ตอนที่ 23 : อันไหนบ้างที่ไม่ใช่คำเท็จ
การช่วยเหลือไม่ได้มาเพราะความพร้อมใจเสมอไป บางคราวก็มาเพราะความจำยอม เพราะอำนาจของผู้เหนือกว่า แล้วทั้งแผ่นดินใครจะเหนือไปกว่าฮ่องเต้ เรื่องเช่นนี้สกุลเต้อประสบมาหลายคราวเกินกว่าจะนับ
ครั้งนี้ผู้ที่ต้องแบกรับหน้าที่ช่วยเหลือหงจูเชวี่ยด้วยความจำใจก็คือน้องชายของผู้นำตระกูลเต้อ เต้อรั่วซี
“ฝ่าบาทจะเสด็จไปหาแม่นางกู่ซานจริงๆ หรือพ่ะย่ะค่ะ”
เต้อรั่วซีอายุห้าสิบปีเศษ ตามปกติเป็นเม่ทัพอาจหาญ มิใช่คนพิรี้พิไร แต่เขาเอ่ยปากถามเช่นนี้เป็นครั้งที่เท่าไร เขาเองก็จำไม่ได้ และหงจูเชวี่ยก็ยังคงตอบเช่นเดิม
“เรากำลังเดินทางขึ้นเหนือกันมิใช่หรือ”
หงจูเชวี่ยตอบโดยไม่มีท่าทางรำคาญกับคำถามซ้ำซากสักนิด นั่นยิ่งทำให้เต้อรั่วซีหวั่นใจ
“หากฝ่าบาทเพียงจะไปพบหน้าสหายเก่า เหตุใดต้องให้กระหม่อมร่วมมือช่วยฝ่าบาทหลบหนีออกจากเมืองหลวงด้วยพ่ะย่ะค่ะ”
เต้อรั่วซีคิดว่าคงไม่มีใครโชคร้ายเท่าเขาอีกแล้ว หลังออกจากท้องพระโรงก็ถูกเรียกเข้าเฝ้า และหลังออกจากวังองครักษ์ข้างกายก็ถูกสับเปลี่ยน ต่อจากนั้นก็ถูกข่มขู่จากหงจูเชวี่ยอย่างหน้าไม่อาย
‘พี่ชายของท่านอยากให้ข้ามีฮองเฮากับทายาท แต่หากท่านไม่ช่วยข้าออกไปตามหานาง ก็อย่าหวังว่าจะได้ทั้งสองอย่างนั้น’
เป็นการข่มขู่อย่างหน้าด้านๆ และเต้อรั่วซีไม่ควรจะยอมทำตาม แต่ฟ้ากำหนดเอาไว้แล้วว่าสกุลเต้อ ตั้งแต่เต้อซาลงไปจนถึงเต้อจือเสียไม่อาจขัดขวางความต้องการของคนสกุลหงได้ เนื่องจากเขารู้ว่าคนอย่างหงจูเชวี่ยสามารถทำอะไรก็ได้ที่คนทั่วไปคาดไม่ถึง หากไม่จับตาเหนือหัวเอาไว้ตลอดเวลา เขาอาจจะทำอะไรบางอย่างที่ส่งผลให้ทุกคนในสกุลเต้ออยากปลิดชีพตัวเอง
“อยู่ในเมืองหลวง สายตาผู้คนมีมากมาย ข้าเกรงจะทำให้ซานเอ๋อร์เขินอาย ยากจะตอบรับความรู้สึกของข้า” กล่าวจบหงจูเชวี่ยก็ทำท่าขัดเขิน ขณะที่เต้อรั่วซีอยากจะกระอักเลือด
“ฝ่าบาททรงมีราชโองการให้นางเดินทางมาเมืองหลวงแล้ว แต่กลับเดินทางไปหานาง มันมิแปลกไปหน่อยหรือพ่ะย่ะค่ะ”
ถึงเวลานี้เต้อรั่วซีเสียใจจนตับเขียวไปหมดที่โง่งมยอมพาหงจูเชวี่ยหลบหนีออกจากเมืองหลวงภายใต้เปลือกตาของเต้อซา
กลับไปคราวนี้พี่ชายของเขาคงไม่ปล่อยให้เขามีโอกาสแก้ตัว เผลอๆ อาจจะไม่มอบโอกาสให้เขาหายใจอีกต่อไปเลยก็เป็นได้
“จุ๊ๆ แม่ทัพเต้อ ท่านช่างไม่เข้าใจอิสตรี ให้นางมาพบ นางย่อมไม่พอใจเท่าไร แต่กลับกัน หากข้าสร้างความประหลาดใจให้นางด้วยการไปรับกลางทาง ทุกอย่างย่อมคุยง่ายขึ้น”
เต้อรั่วซีไม่เห็นอะไรง่ายจากคำพูดของหงจูเชวี่ยเลย กู่ซานมิใช่สตรีธรรมดา นางเป็นกุนซือ เป็นน้องสาวคนเล็กของแม่ทัพใหญ่ทั้งสองของสกุลกู่ ไม่นับพี่สะใภ้ที่สามารถฆ่าคนได้ราวมดปลวก จะมาใช้วิธีเกี้ยวพาพบหน้าสร้างความประทับใจได้หรือ
แต่การลอบพาฮ่องเต้ออกจากเมืองหลวงเป็นเรื่องง่าย ทว่าการเกลี้ยกล่อมให้เขากลับไปเป็นเรื่องยาก อย่างน้อยเต้อรั่วซีก็ไม่มีความสามารถนั้น
“กระหม่อมไม่เห็นทางว่าแม่นางกู่จะยินยอมตกลงทำตามพระประสงค์ เพียงเพราะการพบหน้าและพูดคุยนอกเมืองหลวง”
“ข้าถึงบอกว่าท่านไม่เข้าใจอิสตรี เมื่อข้าวสารกลายเป็นข้าวสุก ไม้กลายเป็นเรือ ทุกอย่างย่อมง่ายดาย”
“ไม่พ่ะย่ะค่ะ!!! ฝ่าบาทจะทรงประพฤติตนเยี่ยงโจรเด็ดบุปผาไม่ได้”
เต้อรั่วซีอายุไม่น้อย และพบว่าตนกำลังแก่ชราอย่างรวดเร็วเพราะความเคร่งเครียด
“ข้าไม่ได้พูดสักคำว่าจะข่มเหงน้ำใจซานเอ๋อร์”
คนฟังตาขุ่นขวาง คำพูดเมื่อครู่ หากไม่ใช่วางแผนโฉดจะเป็นอะไรได้อีก แต่ก็แทบกระอักเลือดกับคำเฉลยต่อมาของเหนือหัว
“ข้าก็แค่จะใช้แผนการเล็กน้อย” รอยยิ้มมุมปากของหงจูเชวี่ยบอกเต้อรั่วซีว่ามันต้องเป็นแผนการชั่วช้าที่ฟ้าดินไม่อาจให้อภัย
เพราะคำพูดและท่าทีเช่นนี้ทำให้เต้อรั่วซีกินไม่ได้นอนไม่หลับ วันๆ เอาแต่คิดแผนรับมือพฤติกรรมโฉดของหงจูเชวี่ย ถึงกับแอบเรียกคนติดตามมาสั่งเป็นการลับให้ช่วยกันปกป้องกู่ซาน แต่ร้อยพันการระแวดระวังของเขา กลับไม่ได้คำนึงถึงการหายตัวไปของฮ่องเต้
ใช่แล้ว หงจูเชวี่ยไม่ได้พูดสักคำว่าจะไม่หนีไปตามลำพัง และในคำพูดของฮ่องเต้จอมเจ้าเล่ห์มีหนึ่งอย่างที่ไม่ได้โกหก
เพียงแต่เต้อรั่วซีครุ่นคิดจนสมองอ่อนล้าร่างกายล้มป่วยก็แยกแยะไม่ออกว่าคำพูดที่ออกจากปากจิ้งจอกห่มหนังมังกรอันไหนบ้างที่ไม่ใช่คำเท็จ
......................................
โปรดติดตามตอนต่อไป
#ยอดพธูคู่หทัย
นี่แหละค่ะคนสกุลหง ตั้งแต่ฮ่องเต้ไปจนถึงอ๋อง เป็นคนดีทุกคนเลยทีเดียว555 ขอบคุณเพื่อนๆ ที่ติดตามนะคะ รับรองว่าเฮียเต้จะไม่ทำให้ผิดหวังค่ะ จุ๊บๆๆ
ฝาก โหลด #ขันทีตัวปลอมจอมใจตัวจริง ในรูปแบบ E-Book ด้วยนะคะ
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ซวยสุดก็เหล่าลูกน้องนี่ละ
555555 เฮียเต้ไม่เคยธรรมดา....เฮียแสบเสมอต้นเสมอปลายจริงๆ