ตอนที่ 2 : ตอนที่ 1 Man from Mars&Women from Venus
ตอนที่ 1 Man from Mars&Women from Venus
มันต้องมีอะไรสักอย่างที่ผิดพลาดสิน่า เช่น เราควรจะเกิดก่อนคุณแม่สักห้าสิบปี หรือไม่เราก็ควรจะดูแลคุณแม่ให้ดีกว่านี้
แทนไทคิดพลางนวดขมับอันเป็นท่าประจำเมื่อเขาเครียดถึงขีดสุด และโดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลานี้ เวลาที่เขาไม่คิดจะแก้ปัญหาอย่างสันติวิธี ทว่าการใช้กำลังก็ไม่ใช่หนึ่งในตัวเลือก คิ้วเข้มขมวดมุ่นจนใบหน้าคร้ามคมสันดูดุดันมากกว่าปกติ แต่คนใกล้ชิดมักจะไม่ค่อยหวาดกลัว เพราะเบื้องหลังสีหน้ากร้าวแกร่งไม่ยอมใคร คือหัวใจที่พร้อมจะยอมลงให้คนที่ตัวเองรักเสมอ
“ไทคิดยังไงลูก แม่ควรจะแต่งงานที่นี่ดีไหม หรือว่าจะไปจัดที่โน้น” ภาคินีถามเสียงใส แววตาระยิบระยับไปด้วยความคิดในแง่ดี
“ผมคิดว่าไม่ควรมีงานแต่งงานใดๆ ทั้งสิ้นครับ”
ไม่ทันพูดจบประโยคด้วยซ้ำ แทนไทก็รู้ทันทีว่าเขาพูดทำร้ายจิตใจอันแสนจะเปราะบางของแม่ตัวเอง เมื่อริมฝีปากของภาคินีสั่นระริกเหมือนเตรียมจะปล่อยโฮ
“คือ... ผมคิดว่าเราควรจะจัดงานเป็นการภายในก็พอ” เป็นการประนีประนอมมากสุดที่เขาจะให้ได้
“แต่แม่ไม่เคยแต่งงานมาก่อนเลยนะ แม่อยากใส่ชุดแต่งงาน แม่อยากมีวันที่สวยที่สุดในชีวิตบ้าง แม่อยากเป็นเจ้าสาว” พูดไปภาคิณีก็ทำน้ำตาคลอเบ้าเรียกร้องความเห็นใจ เหมือนว่าเธอกำลังถูกลูกชายเพียงคนเดียวรังแกจิตใจ
แทนไทอยากจะแผดเสียงแสดงความคลุ้มคลั่ง เขาต่างหากล่ะที่กำลังถูกรังแก แน่นอนว่าแม่ของเขาไม่เคยแต่งงาน ก็ในเมื่อแม่ของเขาตั้งท้องตั้งแต่เพิ่งได้บัตรประชน อันเป็นเหตุให้ตัวเองต้องออกจากโรงเรียน แล้วสุดท้ายยังเลิกกับพ่อชาวอเมริกาของเขา ทำให้ชาวบ้านนินทาจนทนอับอายไม่ไหวต้องมาอยู่เมืองนอก แล้วภาคิณีจะเคยมีงานแต่งงานได้อย่างไร
“ตอนนี้สภาพคุณแม่ไม่เอื้อที่จะจัดงาน”
“อะไรคือไม่เอื้อ” ภาคินีแกล้งถามซื่อๆ แต่แทนไทไม่อยากจะตอบตรงๆ ในเมื่อเรื่องนี้เขาเองยังไม่อยากพูดถึงมันเลยด้วยซ้ำ
“ผมหมายถึงสภาวะร่างกาย” ถึงจะพูดชัดเจนแต่เสียงของเขาลดลงระดับกระซิบ
“ร่างกายแม่แข็งแรงดี และตอนนี้สภาพจิตใจของแม่ก็เต็มร้อย พร้อมจะเข้าสู่ประตูวิวาร์แล้ว” พูดแล้วภาคินีก็ส่งยิ้มซื่อๆ แฝงความเจ้าเล่ห์ที่เป็นลักษณะเฉพาะประจำตระกูลให้ลูกชาย
“วันนี้ก็พร้อมอยู่ แต่กว่าจะจัดงาน ผมว่าคุณแม่อาจไม่ไหว” แทนไทยังพยายามอย่างยิ่งที่จะอ้อมค้อม
เพราะไอ้เรื่องสภาวะร่างกายเป็นข้ออ้าง ที่เขาอยากเอาไว้บ่ายเบี่ยงการแต่งงานของแม่ ที่จริงถ้าทำได้เขาไม่อยากให้มารดาแต่งงานออกเรือนไปกับผู้ชายคนไหน รวมถึงไปไกลเกินสายตาของเขา
“ไหวสิ เตรียมงานสักสองเดือนก็พอ หรือไทจะเอาแบบน้องหญิงอาทิตย์เดียวก็แต่งเลย แต่แม่อยากได้งานแต่งแบบริมทะเล ไทว่าดีไหม” อายุเธออาจจะเลขสี่นำหน้า แต่อารมณ์โรแมนติกเหมือนสาวน้อยอายุสิบห้า ซึ่งตรงข้ามกับบุตรชายอายุใกล้สามสิบ
“ไม่ดีทั้งนั้นแหละครับ ยิ่งริมทะเลยิ่งไม่ดีไปใหญ่ และผมขอยืนยันว่าคุณแม่แต่งงานไม่ได้ เพราะร่างกายไม่เอื้อ”
“แม่ก็ยืนยันเหมือนกันว่าแม่ไหว” เมื่อแทนไทยังทำท่าจะไม่ยอมพูดตรงๆ ภาคินีจึงเอ่ยประโยคที่ลูกชายไม่อยากยอมรับ
“แม่ไม่ได้ป่วย แม่แค่ท้อง”
แทนไทหลับตาเหมือนถูกแทง แต่ยังฝืนพูดด้วยเสียงแข็งเหมือนยื่นคำขาด
“เราจะไม่พูดเรื่องสภาวะร่างกายของคุณแม่กันครับ” มันน่าเศร้าที่เขาไม่อาจห้ามร่างกายมารดาได้ ใครล่ะจะอยากมีน้องต่างมารดาอายุห่างกันยี่สิบกว่าปี
“แม่ท้อง! แม่ท้อง! แม่ท้อง!” คนเป็นแม่ที่ใจยังเด็กย้ำซ้ำๆ ด้วยท่าทีเอาแต่ใจ ภาคินีถนัดนักเรื่องเรียกร้องสิ่งที่ต้องการ แต่คราวนี้ลูกชายที่เคยยอมง่ายๆ กลับทำแข็งขืนไม่ใจอ่อนเหมือนเคย เมื่อเขาเมินหน้าหนี เธอจึงจำต้องแข็งใส่
“ไทมีปัญหาอะไรกับการมีเด็กอยู่ในท้องแม่ หรือว่าไทไม่รักไม่เห็นใจแม่ ไทไม่อยากได้แม่ที่ท้องป่องใช่ไหม ไทใจร้ายมากเลยนะลูก” พูดไปภาคินีก็เริ่มทำน้ำตาปริ่ม อันเป็นสิ่งที่บีบหัวใจแทนไทนักหนา จนชายหนุ่มเริ่มมีท่าทีจะยอมแพ้ แต่ยังฝืนใจเถียงต่อ
“เพราะคุณแม่เป็นแม่ของผมไงครับ ดังนั้นเราจะไม่พูดเรื่องนี้กัน” แทนไทปัดภาพน่ากลัวนั้นออกไปจากใจ แต่ภาคินีไม่ยอม
“ไทมีปัญหาอะไรกับการที่แม่ท้อง”
“ผมขอยืนยันว่าเราจะไม่พูดเรื่องนี้กัน” เขาแทบจะตบโต๊ะ แล้วเธอก็ต่อต้านด้วยสายตาเศร้าๆ
“ไทอายหรอที่แม่ท้อง”
“เปล่าครับ ผมแค่...” แทนไทพยายามเรียบเรียงคำพูดที่คิดว่าดีที่สุดในสถาณการณ์นี้ ก่อนจะพูดต่อ “ผมแค่ยังไม่ชินกับการที่จะมองว่าแม่เป็นผู้หญิงคนนึง คือ แม่เป็นแม่ผม แล้วผม...”
“ไทไม่ชินกับการที่จะคิดภาพแม่มีอะไรกับผู้ชายอื่น มันก็แค่เซ็กซ์น่ะลูก ใครๆ เขาก็มีกัน”
คราวนี้แทนไทผละไปที่ผนังแล้วเอาหัวโขกเป็นจังหวะ เมื่อคิดตามที่แม่ตัวเองพูด ถ้าเขาเข้มแข็งน้อยกว่านี้คงจะกรีดร้องเป็นผู้หญิงออกมาเลยทีเดียว
“แม่ก็คนนะไท แม่ยังสาว แม่ยังสวย แม่อยากจะใช้ชีวิตแบบผู้หญิงทั่วไป หรือไทไม่อยากให้แม่มีความสุข” อายุสี่สิบห้าไม่ใช่ข้อจำกัดในการมีเซ็กซ์ เพียงแต่ผิดแผนนิดหน่อยตรงที่เธอตั้งท้อง
“เอาล่ะครับ ผมยอมรับเรื่องแม่มีแฟนก็ได้ เรื่องตั้งท้องผมก็รับได้ เรื่องจะแต่งงานก็ยังได้ แล้วไหนล่ะครับ แฟนแม่ พ่อของน้องผม ว่าที่สามีของแม่ ผมยอมรับผู้ชายที่ไม่กล้าเผชิญปัญหาไม่ได้หรอก” ในฐานะหัวหน้าแทนไทซักฟอกเป็นชุด ทำเอาภาคินีถึงกับพูดไม่ออก
“เขาไม่แน่ใจว่าไทจะมองเขาแบบไหน คือมันเป็นความผิดของแม่เองแหละ ที่ไปเล่าว่าไทนิสัยยังไง เขาเลยประหม่า” แม้จะรู้ดีว่าลูกชายไม่กล้าทำร้ายร่างกายหรือจิตใจเธอ แต่พอโดนซักกลับคุณภาคินีก็อดกลัวไม่ได้เหมือนกัน จึงตอบด้วยเสียงอ้อมแอ้ม
“แล้วให้ผู้หญิงออกหน้าเนี่ยนะ” เขาไม่เคยเข้าใจผู้ชายที่ปราศจากความกล้ามาก่อนเลย อายุสิบห้าเขาก็ออกหน้าแทนมารดาทุกอย่างแล้ว
“ไทกำลังดูถูกผู้หญิงอยู่นะ” ผู้หญิงที่เกิดมาให้ผู้ชายคอยปกป้องเท้าสะเอว
“ผมไม่ได้ดูถูกผู้หญิง แต่ผมคิดว่าผู้ชายควรเป็นฝ่ายปกป้องดูแลผู้หญิง ทำทุกอย่างเพื่อให้ผู้หญิงปลอดภัยสบายใจ” เมื่อเห็นว่าตัวเองได้เปรียบแทนไทก็ใส่ไม่ยั่ง ภาคินีที่กำลังเพลี่ยงพร่ำรีบลุกขึ้นยืนเพื่อเถียงกลับทันทีแต่ส่วนสูงของเธอก็ยังห่างลูกชายเกินฟุต ทำให้ยิ่งเสียเปรียบไปอีก
“แม่คิดเองแหละว่าควรมาคุยกับไทก่อน ว่าจะทำยังไงดี”
“เขาสิควรมาหารือกับผม เขาเป็นผู้ชายนะ!!” แทนไทเริ่มใช้เสียงดัง แต่ภาคินีก็โต้กลับดังพอกัน
“นั่นคือไทคิดว่า ผู้ชายควรคิดแทนผู้หญิงทุกอย่าง และกีดกันเสรีภาพในการใช้ชีวิต” ภาคินีสรุปทรรศนคติทางเพศของลูกแบบสั้นๆ ได้ใจความ แต่เป็นความเห็นแบบที่แทนไทยอมตายเสียดีกว่าที่จะยอมรับ
“ที่ผมทำทุกอย่าง เพราะผมรักแม่นะ”
“แม่ก็รักไท ดังนั้นไทต้องจัดงานแต่งงานให้แม่นะ” ภาคินีหวนกลับมาเรื่องเดิมดื้อๆ เผื่อลูกชายจะตามไม่ทัน แต่คนอย่างแทนไทไม่มีพลาดอย่างแน่นอน
“ไม่ครับ” เมื่อภาคินีทำท่าจะบีบน้ำตาอีกรอบ แทนไทจึงรีบบอกต่อโดยไว “ยกเว้นแต่ว่าเขาจะพิสูจน์ให้ผมเห็น ว่าดูแลแม่ได้เป็นอย่างดี”
คราวนี้ได้เวลาที่ภาคินีจะจนคำพูดบ้าง โดยเฉพาะเมื่อดวงตาสีเทาเข้มเหมือนถ่านหินของลูกชายสุดที่รักมองด้วยสายตาคาดคั้น
“เอ้อ...ที่จริง แม่ว่าเขาดูแลตัวเองยังไม่ได้เลย”
ว่าแล้วเชียว ว่ามันต้องมีอะไรสักอย่างที่ผิดพลาด แทนไทคิดพลางเดินเอาหัวไปโขกผนังแก้เครียด
ถ้าจะโยนความรับผิดชอบตั้งแต่เกิดทิ้งซะตอนนี้ มันจะเวิร์คไหมนะ ไม่ดีไม่ดี ถ้าทำแบบนี้คุณพ่อก็ต้องลำบาก เราเป็นลูกต้องคอยดูแลพ่อสิ
จีราพรคิดพลางนวดขมับ เพราะถ้ายกมือเสยผมอีกที ผมเธอต้องร่วงติดมือแน่ๆ แต่หลังจากพิจารณาสถานการณ์ที่เธอกำลังเป็นอยู่ คิดว่าอีกไม่นานความเครียดคงทำเธอผมร่วงหมดหัวแน่ๆ เริ่มจากถูกฟ้องล้มละลาย ไม่มีบ้าน ไม่มีเงิน และตอนนี้ก็ว่างงาน ถึงจะพอมีเงินสำรองอยู่บ้าง แต่จากการวิ่งเต้นเพื่อส่งตัวบิดาไปเมืองนอกก่อนถูกฟ้องล้มละลาย ตามด้วยเข้าคุก ข้อหาฉ่อโกงเงินตนเอง ก็ทำให้เธอลำบากไม่ใช่น้อย ความหวังที่พ่อจะหาเงินทุนจากต่างแดนมาช่วยเหลือก็ริบหรี่ลงทุกที
“ฮัลโหลส้มจี้ด น้องหญิงนัดมามีตติ้งนะจ๊ะ จะทำหน้าเครียดไปทำไม” เสียงทักทายใสๆ ของญาณากรทำให้จีราพรอารมณ์ดีขึ้นได้ระดับหนึ่ง
หากจะพิจารณาจากความสัมพันธ์ครั้งเรียนมหาลัยวิทยาลัย ที่มีเรื่องขัดแย้งตีกันเป็นช่วงๆ ไม่น่าเชื่อว่าปัจจุบันดาวมหาวิทยาลัยขาเหวี่ยง จะมาซี้ย้ำปึ๊กกับประธานนักศึกษาขาวีนอย่างเธอได้
“สัมภาษณ์งานปิ๋วเป็นรอบที่ล้าน ไม่เครียดวันนี้ก็ไม่รู้จะเครียดวันไหนแล้ว” เงินก็ไม่มีงานก็ไม่มา แถมสุมด้วยหนี้
“เจอเรื่องประวัติไม่น่าเชื่อถืออีกแล้วล่ะสิ” พูดไปญาณากรก็กวักมือเรียกบริกรเข้ามารับออเดอร์ยาวเหยียด เพื่อบำรุงครรภ์
ระหว่างนั้นจีราพรก็เพ่งพิศเพื่อนที่ดูอิ่มเอิบสมกับสภาวะตั้งท้อง แน่นอนว่าญาณากรยังดูแบบบางเช่นเดิม แต่หญิงสาวมีลักษณะเปล่งปลั่งบางอย่างที่มีเฉพาะคนท้องเท่านั้น ทำให้ญาณากรยิ่งดูสวยกว่าก่อนที่จะแต่งงานกับเตชัสเสียอีก
“แย่เลยเนอะ ทั้งที่ส้มจี้ดเก่งขนาดนี้ แต่พวกคนที่สัมภาษณ์ส้มจี้ด ดันดูที่ความผิดพลาดของคนอื่น” เธอปลอบใจแต่เพื่อนถอนใจ
“คนอื่นที่พลาดน่ะพ่อส้มจี้ดเองนี่นา” พ่อของเธอคิดง่ายๆ ว่าจะผันเงินที่ตนเองมีหน้าที่ดูแลไปต่อยอดแล้วจะเอามาคืน แต่ธุรกิจโรงแรมดันผันผวน เงินคืนไม่ได้กลายเป็นคดีแทน “แล้วประวัติงานส้มจี้ดหลังเรียนจบก็ทำงานกับพ่อ พอบวกเรื่องที่โดนฟ้องล้มละลาย ใครเขาจะอยากจ้างไปบริหารงาน”
คนฟังพยักหน้าหงึกหงักเห็นด้วย แต่แล้วก็หันไปสนใจอาหารมากกว่าเพื่อน จีราพรจึงไม่อยากบ่นต่อเพราะพูดไปก็ไม่มีประโยชน์อะไร
“งั้นตอนนี้ถ้ามีงานให้ทำ ต่อให้ไม่ใช่งานบริหารโรงแรมส้มจี้ดก็โอเคใช่ป่ะ” จู่ๆ ญาณากรก็เอ่ยขึ้นมาดื้อๆ จีราพรมองหน้าเพื่อนสาวที่มีฉายาแรคคูณตามด้วยสุดแสบซึ่งฉีกยิ้มเจ้าเล่ห์ด้วยความประหลาดใจ
“ตอนนี้ ต่อให้เป็นสาวโรงงานก็ทำ ขืนว่างงานอีกเดือนต่อให้ไม่อดตาย ส้มจี้ดก็ต้องคลั่งตายแน่ๆ ตั้งแต่เกิดเพิ่งจะเคยอยู่เฉยๆ ก็ครั้งนี้แหละ” ค่าของคนอยู่ที่ผลของงานคือคติที่เธอท่องขึ้นใจ
“โนว...บทฉันทนาไม่เหมาะกับเพื่อนสุดเลิฟของน้องหญิงหรอก อย่างส้มจี้ดต้องงานแบบที่คอยแก้ปัญหา งานที่ได้ควบคุมคนอื่น จัดการคนอื่น ถึงจะเหมาะ”
“งานอะไรแบบที่ว่า” ฟังดูคล้ายผู้คุมคุก
“งานออแกนไนท์ไง อ่ะ...มาพอดีเลย” จีราพรกำลังจะเอ่ยปากถาม ญาณากรก็ชิงโบกไม้โบกมือเรียกหญิงสาวที่อยู่ในชุดกึ่งนักธุรกิจให้เดินเข้ามาหา “ทางนี้ค่ะคุณนก น้องหญิงกำลังจะโทรหาอยู่เชียว”
ชิดชนกนั่งลงโดยเจตนาเลื่อนเก้าอี้ออกห่างจากญาณากรอย่างเห็นได้ชัด แต่ถ้าดูจากเรื่องที่เคยแย่งชิงความรักกันมาก่อน บวกกับความร้ายกาจของเพื่อนตัวเอง จีราพรก็ออกจะเข้าใจหญิงสาวรุ่นพี่ไม่น้อย
หลายเดือนก่อนญาณากรปาดหน้าแย่งเตชัสคู่หมั้นของชิดชนกมาเป็นของตัวเอง ตามด้วยบีบให้อีกฝ่ายต้องแต่งกับปกรณ์ ซึ่งอันนี้จะโทษญาณากรก็ไม่ถูก ชิดชนกโง่เองที่คิดว่าจะวางแผนให้เตชัสหย่าขาดจากภรรยาในเวลาที่เธอหย่าขาดจากสามี แล้วพลาดซ้ำซ้อนที่รู้ตัวเมื่อสายว่าตนเองรักปกรณ์มากแค่ไหน และญาณากรไม่ใช่คนแสนดีที่จะไม่ซ้ำเติม เธอแฉแหลกว่าชิดชนกเคยทำความผิดอะไรบ้าง ชนิดที่ไม่มีใครรับได้ เล่นเอาชิดชนกโดนหย่าตามด้วยตัดญาติ จีราพรคิดในใจว่าถ้าเป็นเธอต้องรบกับนางร้ายในคราบนางเอกที่ร้ายแบบสุดๆ แล้วแพ้แบบเสีหน้ายับเยิน โดสามีทิ้งไปเมืองนอก เธอจะไม่ยอมออกจากถ้ำมาเจอมนุษย์คนอื่นอีกเลย
“คุณน้องหญิงมีอะไรจะคุยกับนกหรอค่ะ” น้ำเสียงอาจจะสุภาพแต่การนั่งเบี่ยงตัวหนีนิดๆ บอกว่าอยากไปมากกว่าอยู่
“น้องหญิงจะบอกเรื่องผู้จัดการคนใหม่ที่จะทำงานให้บริษัทคุณนก ในช่วงที่คุณนกไปออสเตรเลียไงค่ะ”
พูดไปญาณากรก็หันรอยยิ้มเกือบใสซื่อมาทางจีราพร เจ้าตัวเลยรู้ดีว่าเพื่อนนัดมาทำไม แต่ไม่รู้ว่าเพื่อนจะใช้วิธีไหนฝากงานให้ตัวเอง
“เรื่องนั้นนกคิดว่าจะขายบริษัทให้คนอื่นแล้วค่ะ นกคงต้องหยุดงานยาว แล้วก็ไม่อยากหาคนมาดูแลบริษัทแทนซะด้วย” ชิดชนกเจตนาไม่ใส่ใจสัญญาณการจากญาณากร แต่ตัวร้ายอย่างอื่นฝ่ายไม่แค่ร้ายยังหน้าด้านด้วย
“จะขายทำไมล่ะค่ะ ถ้าหาคนมาดูแลแทนได้”
“พูดกันตรงๆ เลยนะคะ คุณน้องหญิงก็รู้ว่าตอนนี้นกท้อง และนกต้องไปออสเตรเลียเพื่อตามหาพี่เป้ ที่สำคัญไม่รู้ว่าจะกลับมาเมื่อไหร่ ขายไปเลยดีกว่า” เป็นการพูดตัดบทอย่างชัดเจน แต่เธอประเมินความร้ายของอีกฝ่ายต่ำไปเช่นเคย
“โอเคค่ะ งั้นเรามาพูดกันตรงๆ เลยก็ได้ น้องหญิงอยากให้ส้มจี้ดทำงานแทนคุณนก นั้นคือคุณนกลงทุน ส้มจี้ดบริหาร”
“แต่...” ชิดชนกยังไม่ทันหาข้อโต้แย้งการถูกมัดมือชก ญาณากรก็ชิงตัดหน้าร่ายเหตุผลแบบเชือดนิ่มๆ เสียก่อน
“ถ้าคุณนกปฎิเสธ น้องหญิงต้องเสียใจมาก พอน้องหญิงเสียใจพี่ตั้มก็ต้องเครียด และพอพี่ตั้มเครียด คุณเป้ก็เสียความรู้สึก แล้วคราวนี้คุณนกก็คงไปง้อคุณเป้ลำบากหน่อยนะคะ ทำพี่สะใภ้เขาไม่สบายใจซะขนาดนี้ เอ...หรือว่าน้องหญิงจะเสริมว่าคุณนกยังมาหาเรื่องน้องหญิงอยู่ คุณเป้ต้องโกรธมากแน่ๆ เลยเนอะ” ประโยคหลังโกหกแต่เธอพร้อมจะทำโดยไม่รู้สึกผิด
“คุณน้องหญิง!” ถ้าเสียงของชิดชนกไม่บอกอะไร สีหน้าอยากฆ่าคนคงเป็นตัวบ่งบอกได้เป็นอย่างดี ว่าความสัมพันธ์แบบคู่สะใภ้ของทั้งคู่ราบรื่นแค่ไหน
“อ่ะ... อ่ะ... ใจเย็นก่อนค่ะ น้องหญิงยังไม่ได้บอกข้อดีเรื่องนี้เลยนะคะ”
“มีข้อดีอะไรจากการถูกแบล็คเมล์ด้วยหรอค่ะ” ถึงอีกฝ่ายจะประชดแต่คนเจรจายังยิ้มระรื่น
“คุณนกก็พูดเกินไปแบล็คเมล์ที่ไหน เขาเรียกยื่นหนูยื่นแมวต่างหาก”
แม้แต่จีราพรยังอดตื่นเต้นไม่ได้ ว่าเพื่อนมีอะไรจะมาแลกเปลี่ยน แต่ญาณากรกลับแกล้งยกแก้วน้ำมะนาวมาดื่มเพื่อเรียกความสนใจก่อนจะพูดต่อ
“น้องหญิงรู้นะว่าคุณเป้ไม่ยอมรับโทรศัพท์คุณนก แต่น้องหญิงจะโทรไปเกลี่ยกล่อมให้ก็ได้ ที่สำคัญน้องหญิงจะโทรไปบอกด้วยว่าเรื่องที่คุณนกเคยวางแผนกับเจต คุณนกโดนเจตหลอก คุณนกไม่ได้เจตนาให้เจตหลอกน้องหญิงไปปล้ำ” เป็นอีกแผนที่โง่มากของชิดชนก คิดได้อย่างไรว่าส่งนางเอกไปให้ตัวร้ายปล้ำจะได้แย่งพระเอกง่ายๆ เพราะเรื่องจบตรงที่นางเอกกับเพื่อนอัดคนร้ายยับแล้วข่มขู่ให้สารภาพผิดเพื่อเอาเรื่องนางโกงตรงหน้าอีกต่อ
“แล้วพี่เป้จะเชื่อคุณน้องหญิงหรอ” ชิดชนกเองยังไม่อยากเชื่อ
เมื่อไม่กี่เดือนก่อนเธอคิดว่าตัวเองรักเตชัชพี่ชายของสามีตัวเองหัวปักหัวปำ จึงวางแผนกับเจตภพที่เป็นอดีตคู่หมั้นของญาณากร ให้ปลุกปล้ำหญิงสาวแล้วถ่ายคลิปให้เตชัสเข้าใจผิด แต่ดันผิดแผนเพราะญาณากรร่วมมือกับจีราพรตลบหลัง แล้วเรื่องก็จบลงตรงที่ สุดท้ายชิดชนกก็ตาสว่างว่าเธอรักปกรณ์สามีของตัวเองสุดหัวใจ แต่ก็สายไปเมื่อปกรณ์หนีเธอไปอยู่ออสเตรเลีย โดยไม่มีทีท่าว่าจะกลับมาง่ายๆ
“คุณเป้ต้องเชื่ออยู่แล้วถ้าเจตสารภาพ” ญาณากรพูดพร้อมกับยิ้มแบบที่จีราพรรู้ดีว่ามีแผนร้ายซ้อนอยู่ แต่เมื่อเพื่อนจะช่วยเธอจะขัดขวางได้ยังไง
“คุณเจตภพจะสารภาพหรือค่ะ” ชิดชนกเริ่มอยากรู้ก็เข้าแผนพอดี
“สารภาพสิ ถ้าส้มจี้ดสั่ง จริงไหมส้มจี้ด”
ต่อให้ไม่รู้บทมาก่อน แต่ส้มจี้ดก็ยังพยักหน้ารับทันทีเหมือนรู้คิว พร้อมกับปั้นสีหน้าเยือกเย็นให้น่าเชื่อถือแบบสุดๆ เมื่อชิดชนกเริ่ลังเลจีราพรหรือที่ใครๆ เรียกว่าจิ้งจอกพันหน้าจึงทำท่าหน้าเชื่อถือก่อนจะกล่าวเสริมต่อเติมเรื่องเสียเอง
“ถ้าคุณชิดชนกตกลง ส้มจี้ดจะทำวีดีโอคลิปให้ และจะส่งถึงมือคุณเป้ก่อนที่คุณนกจะเดินทางออกจากเมืองไทยด้วยค่ะ รับรองผลด้วยว่าคุณเป้ต้องใจอ่อนแน่นอน”
แค่นั้นชิดชนกก็ต้องยอมตกลงแต่โดยดี ไม่อย่างนั้นก็ต้องถูกแบล็คเมล์แทน จึงไม่แปลกที่เธอจะเลือกไม่กินข้าวร่วมกับคู่แค้นอย่างญาณากร สองสาวจึงนั่งกินนั่งคุยด้วยความสดชื่น ตามประสาคนดีที่ทำเรื่องดีๆ ให้ตัวเองและคนอื่น แม้จะเป็นวิถีแบบตัวโกงก็ตาม
หลังจากร่ำลาเพื่อนสุดที่รัก จีราพรก็ออกมายืนมองท้องฟ้านอกร้านอาหารด้วยความรู้สึกที่ต่างจากตอนเดินเข้าไปลิบลับ แต่แล้วโทรศัพท์โชว์เบอร์ต่างประเทศก็เข้าขัดจังหวะความสุขของเธอ
“สวัสดีค่ะคุณพ่อ ส้มจี้ดมีข่าวดีจะบอกพอดีเลย ว่าไงนะคะคุณพ่อก็มีข่าวดีเหมือนกัน” จีราพรนิ่งฟัง ก่อนริมฝีปากที่มีรอยยิ้มกว้างจะเปลี่ยนเป็นอ้าปากค้าง และเปล่งเสียงแหลมออกมาแทน
“คุณพ่อทำผู้หญิงท้องเหรอ!!!”
การที่ต้องคอยดูแลคนอื่นเนี่ย มันไม่เวิร์คจริงๆ จีราพรคิดพลางกรีดเสียงระบายความเครียดลั่นถนนไม่สนว่าใครจะหาว่าเธอเสียสติ
.....................................................
โปรดติดตามตอนต่อไป
เพื่อเร่งตนเองให้รักษามาตฐานในการทำงาน แว่นขอสัญญาว่าจะลงเรื่องนี้ทุกวันอาทิตย์นะคะ ถ้าทำได้จะลงสัปดาห์ละตอน แต่ถ้าไม่ได้จริงๆ ขอสักครึ่งตอนแล้วกัน555
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

22 ความคิดเห็น
-
#3 pimmyla (จากตอนที่ 2)วันที่ 28 มิถุนายน 2559 / 23:52ได้ดองกันเฉยเลย 55555#31
-
#3-1 วาณี แว่นฟ้า(จากตอนที่ 2)3 กรกฎาคม 2559 / 12:46งานนี้ไม่แค่ดองแน่ค่ะ คอนเฟิร์ม#3-1
-