ตอนที่ 22 : ควรจะช่วยดีหรือไม่
เจิ๋นหนานอ๋อง หรือหงมิ่งผู้นี้ หาใช่คนแปลกหน้าสำหรับอ้วนเตียวไม่ สองปีก่อนเขาเป็นผู้ช่วยให้นางขับไล่ข้าศึกออกไปพ้นแผ่นดินแคว้นถู่ปอ ซ้ำยังช่วยให้นางครองบัลลังก์อย่างมั่นคง เรียกว่าเป็นสหายร่วมศึกก็ว่าได้ เสียดายเขามิใช่สหายสนิทรู้ใจของนาง หนำซ้ำยังไม่อาจช่วยแก้ปัญาในยามนี้ของนางได้
เพราะคาดเดาไปก็เท่านั้น อ้วนเตียวจึงสั่งให้ตู้จงชินช่วยนางผลัดเปลี่ยนชุดไปรับแขกเมือง แต่ขณะถอดชุด นางก็พลันคิดบางอย่างออก
“เอาชุดที่ไม่เป็นทางการดีกว่า แล้วก็หยิบชาดกับเครื่องสำอางออกมาให้หมด ข้าอยากจะแต่งหน้าแต่งกายให้งดงามเสียหน่อย”
บางที สวามีของนาง ก็ไม่จำเป็นต้องเป็นคนร่วมแคว้นเสมอไป
“ไม่เจอกันนาน ทรงสำราญดีหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ” แม้หงมิ่งจะเป็นอ๋องคนสำคัญของแคว้นถู่ปอ แต่ยามอยู่เบื้องหน้าเจ้าของแคว้นหนึ่ง เขาก็ยังคงรักษามารยาท พร้อมๆ กันนั้น ก็ต้องสังเกตท่าทีอีกฝ่าย เพื่อหาทางเอ่ยเรื่องที่ทำให้เขามาเยือนที่นี่
“ข้าสบายดี หวังว่าท่านอ๋องจะเป็นเช่นเดียวกัน”
อ้วนเตียวย่อมมองออกว่าหงมิ่งมาที่นี่ ไม่เพียงต้องการมาเยี่ยมเยียนนางเท่านั้น แต่นางไม่รีบร้อนเอ่ยถาม เพื่อชิงความได้เปรียบในการต่อรอง
หงมิ่งเดิมทีเข้าใจว่าอ้วนเตียวจะเอ่ยถามจุดประสงค์ในการมาของเขาสักคำ แต่พอนางถามเรื่องทั่วไป เข้าก็ยิ่งไม่สะดวกเอ่ยปาก ได้แต่หันไปสบตาเต้อจือเสีย คนสนิทที่มาด้วยกัน ทั้งสองลอบแลกเปลี่ยนความคิดทางสายตาก่อนจะหันไปพิจารณาสายตาแปลกประหลาดที่นางกำนัลคนสนิทข้างกายองค์หญิงมองมาทางพวกเขาเป็นระยะ ประหนึ่งว่าเขาเป็นเนื้อสดให้นางเชือดกินอย่างนั้น
“พวกท่านเดินทางมาเยี่ยมเยียนถือเป็นแขก อย่างไรคืนนี้ข้าจะขอจัดงานเลี้ยงรับรองท่านสักมื้อ หวังว่าจะไม่รังเกียจ”
แค่กินดื่มมื้อหนึ่งหงมิ่งย่อมไม่รังเกียจ แต่เขามีภารกิจสำคัญที่ได้รับมอบหมายมา จะทำตัวสำราญก็ใช่ที่ ทว่านึกดู การเจรจาหว่านล้อมให้อ้วนเตียวยอมทำข้อตกลง รีบร้อนไปใช่ว่าจะดี เพียงแต่ที่น่ากลัวก็คือ หงมิ่งชักจะคาดเดาจุดประสงค์จากสายตาของอ้วนเตียวออก เพราะเรื่องที่นางยังไม่ได้หมั้นหมายบุรุษใดก็ไม่ใช่ความลับ
ตั้งแต่จำความได้หงมิ่งได้รับการปลูกฝังวิชาความรู้จากเหล่าอาจารย์ที่หงจูเชวี่ยส่งมาอบรมเขา หวังจะให้สืบทอดตำแหน่งฮ่องเต้ในวันหน้า แต่เขาก็เหมือนกับหงหนานปิง มีชาติกำเนิดด่างพร้อย ไม่อาจเอื้อมบัลลังก์ ไม่ปรารถนาความวุ่นวาย ขอรับเพียงตำแหน่งเจิ๋นหนานอ๋อง ช่วยปกปักรักษาดินแดนใต้ แต่นั่นหาใช่อุปสรรคขัดขวางสตรีไม่ให้เข้าหาเขา ด้วยฐานะเช่นนี้ หากจะเป็นสวามีของเจ้าครองแคว้นเล็กๆ เช่นถู่ปอ ยังถือว่าเป็นการช่วยเหลืออีกฝ่ายด้วยซ้ำ
“กระหม่อมย่อมยินดี เพียงแต่ไม่ทราบว่าในงานคืนนี้จะมีขุนนางใหญ่มาร่วมด้วยหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ” หงมิ่งถามอ้อมค้อม เจตนาของเขาก็คืออยากรู้ว่าเป็นงานเลี้ยงอย่างเป็นทางการหรือไม่
หากเป็นงานเล็กๆ ที่มีเพียงอ๋องอย่างเขากับองค์หญิงผู้ครองแคว้นดื่มกินตามลำพัง เขาคงไม่กล้าเอาชื่อเสียงทั้งสองไปเสี่ยง เรื่องที่อ้วนเตียวล่อลวงกู่เฟยตอนนางอายุเพียงเก้าขวบ เป็นเรื่องที่เขาจดจำได้ดี ไม่กล้าประมาทสตรีบอบบางตรงหน้าแม้แต่น้อย
อ้วนเตียวก็หาใช่คนเขลา นางย่อมรู้ถึงความวิตกกังวลภายใต้ความระมัดระวังตนของเขา ซึ่งก็สมควรกังวลจริงๆ เพราะนางมีแผนการบางอย่างวางไว้ภายใต้การเชิญชวนฉันมิตร
จะว่าไปฐานะของหงมิ่งก็สมควรรอบคอบ เขาเป็นโอรสของอดีตฮ่องเต้หงชิงหลงที่เกิดจากนางกำนัลเหมยซิ่ง ซึ่งไม่ได้ถวายตัวอย่างเป็นทางการ เพียงแค่นั้นไม่นับเป็นเรื่องอื้อฉาวเท่าใด แต่ที่สมควรปิดปากก็คือ นางกำนัลคนนั้นยังลอบมีสัมพันธ์กับอดีตรัชทายาท จนให้กำเกิดเหมยเยี่ยเซียงในตำหนักหยกขาว เป็นความลับดำมืดที่คนรู้ความจริงมีไม่เกินนับนิ้วมือ และครึ่งหนึ่งของคนที่รู้ ล้วนตกตายไปหมดแล้ว
จะว่าไปอ้วนเตียวก็เห็นใจหงมิ่งไม่ใช่น้อย ชาติกำเนิดของเขากับน้องสาว เป็นรอยด่างในชีวิตทั้งสอง ซึ่งก็คงเหมือนๆ กับการเอาตัวรอดโดยไม่เลือกวิธีการของนาง พอย้อนนึกไปถึงว่าครั้งหนึ่งนางเคยล่อลวงพี่เขยของคนตรงหน้า หวังจะใช้สกุลกู่มาทวงคืนเอกราชของแคว้นตน นางก็อดที่จะละอายใจไม่ได้เช่นกัน
“งานเลี้ยงคืนนี้ นับเป็นงานเล็กๆ ข้าคงไม่เชิญขุนนางใหญ่ให้วุ่นวาย ขอให้แม่ทัพเต้อร่วมวงสุราด้วย หวังว่าท่านจะยินดี”
ถึงจะเป็นงานเลี้ยงส่วนตัวที่เขาหวั่นเกรง แต่อย่างน้อยอ้วนเตียวก็กล่าวอย่างเปิดเผย หนำซ้ำยังเชื้อเชิญเต้อจือเสียด้วย หงมิ่งจึงคลายความกังวลลง แต่ขณะทั้งสองกำลังจะแยกย้ายไปพักผ่อนรอช่วงงานเลี้ยง กลับพบว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง โดยเฉพาะเมื่อมีขันทีคนสนิทของตู้จงชินแอบมาเรียบๆ เคียงๆ ถาม
“แม่ทัพเต๋อท่าทางองอาจ แต่ไม่เห็นได้ข่าวการวิวาห์เลย ยังโสดใช่หรือไม่”
เห็นเต้อจือเสียที่นิ่งเงียบดุจเงาข้างกายเขามาสิบกว่าปีเผยสีหน้าตระหนกอ้าปากค้าง แต่พูดอันใดไม่ออก หงมิ่งก็ตรึกตรองแผนการของอ้วนเตียวใหม่ บางทีเนื้อที่จะถูกเชือด อาจจะไม่ใช่เขาก็เป็นได้
ในฐานะสหายที่เคยร่วมศึก หงมิ่งใคร่ครวญว่าเขาควรจะช่วยอ้วนเตียวดีหรือไม่ ขณะเดียวกันในฐานะสหาย เขาเคยนิ่งเฉยปล่อยให้เต้อจือเสียสละตน คงจะดูเป็นคนเลวไม่น้อย แต่ในฐานะอนุชาของหงจูเชวี่ย ฮ่องเต้ที่เจ้าเล่ห์สุดในแผ่นดิน หากกระทำการที่ได้รับมอบหมายไม่สำเร็จ เขาอาจต้องรับมอบสิ่งที่เขาไม่อยากได้ ดังนั้นอ๋องหนุ่มคิดว่าเขาควรช่วยเหลือตัวเองก่อนดีกว่า
คนไม่เห็นแก่ตน สวรรค์จะลงโทษ เป็นสำนวนที่ถูกต้องเสมอ
......................................
โปรดติดตามตอนต่อไป
#ยอดพธูคู่หทัย
เรื่องนี้หาคนซื่อๆ ยากเหลือเกิน555 ถ้าอยากรู้ว่าเฮียเต้หนีไปไหนกับใคร ติดตาได้ในตอนต่อไปนะคะ ขอบคุณที่ติดตามค่ะ
ป.ล. ร้อนจนละลาย อย่าลืมหาอะไรเย็นๆ นะคะ
ฝาก โหลด #ขันทีตัวปลอมจอมใจตัวจริง ในรูปแบบ E-Book ด้วยนะคะ
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

หงมิ่งท่านคิดจะขายแม่ทัพเต๋อเหรอ 55555
ขอบคุณที่ติดตามนะคะ
.
.
.
.
.
คนแรกที่ไม่ควรไว้ใจ