ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    คำสารภาพของฆาตกร ภาค3 (The Message)

    ลำดับตอนที่ #8 : คืนที่ใจหลายดวงเต้นแรง(50%)

    • อัปเดตล่าสุด 24 ต.ค. 54


    ตอนที่ 6 คืนที่ใจหลายดวงเต้นแรง
    แสงสีที่วิ่งผ่านไปมาไม่ทำให้หัวใจคนมองรุ่มร้อนได้เท่าเรือนร่าง และเนื้อหนังที่โยกไหวไปตามท่วงทำนองดนตรีที่แผดก้อง บนเวทีเมื่อมือกลองเปลี่ยนจังหวะเข้าสู่ท่วงทำนองใหม่ที่เร้าใจไม่ต่างกับเพลงก่อนหน้า กีต้าห์รี้ดร่างเล็กก็เร่งจังหวะส่งต่อให้นักร้องรูปหล่อเป็นคนชักนำอารมณ์คนฟังให้โลดแล่นไปตามจังหวะดนตรี บางคนอาจเรียกสถาณที่ ที่เต็มไปด้วยสุราและความมึนเมา ว่าร้านคนบาป แต่ในค่ำคืนที่ไร้ลมเช่นนี้ หลายคนก็เลือกที่จะปล่อยตัวไปตามกระแสคลื่นแห่งอารมณ์ของคนรอบข้าง ดีกว่าสำรวจลึกถึงความเปลี่ยวเหงาที่มีอยู่ในใจ
    สัมมามองไปยังมือกีต้าที่เปรียบเสมือนน้องชายคนหนึ่ง ก่อนจะคิดถึงเพื่อนที่เคยนั่งเคียงข้างเสมอ วันนี้หลังเก็บหลักฐานเสร็จ ชาญเดชก็ตรงไปรับธัญญ์ชยาแฟนสาวกลับห้อง ซึ่งระยะหลังเป็นที่รู้กันว่าเพื่อนจะไม่ตระเวนออกท่องราตรีโดยทิ้งแฟนไว้ลำพังอีกแล้ว เมื่อธัญญ่าไม่ชอบเที่ยวกลางคืน คนที่เคยเที่ยวถึงไหนถึงกันกับเพื่อนก็เปลี่ยนเป็นเลิกเที่ยวแทน สัมมาไม่รู้ว่าควรจะดีใจกับเพื่อนหรือว่าเศร้าใจกับตัวเองดี เขาหันไปมองบนเวทีอีกครั้ง เป็นจังหวะที่สมเจตกำลังโซโล่กีต้า คงอีกนานกว่ารุ่นน้องของเขาจะเลิกเล่นดนตรีในคืนนี้ แล้วในเมื่อเขาไม่ชอบดื่มเหล้าจนเมามายและยังไม่มีใครนั่งเป็นเพื่อน ก็คงจะได้เวลาหาใครสักคนมาอยู่ข้างๆ เสียที แค่ให้พ้นคืนนี้ไปก็พอ
    “พี่ชาญไม่มาด้วยหรือพี่”
    เสียงตะโกนทักทายของวิทยา ทำให้สัมมาลอบยิ้ม บางทีคืนนี้อาจจะไม่น่าเบื่ออย่างที่คิดก็ได้แต่แล้วเขาก็ต้องเปลี่ยนใจเมื่อเห็นคนที่มาด้วยกับวิทยา
    อรัญไม่รู้จะทำหน้าแบบไหนเมื่อเห็นแววตาที่สัมมามองมาที่เขา จากคืนนั้นก็ไม่มีคืนไหนที่เขากับรุ่นพี่จะได้ร่วมดื่มเหล้าด้วยกันอีก เหมือนว่ายามค่ำคืนระหว่างเขากับสัมมาไม่อาจเป็นเช่นเดิมได้อีกความรู้สึกหลายหลากประดังเข้ามาในใจ โดยเฉพาะยามที่ดวงตาสีดำแฝงสีม่วงลึกล้ำปรับเปลี่ยนไปเมื่อเห็นผู้หญิงคนเดียวในกลุ่ม
    “ไอ้หมวดอยู่เฝ้าธัญญ่าเหมือนเดิมแหละ ว่าแต่แกพาเอยมาด้วยเนี่ย หาผู้หญิงน่าตาดีไม่ได้แล้วใช่ไหม”
    “ถ้าหน้าตาดีกว่าฉันก็นางฟ้าแล้วย่ะ กินเหล้านิดกินเหล้าหน่อย ตาต่ำเชียวหรอแก”
    อริญสวนกลับพร้อมกับขยับมานั่งข้างๆ เพื่อน สัมมาไม่รู้ว่าควรจะดีใจหรือลำบากใจที่สองพี่น้องมาด้วยกันในคืนนี้ ถึงเขาจะอยากจับตาอรัญแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าอยากให้คนที่เขาไม่ไว้ใจอยู่ใกล้ๆ เวลาที่เขากินเหล้าอีก
    “ดื่มไปหน่อยเดียวเอง แต่คงไม่ดื่มต่อแล้วล่ะ พรุ่งนี้มีงานต้องทำแต่เช้า”
    “วันเสาร์เนี่ยนะ”
    “ไม่ใช่งานที่แล๊ปซ์หรอก ธุระส่วนตัวน่ะ” ธุระส่วนตัวที่ว่าคือการตามสืบคดีเป็นการส่วนตัว เมื่ออริญมองเป็นเชิงถาม สัมมาจึงรีบเปลี่ยนเรื่องโดยเร็ว
    “ไม่ได้เที่ยวกับเอยหลายปีแล้ว คืนนี้อยู่ปิดร้านด้วยกันเลยไหม จุ๊ยมันเล่นเป็นวงสุดท้ายพอดีเลย เดี๋ยวจะได้ไปหาอะไรกินกัน”
    อริญแค่ยิ้มแทนคำตอบ สัมมาจึงหันไปสั่งเครื่องดื่มแบบที่หญิงสาวเคยชอบให้ ในขณะที่อรัญสนทนากับวิทยาด้วยท่าทางสนิทสนมเหมือนเคย หมอหนุ่มจึงหันไปคุยด้วย เพราะไม่อยากให้ความห่างเหินในหมู่เพื่อนเกิดขึ้นเพราะเหตุการณ์ในคืนเดียว
    ขณะที่ทั้งหมดกำลังพูดกันเรื่อยเปื่อยด้วยเรื่องที่ไม่มีความหมายเท่าใด้นัก สายตาของสัมมาก็สะดุดเข้ากับสายตาเชิญชวนที่ส่งตรงมาจากหญิงสาวที่นั้งตรงข้ามห้อง อรัญกับวิทยาก็รู้เช่นกันแต่ถือว่าเป็นเรื่องปกติ ยิ่งอรัญที่มีชนักติดหลังเลือกที่จะเงียบไม่ออกความคิดเห็นใด แต่อริญที่นั่งอยู่ข้างๆ จับสังเกตได้ทันทีถึงสิ่งที่หญิงสาวแปลกหน้าต้องการ ความรู้สึกเจ็บแปลบเล็กน้อยในทรวงอกที่เคยคิดว่าตายไปดับไปแล้ว ค่อยๆ ก่อตัวขึ้น พร้อมกับความคิดร้ายๆ และเครื่องดื่มผสมแอลกอฮอลล์ก็เป็นตัวเร่งให้คำพูดนั้นหลุดออกมาจากปากเธอ
    “จะย้ายโต๊ะไปหาหญิงก็ได้นะ ราตรีสั้นนักไม่รีบเก็บแต้มเดี๋ยวก็ไม่ทันหรอก”
    อีกสามคนที่นั่งอยู่ด้วยกันเงียบเสียงลงทันที หมอสัมไม่ดูถูกสติปัญญาของเพื่อนเก่าพอที่จะย้อนถามว่าอีกฝ่ายหมายถึงอะไร เขาเรียกบริกรมาสั่งซอฟดริ้งอีกแก้ว เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจ แต่คนที่เริ่มมึนเมาไม่ยอมให้เปลี่ยนเรื่องง่ายๆ
    “ไม่ต้องมาทำเป็นเกรงอกเกรงใจฉันหรอก จะไปไหนก็ไปเถอะ หรือจะทำอะไรก็ทำ จะได้ไม่ต้องมานั่งกระสับกระส่าย”
    สัมมามองหน้าอริญด้วยความรู้สึกไม่พอใจ เขาไม่ได้ขาดผู้หญิงจนต้องรีบวิ่งไปหาคนที่ให้ท่า แต่ก็ไม่ต้องการใครมานั่งพูดประชดประชัน ก่อนที่เขาจะได้พูดอะไรที่ทำร้ายน้ำใจเพื่อน วิยาก็ขัดขึ้นมาเพื่อแก้ไขสถาณการณ์
    “พี่เอยมึนหรือยัง ผมชักจะแย่แล้วล่ะ กลับกันเหอะ ผมไม่ได้เอารถมา เดี๋ยวจะให้ไอ้อาร์มขับไปส่งให้สักหน่อย"
    “ไม่ล่ะอยากดื่มอีกเดี๋ยว จะดูด้วยว่าไอ้หมอมันทนแรงยั่วยุทางเพศได้นานแค่ไหน”
    จบประโยคนั้นสัมมาก็ลุกขึ้นจากโต๊ะอย่างรวดเร็ว แล้วเดินไปทางหญิงสาวที่ส่งสายตาหยาดเยิ้มให้ ไม่สนใจดวงตาที่มองอย่างตัดพ้อของคนที่ปากไม่ตรงกับใจ
    ...................................................................
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×