส่กล่องเค้กขนาดย่อม ฉันอยากจะพูด อยากจะทำอะไรสักอย่างเพื่อจะทำลายความเครียดที่ลุมล้อมเราทั้งคู่ แต่ทำได้เพียงก้มหน้ามองพื้นด้วยความละอาย
    ‘ถ้าพี่ฟ้าไล่ฉันไป ฉันจะไปอยู่ไหน’
    ‘ถ้าไม่ได้เจอพี่ฟ้าอีก ฉันจะทำยังไง’
    ‘ถ้าไม่มีพี่ฟ้า ฉันคงอยู่ไม่ได้’
    ความคิดต่างๆ ประดังเข้ามาในหัวฉัน ทั้งคำถามและความหวาดกลัว แต่ฉันไม่อาจเปร่งเสียงออกมาได้
    “ไปอาบน้ำเถอะ เราจะได้กินเค้กกัน”
    เสียงของพี่ฟ้าอ่อนโยนและปลอบประโลมเช่นเคย ฉันเงยหน้ามองพี่ฟ้าที่ยังถือถุงใส่เค้กไว้ในมือด้วย่าทางสงบ ฉันเบือนหน้าหนี ก่อนจะรีบหมุนตัวเข้าไปอาบน้ำอย่างรุนแรง เหมือนครั้งที่ฉันอาบก่อนออกจากบ้าน แต่ครั้งนี้ฉันออกมาเองโดยไม่ต้องมีคนเรียก เพราะฉันอยากรู้ว่าพี่ฟ้าคิดยังไงกับเรื่องที่ฉันทำ
    เมื่อออกมาข้างนอกบนโต๊ะกินข้าวก็มีอาหารวางอยู่เต็ม โดยมีเค้กก้อนใหญ่ปักเทียนสิบห้าเล่มวางอยู่ตรงกลาง เมื่อพี่ฟ้าเห็นว่าฉันออกจากห้องน้ำก็จุดเทียนพร้อมกับเรียกให้ฉันไปนั่ง เธอร้องเพลงอวยพรวันเกิดด้วยเสียงแจ่มใส แล้วร้องบอกให้ฉันอธิฐานก่อนเป่าเทียน
    หลังจากเรากินข้าวด้วยกัน พี่ฟ้าชวนฉันพูดคุยเช่นเดิม จนฉันเริ่มหายเกร็งจากความเครียด และคิดว่าบางทีพี่ฟ้าอาจจะปล่อยเรื่องที่เกิดขึ้นให้ผ่านไป จู่ๆ พี่ฟ้าก็เอ่ยด้วยน้ำเสียงปกติ
    “พี่เองก็เคยมีพ่อเลี้ยง ตอนพี่ยังเด็กพี่ก็ไม่รู้จะปกป้องตัวเองยังไงเหมือนกัน”
    มือที่กำลังตักขนมเค้กเข้าปากชะงักค้าง ก่อนจะวางลงช้าๆ ฉันมองหน้าของพี่ฟ้าด้วยความตกใจ แต่พี่ฟ้ายังเล่าต่อด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นเช่นเดิม
    “พอพี่อายุเท่ายักษ์ในตอนนี้ พี่ก็พบว่าชีวิตที่ผ่านมามันยังเลวร้ายไม่พอ พี่ท้องแต่มันแย่หนักไปอีก ตรงที่พี่ท้องกับคนที่พี่ไว้ใจ ผู้ชายที่พี่คิดว่าพี่รักเขาและเขารักพี่ แต่พอพี่บอกเขา เขาก็หาว่าพี่ท้องกับพ่อเลี้ยงแล้วไล่พี่ไปทำแท้ง”
    ความรู้สึกอยากปกป้องจู่โจมหัวใจฉัน มือของฉันเอื้อมไปกุมมือของพี่ฟ้า
    “แล้วพี่ทำยังไงครับ”
    พี่ฟ้ายิ้ม แต่มันเป็นรอยยิ้มที่ขมขื่นที่สุด เท่าที่ฉันเคยเห็น
    “พี่หนี หลังจากคลอดลูก พี่ก็ทิ้งให้แม่เลี้ยงดูลูกสาวของพี่ แม่พี่คงรู้สึกผิดเลยเลิกกับพ่อเลี้ยง แต่พี่อยู่ที่บ้านไม่ได้ พี่อายคนแถวนั้นเลยมาอยู่กรุงเทพกับญาติ แต่พี่ไม่มีเงิน ไม่มีงาน ไม่มีความรู้ สุดท้ายก็ต้องทำงานอย่างที่ยักษ์เห็น”
    พูดเสร็จมือของพี่ฟ้า ก็เอื้อมมาเช็ดน้ำตาออกจากแก้มฉัน
    “พี่ไม่ได้พูดเรื่องนี้เพื่อให้ยักษ์สงสารพี่ แต่พี่อยากจะบอกว่าโลกบางครั้งมันก็เลวร้าย ไม่ว่าใครก็จ้องจะเอาเปรียบเรา พี่ไม่อยากให้ยักษ์ต้องหนีจากสังคมเหมือนอย่างที่พี่เคยทำ จำไว้นะยักษ์ปลายทางของคนที่ยอมให้คนอื่นเอาเปรียบมันก็มีแต่นรกเท่านั้น ต่อไปนี้พี่อยากให้ยักษ์เข้มแข็ง ถือว่าแทนในส่วนที่พี่ไม่สามารถทำได้ อย่าให้ใครมารังแกอีกนะยักษ์”
    เป็นครั้งแรกที่ฉันกอดพี่ฟ้าก่อน ร่างของเธอช่างเล็กและเปราะบางนัก ฉันอยากจะเป็นคนที่ดีกว่านี้ เข้มแข็งกว่านี้เพื่อที่จะปกป้องเธอตลอดไป ฉันรู้แล้วว่าฉันคิดยังไงกับพี่ฟ้า ฉันรักเธอ รักที่เธอผ่านเรื่องที่เลวร้ายแต่ก็ไม่กลายเป็นคนเลว รักที่เธอเคยผ่านความเจ็บปวดเหมือนอย่างฉันแต่ก็เข้มแข็งเพื่อเป็นหลักให้ฉัน ฉันรักเธอ ฉันรักเธอ แต่ฉันไม่อาจพูดออกไปได้ เพราะไม่รู้ว่าเธอจะเข้าใจไหม
     พี่ฟ้าดันตัวออกแล้วส่งยิ้มให้ฉัน ก่อนจะชวนคุยเรื่องอื่นเพื่อให้ฉันสบายใจ ถึงวันนี้เธอจะไม่ได้อยู่ในชุดสีฟ้า ถึงเธอจะมีอดีตที่ไม่สดสวย แต่ฉันก็เห็นปีกของนางฟ้าอยู่เบื้องหลังเธอ มันอาจจะเคยยับเยินจากความใจร้ายของใครต่อใคร แต่มันก็เป็นปีกที่งดงามยิ่งในสายตาของฉัน
    ....................................
                ฉันกวาดตามองทั่วร่างของโบว์อีกครั้ง เมื่อไม่มีศรีษะและมือทั้งสองข้าง เธอก็ไม่แตกต่างจากต้นไม้ที่ถูกตัดแต่งจนตาย ฉันล้วงไปในกระเป๋ากางเกงแล้วหยิบถุงพลาสติกออกมา ก่อนจะเทของที่อยู่ข้างในไว้ข้างๆ ร่างของโบว์ ขณะที่เดินกลับเข้าไปในร้านฉันก็นึกสงสัยว่าหลักฐานที่ฉันทิ้งเอาไว้ ระหว่างพี่สัมกับพี่ชาญ ใครจะได้เห็นเป็นคนแรก
     To be continue.
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×