ตอนที่ 36 : จุดอ่อนถึงตาย
“มีคนร้าย!!!” เสียงตะโกนก้องของเวรยาม ตามด้วยเสียงตะโกนบอกต่อๆ กันไป ดังขึ้นพร้อมกับเสียงปะทะของคมอาวุธ
“ทำไมถึงมีคนโง่เขลากล้าบุกเข้ามายามนี้กัน”
ถึงปากหงจูเชวี่ยจะถาม แต่ในใจนึกด่าพวกโจรสุนัขไปหลายร้อยรอบ เพราะยามนี้แหละที่เขาไม่สะดวกที่สุด
จะว่าพวกโจรโง่เขลาก็ไม่ใช่ เพราะฉลาดพอจะเลือกจู่โจมในช่วงเวลาเกิดคาดคิด ยามโพล้เพล้ใกล้ค่ำเช่นนี้เวรยามไม่ได้เคร่งครัดนักเพราะไม่ใช่ยามวิกาลดึกสงัดที่คนร้ายทั่วไปมักจะใช้จู่โจมประกอบกับเป็นช่วงที่คนในกองคาราวานผ่อนคลายจากความเมื่อยล้าตลอดวันหันไปทำกิจส่วนตัว ทำให้ปฏิกิริยาตอบสนองชักช้ากว่าจะพร้อมตั้งรับ ไม่นับหลายคนที่กำลังผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าอยู่ อย่างเช่นหงจูเชวี่ยเป็นต้น ที่สำคัญไม่แค่เปลี่ยนเสื้อผ้า ตอนนี้เขาอยู่ในถังอาบน้ำและไม่มีอาภรณ์ติดกายสักชิ้น
กู่ซานย่อมรู้สภาพเปลือยเปล่าของหงจูเชวี่ย แต่นางคำนึงถึงความปลอดภัยของเขาเป็นหลัก ผุดลุกจากจุดใกล้ประตูกระโจมมาคอยคุ้มกันข้างถังอาบน้ำ หูฟังสถานการณ์ข้างนอก ส่วนตาคอยมองรอบๆ ซึ่งแน่นอนว่ารวมเอาเขาเข้าไปในสายตาด้วย
“เจ้าหันไปมองทางอื่นก่อนไม่ได้หรือ” หงจูเชวี่ยยอมรับว่าตนเป็นคนหน้าหนา แต่หาได้หนาถึงขั้นปล่อยให้สตรีที่ไม่ใช่ภรรยามองเขาเปลือยเปล่าไม่
ที่แล้วมานอกจากฉางเฉินที่ดูแลเขามาตั้งแต่เยาว์วัย หงจูเชวี่ยก็หวาดระแวงทุกคนไม่ยอมให้ใครเข้าใกล้เวลาอาบน้ำมาก่อน อีกสักครู่ทหารองครักษ์ด้านนอกอาจจะเข้ามาในนี้ ก็ไม่รู้ว่าถ้ามีคนเห็นฮ่องเต้เปลือยกายเพราะถูกโจรบุกจะเป็นเช่นไร
“สวมเสื้อผ้าเร็วเข้า” กู่ซานก็กระดากอายเช่นกัน ใช้ฝักดาบตวัดเสื้อผ้าที่พาดอยู่บนม้านั่งใกล้ๆ ส่งให้หงจูเชวี่ย แล้วมองไปทางอื่นที่ไม่มีร่างขาวราวหยกของเขา
ด้านนอกเสียงปะทะดังขึ้น แต่หัวหน้าตัวจริงเช่นนางไม่หวั่นสักนิด อย่างไรพวกเขาแท้จริงก็เป็นทหารชำนาญรบ โต้วสือก็ไม่ใช่ขุนศึกไร้ความสามารถ ในเวลาหนึ่งเค่อทุกอย่างก็อยู่ในการควบคุม ทว่ากู่ซานไม่ผ่อนคลายความระแวดระวังลงสักนิด ส่วนหงจูเชวี่ยก็รีบสวมเสื้อกับกางเกงอย่างว่องไว แล้วคว้ากระบี่ของตนมาถือได้ทันก่อนจะมีคนแปลกหน้าบุกเข้ามาในกระโจม
ดังคำพูดที่ว่า จะจับโจรให้จับหัวหน้า ต่อให้เป็นโจรยามจนตรอก ก็ต้องเล่นงานหัวหน้าของอีกฝ่ายเช่นกัน และก่อนที่พวกเขาจะบุกเข้ามา ก็สังเกตเห็นแล้วว่ามีกระโจมหนึ่งถูกอารักขาอย่างแน่นหนา บ่งบอกว่ามีคนสำคัญพำนักอยู่ แม้จะจู่โจมผ่านองครักษ์ตรงปากทางเข้ากระโจมไม่ได้ พวกเขาก็ไม่ลังเลจะเสี่ยงตายฟันผืนหนังข้างกระโจมแล้วแทรกตัวเข้ามาโดยไม่รู้ว่าด้านในมีกี่ดาบกี่กระบี่
“อ๊าก!!!” ผลคือคนนำหน้าสังเวยชีวิตใต้กระบี่ของกู่ซาน
เหล่าโจรแทรกเข้ามาไม่ขาดสายเช่นเดียวกับทหารองครักษ์ที่รีบเข้ามาคุ้มกัน เหตุการณ์สับสนวุ่นวาย กู่ซานย่อมรู้ว่าช่วงชุลมุนไม่เหมาะจะให้ฮ่องเต้อยู่ตรงกลาง นางจึงไม่สนใจความปลอดภัยของตน ดึงเขามาด้านหลังพยายามจะถอยออกไปจากตรงนี้ แต่มีหรือว่าหงจูเชวี่ยจะยอม ด้านวรยุทธ์เขาอาจจะไม่ใช่ระดับเดียวกับพวกขุนศึก แต่เขาก็เป็นชายชาญคนหนึ่ง เขากระตุกมือที่เกาะกุมมือเขาอยู่แล้วผลักนางมาอยู่ด้านหลังแทน
เสียงดาบปะทะดาบยังก้องหู แต่สิ่งที่กู่ซานเห็นคือแผ่นหลังกว้างขวางของหงจูเชวี่ย ในความจำของนางหยุดอยู่ที่สิบสามปีก่อน ในวัยเพียงห้าขวบนางสามารถต่อยเขาล้มลงก้นจ้ำเบ้าได้ สองปีก่อนก็เป็นนางที่พาร่างใกล้ตายของเขาไปรักษาถึงชายแดนใต้ ไม่นึกว่าเด็กชายอ่อนแอ ฮ่องเต้บอบบาง ผู้ที่นางปกป้องดูแลเสมอมา จะกลายเป็นชายที่ยืนขวางระหว่างนางกับคมอาวุธ และเพราะความไม่คุ้นชินนี้ ทำให้นางเป็นกังวลด้วยความห่วงใย
“หลบไป!!! อย่าเกะกะข้า” กู่ซานไม่ได้มีเจตนาอื่นใด นอกจากคำนึงว่าหงจูเชวี่ยอยู่ในความดูแลของนาง
หญิงสาวพยายามกลับมาเป็นฝ่ายยืนขวางหน้าอันตรายแทนชายหนุ่ม แต่ก็ทำไม่สำเร็จ กลับกลายเป็นทำให้เขาเสียสมาธิ
“ระวัง!!!” โต้วสือมาทันเห็นดาบที่วาดมาทางหงจูเชวี่ย และเป็นจังหวะที่เขามัวแต่ใช้แขนซ้ายกันกู่ซานให้หลบพอดี ดังนั้นปลายดาบจึงเฉี่ยวเข้าไปที่แขนข้างนั้น
คมดาบวาดผ่านชายเสื้อขาวของหงจูเชวี่ย โชคดีที่เขาไหวตัวทันเบนกายหลบไปพร้อมกู่ซาน แขนข้างนั้นจึงยังรักษาไว้ได้ แต่ความคมก็ยังสร้างหยดเลือดตกลงพื้น
กู่ซานไม่เสียเวลาในการกำจัดคนที่กล้าสร้างรอยแผลให้ฮ่องเต้ และด้วยความมุ่งมั่นของนางกับโต้วสือ คนร้ายหากไม่ขัดขืนจนตายก็ถูกจับมัดด้วยใบหน้าบวมช้ำสะบักสะบอมรอเวลาเอาความทีหลัง ต่อจากนั้นนางก็รีบหันมาดูแลบาดแผลของเขาอย่างรวดเร็ว
“พี่สือซาน ท่านเป็นอย่างไรบ้าง” นางไม่แน่ใจว่าเพราะความกังวล หรือเพราะความเคยชินตลอดเดือนที่ผ่านมาจึงสามารถเรียกเขาอย่างคล่องปากเช่นนี้
“ข้าไม่เป็นไรเพียงแค่แผลเฉี่ยว ข้า...” เขากล่าวตามจริง แต่กำลังจะกล่าวต่อก็ต้องนิ่วหน้า เมื่อความเจ็บปวดที่ห่างหายนับเดือนโจมตีอีกคราว
เพราะมีกู่ซานอยู่ข้างกาย หงจูเชวี่ยจึงกล้ากินยาที่ทำให้เขาหลับลึก แต่เพราะคืนนี้เขาเกรงว่านางจะจับได้ถึงชีพจรที่เต้นช้าลงจึงเสี่ยงงดเว้นยา ไม่นึกว่าจะต้องโคจรลมปราณเพื่อต่อสู้กับใคร ส่งผลให้พิษในกายกำเริบ ชายหนุ่มคิดจะฝืนข่มอาการเจ็บปวด แต่ทุกอย่างล้วนไม่คลาดไปจากสายตาของกู่ซาน
“ให้ข้าดู” ปากนางพูดเช่นนั้น แต่กู่ซานไม่ได้เพียงแค่ดูแผล แต่ถือโอกาสช่วงจับแขนหงจูเชวี่ยขึ้นมาตรวจสอบชีพจรของเขาด้วย
เป็นแผลเฉี่ยวจริง แต่มีเพียงเท่านั้นที่ไม่น่าเป็นห่วง สิ่งที่ทำให้กู่ซานเป็นกังวลก็คือชีพจรประหลาด และเส้นลมปราณที่ผุดมาบนท่อนแขนนวลเนียน คงมีคนโง่เท่านั้นที่มองไม่ออกว่าหงจูเชวี่ยถูกพิษ
“ออกไปให้หมด!!!” กู่ซานสั่งเสียงเข้ม
นางไม่ต้องการให้ใครรู้ว่าเขาอาการหนักเพียงไหน เขาเองก็ยอมปล่อยให้นางจับท่อนแขนของเขาเอาไว้ หนำซ้ำนางยังบีบแน่นจนข้อนิ้วขึ้นสีขาว
“ซานเอ๋อร์ไม่ทำแผลให้ข้าก่อนหรือ” ทั้งที่เจ็บแสนเจ็บ หงจูเชวี่ยยังฝืนเสแสร้งแกล้งทำเป็นพูดเล่น กู่ซานอยากจะลงมือกำจัดเขาเสียเองที่ไม่ห่วงชีวิตของตน
“อย่ามาโยกโย้ บอกข้ามา ท่านถูกพิษใช่หรือไม่”
“ไม่” เขาปฏิเสธหน้าตาเฉย ทั้งที่หลักฐานอยู่ตรงหน้านาง
“หงจูเชวี่ย ข้ามิใช่คนโง่ สารภาพมา ไม่เช่นนั้น...” กล่าวถึงตรงนี้กู่ซานก็ไม่รู้จะใช้อะไรข่มขู่หงจูเชวี่ย
ต่อให้กู่ซานเฉลียวฉลาดเพียงใด นางก็ไม่อาจหาวิธีบีบบังคับหงจูเชวี่ยได้เลย ที่สำคัญนางไม่อาจขัดขวางความต้องการใดๆ ที่ผลักดันให้เขาหลบหนีออกจากวังหลวงเพื่อไปยังเฉิ่นตง
ด้วยความอัดอั้นตันใจเกินจะเอ่ยออกมาเป็นคำพูด กู่ซานตัดสินใจก้มลงไปบนเนื้อขาวๆ ถัดจากแผลถูกดาบ กัดแรงๆ จนเจ้าของแขนร้องโวยวาย
“โอ๊ย!!! ซานเอ๋อร์ เจ้าเป็นจิ้งจอกหรือไง”
“ใช่ ข้าเป็นจิ้งจอก และข้าจะกัดเนื้อท่านให้ขาด ดูสิว่ายังจะกล้าปิดบังข้าหรือไม่” นางแยกเขี้ยวขู่เหมือนเด็กน้อย แต่ทำเขาห้ามเสียงดังลั่น
“อย่านะ!!! เลือดในกายของข้ามีพิษ”
ฟังประโยคสารภาพอันน่าตื่นตะลึงจบ กู่ซานก็สวมวิญญาณสัตว์ป่า กัดหงจูเชวี่ยเต็มๆ จนได้เลือดทันที ก่อนจะเงยหน้าข่มขู่เขาโดยมีคราบเลือดติดอยู่บนริมฝีปาก
“ดี!!! ถ้าท่านไม่สารภาพความจริงมาทั้งหมด ข้าจะดื่มเลือดพิษของท่านลงไป”
เขาภาวนามาตลอดว่าอยากได้ซานเอ๋อร์ จิ้งจอกน้อยของตนคืนมา แต่ยามนี้หงจูเชวี่ยนึกอยากได้กุนซือกู่ผู้ทำตามเหตุผลมากกว่าอารมณ์ที่จะต่อรองเพื่อความปลอดภัยของชีวิตกู่ซานมากกว่า เพราะเขารู้ดียิ่งกว่าผู้ใด ว่านางเป็นจุดอ่อนถึงตายของเขา
......................................
โปรดติดตามตอนต่อไป
#ยอดพธูคู่หทัย
พี่สือซานที่ว่าแน่ยังแพ้น้องซานเอ๋อร์ อย่าทำให้น้องโกรธ ไม่อย่างนั้นเฮียเต้จะยิ่งกว่าเจ็บตัว
ขอบคุณทุกคนที่เอาใจช่วยเฮียเต้ให้ปลอดภัย และทุกคนที่เอาใจช่วยให้หงมิ่ง(ไม่)รอดจากอ้วนเตียวนะคะ555 สปอยได้เลยว่าสมหวังแน่ๆ แต่ยังไม่ใช่เร็วๆ นี้ อิอิอิ
ฝาก โหลด #ขันทีตัวปลอมจอมใจตัวจริง ในรูปแบบ E-Book ด้วยนะคะ
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ต่างห่่วงใยกันและกันเนาะ พี่สือซาน-ซานเอ๋อร์