NC

คำเตือนเนื้อหานิยาย

นิยายเรื่องนี้อาจมีเนื้อหาหรือการใช้ภาษา
ที่ไม่เหมาะสม เยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี
ควรใช้วิจารณญานในการอ่าน
กดยอมรับเพื่อเข้าสู่เนื้อหานิยาย

อ่านเงื่อนไขเพิ่มเติม
ปิด
ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ปราการเสน่หา (ชุด My Dear Lord) (รีอัพ)

    ลำดับตอนที่ #11 : บทที่ 10

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 108
      1
      25 พ.ย. 66

    9.54 น. วันเสาร์ที่ 20 กันยายน

    “คุณโทมัส!!! หญ้า...”

    คำแรกเปรมจิตเสียงดังด้วยความตกใจ แต่คำหลังแผ่วลงเพราะความช็อก สาวใหญ่ไม่คิดเลยว่าเจ้านายจะทำเช่นนี้กับลูกน้องของเธอ บนทางเดินซะด้วย

    สายตาสามคู่มองกันไปมองกันมา ก่อนหน้านี้เปรมจิตขึ้นมาหยิบของบางอย่าง แล้วกำลังจะลงไปชั้นล่างเพื่อร่วมกิจกรรมกับพนักงานคนอื่นๆ ต่อ ไม่คาดคิดว่าจะออกจากห้องมาเจออะไรแบบนี้ ธีรยุทธเองก็ไม่คิดเลยว่าจะโดนจับได้แบบคาหนังคาเขา เมื่อเช้าเขาเจตนาให้เปรมจิตคิดเอาเองว่าพุทธรักษานอนห้องนอนเล็กในห้องรับชุดของเขา แต่ดูจากการกระทำเมื่อครู่ ต่อให้อมพระมาพูดก็คงไม่มีใครเชื่อว่าเขากับนางสาวหญ้าแพรกไม่มีอะไรกัน

    “เอ่อ...” เจ้าของอินโทรลักถึงกับจนคำพูด ธีรยุทธหันไปมองหน้าคนที่เขาเพิ่งสำรวจริมฝีปากเมื่อครู่ดูเหมือนว่าพุทธรักษาก็จนคำพูดเช่นกัน

    “ทำไมคุณกับหญ้า เอ่อ.. เกิดอะไรขึ้นคะ”

    สายตาของเปรมจิตปนเประหว่างความสับสนและกล่าวหาในที ทำไมธีรยุทธจะไม่รู้ว่ากำลังโดนข้อหาสมภารกินไก่วัดอยู่ ตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งประธานบริษัทต่อจากบิดาเมื่อหลายปีก่อนต่อให้เขาดูเจ้าชู้ในสายตาลูกน้องแค่ไหน เขาไม่เคยทำอะไรที่เสี่ยงกับข้อหานี้เลย แต่แน่ล่ะว่าเขาไม่เคยพบกับผู้หญิงคนไหนที่คล้ายพุทธรักษามาก่อน ดังนั้นต่อให้เป็นข้ออ้างที่ดูไร้สาระ เขาก็ไม่ลังเลที่จะใช้

    “ที่จริงคุณหญ้าเป็นคู่หมั้นของผม แต่ผมขอให้เธอปลอมตัวเป็นพนักงานเพื่อเก็บข้อมูลในบริษัท”

    โคตรจะน่าเชื่อเลย ไม่แค่สมองของเขาคัดค้านปากตนเองเท่านั้น สายตากล่าวหาของพุทธรักษายังย้ำบอกธีรยุทธเช่นเดียวกัน แต่เขามั่นใจว่านาทีนี้เธอคงไม่กล้าแย้งคำพูดของเขา เพราะหากแย้งก็เท่ากับประจานตัวเองว่าเป็นผู้หญิงชั่วคืน ดอกไม้ริมทาง กรณีนี้อาจจะเป็นจริงก็ได้เพราะเธอกับเขายังยืนเบียดชิดอยู่ริมทางเดินในโรงแรมอยู่ในท่วงท่าน่าอาย มือของเขาสองข้างยังกุมหน้าอกเธออยู่ ส่วนกลางลำตัวก็

    เมื่อคิดถึงชายหนุ่มเพิ่งนึกได้ว่าเขายังเบียดพุทธรักษาติดฝาผนังอยู่ จึงขยับมือออกมาแล้วกลืนน้ำลายลงคอฝืดๆ ก่อนจะทำท่าทางเป็นการเป็นงาน ทั้งที่ในหัววิ่งจี๋กับการหาเรื่องมาพูดต่อโดยไม่สะดุด ระหว่างค่อยๆ เอาลำตัวผละห่างออกจากลำตัวเธออย่างแนบเนียนที่สุดเท่าที่จะทำได้ แล้วยกแขนข้างหนึ่งโอบบ่าเธอเอาไว้ทำเหมือนจะรั้งเธอเอาไว้ใกล้ๆ เพื่อยืนยันคำพูดเมื่อครู่ ซึ่งหากเปรมจิตสังเกตดีๆ ก็อาจจะเห็นเขาบีบไล่เธอแน่นเตือนให้เงียบ

    “ในเมื่อคุณเปรมจิตรู้ความจริงแล้ว ผมก็คงต้องขอให้คุณเปรมจิตช่วยผมกับคุณหญ้าทำงานนี้ด้วย เพราะผมคิดว่าภายในบริษัทของเรามีสายลับสืบข้อมูลไปให้บริษัทคู่แข่งอยู่”

    ขอบคุณพระเจ้าที่ไม่ส่งสายฟ้ามาฟาดเขาที่โกหกเป็นตุเป็นตะ แต่ถึงจะยิ่งพูดยิ่งดูเพ้อเจ้อ ธีรยุทธก็ไม่อาจหยุดปากตัวเองได้ แต่อาจจะเป็นเพราะมันดูเหลวไหลเหลือเชื่อชนิดที่คนปกติไม่ทำกัน เปรมจิตจึงพยักหน้ายอมรับสิ่งที่เขาบอกอย่างงงๆ

    “ดิฉันต้องทำยังไงบ้างคะ” สาวใหญ่ถามด้วยเสียงที่ยังงุนงงไม่หาย จู่ๆ ก็เห็นเจ้านายมาแสดงเลิฟซีนอยู่บนทางเดิน ตามด้วยประกาศว่ามีคู่หมั้นที่ไม่เคยมีใครรู้มาก่อน แถมทั้งคู่กำลังทำงานลับๆ ร่วมกัน โดยจะดึงเธอเข้าไปทำงานนี้ด้วย เป็นใครก็ต้องงง

    “อันดับแรกคุณเปรมจิตคงต้องให้คุณหญ้าเข้าถึงข้อมูลทั้งหมดที่จำเป็น และให้เธอเอาข้อมูลที่ผมต้องการมารายงานผมโดยตรงเป็นระยะ ต่อไปงานของคุณหญ้าครึ่งหนึ่งจะขึ้นตรงกับผม” ที่จริงเขาจะเชิญผู้ช่วยเลขาของเลขาออกจากบริษัทของเขาอยู่แล้ว ดังนั้นเขาจะโกหกยังไงก็ได้เพราะการหาว่าข้อมูลอะไรจำเป็นถึงขนาดที่ต้องนำมารายงานเขาโดยตรง ก็ไม่จำเป็นอีกต่อไปหลังจากพุทธรักษากลายเป็นอดีตพนักงาน

    “เริ่มเมื่อไหร่ดีคะคุณโทมัส” เปรมจิตกระตือรือร้นเต็มที่ที่จะได้ทำงานเสริมเป็นสายลับ ซึ่งคงน่าสนุกไม่น้อยสำหรับพนักงานปกติธรรมดา ระหว่างที่ธีรยุทธกำลังหาคำตอบดีๆ พุทธรักษาที่อึ้งไปนานก็ช่วยให้เขาโกหกยากยิ่งขึ้นไปอีก

    “อาจจะต้องเริ่มตั้งแต่วันจันทร์เลยค่ะ และหญ้าต้องขอโทษด้วยที่ลาออกกะทันหันคงไม่ได้ทำงานช่วยพี่เปรมแล้ว” ทั้งที่ควรจะช่วยโกหกแท้ๆ แต่ดูเหมือนว่าเธอจะไม่มีพรสวรรค์ทางด้านนี้เลย ชายหนุ่มส่งสายตาขุ่นเขียวให้คู่หมั้นกำมะลอก่อนจะตอบแทน

    “ที่คุณหญ้าพูดหมายถึง เธอคงจะต้องเลิกทำงานสายลับเร็วๆ นี้ แต่ยังไงผมขอให้คุณเปรมจิตช่วยปิดบังเรื่องที่ผมกับคุณหญ้าหมั้นกันเอาไว้ก่อน อ้อ.. ตอนนี้ขอเวลาให้ผมได้คุยกับคู่หมั้นหน่อยนะครับ”

    พุทธรักษาทำท่าจะเถียงว่าเขากับเธอต้องคุยอะไรกันอีก ธีรยุทธจึงตะปบลงบนปากเธอแล้วก็ลากตัวเข้าไปยังห้องที่เปรมจิตยืนคาอยู่หน้าประตู

    “ผมขอยืมห้องหน่อยนะครับ” เปรมจิตพยักหน้างงๆ ขณะถูกเบียดให้ออกจากห้อง “คุณเปรมช่วยไปดูทีว่าพนักงานคนไหนทำตัวเหมือนหนอนบ่อนไส้หรือเปล่า”

    พูดจบเขาก็ผลักคู่หมั้นเข้าห้อง ก่อนจะปิดประตูตามหลังอย่างรวดเร็ว ก่อนจะแยกเขี้ยวใส่คนที่ยังกล้าทำตาเขียวไม่พอใจที่เขาบีบบังคับเธอ

     

     

    “คุณกับผมคงมีเรื่องต้องคุยกันยาวเลยล่ะคุณหญ้า”

    “ไม่เห็นมีเรื่องอะไรต้องคุยเลย กลับไปฉันจะรีบลาออกอย่างรวดเร็ว แล้วเราจะไม่ได้เจอกันอีก” ทั้งที่คำพูดของเธอแสนจะฉลาดและตรงประเด็น แต่เขากลับไม่ชอบใจอย่างประหลาดที่จะไม่ได้เจอเธออีกต่อไป เขาลากแขนเธอให้ห่างจากประตู หญิงสาวสะบัดแขนหนีด้วยความไม่พอใจ ซึ่งเขายอมง่ายๆ เพราะทั้งคู่เข้าเริ่มเข้าใกล้โซนอันตราย ที่ชื่อว่าเตียงมากเกินไปแล้ว

    “ยังไงเราก็ยังต้องเจอหน้ากันอยู่ดี ยื่นจดหมายลาออกต้องใช้เวลาตั้งสามสิบวัน” พูดแล้วเขาก็แทบจะกัดลิ้นตัวเองขาด ที่พยายามยื้อให้เธออยู่ต่อเพื่อสร้างปัญหาเพิ่ม แน่นอนว่าเธอต้องแย้งทุกอย่างที่เขาเสนอออกมา

    “ฉันคงทนขนาดนั้นไม่ไหว อย่างที่คุณโทมัสเห็น ฉันโกหกไม่เก่งค่ะ”

    “นั้นผมก็พอจะดูออก คุณเป็นพวกเอาตัวรอดด้วยการโกหกไม่สำเร็จแน่” มันเป็นคำชมที่ทำให้คนฟังหน้าตาบึ้งตึง “งั้นผมเสนอว่าเราควรทำเรื่องที่ผมบอกคุณเปรมเมื่อกี้ให้เป็นจริงดีกว่า”

    ธีรยุทธสงสัยมากว่าลิ้นของเขากำลังเจรจาอะไรอยู่ แต่พอสายตาขุ่นเคืองของเธอทำให้อวัยวะบางอย่างของเขากระตุก ชายหนุ่มก็ได้คำตอบว่าปากของเขากำลังพูดภายใต้อิทธิพลของอะไร

    “คุณจะให้พี่เปรมเข้าใจว่าเราเป็นคู่หมั้นกันเนี่ยนะ”

    “ทำไมล่ะ จะว่าไปเราเป็นสามีภรรยากันทางพฤตินัยแล้วด้วยซ้ำ” สิ่งที่เขาเอ่ยขึ้นคือความจริงที่พิสูจน์ไปแล้วเมื่อคืน แต่คางกับจมูกของเธอเชิดขึ้นอีกรอบ ขณะแจกแจงให้เขาเข้าใจความแตกต่างทางด้านการใช้คำ

    “สามีภรรยาต่อให้เป็นทางพฤตินัยก็หมายความว่าเราทั้งคู่ต้องมีความสัมพันธ์มากกว่าหนึ่งครั้ง หรือหนึ่งคืน แต่เนื่องจากฉันเคยร่วมเตียงกับคุณแค่คืนเดียว ดังนั้นฉันไม่ถือว่าเราเป็นสามีภรรยากัน เข้าใจไหมคะ”

    เขากัดฟันกรอดขณะที่เธออธิบายให้ฟังถึงความแตกต่าง และกำลังนึกปลอบใจตัวเองที่เธอบอกว่าแค่คืนเดียวแทนที่จะเป็นครั้งเดียว แต่แล้วคนปากดีก็ไม่หยุดอยู่แค่นั้น

              “จะเรียกว่ามีอะไรกันครั้งเดียวยังไม่ได้เลย น่าจะเรียกว่าครึ่งครั้งก็พอ เพราะฉันไม่แฮปปี้กับมัน” 
               เป็นอีกครั้งที่ฝีปากไร้การควบคุมของพุทธรักษาก้าวข้ามความอดทนของธีรยุทธ แค่ฝืนพูดคุยกับเธอ มันก็เป็นการปลุกเร้าที่เขายากจะทานทนอยู่แล้วพอรวมกับเสียงแจ้วๆ ประณามความสามารถทางด้านการมอบความสุขด้วย เลยทำให้สุภาพบุรุษอย่างเขาสติแตก

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×