คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #27 : วันที่ 10 พฤศจิกายน 2011 เวลา 13.58 นาฬิกา
วันที่ 10 พฤศจิกายน 2011 เวลา 13.58 นาฬิกา (ห้องพยาบาล ภายในเรือนจำกลาง)
ห้องพยาบาลภายในเรือนจำกลางอาจไม่ใหญ่โตนัก แต่เมื่อต้องใช้เป็นห้องสำหรับเก็บเครื่องมือแพทย์ และเอกสารส่วนตัวของหมอประจำเรือนจำก็ยิ่งทำให้ห้องมีขนาดเล็กลงไปอีก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลานี้ที่หมอเอกต้องเผชิญหน้ากับนักโทษชายเดชา บุคคลที่มีผลต่อการดำรงชีวิตประจำวันของเขา ด้วยความจำเป็นที่เขาต้องพึ่งพาอีกฝ่าย ที่ฐานะทางสังคมค่อนข้างต่ำและยังมีพฤติกรรมไม่น่าไว้วางใจ มันทำให้หมอเอกรู้สึกว่าห้องแคบลงจนน่าอึดอัด
เดชาเป็นแค่นักโทษชายวัยกลางคนที่มีรูปร่างไม่ใหญ่โตนัก แต่มีรัศมีบางอย่างที่บอกถึงอันตรายในตัวที่ไม่ควรจะเฉียดเข้าไปใกล้ ใบหน้าไม่จัดว่าสูงวัยแต่รอยสักและริ้วรอยบาดแผลที่เห็นภายนอกร่มผ้า บอกได้ถึงประสบการณ์ชีวิตในแง่ร้าย นักโทษคนนี้ถูกจับกุมและตั้งข้อหาค้ายาเสพติดจำนวนมาก แม้จะรอดพ้นโทษประหาร แต่ก็ต้องอยู่ในเรือนจำอีกนานแสนนาน ถึงจะอยู่มาเป็นสิบปี ได้รับการลดหย่อนโทษหลายครั้ง ก็ยังอาจต้องใช้เวลาอีกครึ่งชีวิตที่เหลืออยู่ของเขาเบื้องหลังที่คุมขัง
การพบปะระหว่างหมอเอกและนักโทษชายคนนี้ เกิดขึ้นตั้งแต่หมอเอกเพิ่งเข้ามาทำงานที่เรือนจำกลาง เพราะเดชาต้องได้รับการตรวจร่างกายอย่างสม่ำเสมอ เนื่องจากสภาพร่างกายที่ป่วยด้วยโรคเบาหวานและอื่นๆ
แต่ต่อมาการพบปะของทั้งคู่ อยู่ในข้อตกลงที่เกิดขึ้นตั้งแต่หมอเอกรู้ว่าอีกฝ่ายสามารถหาสิ่งที่เขาต้องการให้ได้ เพราะถึงจะถูกคุมขัง แต่ยาเสพติดที่อยู่ในคุกและนอกคุกเป็นเรื่องที่เดชาสามารถจัดการหามาให้แก่ผู้ที่จ่ายเงินได้อยู่เสมอ แต่ระยะหลังไม่นานมานี้เดชาก็อยากจะให้หมอเอกทำในสิ่งที่เขาต้องการบ้าง และไม่รีรอที่จะเกลี่ยกล่อมเสมอ เมื่อมีโอกาสได้อยู่กับนายแพทย์เอกณรงค์เพียงลำพัง
“ตกลงคุณหมอไม่คิดจะร่วมมือกับผมหน่อยหรือครับ ข้อเสนอยังเหมือนเดิม แถมผมยังจะลดราคายาที่คุณหมอต้องจ่ายลงด้วยนะ”
“ผมก็บอกคุณไปแล้วนะคุณเดชา ว่าผมไม่อยากทำบาป”
ถึงเดชาจะถามอีกกี่ครั้งหมอเอกก็ยังปฏิเสธด้วยประโยคเดิมๆ เขาอาจจะเสพยาเสพติด ซึ่งไม่ผิดกับการฆ่าตัวตายอย่างช้าๆ แต่ไม่ได้หมายความว่าเขาจะทำบาปเพิ่มด้วยการจัดหายาให้คนอื่นฆ่าตัวตายไปกับเขา
“บาปตรงไหนกันครับคุณหมอ ถ้าพวกมันไม่ติดยาแล้วเราบังคับให้มันเล่น ก็ว่าไปอย่าง ยังไงพวกมันก็ติดยากันอยู่แล้ว แถวนี้ก็หายาลำบาก คุณหมอกำลังจะทำบุญทำกุศลต่างหากที่จะเอายาเข้ามาให้พวกมัน”
คนชั่วก็ย่อมมีเหตุผลแบบคนชั่ว เดชาพูดโดยไม่รู้สึกผิดแม้แต่น้อย เขามองหน้าหมอเอกตรงๆ ขณะพูดโดยไม่มีอาการสะทกสะท้านแม้แต่น้อย แต่เป็นหมอเอกเองที่หลบสายตา
“ไม่ล่ะผมไม่อยากเสี่ยง”
“มันจะเสี่ยงสักแค่ไหนเชียว ทำอย่างกับที่คุณหมอเอายาจากผมไปเล่นอยู่ทุกวันนี้ มันไม่เสี่ยง”
คำพูดนั้นแฝงแววเยาะหยันในน้ำเสียง แถมยังดูเหมือนจะเพิ่มความดังจากปกติ ทำเอาหมอเอกสะดุ้งโหยง ก่อนจะหันไปทางประตูห้องพยาบาลว่าปิดสนิทอยู่หรือไม่ เมื่อแน่ใจว่าเยาวรินทร์ที่นั่งประจำอยู่หน้าห้องไม่ได้กำลังแอบฟังการสนทนาของทั้งคู่ เอกณรงค์ก็หันมากระซิบสั่งเดชาเสียงเข้ม
“คุณจะพูดเสียงดังขึ้นมาทำไม คุณไม่กลัวติดคุก ก็ไม่ได้หมายความว่าผมอยากติด ต่อไปอย่าพูดอีกนะ”
“โอเค ไม่พูดก็ได้”
เดชารับคำง่ายๆ เพราะยังไงหมอเอกก็ถือว่าเป็นลูกค้าชั้นดีของเขา และลูกค้าก็คือพระเจ้า แม้ว่าเดชาจะหมั่นไส้กับท่าทางการแสดงออกของหมอเอกที่ทำเหมือนดูถูกพวกค้ายา ว่าเป็นพวกชั่วช้าต้อยต่ำไม่น่าคบหา ทั้งที่ตัวของหมอหนุ่มเองก็ต้องติดต่อเดชาเป็นประจำเพื่อขอแบ่งซื้อยาที่เดชามีไปเสพ
การกระทำของเอกณรงค์ไม่ผิดกับพวกมือถือสากปากถือศีล ที่ทำเชิดหน้าด่าคนอื่นทั้งที่เบื้องหลังเน่าเหม็น แต่ถึงจะไม่พอใจพฤติกรรมของหมอเอกแค่ไหน เดชาก็ไม่อยากมีเรื่องโดยไม่จำเป็นอยู่ดี
“ขอโทษครับคุณหมอ ต่อไปผมจะระวังมากกว่านี้”
“ที่จริงผมอยากได้ยาเพิ่ม”
หลังจากใคร่ครวญว่าเดชาไม่ได้มีเจตนาที่จะเปิดโปงเขา หมอเอกก็เอ่ยปากออกมาเพื่อขอซื้อยาเสพติดเพิ่มขึ้นกว่าเดิม
เดชาฟังแล้วก็แสร้งทำท่าเหมือนประหลาดใจ ทั้งที่เขาเองรู้ดีจากประสบการณ์ตรงที่ค้ายามาหลายสิบปีทั้งในและนอกคุก ว่าพวกที่ใช้สารเสพติดหากไม่คิดจะเลิกก็ต้องเพิ่มปริมาณที่เสพมากขึ้นไปเรื่อยๆ ทุกรายอยู่แล้ว โดยเฉพาะในกรณีของหมอเอกที่ใช้ยาตามที่ใจอยาก มากกว่าที่ร่างกายเรียกร้อง
“เพิ่มอีกหรอ นี่คุณหมอเอาไปทำอะไร อย่าบอกนะว่าเอาไปขายต่อ”
“เปล่า ช่วงนี้ผมเครียดหลายๆ เรื่อง เลยเผลอใช้ยามากเกินไปหน่อย ของที่ได้มางวดที่แล้วมันเลยไม่ค่อยพอ”
หมอเอกปฏิเสธโดยไม่บอกความจริงว่ายาที่เขามีอยู่แทบไม่พอสำหรับคืนนี้ด้วยซ้ำ แต่เดชาแค่มองก็พอรู้ว่าหมอเอกต้องการยาด่วน ในหัวของผู้ต้องขังจึงวางแผนที่จะหลอกล่อ เอาตัวหมอเอกมาใช้งานทันที เขารอจนหมอเอกบอกจำนวนที่ต้องการ ก่อนจะค่อยๆ หลอกล่อด้วยวาจา
“แต่นั้นมันสองเท่าของปกติเลยนะครับ ใช้ขนาดนี้เปลี่ยนตัวยาดีกว่ามั้งคุณหมอ เอาแบบถูกลงแต่ปริมาณเยอะขึ้น”
“แล้วมันจะดีหรอ”
“ดีสิ อ่ะนี่”
ขณะพูดเดชาก็ล้วงเข้าไปในขอบกางเกงที่มีกระเป๋าลับสำหรับซ่อนของ แล้วหยิบห่อพลาสติกขนาดเล็กส่งให้หมอเอก
“ถือว่าคนกันเอง ผมให้ลอง”
หมอเอกรับห่อพลาสติกไปด้วยสีหน้าลังเล ใจหนึ่งเขาอยากจะส่งคืนให้แก่เดชา แต่อีกใจหนึ่งเขาก็อยากได้อะไรที่แรงกว่ายาที่เขาเคยใช้อยู่
เมื่อเดชาเห็นท่าทางของหมอเอกก็กล่าวคะยั้นคะยอเพิ่มด้วยสีหน้าท่าทางเป็นมิตรที่ปิดบังเจตนาร้ายอย่างมิดชิด
“เอาไปเถอะครับคุณหมอ ตัวนี้มันดีกว่าตัวที่หมอใช้ ผมรับรองเลย ว่าถ้าได้ลองแล้วคุณหมอจะติดใจ”
หมอเอกมองห่อพลาสติกที่อยู่ในมือ แล้วหันไปมองหน้าเดชา ขณะที่เขาคิดว่าไม่ควรรับมันเอาไว้ นายแพทย์หนุ่มก็ได้ยินเสียงเคาะประตูจากพยาบาลผู้ช่วย จึงรีบเก็บห่อไว้ในลิ้นชักโต๊ะทำงาน และทำทีเหมือนกับว่าเขากำลังอ่านเอกสารบนโต๊ะอยู่ มันทันเวลาพอดีกับที่เยาวรินทร์เปิดประตูเข้ามาแล้วแจ้งว่ามีญาติมาขอพบเดชา
ผู้ต้องขังลุกขึ้นยกมือไหว้ แต่เสี้ยววินาทีที่สบตากันความนัยบางอย่างก็ถูกส่งผ่านมา ว่าให้ลองยาตัวใหม่ โดยที่เยาวรินทร์ที่อยู่ด้วยไม่รู้ตัวแม้แต่น้อย ว่าหมอเอกที่ตนกำลังให้ความสนใจมีความสัมพันธ์ลับอันใดกับนักโทษ
ระหว่างเขียนเอกสารใบสั่งยาเพื่อส่งต่อให้เยาวรินทร์ หมอหนุ่มก็รู้สึกถึงความร้อนจากห่อของที่ตัวเองซ่อนเอาไว้ นายแพทย์เอกณรงค์คาดว่าฤทธิ์มันคงจะรุนแรงกว่ายาที่เขาเคยใช้ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังอยากเอามันออกมาลองใช้ดูอยู่ดี ทั้งที่สำนึกส่วนลึกในจิตใจของเขากำลังร่ำร้องเตือน ว่าสิ่งที่เขากำลังจะทำ เป็นการก้าวลึกลงไปในโคลนตมก็ตาม
………Brake………
ความคิดเห็น