คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #62 : Chapter6 คำถามภายหลังคำตอบ
Chapter6 คำถามภายหลังคำตอบ
วันที่ 16 ธันวาคม 2011 เวลา 15.28 นาฬิกา
หลังจากที่รู้ความในใจของบุตรชายและสาเหตุการตายที่แท้จริง ใจของโอภาสและนารีก็ไม่อาจสงบสุขได้อีก ทั้งคู่ทั้งเศร้าโศกและกล่าวโทษตัวเองว่าเป็นสาเหตุหลักที่บีบบังคับให้เอกณรงค์ต้องฆ่าตัวตาย แล้วดูเหมือนว่าสถานที่สุดท้าย ที่พอจะทำให้ใจของสองสามีภรรยาสงบลงได้คือวัดที่ไปเป็นประจำ แต่เมื่อมาถึงทั้งสองกลับไม่อาจเข้าไปพบปะพูดคุยกับพระจรูญได้ตามปกติ จึงนั่งอยู่ที่ลานวัดเฝ้ามองความเงียบ
หลังจากเวลาผ่านจากนาทีเป็นชั่วโมง โอภาสกับนารีก็เห็นพระแสงออกมากวาดลานวัด อันเป็นกิจกรรมที่เจ้าอาวาสทำเป็นประจำทุกวัน ทั้งคู่มองภาพนั้นด้วยความสงสัยว่าเหตุใดภิกษุชราจึงต้องทำหน้าที่นั้นด้วยตนเอง ทั้งที่เด็กวัดมีอยู่มากมายหลายคน ทั้งคู่ถึงกับพยายามขออาสาทำแทน แต่ท่านก็ปฎิเสธอย่างสุภาพ หลังจากผ่านไปสักพักสุดท้ายโอภาสก็อดที่จะลุกขึ้นไปถามท่านตรงๆ ไม่ได้
“ทำไมหลวงพ่อถึงต้องกวาดลานวัดด้วยตัวเองล่ะครับ งานแบบนี้ให้พวกเด็กๆ มาทำก็ได้นี่ครับ”
พระแสงยิ้มกับคำถามที่ได้ยินบ่อยๆ นั้น ก่อนจะตอบคำถามพร้อมด้วยรอยยิ้ม
“คนเรานั่งๆ นอนๆ ทุกวันสุขภาพมันจะแย่ลงน่ะสิโยม การกวาดลานวัดก็เหมือนกับกวาดสิ่งไม่ดีที่จะทำลายสุขภาพออกจาตัว แล้วยังช่วยให้ใจสงบ เป็นการทำความสะอาดจิตใจของอาตมาด้วย”
โอภาสและนารีฟังคำตอบแล้วก็เห็นด้วย ก่อนที่ทั้งคู่จะขอตัวกลับบ้าน พระแสงที่สังเกตเห็นสีหน้าระทมทุกข์ของทั้งคู่จึงเอ่ยปากถามด้วยความเมตตา
“โยมทั้งคู่เป็นพ่อแม่ของหมอที่ตายไปเมื่อหลายวันก่อนใช่ไหม”
“ใช่ครับหลวงพ่อ”
“หลายวันมานี่พวกโยมยังทำใจไม่ได้เลยรึ”
เมื่อฟังคำถามทั้งโอภาสและนารีก็เล่าเหตุการณ์ที่ผ่านมานับตั้งแต่ทราบข่าวว่าบุตชายตายให้พระแสงฟัง ท่านรับฟังด้วยกิริยาสงบ ก่อนจะเอ่ยปากถามอีกครั้ง
“แล้วโยมทั้งคู่ฟังคำตอบจากใครบ้างแล้วล่ะ โยมฟังจากเพื่อนลูก โยมฟังจากเจ้านายลูก โยมฟังจากพระที่รู้จักลูกของโยม แต่โยมยังไม่ฟังจากปากเจ้าตัวเลย ว่าแท้จริงแล้วอะไรเป็นสาเหตุให้เขาฆ่าตัวตาย”
โอภาสและนารีสบตากันด้วยความงงงัน และบิดาผู้ตายก็ถามพระแสงด้วยความสงสัยไม่เข้าใจในสิ่งที่ท่านบอก
“แต่พวกผมอ่านจดหมายที่ลูกเขียนลาตายแล้วนะครับ เขาบอกมาหมดเลยว่าทำไมถึงได้ฆ่าตัวตาย”
“จริงอยู่ที่ว่าจดหมายฉบับนั้นลูกชายของโยมเขียนเองก่อนตาย แต่อันนั้นมันเป็นแค่ความคิดเห็นของเขาไม่ใช่รึ มันเป็นความรู้สึกส่วนตัวของเขา แต่ไม่ได้หมายความว่ามันจะเป็นเรื่องจริงๆ ทั้งหมดเสียเมื่อไหร่ล่ะ”
ความคิดบางอย่างสว่างขึ้นมาในใจของโอภาสและนารี โดยมีพระแสงเป็นผู้ช่วยชี้แนะหนทางให้ต่อ
“ที่โยมรู้ที่โยมเห็นมันเป็นแค่ข้อมูลเท่านั้นนะ มันเป็นแค่เรื่องจากปากคนนั้น จากปากคนนี้ แต่มันไม่ได้หมายความว่าเป็นข้อสรุปเหตุผลที่เขาตาย”
“แล้วพวกผมจะทราบความจริงได้ยังไงล่ะครับ ในเมื่อเอกก็ตายไปแล้ว พวกผมจะไปหาคำตอบจากใครได้อีก”
พระแสงมองทั้งคู่ด้วยสายตาที่เปี่ยมด้วยความเข้าใจ ก่อนจะเสนอแนะวิธีหาคำตอบที่พวกเขาต้องการให้
“เอาล่ะ ถ้าพวกโยมอยากได้คำตอบของเรื่อง ทำไมโยมไม่หาความจริงเองล่ะ ความจริงแบบที่ปราศจากอคติ”
คำบอกนั้นยังไม่อาจแก้ข้อสงสัยได้ พระแสงจึงขยายความต่อ
“ก่อนอื่นเลยนะ โยมเคยถามคนที่รู้จักลูกชายของพวกโยมมากที่สุดหรือยัง”
สีหน้าของโอภาสและนารีที่กระจ่างขึ้น เป็นเหมือนการบอกว่าทั้งคู่เข้าใจในสิ่งที่ภิกษุเจ้าอาวาสชี้แนะ
“ใช่แล้ว โยมทั้งคู่ไงล่ะ โยมทั้งคู่เป็นคนที่รู้จักลูกชายตัวเองมากที่สุด ลองมองดูเขาผ่านความคิดที่ไม่มีอคติ แล้วโยมจะรู้ จะเข้าใจเรื่องทั้งหมด”
เมื่อรู้หนทางที่จะต้องไป โอภาสและนารีก็กราบลาพระแสงด้วยจิตใจที่สงบขึ้น และมุ่งมั่นจะไปหาคำตอบที่แท้จริงด้วยตนเอง
………Break………
ความคิดเห็น