ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เหตุผลของคนตาย

    ลำดับตอนที่ #41 : วันที่ 11 พฤศจิกายน 2011 เวลา 16.34 นาฬิกา

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 132
      1
      13 ต.ค. 56

    วันที่ 11 พฤศจิกายน 2011 เวลา 16.34 นาฬิกา (กุฎิพระจรูญ)

                เวลากำลังล่วงเข้าสู่เย็นย่ำ คนที่มาเพื่อพบปะสนทนากับพระก็เริ่มจะทยอยขอตัวกลับบ้าน จนเหลือเพียงครอบครัวของเอกณรงค์และยายน้อย โอภาสจึงหันไปเตือนนารี และเตรียมตัวกลับเช่นกัน

                “คุณโอภาสคุณนารี เดี๋ยวแวะไปที่บ้านพักแม่ชีแก้วกันหน่อยสิ เห็นว่าฝาผนังมันมีรอยร้าว เขาสงสัยว่ามันจะพังหรือเปล่า”

                ยายน้อยเรียกคุณโอภาสที่เป็นอดีตหัวหน้าคุมงานก่อสร้างเอาไว้ เพราะเพิ่งจะนึกได้ว่าแม่ชีแก้วที่คุ้นเคยกัน ออกปากบ่นเรื่องที่พัก

                “ได้ครับป้าน้อย งั้นเรารีบไปกันเถอะ มืดแล้วจะดูไม่ถนัด”

                พูดเสร็จโอภาสก็หันไปกราบลาพระจรูญ เช่นเดียวกับภรรยาและบุตรชาย ตอนแรกพระจรูญไม่กล่าวอะไร แต่พอเอกณรงค์เก็บของที่ติดตัวมาเสร็จจะลุกขึ้นเดินออกจากกุฎิ ท่านก็ร้องเรียกหมอเอก

    “เดี๋ยวหมอเอกอยู่คุยกับอาตมาก่อนนะ อาตมาจะถามเรื่องอะไรหน่อย”

                “หลวงพ่อมีเรื่องอะไรจะถามผมหรือครับ”

                ทั้งกลุ่มหันมาทางพระจรูญด้วยความสงสัย

                “ไม่มีอะไรหรอก อาตมามีเรื่องจะถามอะไรหมอเอกนิดหน่อยน่ะ โยมโอภาสกับโยมนารีไปดูทางโน้นเถอะ”

                สองสามีภรรยาคิดว่าพระจรูญคงจะถามหมอเอกเกี่ยวกับเรื่องสุขภาพของท่าน จึงเดินออกไปพร้อมยายน้อย

                “หลวงพ่อมีอะไรจะถามผมหรือครับ”

                เมื่ออยู่กันตามลำพังเอกณรงค์ก็เอ่ยถามพระจรูญทันที แต่ท่านส่ายหน้าปฎิเสธก่อนจะเล่าเรื่องที่อยากบอกให้หมอเอกรู้

                “อาตมาไม่ได้จะถามหรอก แต่อาตมามีบางเรื่องจะบอกให้โยมรู้เอาไว้”

                ภิกษุชรานิ่งเหมือนคิดคำพูด ก่อนจะพูดต่อ

                “หมอเอกรู้ตัวบ้างไหมว่ากำลังจะมีเคราะห์ แถมครั้งนี้ยังเป็นเคราะห์หนักอีกด้วย เจ้ากรรมนายเวรของโยม กำลังจะมาเอาชีวิตของโยมแล้วรู้ไหม”

                นายแพทย์หนุ่มมองหน้าพระจรูญด้วยสีหน้าประหลาดใจปนสงสัย ก่อนจะเอ่ยปากถามตรงๆ

                “เจ้ากรรมนายเวรไหนกันครับหลวงพ่อ ผมไม่เคยไปทำอะไรใครมาก่อนเลยนะครับ แล้วผมจะมีเจ้ากรรมนายเวรได้ยังไง”

                “ชาตินี้ไม่แต่ชาติที่แล้วมี หมอเอกไม่เคยรู้มาก่อนก็ไม่แปลกหรอก เพราะเขาไม่ได้ปรากฎตัวให้หมอเอกเห็น แต่เขาคอยตามหมอเอกมาตลอด”

                สีหน้าของหมอเอกยังเต็มไปด้วยความกังขาจนพระจรูญต้องขยายความต่อ

                “หมอเอกไม่เชื่อที่อาตมาพูดล่ะสิ อาตมาจะบอกให้นะ ชาติที่แล้วโยมไปทำเขาเอาไว้มาก เรียกว่าฆ่าพ่อฆ่าแม่เผาบ้านเขาเลยแหละ เขาเลยอธิฐานจิตเอาไว้ว่าจะไม่ยอมปล่อยหมอเอกไป แล้วก็ตามมาจนถึงชาตินี้”

                ถึงตรงนี้เอกณรงค์ก็ยังไม่เชื่อที่พระจรูญเล่าให้ฟังอยู่ดี แต่ด้วยนิสัยส่วนตัวเขาจึงไม่พูดออกไป ได้แต่ถามเพื่อความเข้าใจ

                “แล้วผมควรจะทำยังไงดีล่ะครับ”

                “อย่าปล่อยให้ตัวเองต้องเจอกรรมตัดรอน อะไรที่จะต่อบุญให้ตัวเองได้ก็ทำซะ ไม่งั้นถ้ากรรมเก่ามันตามเราทันเราจะแย่”

                “ครับ”

                เสียงรับคำแบบง่ายๆ ทำให้พระจรูญต้องย้อนถามคนตอบ

                “นี่หมอเอกไม่เชื่อที่อาตมาพูดเลยใช่ไหม”

                “ผมคงต้องบอกตรงๆ ว่าผมไม่ค่อยเชื่ออะไรที่มันพิสูจน์ไม่ได้”

                คำพูดนั้นสุภาพตามปกติ แต่จากสีหน้าและแววตาแสดงออกว่าไม่เชื่อในสิ่งที่พระจรูญเล่าแม้แต่น้อย แถมยังบอกให้ภิกษุรู้ว่าเขาไม่คิดจะเสียเวลาของตน มานั่งขบคิดหาข้อพิสูจน์อย่างแน่นอน

    “อาตมารู้ว่าเรื่องบางเรื่องมันยากเกินกว่าที่ใครจะเชื่อ แต่โยมก็ควรจะเปิดใจให้กว้างกว่านี้ ว่าโลกของเรายังมีหลายสิ่งที่ยังพิสูจน์ไม่ได้”

    ความเงียบวิ่งไปมาระหว่างทั้งคู่ เหมือนจะเป็นสิ่งยืนยันความเคร่งเครียดในความคิดที่แตกต่างระหว่างทั้งสอง ในที่สุดหมอเอกก็ขอตัวลาอีกครั้ง โดยที่พระจรูญไม่อาจโน้มน้าวอีกฝ่ายให้เชื่อได้เลย

    ………Brake………

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×