คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #50 : วันที่ 13เมษายน 2009 เวลา 16.25 นาฬิกา
วันที่ 13เมษายน 2009 เวลา 16.25 นาฬิกา (บ้านของโอภาส)
"...วันนี้... เป็นวันสงกรานต์
หนุ่มสาวชาวบ้าน สนุกสราญจริงเอย
ตอนเช้าทำบุญ ทำบุญตักบาตร
ทำบุญร่วมชาติ ตักบาตรร่วมขันกันเอย
เข้าวัดแต่งตัว...แต่งตัวสวยสะ ไปสรงน้ำพระ ณ วันสงกรานต์กันเอยยยย..."
เพลงจากลำโพงของสถานีวิทยุท้องถิ่นบรรเลงเพลงอมตะสำหรับเทศกาลปีใหม่ไทย และสำหรับเทศกาลนี้สิ่งที่สำคัญนอกเหนือจากความรื่นเริงคือการได้พบกับคนในครอบครัว หมอเอกก็คิดเช่นเดียวกันจึงได้ลางานเพื่อกลับบ้าน เพราะครอบครัวของเขามีแค่เพียงสามคนพ่อแม่ลูกเท่านั้น นารีเองก็โทรมาหาหลายครั้งด้วยความคิดถึงบุตรชายที่ในวันหยุดสุดสัปดาห์ไม่ค่อยได้กลับไปเยี่ยมพ่อแม่ที่บ้าน และเป็นไปตามคาดเมื่อหมอเอกลงจากรถแล้วเดินเข้าไปในบ้าน ไม่ทันที่เขาจะร้องเรียกนารีก็เดินเข้ามาหาลูกชายด้วยท่าทางดีใจ
“กลับมาแล้วหรือลูก แม่นึกว่าเอกจะกลับตั้งแต่เมื่อวานเสียอีก อุตสาห์ทำกับข้าวที่เอกชอบไว้เต็มโต๊ะ ดันไม่มาเสียนี่”
ในใจเอกณรงค์อยากจะบอกมารดา ว่าในช่วงเทศกาลเช่นนี้เขาไม่ควรจะลาหยุดด้วยซ้ำ เพราะทางโรงพยาบาลขอความร่วมมือให้เจ้าหน้าที่เข้าเวรเพื่อรองรับอุบัติเหตุที่ชุกชุม แต่เนื่องจากไม่อยากให้พ่อแม่คิดว่าเขาไม่มีเวลาให้ หมอหนุ่มจึงขอลาหยุดพักร้อน โดยได้รับคำตำหนิจากทั้งเจ้านายและเพื่อนร่วมงาน แต่พอมาถึงหมอเอกกลับได้รับคำทักทายที่ชวนให้หงุดหงิด ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่อาจแสดงออกให้แม่รู้ได้
“ขอโทษครับแม่ พอดีงานมันติดพัน”
“ถ้างานมันติดพันก็ไม่ต้องมาก็ได้นะลูก พ่อกับแม่เข้าใจ เอกเป็นหมอก็ต้องทำหน้าที่ จะมาเอาใจคนแก่จนไม่ยอมดูแลคนไข้ได้ยังไง”
โอภาสที่เดินตามภรรยาเข้ามาพอดี เอ่ยปากบอกลูกชาย แต่สำหรับเอกณรงค์ที่หลายวันมานี่ได้รับโทรศัพท์หลายต่อหลายครั้งจากนารีที่พร่ำบอกว่าคิดถึงอยากเจอหน้าเขา จึงอดที่จะคิดว่าบิดาประชดประชันไม่ได้
“ไม่เป็นไรหรอกครับพ่อ ผมลางานแค่วันเดียว”
“วันเดียวแต่เป็นวันสำคัญนี่ลูก เอกลางานมานี่ ทางโรงพยาบาลก็เท่ากับขาดหมอไปคนนึง แล้วโรงพยาบาลใหญ่กลางเมืองคนไข้ก็ต้องไปกันเยอะอยู่แล้ว พ่อว่าปีหน้าเอกไม่ต้องลางานมาก็ได้นะลูก เดี๋ยวคนอื่นจะมองไม่ดี”
คำอบรมของโอภาสทำให้เอกณรงค์รู้สึกเป็นกังวล เพราะว่าหลายเดือนหลัง หน้าที่การงานในโรงพยาบาลของเขากำลังมีปัญหา เนื่องจากเขาเข้ากับเพื่อนร่วมงานไม่ค่อยได้ แต่ถึงอย่างนั้นชายหนุ่มก็ยังยอมมีปัญหาเพิ่มขึ้นเพื่อกลับมาพบครอบครัว และโอภาสก็ยิ่งทำให้เขาไม่สบายใจมากขึ้นไปอีก แต่ถึงในใจเอกณรงค์จะเต็มไปด้วยความหงุดหงิดในเรื่องงานซ้ำยังไม่พอใจบิดา เขาก็ไม่ยอมแสดงออกให้พ่อแม่เห็น ได้แต่เก็บความเครียดความน้อยใจไว้กับตัว
“เอาล่ะ เอาล่ะ พ่ออย่ามัวแต่บ่นลูกเลย เอกมาเหนื่อยๆ เข้าไปในครัวกินข้าวกินปลาก่อนดีไหมลูก แม่มีแกงส้มชะอมทอดของโปรดเอกด้วยนะ”
ที่จริงเอกณรงค์เลิกชอบอาหารชนิดนี้ไปนานแล้ว แต่อยากถนอมน้ำใจแม่จึงไม่ยอมบอกออกไป
หลังจากแค่ไม่กี่นาทีที่ได้อยู่กับพ่อแม่ เอกณรงค์รู้สึกเหมือนอยู่นานเกินไปจนน่าอึดอัด เขาไม่อยากจะพูดอะไรให้พ่อแม่เสียความรู้สึก ดังนั้นจึงไม่เล่าถึงความเครียดที่ได้รับจากการทำงานในโรงพยาบาลใหญ่ให้พ่อแม่ร่วมรับรู้ ได้แต่ตัดสินใจเอาเองว่าหากทนความเครียดไม่ไหวก็จะขอย้ายไปทำงานในที่ ที่ไม่วุ่นวาย หรือไม่ก็ไปเที่ยวผ่อนคลายกับเพื่อนฝูงในสถานบันเทิงสำหรับผู้ชาย เมื่อคิดได้อย่างนั้นเอกณรงค์ก็ฝืนยิ้มทั้งที่ไม่ต้องการยิ้มไปเรื่อยๆ พร้อมกับพยายามพูดคุยเหมือนว่าเขาไม่มีปัญหาอะไร
ความคิดเห็น