ตอนที่ 7 : ตามไปเอาเรื่อง
“ท่านอารอง เหตุใดท่านต้องอ่อนข้อให้คนผู้นั้นด้วย”
ไม่รอให้กู่เอ่อคังซักฟอกความผิดของหลานชายทั้งสอง ไม่ลงทัณฑ์หลานสาว กู่ซานก็ชิงทำปากยื่นแสดงความไม่พอใจออกมาก่อน
สกุลกู่เลี้ยงดูแบบทหารหาญ ถือหลักพี่น้องต้องร่วมกันป้องภัยภายนอก ท่านอารองมิได้ทันสอบถามเรื่องราวให้แน่ชัด เห็นอยู่ว่าไม่ใช่การแลกเปลี่ยนวรยุทธิ์กลับสั่งให้แยกย้าย นางกำลังเอาผิดศัตรูกลับบังคับให้นางขอโทษ แสดงชัดว่าเกรงใจอีกฝ่าย
กู่ซานอายุเพียงห้าขวบเติบโตอยู่ในจวนแม่ทัพ เจอคนจะว่ามากก็มาก จะว่าน้อยก็น้อย จนใจที่คนใหญ่โตมากอำนาจที่สุดในสายตาของนางคือท่านแม่ ที่ไม่ทันได้เอ่ยปาก แค่ชักสีหน้า บิดากับอารองก็ชิงอ่อนข้อให้แล้ว ฟ้าของนางคือจวนสยบแดนหาใช่ทั้งแผ่นดิน
“ซานเอ๋อร์ ถึงแม้ว่าเจ้าเพิ่งจะอายุห้าขวบ นับได้ว่าเป็นเด็กน้อย แต่จะพูดโพล่งทุกอย่างประหนึ่งทารกเช่นนี้ตลอดไปไม่ได้”
กู่เอ่อคังไม่ตอบคำถาม เปลี่ยนเป็นสั่งสอนแทน แต่เพราะเขาไม่เคยจะดุกู่ซานสักครั้ง นางจึงทำหน้างอแสดงความไม่พอใจ
“จริงของอารอง เจ้าเป็นเด็กฉลาด ย่อมรู้ว่าอารองกล่าวถูกต้อง”
กู่เฟยอายุมากกว่าน้องเล็กห้าปี แต่สิบขวบก็มีความคิดอ่านไม่น้อยหน้าผู้ใหญ่ ไม่เพียงเขาเท่านั้น กู่หานที่ยืนอยู่ข้างๆ ก็พยักหน้าแสดงความเห็นด้วยกับอารองและพี่ใหญ่
ถูกคนในครอบครัวพากันตำหนิ ใบหน้าของกู่ซานก็ยิ่งบึ้งตึง ทำท่าจะอาละวาด แต่นางฉลาดเฉลียวเช่นที่พี่ใหญ่ชม ผ่านเวลาครู่เดียวก็พบว่าตนทำไม่ถูกจริงๆ ไม่ดูสถานการณ์ ไม่ทันได้วิเคราะห์เรื่องราวก็ชิงเล่นงานผู้อื่นเสียแล้ว ที่สำคัญการพูดในสิ่งที่คิดออกมาดังๆ ทำให้นางถูกมารดาลงโทษตีก้นจนบวมนับครั้งไม่ถ้วน
“ข้าขอโทษ ต่อไปจะไม่ทำเช่นนี้อีก จะไม่หาเรื่องใครก่อน และจะไม่พูดโดยไม่คิด” กล่าวไปนางก็ขยับไปกอดขาผู้เป็นอา ช้อนตามองอย่างน่าสงสาร
“อารองอย่าโกรธข้านะ ถ้าอารองโกรธ ข้าจะเสียใจมาก”
เป็นไปตามที่กู่ซานคาด ในสามคนนี้กู่เอ่อคังรักและตามใจนางที่สุด แค่นางทำตาเศร้าเขาก็ใจอ่อน แค่นางยอมรับผิด เขาก็ยอมยกโทษให้อย่างง่ายดาย หนำซ้ำยังดีใจที่หลานสาวเป็นเด็กรู้ความ
“ซานเอ๋อร์เด็กดี เจ้าไม่ดื้อรั้น อารองย่อมไม่โกรธ”
กู่เฟยกับกู่หานหันไปสบตากันตามด้วยกลอกตาขึ้นฟ้า เด็กดีอะไรกัน มีแต่กู่เอ่อคังเท่านั้น ที่มองจอมก่อเรื่องตัวน้อยเป็นเด็กดี ซึ่งพวกเขามารู้ภายหลังว่านอกจากอารองแล้ว ยังมีองค์ชายผู้หนึ่งที่หลงเด็กจนมองว่านางดีไปหมดเสียทุกอย่าง และตามใจจนถึงขั้นไร้กฎเกณฑ์
“เจ้าเป็นผู้ใดกัน ไม่รู้หรือว่าคนที่กล้าหาเรื่องพวกเราสกุลกู่ย่อมต้องได้รับผลตอบแทน”
กู่ซานประกาศไปก็ก้าวอาดๆ ไปขวางหน้าเด็กชายที่กำลังเดินเล่นตามลำพังอยู่ด้านนอกเรือนพักของเขา ประหนึ่งว่าตนเป็นเทพแห่งการล้างแค้น
หงจูเชวี่ยไม่คาดคิดว่าจะใครกล้ามาหาเรื่องเขาเช่นนี้ หนำซ้ำยังเป็นเด็กหญิงแขนขาสั้นที่สูงไม่ถึงเอวของเขา ขณะฟังนางขู่เขายังต้องก้มลงไปหาด้วยซ้ำ
เห็นอีกฝ่ายนอกจากเผยสีหน้าประหลาดใจ แต่ไม่ตอบโต้ใดๆ กู่ซานก็ไม่รู้จะทำเช่นไรต่อ อย่างไรนางก็เป็นเพียงเด็กหญิงตัวน้อย นอกจากแอบมาหาความหงจูเชวี่ยเพราะความโมโห นางก็ไม่ได้วางแผนการใดเอาไว้ก่อน
เด็กหญิงหารู้ไม่ว่านางกับเขาไม่ได้อยู่กันตามลำพัง ไม่ห่างนักองครักษ์ลับ รวมถึงผู้ที่กำลังฝึกเป็นองรักษ์คนใหม่เช่นเต้อจือเสียกำลังมองมาจากจุดที่แอบซ่อนอยู่ตามด้วยมองหน้ากันว่าควรเข้าไปกำจัดศัตรูตัวน้อยให้องค์ชายสิบสามหรือไม่ ก่อนจะเห็นสายตาและการส่ายหน้านิดๆ ของหงจูเชวี่ยที่บอกเป็นเชิงให้ปล่อยนางไป
เต้อจือเสียเห็นเช่นนั้นถึงกับถอนใจเฮือกใหญ่ด้วยความไม่เข้าใจ เขาอายุมากกว่าหงจูเชวี่ยหนึ่งปี แต่ก็ใช่จะรู้เรื่องราวในโลกมากสักเท่าไร เมื่อวานจึงได้ปวดหัวกับคำถามของเขายิ่งนัก
‘เจ้ามีน้องสาวหรือว่าลูกพี่ลูกน้องผู้หญิงกี่คน’ เขาไม่ทันตอบก็ตามด้วยอีกคำถาม ‘พวกนางน่ารักเหมือนซานเอ๋อร์หรือไม่’
อย่าว่าแต่น้องสาวเลย เขาไม่มีน้องชายด้วยซ้ำ เต้อจือเสียเป็นบุตรคนเล็ก และที่สำคัญสกุลเต้อมีข้อเด่นที่หลายสกุลไม่รู้ว่าควรอิจฉาดีหรือไม่ นั่นก็คือ ในตระกูลไร้ความสามารถในการผลิตทายาทหญิง
แต่ต่อให้มีเต้อจือเสียก็เชื่อว่าคนในสกุลของเขา ซึ่งเป็นขุนนางบู๊หลายชั่วคนเช่นเดียวกับสกุลกู่ ไม่มีทางเลี้ยงดูบุตรสาวจนเอาแต่ใจและกลายเป็นอันธพาลน้อยเช่นนี้แน่
......................................
โปรดติดตามตอนต่อไป
#ยอดพธูคู่หทัย
ทุกคนล้วนมองเห็นความแสบ ยกเว้นคนที่หลงเด็กแสบ555 แต่โตขึ้นอาจจะเปลี่ยนนะคะ เช่นแสบขึ้น
สำหรับใครที่ยังไม่เคยอ่านความเป็นมาของสกุลกู่และสกุลหง ฝาก #ยอดพธูคู่แผ่นดิน ด้วยนะคะ แล้วอาจจะยิ่งรักกู่ซานกับหงจูเชวี่ย
แต่ถ้าใครมีแล้วและอยากอ่านอะไรใหม่ๆ แนะนำผลงานใหม่ที่เพิ่งจะวางแผง #ขันทีตัวปลอมจอมใจตัวจริง ค่ะ
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ
