ตอนที่ 10 : เจ้าพาไปไหนข้าก็จะไป
เขาอูยามีหลายสิ่งหลายอย่างสร้างความสนุกสนานได้ ไม่ว่าจะปีนต้นไม้ลักไข่นก กระโดดลงน้ำไล่จับปลา หรือไม่ก็กลั่นแกล้งองค์ชายสักคน แต่กู่ซานทำไม่ได้สักอย่างระหว่างถูกลงโทษกักตัวคัดอักษร นอกจากทำหน้ามุ่ย สลับกับส่งสายตาอ้อนวอนให้อารองเห็นใจยกโทษให้นาง
กู่เอ่อคังรู้ตัวดีว่าใจแข็งทนการออดอ้อนขอความเห็นใจของหลานสาวไม่ค่อยไหว จึงหลบออกไปสนทนากับอาจารย์ผู้เฒ่า ส่วนกู่เฟยกับกู่หาน นอกจากยามต้องไปเรียนหนังสือและวรยุทธิ์ก็จะอ้างสารพัดเพื่อจะได้ไม่ต้องทนใบหน้าชวนให้ใจอ่อนของน้องสาว ดังนั้นทั้งเรือนจึงเหลือกู่ซานเขียนอักษรไป แช่งด่าหงจูเชวี่ยที่เป็นตัวต้นเหตุทำให้นางได้รับความลำบากไป ไม่คาดคิดว่าเจ้าตัวจะโผล่เข้ามาหา
“คัดตัวอักษรนานๆ เบื่อหรือไม่” คำถามของหงจูเชวี่ยได้รับคำตอบเป็นการถลึงมองอย่างดุร้าย
เพราะรู้ว่าหากอาละวาดเล่นงานหงจูเชวี่ย นางจะถูกลงโทษหนักกว่าเดิม กู่ซานจึงก้มหน้าก้มตาระบายโทสะใส่กระดาษ จนอักษรต่างๆ กลายเป็นยันต์น่าเกลียด
“ยิ่งเขียนยิ่งขี้ริ้วเช่นนี้หามีประโยชน์ไม่ ออกไปเที่ยวเล่นข้างนอกกับข้าไหม” หงจูเชวี่ยถามจบ กู่ซานก็หรี่ตามองด้วยความสงสัย
“ท่านจะหลอกข้าออกไปรังแกล่ะสิ”
นางดูโง่ถึงเพียงนั้นเลยหรือ แม้ว่านางจะอายุเจ็ดขวบ แต่ก็สู้องค์ชายบอบบางอย่างเขาได้สบาย คิดได้เช่นนั้นเด็กน้อยก็เค้นเสียงใส่ทำสีหน้าเหนือกว่า
หงจูเชวี่ยฟังวาจาอวดรู้เกินวัยของกู่ซานแล้วมุมปากกระตุก ต้องรีบกลั้นหัวเราะก่อนนางจะโกรธแล้วไม่ยอมออกไปเที่ยวเล่นกับเขา ภูเขาอูยาไม่ใช่จะไร้เด็กน้อย แต่ไม่รู้ทำไมเขาจึงชอบเด็กแสบเช่นนางเป็นพิเศษ อาจเพราะนางน่ารักเหมือนก้อนแป้ง เป็นน้องสาวที่เขาไม่เคยมี หรืออาจเพราะนางเปิดเผยจริงใจก็เป็นได้ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังอดแหย่นางไม่ได้
“ซานเอ๋อร์ เจ้าอย่าเอานิสัยคนพาลมาตัดสินวิญญูชนสิ”
“อ่ะ!! เจ้าว่าใคร” ตัวแสบน้อยถลกแขนเสื้อ แสดงท่าทางอันธพาลอย่างเต็มที่ แต่คนมองนอกจากยิ้มเอ็นดูแล้วก็ไม่คิดจะดุว่าท่าทางราวกับเด็กไร้คนอบรมสั่งสอนของนาง
“ถ้าอย่างนั้นข้าจะเขียนจดหมายถึงอารองของเจ้าทิ้งเอาไว้ และเป็นหนังสือรับประกันว่าข้าจะไม่รังแกเจ้าด้วย ดีหรือไม่”
ไม่รอคำตอบจากกู่ซาน หงจูเชวี่ยก็ดึงพู่กันจากมือน้อย มาเขียนตัวอักษรปราดๆ ลงบนกระดาษ แจ้งเรื่องที่เขาจะพาตัวแสบออกไปยังริมลำธารเป็นเพื่อนเขาแทนการลงโทษคัดอักษร และสัญญาว่าจะส่งนางกลับคืนโดยไม่ให้ได้รับบาดเจ็บ ขณะลงชื่อเขาก็คิดด้วยอารมณ์ขันว่าขณะกู่เอ่อคังอ่านจดหมาย รองแม่ทัพกู่น่าจะภาวนาไม่ให้คนที่ถูกรังแกจนบาดเจ็บเป็นเขามากกว่า
“เขียนเสร็จแล้ว เจ้าจะไปกับข้าหรือคัดอักษรต่อ”
เขาเห็นปากน้อยๆ อ่านออกเสียงทีละตัว ก็รู้ว่านางเก่งเรื่องอักษรเกินวัย ขณะเดียวกันก็น่ารักน่าเอ็นดูยิ่งนัก เขารอครู่เดียวนางก็ตรึกตรองเสร็จ
“ข้าจะยอมไปเป็นเพื่อนเจ้าก็ได้”
น้ำเสียงวางท่าของกู่ซานตลกพอๆ กับการพุ่งปราดออกไปข้างนอกประหนึ่งลูกสุนัขจิ้งจอกถูกปล่อยออกจากกับดัก หันมาเห็นหงจูเชวี่ยไม่ขยับตัวตามมา ก็ดุราวกับเขาเป็นเด็กน้อยไม่รู้ความ ทั้งยังย้อนกลับมาฉุดมือให้เขารีบตามนางออกไปโดยเร็ว
“เจ้าชักช้าทำไม เดี๋ยวแดดหมดก็จับปลาไม่ได้กันพอดี”
เป็นการถูกกู่ซานจูงมือครั้งที่สอง ต่อให้ครั้งแรกหงจูเชวี่ยถูกเด็กหญิงหลอกจนสะบักสะบอม เขาก็ยังยอมตามนางไปอยู่ดี ซึ่งเรื่องนี้เป็นสิ่งที่เขาขบคิดเท่าไรก็ไม่เคยเข้าใจ รู้แค่ว่าเพียงเป็นซานเอ๋อร์ ต่อให้นางจูงมือเขาเดินขึ้นภูเขาดาบหรือลงนรกเพลิง เขาก็พร้อมจะติดตามนางไป
“ปีนสูงขึ้นไปอีก” กู่ซานออกคำสั่งอยู่ใต้ต้นไม้อย่างได้ใจ เพราะหงจูเชวี่ยตามใจนางทุกอย่าง ไม่ว่าจะให้แบกนางเดินป่า หรือปีนต้นไม้เก็บผลไม้ป่าให้กินก็ตาม
เขาไม่ถือสา นางได้ใจ แต่คนแอบมองแทบทนดูไม่ได้ เหล่าองครักษ์ลับ แน่นอนว่ารวมเต้อจือเสียเข้าไปด้วย อยากจะวิ่งเข้าไปห้ามความเหิมเกริมของกู่ซานที่กล้าชี้นิ้วสั่งองค์ชาย แต่ก็เช่นเมื่อวาน หงจูเชวี่ยเป็นคนสั่งห้ามไม่ให้พวกเขาติดตามไป องค์ชายสิบสามถึงได้หลงอยู่ในค่ายกล วันนี้ต่อให้ตายพวกเขาก็ขอตามมาด้วย และก็แทบจะอดกลั้นไม่ไหว กับการทนเห็นเจ้านายตามใจเด็กหญิงที่เสียคนอยู่แล้ว ให้เสียคนมากขึ้น
“ผลไม้บนต้นมีสองลูกนี้ที่พอกินได้ ลูกนี้หวานกว่า เจ้ากินสิ” หงจูเชวี่ยยื่นผลไม้สุกงอมหอมหวานให้กู่ซาน ขณะที่ตนถือผลที่ยังมีสีเขียวฝาดเอาไว้
กู่ซานกะพริบตาปริบๆ ด้วยความประหลาดใจ ความจริงนางคิดจะหลอกให้หงจูเชวี่ยกินผลไม้ดิบ เพราะดูแล้วเขาเซ่อซ่าไม่รู้เรื่องรู้ราวอันใด ไม่คิดว่าเขาจะรู้จักแยกแยะผลไม้ป่า หนำซ้ำยังยื่นผลสุกให้นางโดยไม่ต้องร้องขอ
ความจริงถึงหงจูเชวี่ยจะเป็นองค์ชาย แต่ยามเด็กถูกเลี้ยงอย่างทิ้งขว้าง แม้แต่ตอนหิวจัดยังต้องแอบเข้าไปเก็บผลไม้ในอุทยานหลวงประทังชีวิต เพิ่งจะมีชีวิตดีขึ้นเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมาเท่านั้น เขาจึงรู้ว่าผลไม้อะไรกินได้ไม่ได้ และรู้ด้วยว่าอย่างไหนอร่อยกว่ากัน รวมถึงไม่ลังเลที่จะมอบของดีกว่าให้คนที่เขาชอบ ต่อให้คนที่แอบมองโดยรอบคิดว่านางเป็นจิ้งจอกน้อยกำลังข่มเหงบุตรมังกรก็ตาม
“คนเราจะเอาเปรียบผู้อื่นไม่ได้ มีของดีต้องให้ผู้อื่นบ้าง จะเก็บไว้แต่ผู้เดียวได้อย่างไร” กู่ซานเลียนแบบท่าทางเปี่ยมคุณธรรมของบิดา หยิบผลไม้สุกมากัดคำหนึ่ง แล้วยื่นกลับไปให้หงจูเชวี่ย
“มีสุขทุกข์ต้องร่วมแบ่งปันกัน” ปากเต็มไปด้วยผลไม้จนเสียงอู้อี้ แต่นางยังวางท่าเป็นผู้ใหญ่ใจกว้าง
หงจูเชวี่ยทั้งขำทั้งเอ็นดู เขารับผลไม้มากัดกินหนึ่งคำตามใจนาง ไม่สนใจการแอบโบกไม้โบกมือห้ามของเหล่าองครักษ์ที่เตือนให้เขาคำนึงถึงฐานะตน กัดเสร็จก็ส่งคืนให้นาง แต่โดนมือเล็กผลักกลับ พร้อมทำปากเบ้ใส่
“ข้าไม่กินแล้ว เจ้ากินเถอะ” นางทำเหมือนมีน้ำใจ แต่เขาแอบได้ยินเสียงนางบ่นเบาๆ “แบ่งกันกินไม่เห็นดีเลย แบบนี้ต้องกินน้ำลายผู้อื่นสิ”
องค์ชายหนุ่มน้อยไม่รู้จะหัวเราะดีหรือไม่ นางยื่นผลไม้ให้เขากินทั้งที่เปื้อนน้ำลายตัวเอง เขายังไม่รังเกียจ แต่พอส่งกลับคืนไป นางกลับทำท่าเดียจฉันทร์ ไหนเลยจะเหมือนท่าทีของผู้ท่องยุทธภพไม่คิดเล็กคิดน้อยอย่างที่นางกำลังพยายามแสดงออกอยู่ในเวลานี้ ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังยื่นผลไม้อีกผลให้นาง แต่กลับถูกปฏิเสธอีก
“เจ้ากินเถอะ จะได้มีเนื้อหนังมากขึ้น มารดาของข้าบอกว่า เด็กชายต้องกินให้มาก จะได้ตัวใหญ่แข็งแรง” ท้ายประโยคนางเลียนเสียงของผู้ใหญ่มาเกือบเหมือน แต่ทำเขาเกือบหัวเราะ
“ต้องกินเยอะๆ รู้ไหม เจ้าผอมเกินไป แบบนี้จะออกหมัดไม่ได้” แล้วนางก็ใช้แขนสั้นป้อมของตนสาธิตวิธีออกหมัดให้เขาดู
“บิดาข้าบอกว่าลูกผู้ชายกำปั้นใหญ่พิชิตได้ทั่วหล้า แต่มารดาบอกว่าปัญญาเอาชนะได้ทุกสิ่ง” กล่าวเองนางก็มุ่นคิ้วเองไม่แน่ใจว่าฝ่ายใดกล่าวถูกต้องกันแน่
กู่ซานไม่รู้หรอกว่ามันน่าขบขันแค่ไหน ที่นางเอาแต่เล่าว่ามารดาสอนเช่นนั้น บิดาพูดเช่นนี้ ดูเหมือนว่ามารดาของนางจะเป็นสตรีที่ฉลาดที่สุดในใต้หล้า บิดาของนางจะยิ่งใหญ่ที่สุดในแผ่นดิน หงจูเชวี่ยฟังไปตอบรับไปเป็นช่วงๆ ไม่คิดจะขัดคอนางสักคำ เพราะต่อให้มารดาของเขาตายตั้งแต่เขาเพิ่งเกิด ทว่าบิดาของเขาเป็นฮ่องเต้ ถ้าบิดาของนางยิ่งใหญ่ที่สุดในแผ่นดิน จะเอาบิดาของเขาไปเก็บที่ไหนกัน
อวดบิดามารดาจนคอแห้ง หลอกเขาไปแกล้งริมลำธารจนเหนื่อย ในที่สุดกู่ซานก็หมดแรง สั่งให้หงจูเชวี่ยแบกนางกลับสำนักไร้นาม ระหว่างทางยังหลับจนทำน้ำลายเปียกหลังเขา แต่ไม่ก่อนที่จะกำชับแกมสั่งอย่างง่วงๆ
“องค์ชายปีศาจ ถ้าเจ้าตามใจข้า เป็นลูกน้องของข้า ต่อไปข้าจะพาเจ้าไปเล่นด้วยบ่อยๆ” ดูเหมือนว่านางจะลืมไปแล้วว่าเขาเป็นคนขออนุญาตกู่เอ่อคังพานางออกมาเล่น ทว่าหงจูเชวี่ยยอมตามใจกู่ซานเช่นเคย
“ได้สิซานเอ๋อร์ เจ้าพาไปไหนข้าก็จะไป”
ฟังแล้วกู่ซานก็ไม่ชอบใจนักที่หงจูเชวี่ยยังเรียกนางว่าซานเอ๋อร์ แต่พอใจในท่าทีอ่อนน้อมของเขา ตั้งใจไว้ว่าต่อไปนางจะพาเขาไปเล่นสนุกด้วยทุกที่เป็นองค์ชายปีศาจของนาง
......................................
โปรดติดตามตอนต่อไป
#ยอดพธูคู่หทัย
สามวันสุดท้ายสำหรับงานสัปดาห์หนังสือแล้วนะคะ ผลงานของแว่น 9 เล่ม ยังรอให้จับจองอยู่ค่ะ ฝากเพื่อนๆ แวะรับกลับบ้านด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ
แต่ถ้าใครไม่สะดวกไปงาน #ขันทีตัวปลอมจอมใจตัวจริง ก็มีให้โหลดอ่านในแบบอีบุ๊กค่ะ ฝากเสี่ยวเจี่ยด้วยนะคะ
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

235 ความคิดเห็น
-
#147 pemipond (จากตอนที่ 10)วันที่ 29 พฤษภาคม 2562 / 19:01ของเจ้าได้อย่างไร ของข้า#1470
-
#16 NatthayaSrichan (จากตอนที่ 10)วันที่ 5 เมษายน 2562 / 08:10น้องน่ารัก แม่จะแสบแต่ไม่น่าเกลียดกลับน่ารักมากกว่า#161
-
#16-1 วาณี ซิงซิน แว่นฟ้า(จากตอนที่ 10)7 เมษายน 2562 / 22:32ขอบคุณที่รักซานเอ๋อร์และติดตามเรื่องนี้นะคะ#16-1
-
-
#15 OuWate (จากตอนที่ 10)วันที่ 5 เมษายน 2562 / 07:41ทำไมน่ารักอย่างนี้เนี่ย หุๆๆๆๆๆ#151
-
#15-1 วาณี ซิงซิน แว่นฟ้า(จากตอนที่ 10)7 เมษายน 2562 / 22:33เด็กๆ น่ารัก โตขึ้น(หงจูเชวี่ย) ยิ่งรักมาก ฝากซานเอ๋อร์ด้วยนะคะ#15-1
-