ตอนที่ 21 : ตามหาได้ที่ไหน
สตรีแดนใต้จิตใจปั่นป่วน สตรีแดนเหนือก็สมองป่วนปั่น การเดินทางพร้อมความกลัดกลุ้มจากบ้านเกิดโดยลำพังนับเป็นเรื่องเคร่งเครียด แต่คงไม่หนักหนาเท่าสารลับเร่งด่วนจากเมืองหลวง
“เอาแต่ใจนัก คิดจะหายตัวก็หายไปง่ายๆ ได้อย่างนั้นหรือ”
กู่ซานอ่านจบก็รีบทำลายจดหมายลับ แต่ขณะฉีกทึ้งแล้วเผาทิ้งเป็นจุณ นางก็ปรารถนาอย่างยิ่งให้เป็นมันเป็นร่างของหงจูเชวี่ย
“ถ้าเช่นนี้พวกเราจะทำอย่างไรดี ยังจะเดินทางไปเมืองหลวงหรือไม่” โต้วสืออายุมากกว่ากู่ซานสิบกว่าปี แต่ยามเผชิญปัญหา เขาเชื่อมั่นในการตัดสินใจของกุนซือผู้นี้
“ยังจะไปอีกทำไม ในเมื่อคนที่เรียกข้าไปไม่อยู่ที่นั่น”
ในจดหมายลับของหงหนานปิงไม่ได้ระบุว่าให้กู่ซานเร่งเดินทางไปเมืองหลวงเพื่อควานหาหงจูเชวี่ย เนื่องจากทุกคนต่างรู้ว่าคนผู้นั้นหนีพ้นเมืองหลวงแน่แล้ว เพราะนอกจากหลบหนี เขายังพาเต้อรั่วซี น้องชายของเต้อซา แม่ทัพรักษาเมืองหลวงไปด้วย ไม่รู้ว่าฮ่องเต้ตัวร้ายใช้วิธีไหนหลอกล่อแม่ทัพใหญ่ไปด้วยได้ แต่สติปัญญาของเหนือหัว รวมกับฝีมือแม่ทัพเจนศึก ยังจะมีใครรั้งพวกเขาเอาไว้ในเมืองหลวงได้อีก
“เอาแผนที่แคว้นต้าถังมาให้ข้า”
สิ่งที่กู่ซานต้องการถูกจัดหามาโดยเร็ว นางกวาดสายตาไปทีละส่วนเริ่มจากเมืองหลวง ชี้นิ้วพลางแจกแจงทีละส่วนให้โต้วสือฟังเพื่อให้สมองตนเองแยกแยะว่าหลงลืมข้อปรีกย่อยอะไรไปหรือไม่
“จากเมืองหลวง เขาได้พาแม่ทัพเต้อไปด้วย ไม่มีทางอยู่ที่นั่นแน่ แดนเหนือมีพี่ใหญ่ดูแล เขาไม่มีทางไปให้ถูกจับ ส่วนแดนใต้นอกจากมีพี่รองอยู่ เขายังเคยไปที่นั่น ในเมื่อบอกจะออกไปท่องเที่ยวย่อมไม่ไป เหลือก็แต่ ตะวันตกและตะวันออก”
นิ้วชี้เรียวได้รูปแต่แข็งแรงกว่าสตรีอื่นเพราะจับกระบี่มาช้านาน เคาะลงบนแผนที่ทั้งสองจุดที่เอ่ยถึงเพื่อไตร่ตรองความเป็นไปได้
“ตะวันตกมีแม่ทัพเกาซ่งอยู่ คนผู้นั้นเห็นแว่นแคว้นสำคัญเหนือสิ่งอื่นใด ต่อให้เป็นเหนือหัว ถ้าทำตัวเหลวไหล เชื่อได้ว่าเขาย่อมกล้าเอาศีรษะตัวเองเป็นเดิมพัน จับตัวแล้วส่งกลับเข้าวังหลวง ดังนั้นก็ต้องเป็นทางตะวันออก แต่ทางนั้นก็มิใช่ที่ที่เขาควรไป”
ชายแดนตะวันออกติดทะเล เดิมเป็นพื้นที่ในการดูแลของตระกูลใหญ่ซึ่งมีเรื่องขัดแย้งกับฮ่องเต้ในศึกการเมือง เมื่อสองปีก่อนหงจูเชวี่ยจึงอาศัยการปลดขุนนางส่งตัวแทนจากสกุลเต้อที่จงรักภักดีเข้าไปจัดการชั่วคราว แต่ต่อให้เต้อซามีบุตรชายหลานชายมากมาย พวกเขาก็ไม่อาจจแยกร่างเป็นสิบ หรือแปลงร่างให้มีสามเศียรสี่กร ทั้งเรื่องในเมืองหลวง ทั้งเรื่องแดนใต้ มีแต่จุดที่ต้องการคนจงรักภักดีเข้าไปดูแล ต่อมาจึงต้องอาศัยขุนนางที่พอจะเชื่อใจได้ ไม่คาดคิดว่าจะประสบปัญหาเนืองๆ
“ฝ่าบาทหรือจะเสด็จไปที่วุ่นวายเช่นนั้น ข้าว่าต้องไปยังแดนใต้แน่ๆ ที่นั่นแม้จะมีคุณชายรองอยู่ ทว่าแต่ไหนแต่ไร ก็ไม่อาจรับมือกับเหนือหัวได้เลย”
ในสายตาของโต้วสือที่เห็นสามพี่น้องสกุลกู่มาตั้งแต่ยังเด็ก เขามองว่ากู่หานเป็นคนที่เล่ห์เหลี่ยมน้อยสุด หากเจอจิ้งจอกสวมชุดมังกรอย่างหงจูเชวี่ย ต่อให้ไม่พอใจเพียงใด สุดท้ายก็คงไม่อาจบังคับให้ฮ่องเต้เสด็จกลับวังหลวงได้
“ที่สำคัญเมืองหนานเจิงก็เป็นทางผ่าน ฮ่องเต้เคยปกครองเมืองนั้น ไม่แน่อาจจะแวะไปเยี่ยมเยียนระหว่างทางท่องเที่ยว”
กู่ซานฟังโต้วสือวิเคราะห์ ก็เห็นด้วยหลายอย่าง หงจูเชวี่ยไม่เคยท่องยุทธภพ หนานเจิงก็เป็นที่ที่เขาคุ้นเคยมากที่สุด รองลงไปก็คือเขาอูยา สำนักไร้นาม แต่สถานที่หลังยังมีอาจารย์เฒ่าคอยดูแลอยู่ เชื่อได้ว่าอดีตองค์ชายสิบสามแอบหนีไปที่นั่นต้องถูกท่านอาจารย์เตะโด่งกลับมาแน่
“ถ้าเป็นคนอื่น ย่อมไปยังสถานที่ที่ตนคุ้นเคย สถานที่ที่ปลอดภัย สะดวกสบาย แต่คนคนนั้นย่อมไม่ใช่หงจูเชวี่ย”
แล้วนิ้วชี้ของกู่ซานก็จิ้มลงอย่างมั่นใจไปบนจุดหนึ่งบนแผนที่ซึ่งไม่ใช่ตะวันออก และยิ่งไม่ใช่ชายแดนใต้ หรือเมืองหนานเจิง
“ทำไมเป็นตรงนั้น” โต้วสืองุนงงมาก แต่กู่ซานกลับยิ้มอย่างมั่นใจ
“ที่อ๋องไป๋ส่งสารด่วนมาหาข้า ก็เพราะเชื่อว่าข้าจะตามจับคนผู้นั้นได้”
นอกจากเป็นฝ่ายเล่นงานจนเหนือหัวต้องยอมพ่ายแพ้มาตั้งแต่เด็กแล้ว สิ่งหนึ่งที่กู่ซานทำได้ดีมาตลอดก็คือตามหาหงจูเชวี่ย ไม่ว่าเขาจะอยู่ที่ไหนก็ตาม
.....
“ขุนนางเหล่านั้น ทำไมถึงได้กล้าพูดเรื่องนี้กัน” ตู้จงชินติดตามอ้วนเตียวตั้งแต่ยังเยาว์ย่อมกล้าที่จะแสดงความคับข้องใจ หากไม่เกรงใจ นางจะเรียกพวกขุนนางเฒ่าทั้งราชสำนัก ว่า ขุนนางสุนัข
“เพื่อครอบครองบัลลังก์มีอะไรให้พวกนั้นไม่กล้าบ้าง” ตอบคำถามจบ บนใบหน้าของอ้วนเตียวก็ปรากฏร่องรอยเหนื่อยล้าแกมขื่นขม
ทำไมนางจะไม่รู้ว่าข้อเสนอนี้เกิดขึ้นเพราะอะไร สายเลือดที่จะสืบทอดบัลลังก์สายตรงไม่มี แต่สายรองยังพอจะมีบ้าง ทว่าสิ่งที่พวกเขาต้องการ ก็คือให้นางเลือกหนึ่งในบุตรชายของพวกเขาเป็นสวามี หนึ่งคือรับประกันว่านางจะเอ้อเฟื้อแก่ตระกูลตน สองทายาทมังกรในวันหน้าจะมาจากสกุลอื่น อ้วนเตียวไม่อยากจะนึกเลยว่าบัลลังก์จะกลายเป็นของสกุลจิ้งจอกใด
“ถ้าเช่นนี้องค์หญิงก็เลือกสวามีที่พอจะเชื่อใจได้สักคนเถอะเพคะ” ข้อเสนอนี้ได้รับการส่ายหน้าจากผู้เป็นนาย
“อายุเช่นข้าจะหาตัวเลือกดีๆ ได้อย่างไร”
คำว่าอายุ ส่งผลให้ตู้จงชินพูดอันใดไม่ออก อ้วนเตียวโฉมงาม มากความสามารถก็จริง ทว่าตอนนี้ อายุของนางล่วงเข้าวัยยี่สิบ นับได้ว่าเลยวัยออกเรือนไปหลายปี บุรุษที่อายุมากกว่าในแคว้นถู่ปอย่อมมี แต่อายุมากขนาดนั้น หากไม่แต่งภรรยาเอกภรรยาน้อยเต็มบ้านไปแล้ว ไหนเลยจะมีคุณสมบัติคู่ควรเป็นสวามีของนางกัน
“เช่นนี้จะทำอย่างไรดีเพคะ”
ตู้จงชินร้อนใจจะแย่ ทว่าไร้ทางแก้ เพราะแม้แต่อ้วนเตียวยังคิดหาทางไม่ได้ สองเจ้านายลูกน้องกำลังช่วยกันขบคิดศีรษะแทบแตก ก็มีคนเข้ามาแจ้งว่าแขกจากต่างแคว้นมาเยือน
“เจิ๋นหนานอ๋องหรือ เขามาทำไมกัน”
......................................
โปรดติดตามตอนต่อไป
#ยอดพธูคู่หทัย
ขอบคุณที่ติดตามนะคะ ตอนนี้อากาศร้อนมาก พยายามปลุกความขยันสุดชีวิต หวังจะออกมาเป็นเล่มให้ไวค่ะ ส่วนเฮียเต้หายไปไหน คงมีเพียงซานเอ๋อร์เท่านั้นที่ตามตัวได้ ว่าแต่เจิ๋นหนานอ๋องคือใคร จำได้ไหมคะ อิอิอิ
ฝาก โหลด #ขันทีตัวปลอมจอมใจตัวจริง ในรูปแบบ E-Book ด้วยนะคะ
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

เจิ้นหนานอ๋องนี่แหละสามีนาง 55555 รวบหัวรวบหางเลย