ตอนที่ 6 : บทที่ 5 หลังประตูบานนั้น (รีไรท์)
มนุษย์ป้าที่ไม่สูญเสียสติแม้แต่ตอนเห็นซอมบี้เป็นครั้งแรก เสียน้ำตาไปสามสี่หยดเพื่อไว้อาลัยให้แก่ความหวังที่จะได้รับการช่วยเหลือ อย่างน้อยพวกเขาก็กล่าวถูกต้องอย่างหนึ่ง เธอควรอยู่แต่ในบ้าน
วันเพ็ญกวาดตามองไปรอบๆ สำรวจจนแน่ใจว่าไม่มีอะไรข้ามรั้วเข้ามาเกาะประตูหน้าต่างหาทางเข้ามากินสมองของเธอ เพื่อไม่ให้ตนเองเป็นเหมือนเนื้อสดในตู้โชว์ล่อซอมบี้กระหายหิว เธอจึงขยับอย่างระมัดระวังไปปิดม่านประตูหน้าต่างจนมิดชิด ซอมบี้จะได้ไม่มองเข้ามาเห็นเหยื่อ ระหว่างนั้นก็คิดคำนวณไปด้วยว่าจะอยู่รอดปลอดภัยรอความช่วยเหลือจากทางราชการเช่นไร
เมื่อไฟฟ้ายังทำงานก็เท่ากับเปิดทางรอดให้เธอหนึ่งอย่าง ส่วนเรื่องน้ำ ต่อให้ประปาหยุดทำงาน เธอก็ยังมีโอ่ง อ่าง แท็งก์เก็บน้ำ จัดเต็มหลายร้อยลิตร ที่สำคัญเธอสำรองน้ำดื่มแบบบรรจุขายเอาไว้หลายถัง หลายขวด รวมๆ แล้วน่าจะมีมากกว่าร้อยลิตร ข้าวสารอาหารแห้ง ถ้าเธอมีวิธีไม่ให้มันขึ้นราก็มีพอให้กินไปถึงปีหน้า
นึกถึงแหล่งเสบียงที่มี สติก็มา ไม่เพียงแค่ของกิน ยังมีความบันเทิงหลากหลายที่เธอยังไม่ได้เสพ ในเมื่อไฟฟ้ายังมี อินเทอร์เน็ตยังใช้ได้ เธอจะได้ใช้บริการสตีมมิงที่เสียดายค่าบริการรายเดือนที่เสียไปเปล่าๆ เสียที ต่อให้อินเทอร์เน็ตเดี้ยง เธอก็มีแผ่นจานบลูเรย์เก็บไว้เป็นร้อยเรื่อง ถึงสมัยนี้คนจะหันไปใช้บริการออนไลน์ แต่วันเพ็ญเชื่อในสิ่งที่จับต้องได้มากกว่า เธอเลยมีทั้งเครื่องทั้งแผ่น แล้วต่อให้ไฟฟ้าไม่อาจใช้บริการได้ เธอก็ยังมีหนังสือกองดองรออยู่อีก
ตลอดมาเธอคิดว่าไม่มีเวลาดูหนัง ฟังเพลง อ่านหนังสือ เอาละ วันสิ้นโลกมาแล้ว กองดองได้ฤกษ์ถูกทลายเสียที ซีรีส์เกาหลีอีก เธอยังไม่ได้ดูซีรีส์ดังที่คนไทยค่อนประเทศดูไปแล้วเลย ต่อจากนี้เธอไม่ต้องทำหน้างงเวลาคนพูดถึงเหล่าโอปป้าอีกแล้ว ไม่แน่ว่าหลังจากซอมบี้ถูกกำจัดจนหมด เธอจะได้มีโอกาสไปเยือนเกาหลีใต้ แดนกิมจิ ประเทศในฝัน ได้ดูคอนเสิร์ตศิลปินที่ชื่นชอบเป็นครั้งแรกในชีวิต แผนการวาดฝันวันสวยในวันสิ้นโลกเป็นรูปเป็นร่างขึ้นเรื่อยๆ
แผนของวันเพ็ญคืออยู่เงียบๆ ในบ้านของตน ไม่แหกปาก ไม่ส่งเสียง ไม่เรียกร้องความสนใจจากเหล่าซอมบี้ นึกถึงตรงนี้เธอก็ไม่เสียใจแล้วที่ปราศจากสามีและครอบครัว เพราะการไม่มีลูกหลาน ญาติพี่น้อง ทำให้เธอไม่ต้องห่วงว่าคนเหล่านั้นจะกลายพันธุ์หรือไม่ จะได้รับอันตรายจากเหล่านักล่าหรือเปล่า
“แง!” สวรรค์ส่งบททดสอบมาในรูปแบบเสียงทารก ทำให้วันเพ็ญนึกขึ้นมาได้ว่าเพื่อนบ้านของเธอมีเด็กอยู่ด้วย และสิ่งมีชีวิตขนาดจิ๋วกำลังเรียกร้องความสนใจจากผู้ใหญ่อีกสามคน เธออยากจะส่งโทรจิตไปบอกให้พวกเขาอุดปากเด็กเสียที
“เฮ้ย! พี่นิด! เกิดอะไรขึ้น พี่โซล! ลุกขึ้นสิ ไม่นะ! พี่นิด พี่ทำอะไรพี่โซล พี่นิดหยุดนะ!” เสียงร้องตะโกนไม่ได้ดังแบบต่อเนื่อง แต่พอปะติดปะต่อได้
ด้วยสมองอันฉับไวของวันเพ็ญ เธอประมวลจากเสียงตะโกนได้ว่าข้างบ้านของเธอที่ประกอบด้วยเด็กหนึ่ง ผู้ใหญ่สาม ตอนนี้มีคนหนึ่งน่าจะบาดเจ็บหนักหรือตายไปแล้ว คนหนึ่งกลายเป็นซอมบี้ ส่วนคนที่เหลือไม่ว่างพอจะทำให้เด็กหยุดร้องไห้
เธอไม่ใช่ทั้งแม่พระและนางงาม วันเพ็ญแน่ใจในเรื่องนี้ และมั่นใจมากๆ ว่าไม่อยากจะออกจากฐานที่มั่นอันปลอดภัยฝ่าอันตรายไปช่วยใคร
ปัญหาใหญ่ก็คือ เด็กไม่หยุดร้องไห้ได้เอง แล้วเสียงแหลมสูงขนาดนี้ ช้าเร็วก็ต้องล่อซอมบี้รอบๆ ให้ตามมา มีความเป็นไปได้สูงว่าอาจจะเป็นซอมบี้ฝูงใหญ่ในคอนโดมิเนียมใกล้ๆ ก็ได้ ปัญหาใหญ่กว่านั้นก็คือถ้าพวกมันต้องการจะเดินทางไปหาเด็กให้สำเร็จ พวกมันซึ่งไม่มีสติปัญญา เดินอ้อมไม่เป็น ต้องเดินทางผ่านบ้านเธอ
วันเพ็ญไม่คิดจะหยิบโทรศัพท์มือถือมาโทร. ขอความช่วยเหลือ เมื่อสัญญาณไม่มี มือถือก็ไร้ค่ายิ่งกว่าก้อนหินที่เอาไว้ใช้ปาหัวหมาเสียอีก หนำซ้ำก้อนหินยังปาได้ถนัดมือกว่าเยอะ แต่ก้อนหินไม่ใช่อาวุธที่เหมาะสม เธอหยิบมีดทำครัวขึ้นมา แล้วเปลี่ยนใจเดินไปหยิบค้อนแบบที่มีหัวถอนตะปูจากลิ้นชัก ทว่าสุดท้ายก็หยิบค้อนตะลุมพุกออกมาแทน แล้วคะเนน้ำหนักและความถนัดมือ
ถ้าเลือกได้เธอก็อยากจะเป็นเพียงมนุษย์ป้า แต่ตอนนี้ไม่มีทางให้เธอเลือก เธอจึงต้องแปลงกายไปเป็นหน่วยช่วยเหลือเด็กให้รอดจากปากซอมบี้
ไม่ใช่เพื่อเด็กน้อยตาดำๆ แต่เพื่อช่วยป้าคนนี้ไม่ให้โดนซอมบี้รุมกินโต๊ะ
นึกย้อนกลับไปทีหลังกี่ครั้ง ซองอูก็เสียใจที่ไม่เปิดประตูห้องนอนของโซอุนให้ไวกว่านี้ หรือไม่เขาก็ควรเปิดมันออกพร้อมด้วยอาวุธ ไม่ใช่มีหลานชายอยู่ในวงแขน เพราะเขาไม่มีอะไรใช้รับมืออรุณีในเวอร์ชันอัปเกรดจากนางมารร้ายเป็นบางอย่างที่โคตรจะเลวร้าย
กลิ่นคาวเลือดและกลิ่นมันสมองไม่ใช่ของแปลกใหม่สำหรับนักศึกษาแพทย์ปีสี่ Clinic ที่กำลังจะเลือกวิชาเฉพาะทางเพื่อก้าวไปสู่อาชีพศัลยแพทย์ในฝัน อันที่จริงการขึ้นชั้นปี 4 ทำให้เขาคุ้นเคยกับ Anatomy ร่างกายมนุษย์เป็นอย่างดี แล้วก็แทบลืมไม่ลงกับศพแรกที่อาจารย์หมอพาเข้าไปดูการผ่าพิสูจน์
ภาพการชันสูตรศพแรกยังติดตาซองอูมาจนถึงทุกวันนี้ ไม่เพียงเป็นศพแรกที่เขาอยู่ใกล้ในระยะประชิด การชันสูตรศพอย่างละเอียดก็ทำเอาเขาขวัญผวา มีนักศึกษาคนหนึ่งถึงขั้นต้องพบอาจารย์ที่ปรึกษาเลยทีเดียวหลังได้เห็นการผ่าร่างกายมนุษย์อย่างละเอียด แต่สิ่งที่พวกเขาไม่เคยลืมไม่ใช่ปอดที่อาจารย์ชี้ให้เห็นถึงผลเสียของบุหรี่ ตับที่ขึ้นเม็ดเล็กๆ เพราะฤทธิ์สุราและไขมันเลว แต่เป็นกะโหลกที่ถูกผ่าเปิดเอาก้อนมันสมองออกมา ซึ่งมีกลิ่นคาวปนมันที่เป็นลักษณะเฉพาะของมันสมองเท่านั้น
ดังนั้นซองอูจึงตัวแข็งทื่อเมื่อได้กลิ่นที่ไม่เคยเลือนหายไปจากความทรงจำของเขา หนำซ้ำมันยังลอยออกมาจากห้องนอนที่ติดเครื่องปรับอากาศ บ่งบอกว่ามันต้องมีปริมาณมากมาย ทางเดียวที่จะเกิดขึ้นได้คือต้องมีใครบางคนโดนผ่ากะโหลกอยู่ในนั้น
เมื่อคืนโซอุนไปได้เหล้ามาจากไหนไม่รู้ ซองอูเบื่อจะตำหนิพฤติกรรมขี้เหล้าของพี่ชาย ได้แต่ปล่อยให้เขาดื่มเหล้าขนาดหนึ่งกลมจนหมดในตอนดึก ก่อนจะโซเซไปนอนท่ามกลางเสียงบ่นของอรุณี ตลอดมาเขาไม่คิดว่าพี่ชายจะเป็นคนที่เมาแล้วใช้กำลัง แต่มันก็ต้องมีครั้งแรกกันทั้งนั้น แล้วถ้ามันเลยเถิดเกินไปล่ะ
ซองอูหนาวเยือกไปถึงกระดูก เขาไม่ชอบหน้าอรุณีก็จริง แต่ไม่ได้อยากให้เธอตาย ที่สำคัญโซอุนก็จะกลายเป็นฆาตกร เขาไม่คิดว่าพี่ชายจะเป็นคนเหี้ยมโหดอำมหิต แต่คนที่ได้รับการฝึกทางทหารจะพลาดท่าเสียทีให้ผู้หญิงที่ตัวเล็กกว่าครึ่งหนึ่งได้ยังไง เขากระชับหลานในวงแขน ตัดสินใจไม่ถูกว่าควรจะทำอย่างไรต่อ ศักรินทร์สัมผัสได้ถึงความตึงเครียดจากเบะปากก็เปล่งเสียงร้องไห้ออกมาดังๆ ทันใดก็ได้ยินเสียงตอบกลับจากหลังประตูที่เดิมมีเพียงเสียงกระแทกเป็นจังหวะ
“แฮ่ๆๆ” ฟังดูแล้วไม่เหมือนเสียงมนุษย์ ที่น่าตระหนกคือเสียงแหบพร่าไม่ได้ทุ้มต่ำแบบเสียงโซอุน
“พี่โซล พี่นิด เกิดอะไรขึ้น! เปิดประตู”
ซองอูเคาะประตูพลางร้องสั่ง แต่นอกจากเสียงกระแทกประตูที่ดังขึ้นกับเสียงตะกายก็ไม่มีปฏิกิริยาอื่น ลูกบิดประตูถูกล็อกจากด้านใน เขาเลยได้แต่เดินไปหากุญแจมาเปิดออกเอง ระหว่างนั้นก็วางหลานที่ร้องไห้จ้าให้นั่งรอในคอกเด็กบริเวณห้องนั่งเล่น ในวินาทีก่อนจะเดินกลับขึ้นไปชั้นบน บางอย่างทำให้เขาตัดสินใจหยิบมีดปอกผลไม้บนโต๊ะติดมือไปด้วย เพราะดูเหมือนอรุณีจะอันตรายกว่าที่เขาคิด ขณะเดียวกันเขาก็หอบความหวังไปด้วยว่าพี่ชายจะยังปลอดภัย กลิ่นเลือดและมันสมองเป็นเพียงสิ่งที่เขาจินตนาการไปเอง
ตอนซองอูกลับไปถึงเสียงกระแทกเปลี่ยนเป็นเสียงตะกายเร่งร้อน พร้อมกับเสียงขู่คำรามราวกับไม่ใช่มนุษย์ กุญแจถูกสอดเข้าไปในลูกบิดอย่างรวดเร็ว แต่เขาเตรียมตัวให้พร้อมก่อนจะเปิดประตู
“เฮ้ย! พี่นิด!” เคราะห์ดีที่ซองอูระวังตัวไว้ก่อนแล้ว หลังจากบิดลูกบิด เขาก็เพียงแค่แง้มประตูเข้า รอให้คนที่อยู่อีกด้านออกมาเอง แทนที่จะถลันเข้าไป แต่เขาไม่นึกว่าคนที่พุ่งสวนออกมาจะมีสภาพเช่นนี้
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

เราอ่านเรื่องนี้แล้วคิดกับตัวเองว่า เหมือนเราเข้าไปอยู่ในเรื่องนั้นแบบเข้าไปจริงๆเหมือนวิญญาณตามติด แต่เราจะรู้สึกได้ถึงเกราะป้องกันจางๆที่คอยบังเราไว้ทำให้เราสบายใจว่า
ต่อให้พวกมันเข้ามาเราก็จะไม่เป็นไร แต่ถ้าเราเป็นคนๆนั้น คนที่ต้องอยู่ในโลกที่เต็มไปด้วยซากศพ เราจะอยู่ได้ไหม เราจะไหวหรือป่าว แค่ชีวิตธรรมดายังจะเอาไม่รอดแล้วเราจะทำอะไรได้แวะ
แห้มม -เราก็เขียนมาชะยาว แค่ความรู้ของนักอ่านคนหนึ่งที่มีความรู้สึกอีนไปตามเนื้อเรื่องที่ไรท์เขียนเท่านั้นและค่ะ