คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #23 : วันที่ 22 พฤศจิกายน 2011 เวลา 20.33 นาฬิกา
วันที่ 22 พฤศจิกายน 2011 เวลา 20.33 นาฬิกา (ห้องนอนหมอเอก)
โต๊ะอาร์มแชร์สีไวท์แดง ดูแตกต่างจากฝาผนังสีเขียวอ่อน เหมือนว่ามันเป็นสิ่งที่แทรกเข้ามาในโลกที่แสนสงบ เช่นเดียวกับเตียงขนาดใหญ่ที่มีผ้าปูที่นอนสีดำยับยุ่งจากการนอนเกลือกกลิ้ง ก็เป็นเหมือนทะเลแห่งบาปที่ยากจะหลุดพ้น และบาปนั้นถูกเน้นให้เห็นมากกว่านามธรรมด้วย อุปกรณ์สร้างบาปที่ตกกระจายเกลื่อนพื้น
และถึงจะมีทั้งที่นอนและที่นั่งอันแสนสบาย แต่ร่างของหมอเอกกลับทอดยาวอยู่บนพื้น ในสภาพสลึมสลือจากฤทธ์ของยาเสพติดที่ไหลเวียนอยู่ทั่วร่าง เขาค่อยๆ พยายามเอาตัวเองออกจากเครื่องแต่งกายที่ใช้ในตอนกลางวัน เนื่องจากชายหนุ่มรีบร้อนอยากใช้สารเสพติดแก้ความเครียดจนไม่ยอมเสียเวลาถอดถุงเท้าออกด้วยซ้ำ
“กริ๊ง กริ๊ง กริ๊ง”
เสียงโทรศัพท์ตั้งโต๊ะ ขัดจังหวะการตั้งสติเพื่อถอดเสื้อผ้าของเอกณรงค์เป็นอย่างมาก เขาอยากจะทำเป็นไม่ได้ยิน แต่นึกขึ้นมาได้ว่ามีเพียงไม่กี่คนที่มีหมายเลขโทรศัพท์เบอร์นี้ จึงฝืนใจยกหูโทรศัพท์ขึ้นมา
“สวัสดีครับ”
“เอกหรอลูก เป็นอะไรหรือเปล่า ทำไมแม่โทรเข้ามือถือของเอกไม่ติดล่ะ ปิดเครื่องหรอ”
เสียงความห่วงใยของคุณนารีที่ผ่านออกมาตามสาย ทำให้เอกณรงค์ต้องใช้มือข้างที่ไม่ได้ยกหูโทรศัพ์อยู่ จิกนิ้วลงไปในเนื้อต้นแขนของตัวเองแน่นเพื่อเรียกสติ แล้วกัดฟันพยายามฝืนพูดกับมารดาด้วยน้ำเสียงปกติ
“จริงหรอครับ ผมไม่ทันดู”
หมอเอกพูดตามความจริงเพราะหลายวันที่ผ่านมาเขาไม่สนสักนิดว่าจะมีใครต้องการพูดคุยกับเขาบ้าง
“จริงสิลูก เนี่ยแม่โทรหาเอกตั้งหลายทีแล้ว มันโอนสายเข้าระบบฝากข้อความตลอดเลย พอเห็นว่าหลายชั่วโมงยังไม่โทรกลับ แม่เลยโทรเข้าเบอร์ห้องแทน แบตหมดหรือเปล่า”
“ครับ สงสัยจะแบตหมด พอดีวันนี้ยุ่งๆ ผมเลยไม่ได้เช็คดู”
ด้วยสภาพของสมองที่เลอะเลือนจากฤทธิ์ยาเอกณรงค์จึงยึดข้ออ้างที่มารดาสงสัย ทั้งที่ความจริงชายหนุ่มเจตนาปิดเครื่อง เพราะไม่อยากถูกใครรบกวน ขณะที่เขากำลังเสพสุขจากสารเสพติด
“เอกไปดูว่าแบตหมดหรือเปล่านะลูก เดี๋ยวใครโทรหาจะติดต่อไม่ได้ เนี่ยพ่อเขาก็หาว่าแม่ตื่นตูม แต่เอกไม่เคยปิดเครื่อง แม่เลยไม่ค่อยสบายใจ แล้วอย่าลืมไปตรวจดูนะลูก”
คำสั่งของนารีไม่ได้ทำให้เอกณรงค์รู้สึกอะไรนอกจากอยากวางหู แต่เขาก็ยังพูดตามที่คิดว่ามารดาอยากฟัง
“ได้ครับแม่ ขอโทษนะครับ ต่อไปผมจะระวัง”
“ดีแล้วลูก เอกไปอยู่คนเดียวแบบนี้แม่กับพ่อก็อดที่จะเป็นห่วงไม่ได้หรอก ถ้ายังไงลองคิดเรื่องย้ายมาทำงานใกล้บ้านก็ดีนะลูก”
“แล้วผมจะลองๆ ดูครับ”
เรื่องย้ายงานนารีพูดมาหลายครั้งแล้ว และเอกณรงค์ก็รับคำส่งๆ ไปทุกครั้ง เพราะไม่มีทางที่เขาจะปิดบังพ่อแม่เรื่องการเสพยาได้ถ้าอาศัยอยู่ภายใต้ชายคาเดียวกัน ที่สำคัญเขาไม่อาจหาแหล่งยาเสพติดจากแถวบ้านเพื่อบำบัดความเครียดได้
เอกณรงค์ฝืนพูดกับมารดาต่อไปเรื่อยๆ แต่ส่วนใหญ่เขาจะฟังบ้างไม่ฟังบ้างเพราะไม่อยู่ในสภาพที่จะพูดจาโต้ตอบได้ เมื่อคนที่โทรมาด้วยความห่วงใยวางสายลง เขาก็หมดแรงล้มตัวลงนอนบนพื้น ทั้งที่อยู่ห่างจากเตียงนอนไม่กี่เซนติเมตร
หลายชั่วโมงต่อมาหมอเอกถึงฟื้นคืนสติสัมปชัญญะที่สูญเสียไปเพราะฤทธิ์ยา เมื่อเริ่มรู้ว่าตัวเองอยู่ที่ไหน หมอเอกก็ใช้ยาเสพติดซ้ำอีกครั้ง โดยไม่แม้แต่จะเปิดโทรศัพท์มือถือที่ปิดเอาไว้ เพราะไม่ต้องการที่จะพูดคุยกับใครอีก ชายหนุ่มไม่อยากให้ใครเตือนว่าตัวเขาเองเป็นใคร ผ่านอะไรมา และต้องดำเนินชีวิตต่อไปยังไง
………Brake………
ความคิดเห็น