ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เหตุผลของคนตาย

    ลำดับตอนที่ #2 : วันที่ 10 พฤศจิกายน 2011 เวลา 14.30 นาฬิกา

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 413
      5
      26 ก.ย. 56

    วันที่ 10 พฤศจิกายน 2011 เวลา 14.30 นาฬิกา (ห้องพยาบาล ภายในเรือนจำกลาง)

                คุณหมอเอกค่ะ ทางผู้คุมแจ้งมาว่าคุณเดชามีญาติมาขอพบค่ะ คุณหมอตรวจคนไข้เสร็จแล้วใช่ไหมค่ะ

                เสียงเคาะประตูตามด้วยเสียงแจ้งเรื่องของพยาบาลผู้ช่วย ทำให้นายแพทย์เอกณรงค์หรือหมอเอกเงยหน้าขึ้นจากเอกสารที่อยู่บนโต๊ะ เขายิ้มให้กับพยาบาลเยาวรินทร์แทนคำตอบ แล้วหันไปทางผู้ต้องขังที่นั่งอยู่ตรงหน้า สามสิบนาทีก่อน นักโทษชายเดชาได้ขอเข้าพบแพทย์ประจำเรือนจำเพื่อตรวจร่างกายและฉีดอินซูลินเพื่อบรรเทาอาการโรคเบาหวาน ซึ่งต้องทำเป็นประจำ และตอนนี้ก็เสร็จสิ้นกระบวนการทั้งหมดแล้ว ชายทั้งสองเพียงแต่กำลังพูดคุยกันอยู่เท่านั้นเอง

                เสร็จเรียบร้อยแล้วครับ คุณเดชาออกไปพบญาติก่อนแล้วกัน เดี๋ยวทางห้องพยาบาลจะจัดยาไปให้

    นักโทษชายเดชาที่อายุก้าวเข้าสู่วัยกลางคนแล้ว ไม่พูดอะไรตอบ เพียงแค่ยกมือไหว้นายแพทย์ที่อ่อนวัยกว่า ก่อนจะลุกออกไปจากห้องตรวจที่มีผู้คุมคอยรับอยู่ด้านนอก  ในขณะที่หมอเอกเขียนในใบสั่งยาเพื่อส่งให้เยาวรินทร์จัดให้นักโทษอีกทอดตามระเบียบปฎิบัติของเรือนจำ เมื่อไม่มีคนไข้ภายในห้องพยาบาล ที่เป็นห้องส่วนตัวของแพทย์ประจำเรือนจำด้วย จึงเหลือเพียงหมอเอกและพยาบาลเยาวรินทร์

    ระหว่างที่หมอเอกกำลังเขียนเอกสาร นางพยาบาลสาวที่เพิ่งเข้าทำงานในเรือนจำกลางไม่นาน ก็จับตามองกิริยาการเคลื่อนไหวของนายแพทย์หนุ่มด้วยความสนใจ แต่ที่น่าสนใจยิ่งกว่ากิริยาสุภาพสง่างามของหมอเอกในสายตาของเยาวรินทร์ก็คือรูปร่างหน้าตาของหมอหนุ่ม

    หญิงสาวเพ่งพิศไปเรื่อยๆ ตั้งแต่เส้นผมดำขลับหยักโศกนิดๆ ที่ไว้รองทรงยาวเข้ากับใบหน้า คิ้วเข้มได้รูปสวย โครงหน้าที่ได้เหลี่ยมมุมสมชายไทย ไรเคราบางๆ ที่รับกับนัยตาคมๆ แม้แต่ริมฝีปากรูปกระจับก็ยังไม่ดูผิดที่ผิดทาง เธอคิดว่าช่างโชคดีที่ทางเรือนจำไม่ได้เคร่งครัดเรื่องการแต่งกาย หมอเอกจึงสามารถไว้หนวดเคราบางๆ ได้ มันส่งผลให้หน้าตาของหมอหนุ่มดูคมเข้มยิ่งขึ้นละม้ายคล้ายกับนักแสดงชายจากวิกช่องสามพระรามสี่ที่ชื่อบอย ปกรณ์  ที่ตอนนี้เป็นขวัญใจสาวๆ ค่อนเมืองไม่เว้นแม้แต่เยาวรินทร์เอง

    พยาบาลสาวมัวแต่มองใบหน้าคมคายของหมอหนุ่ม พร้อมกับฝันกลางวันไปด้วย จนไม่ทันสังเกตเห็นว่านิ้วมือเรียวยาว จรดปลายปากกาเสร็จแล้ว และกำลังจะยื่นเอกสารใบสั่งยาส่งให้เธอ

    และเพราะคนมองเอาแต่วาดฝันไปไกล เมื่อคนที่ถูกแอบมองหันมาจึงได้พบกับนัยน์ตาเคลิ้มฝันของเพื่อนร่วมงาน ที่เปลี่ยนเป็นเขินอายอย่างทันควัน นายแพทย์หนุ่มเคยพบสายตาแบบนี้มาแล้วหลายต่อหลายครั้ง จนรู้ดีว่ามันหมายถึงอะไร แต่ด้วยนิสัยสุภาพของหมอเอกที่ไม่อยากเป็นต้นเหตุให้ใครต้องอับอาย จึงทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ยิ้มให้ตามมารยาท พร้อมกับถามเรื่องงานเมื่อส่งเอกสารในมือให้อีกฝ่าย

    ด้านหน้ายังมีคนไข้รออยู่อีกไหมครับ

    มี เอ๊ย....ไม่มีค่ะ

     ตกลงมีหรือไม่มีครับ

    หน้าที่เจือสีแดงอยู่แล้ว เกือบจะแดงถึงใบหู เมื่อตอบคำถามผิดพลาดเพราะความประหม่า จนหมอเอกต้องถามย้ำอีกครั้ง

    ไม่มีแล้วค่ะ

    “นี่ครับใบสั่งยาของคุณเดชา คุณช่วยจัดตามนี้นะครับ”

    “ได้ค่ะ”

    เยาวรินทร์รับใบสั่งยามาถือ แต่ไม่ยอมเดินออกจากห้องตรวจ กลับยืนมองหน้าเจ้าของห้อง จนหมอเอกต้องเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม พยาบาลสาวจึงรวบรวมความกล้าพูดเรื่องที่ตั้งใจเอาไว้ออกมา

    เอ้อ...คุณหมอค่ะ พรุ่งนี้วันเกิดคุณหมอ แฮปปี้เบริ์ดเดย์ล่วงหน้าแล้วกันนะคะ ขอให้มีความสุขมากๆ ค่ะ

    ขอบคุณครับ

    หมอหนุ่มส่งยิ้มให้พร้อมคำขอบคุณ เป็นผลให้พยาบาลสาวใจละลายอีกรอบ แม้จะเป็นรอยยิ้มที่มีให้ตามมารยาทก็ตาม แต่สำหรับคนที่กำลังอยู่ในช่วงแอบชอบ ก็อดคิดเข้าข้างตัวเองไม่ได้ว่าอีกฝ่ายคงพอจะมีใจให้เธอ

    แล้วคุณหมอจะจัดงานวันเกิดไหมค่ะ

    หญิงสาวพูดอย่างมีความหวัง ถึงพรุ่งนี้หมอหนุ่มจะลาหยุดพักร้อน แต่เธอก็คิดจะจัดงานวันเกิดย้อนหลังให้เขา เพื่อเพิ่มความสนิทสนม หมอเอกเองก็พอจะดูออกว่าเพื่อนร่วมงานมีเจตนาอะไรแฝงอยู่

    เนื่องจากชายหนุ่มไม่ต้องการมีความสัมพันธ์เชิงชู้สาวกับเพื่อนร่วมงาน ซึ่งอาจจะยุ่งยากในภายหน้า จึงรีบออกตัวเพื่อตัดไฟตั้งแต่ต้นลม ก่อนที่เยาวรินทร์จะตั้งความหวังและคิดไปไกลกว่าที่จำเป็น

    คงไม่หรอกครับ แล้วคืนนี้พวกเพื่อนๆ ผม ก็นัดผมไปกินข้าวด้วย สงสัยคงต้องกะจัดงานวันเกิดให้ผมชัวส์ สามสิบกันหมดแล้ว ยังจะมาจัดงานเซอร์ไพรส์ปาร์ตี้อีก ไม่รู้จักโตกันซักที น่าอายจริงๆ

    ชายหนุ่มพูดเจือเสียงหัวเราะ แต่เป็นการเตือนกลายๆ ว่านอกจากกลุ่มเพื่อน เขาไม่ต้องการให้ใครจัดงานวันเกิดให้อีก นางพยาบาลสาวได้แต่ยิ้มรับทั้งที่ในใจผิดหวังเป็นอย่างมาก ถึงอย่างนั้นก็ยังชวนคุยต่อ

    “คุณหมอดูซูบๆ ไปนะคะ ช่วงนี้ไม่สบายหรือเปล่าค่ะ”

    “ไม่นี่ครับ ผมก็ปกติดี”

    ชายหนุ่มตอบด้วยน้ำเสียงสุภาพ แต่ยังคงรักษาระยะห่างระหว่างตัวเองกับเพื่อนร่วมงานเอาไว้เช่นเคย เมื่อหมอเอกไม่มีท่าทีอยากพูดถึงเรื่องสุขภาพส่วนตัว เยาวรินทร์เองก็ไม่มีเหตุผลอะไรใช้ในการอ้างเพื่ออยู่คุยกับหมอหนุ่มต่อ จึงจำต้องเดินออกไปปล่อยให้หมอเอกจัดการงานบนโต๊ะของตัวเอง แต่ถึงเอกณรงค์จะไม่เคยมีท่าทีให้ ในใจของพยาบาลสาวก็ยังแอบหวัง ว่าสักวันชายในฝันจะหันกลับมาสนใจเธอบ้าง

    ………Brake………

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×