ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    คำสารภาพของฆาตกร ภาค3 (The Message)

    ลำดับตอนที่ #3 : คนรู้จักที่ไม่คุ้นเคย(50%)

    • อัปเดตล่าสุด 1 ก.ค. 54


    ตอนที่ 2 คนรู้จักที่ไม่คุ้นเคย

    เรียนนายแพทย์สัมมา พินิจพิจิตรสกุลชัย
               คุณคงแปลกใจเมื่อได้เห็นจดหมายฉบับนี้ ผมต้องการส่งมันให้ถึงมือคุณ จึงทำทุกอย่างเพื่อความแน่ใจ หากได้รับกรุณาส่งข้อความกลับที่ Confessions_of_a_Killer@hotmail.com ผมคิดว่าเราคงมีหลายเรื่องที่ต้องคุยกัน และผมขออณุญาติแอดอีเมล์ของคุณไว้ทุกช่องทางการสื่อสาร และทุกSocial network ผมหวังว่าคุณจะตอบรับ ผมขอย้ำเรามีเรื่องที่ต้องคุยกัน จดหมายฉบับนี้จะเป็นฉบับแรกของอีกหลายๆ ฉบับ ผมไม่อาจบอกชื่อได้ แต่คิดว่าสักวันหนึ่งคุณคงจะได้รู้
             หวังว่าเราจะได้เจอกันในเร็ววัน
    ด้วยความรักและเคารพ
    คนที่อยู่ใกล้ตัวคุณ
               
    ผู้ที่ถูกเอ่ยอ้างถึงในส่วนหัวของจดหมายจับจ้องข้อความทั้งหมดนั้นด้วยนัยตาสีดำแฝงสีม่วงชนิดที่แทบมองทะลุถึงเนื้อในของแผ่นหลังสีซีดที่ทำหน้าที่ต่างกระดาษเขียนจดหมาย แต่ไม่ว่าจะอ่านกี่รอบจะวิเคราะห์กี่ครั้ง นายแพทย์สัมมาก็ไม่อาจเข้าใจได้ว่าผู้ส่งมีวัตถุประสงค์ใดถึงได้ส่งจดหมายฉบับนี้ถึงเขา แน่นอนว่าเขาไม่ได้เป็นผู้ชันสูจน์ศพคนแรก เพราะจากการระบุชื่อเขาบนร่างเหยื่อ หมอหนุ่มจึงไม่อาจเข้าไปเกี่ยวข้องได้ แต่เพื่อผลทางคดีเขาจึงได้รับคำสั่งให้มาเห็นจดหมายด้วยตาตัวเอง แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่เข้าใจสิ่งที่อยู่ตรงหน้าอยู่ดี
    “พี่แสนดีใจได้รับจดหมายจากไปรษณีย์ จ่าหน้าซองถึงพี่สอดซองสีนี้ม่ายช่ายใคร พี่จำแน่นอน ว่า... โอ๊ย...มันเจ็บนะพี่หมอ มือหรือขาหน้าน่ะ”
    สมเจตจับศรีษะตัวเองเพื่อความแน่ใจว่ามันยังอยู่ติดกับคอ เมื่อถูกมือของรุ่นพี่ตบด้วยความหมั่นใส้เข้าไปเต็มๆ
    “มึงไม่มีเหี้ยอะไรที่สร้างสรรค์ กว่าเพลงรุ่นดึกดําบรรพ์หรือไงว่ะ กลางคืนก็ไปรับจ๊อบเล่นดนตรีเสือกร้องเป็นแต่เพลงคนแก่”
    “ก็ไอ้เพลงวัยรุ่นมันฟังจนเอียนแล้วไงพี่ เพลงโบราณเนี่ยแหละคลาสสิคดี”
    หมอสัมส่ายหน้าระอาพร้อมกับคิดในใจว่าถ้ามันยังตั้งหน้ากวนอารมณ์เขาอีกสักพัก ด้วยความเครียดระดับนี้เขาต้องส่งมันไปนอนโรงพยาบาลอีกครั้งแน่ หลังจากที่มันไปนอนเจ็บหนักเมื่อหลายเดือนก่อน หรือไม่งั้นเขาก็อาจจะส่งมันไปนอนล๊อกเกอร์ตู้เย็นที่ว่างอยู่เลย จะได้หมดเวรหมดกรรมกันไปเสียที
    “ไงไอ้หมอปลื้มกับจดหมายรักอยู่หรอ”
    คนเป็นหมออยากหันไปตบหัวเพื่อนตำรวจแบบที่ทำกับไอ้จุ๊ยเมื่อกี้นี้ แต่ติดตรงที่หมวดชาญมีปฎิกิริยาตอบสนองต่อการถูกทำร้ายร่างกายแบบทำร้ายกลับ เขาจึงได้แต่หันไปทักทายเพื่อนแบบสุภาพแทน
    “ถ้ามึงไม่มีอะไรพูดให้กูหายเครียด มึงก็เก็บปากไปตดที่อื่นไป”
    หมวดชาญหัวเราะขำกับอาการหงุดหงิดเหมือนผู้หญิงเมนส์มาของเพื่อน เพราะหลายวันมานี่หมอสัมนอนหลับไม่สนิทเพราะโดนพวกตัวป่วนมาจอดรถเสียงดังตอนกลางคืน จนหมอผ่าศพร่ำๆ จะลงไปฆ่าพวกที่เข้าจอดรถที่คอนโดตอนดึกๆ หลายทีแล้ว
    “ใจเย็นสิว่ะ แค่นอนไม่พอนิดๆ หน่อยๆ เอง”
    “ไม่นิดไม่หน่อยโว๊ย ห้องเก่าหันไปทางด้านหลังสงบกว่าตั้งเยอะ ห้องนี้แม่งหันไปทางลานจอดรถ กลางคืนเสียงดัง กูไม่ชอบ กูจะย้ายกลับ”
    ชาญเดชส่ายหัว เขารู้ดีว่าเห็นแก่ตัวที่บังคับให้เพื่อนสลับห้องกับธัญญ์ชยาแฟนสาวของเขา แต่จะยอมเห็นคนรักขวัญผวาเพราะนอนห้องที่เกิดคดีฆาตกรรม เขาก็ทนไม่ได้เหมือนกัน
    “เอาน่าเดี๋ยวกูติดแอร์ให้ จ่ายค่าไฟให้ด้วยนะ ทำเป็นห้องเก็บเสียง มึงจะได้ไม่หนวกหู”
    “ไม่เอา กูไม่ชอบทำให้โลกร้อน กูจะย้ายกลับ”
    “ตามใจ กูจะไปบอกธัญญ่าก่อนแล้วกัน เขาจะได้ทำใจไปนอนห้องเดิมแต่เนิ่นๆ ถ้าไม่ไหวก็ย้ายไปที่อื่น แค่นี้เขาคงไม่ว่าอะไรมึงหรอก”
    เมื่อพูดกันดีๆ หมอผ่าศพยังงอแง นายตำรวจจึงต้องเอาแฟนมาอ้าง และเช่นเคยที่ชื่อธัญญ่าทำให้หมอสัมใจเย็นลง เพราะธัญญ์ชยาเป็นผู้หญิงเพียงคนเดียวที่หมอสัมให้ความสนิทสนมห่วงใย นอกเหนือจากญาติสนิท
    “เออ...กูอยู่ก็ได้ แต่มึงต้องไปจัดการกับนิติฯให้กู ถ้าเสียงดังอีก กูจะลงไปต่อยกะมัน คราวนี้มึงต้องไปประกันตัวกูแน่”
    หมวชาญแทบกลั้นยิ้มไม่อยู่ เมื่อเห็นพื่อนที่ใจเย็นเสมอแทบฆ่าคนได้เพราะอดนอนไม่กี่คืน แต่จุ๊ยหัวเราะเสียงดังแบบไม่ออมเสียง ก่อนจะชะงักกึกเมื่อเจอรังสีสังหารจากรุ่นพี่
    “อย่าเพิ่งโกรธสิครับพี่หมอ ผมมีข่าวดีมาบอก”
    เมื่อตาของหมอหนุ่มยังโหดเช่นเดิม ผู้ช่วยจึงรีบพูดเร็วปรื้อ
    “ห้อง616 กำลังจะว่างแล้วครับ นิติบอกผมเมื่อคืน ผมบอกธัญญ่าไปแล้ว เห็นเขาว่าจะโทรไปจอง วันนี้ แต่ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร คราวนี้พี่หมอก็ย้ายกลับห้องเดิม ธัญญ่าก็อยู่ห้องข้างๆ ทุกคนแฮปปี้ โลกก็สงบสุข”
    “ได้อย่างนั้นก็ดี กูไม่อยากฆ่าใครตายเพราะจอดรถผิดเวลา ว่าแต่มึงเหอะ ไอ้หมวดมาเสนอหน้าทำอะไรเนี่ย”
    ถึงจะอารมณ์ดีขึ้นระดับนึงหมอสัมก็ยังไม่วายหันไปแขวะเพื่อน
    “มาตรวจสอบความคืบหน้าของคดี”
    หมวดชาญบอกเรียบๆ ก่อนจะหันไปเพ่งพิศ ร่างกายที่นอนคว่ำหน้าอยู่บนเตียง แต่เพื่อนหมอที่ฮอร์โมนยังไม่ลงหาเหตุกวนตีนต่อ
    “ย้ายกลับมาสืบสวนอีกแล้วหรือมึง ย้ายไปย้ายมา ทำเป็นพระเอกข้ามช่อง นักการเมืองย้ายพรรค นายไม่ด่าบ้างหรือไง”
    “จะด่าทำไม คราวที่แล้ว ไม่ได้กูคิดหรือว่าจะปิดคดีได้”
    ตอนแรกหมวดชาญก็พูดด้วยความภูมิใจในตัวเอง แต่พอถูกหมอยิ้มเยาะ ตำรวจจึงรีบแก้ไขคำพูดใหม่
    “เออ เออ กูรู้ว่าไม่ได้มึงกะไอ้จุ๊ยกูก็ปิดคดีไม่ได้ แต่ยังไงผู้กำกับเขาก็มองว่ากูเหมาะกับสืบสวนมากกว่า”
    ถึงเพื่อนจะแก้ต่างยาว แต่คนรู้จริงยังจิกไม่เลิก
    “เอาความจริง”
    “ทำคดียาเสพติดมันเสี่ยงตายมากกว่าว่ะ อีกอย่างกูอยากมีเวลาอยู่กับธัญญ่าเยอะๆ ทำคดียาเสพติด เดี๋ยวก็ต้องไปศาล เดี๋ยวก็ต้องไปรายงานกับปปส.ไม่ค่อยมีเวลาให้เขาเลย”
    “ไอ้ที่อยู่ทุกวันนี้ยังไม่พออีกหรอ เช้าไปส่งเย็นไปรับ ก่อนนอนต้องราตรีสวัสดิ์ แถมกินข้าวด้วยกันทุกมื้อ แล้วคิดหรอว่ากูไม่รู้ว่ามึงไปกินข้าวกะธัญญ่าตอนกลางวันด้วย กูว่าถ้ามึงอยากได้เวลามากกว่านี้ มึงแต่งกะธัญญ่าไปเลยดีกว่า”
    หมอสัมร่ายยาว พร้อมกับสรุปด้วยการแนะนำในสิ่งที่เขาคิดว่าเพื่อนควรทำ
    “กูยังไม่พร้อม”
    “ไม่พร้อมอะไรว่ะ งานก็มี เงินก็โอ อายุก็ถึง หรือมึงจะรอให้ธัญญ่ามาขอ”
    หมอสัมใส่ฉอดๆ หมวดชาญได้แต่มองตาปริบๆ ไม่กล้าเถียงว่าทำไมตัวเองถึงยังรีรออยู่ แต่ไอ้ตัวป่วนเข้ามาเจ้อทันที
    “ผมว่าพี่ชาญน่าจะเสียดายความโสด”
    หมวดชาญสะดุ้งโหยงที่ไอ้จุ๊ยรู้จริง หมอสัมจึงเล่นงานเพื่อนต่ออีก
    “เสียดายความโสด เหตุผลแมวๆ มึงจะสามสิบสามแล้วนะโว๊ย ธัญญ่าก็อายุพอๆ กัน จะรอให้รังไข่เขาฝ่อ น้ำเชื้อมึงเน่าหรือไง หรือว่ามึงไม่อยากมีลูก”
    “กูก็อยากมีนะลูก แต่กู...”
    ชาญเดชอ้าปากจะแก้ตัว แต่โดนสัมมาอบรมแบบคนเคยมีแต่งงานมาก่อน
    “พอเลยมึง คิดดูดีๆ แล้วกัน ธัญญ่าเขาผู้หญิงนะ ถึงหน้าจะเด็กแต่อายุเขาเพิ่มขึ้นทุกวัน มึงมัวแต่อ้างไม่พร้อม ไม่พร้อม ระวังเขาจะไปเจอคนที่พร้อมกว่ามึง แล้วอย่ามาร้องไห้ให้กูได้ยินนะ”
    “นี่มึงเป็นเพื่อนกูหรือเปล่าเนี่ย ห่วงแฟนกูเหลือเกิน”
    เมื่อหมอสัมหยุดหายใจ หมวดชาญจึงรีบขัดก่อนที่เพื่อนจะร่ายยาวถึงการมีชีวิตคู่ แต่ดันจบที่ไอ้จุ๊ยสอดขึ้นมาให้เสียเรื่อง
    “ช่ายพี่ ถ้าไม่รู้ ต้องคิดว่าพี่หมอรอเสียบแน่เลย”
    “ไอ้จุ๊ย ไม่มีเหี้ยอะไรจะพูดแล้วใช่ไหม”
    นอกจากน้ำเสียงโหดๆ และหน้าดุๆ สายตาของหมอสัมก็เหมือนพร้อมจะส่งมันไปเตรียมผ่าเอากระโหลกออก ไอ้ตัวแสบรีบหลบหลังชาญพร้อมกับแก้ตัวเสียงอ๋อย
    “อ่ะ ผมล้อเล่นนะพี่หมอ”
    หมอสัมคิดแล้วว่าโมโหมันไปก็เท่านั้น จึงหันไปทางหมวดชาญแทน
    “มาเรื่องงานดีกว่า ตกลงมึงดูคดีนี่ใช่ไหม มีอะไรคืบหน้าบ้างล่ะ นอกจากที่มันพิศวาสกูเป็นการส่วนตัว”
    พอเข้าเรื่องหมวดชาญก็ยิ้มกว้างเพราะได้ข้อมูลเด็ดๆ มาเซอร์ไพร์เพื่อน
    “นอกจากพิศวาสมึงเป็นการส่วนตัว มันพิศวาสมึงมานานแล้วด้วย”
    เมื่อหมอสัมยังทำหน้าไม่เข้าใจ หมวดชาญก็อธิบายต่ออีกนิด
    “เหยื่อชื่ออลงกรณ์ หรือต้น มึงคุ้นๆ ไหม”
    “ใครว่ะ แล้วมึงรู้ชื่อได้ไง มีคนมาแจ้งญาติหายหรือ”
    “เปล่ากูจำหน้าได้ แต่ต้องไปตรวจให้แน่ใจ”
    พูดไปหมวดชาญก็เดินมายืนข้างๆ เตียงผ่า ข้อดีของเขาคือการจำหน้าและชื่อ รวมถึงลักษณะเด่นๆ ของคนที่เคยเจอได้ เพียงแต่ครั้งนี้เขาไม่เจอหน้าผู้ตายมานานจึงอยากตรวจสอบก่อน
    “มันเป็นเพื่อนร่วมรุ่นเราตอนเรียนมัธยมไงล่ะ แต่เราเรียนห้องหนึ่งมันเรียนห้องสาม ไอ้คนที่ชอบไปเสนอหน้าบนเวทีบ่อยๆ ไง”
    “ไอ้ทาทาน่ะหรอ”
    หมอสัมนึกออกทันทีว่าผู้ตายเป็นเพื่อนร่วมรุ่นที่มีท่าทางกระตุ้งกระติ้งตั้งแต่สมัยเรียน เป็นพวกที่ชอบกิจกรรมและเนื่องจากช่วงนั้นนักร้องสาวที่ได้รับความนิยมคือ ทาทา ยัง นายอลงกรณ์หรือต้นจึงนำมาเลียนแบบเสมอ
    “โอ้โห กี่ปีมาแล้วเนี่ย พี่หมวดเนี่ยไม่ต่างกับเครื่องแสกนเลยนะ เห็นแค่แป๊บๆ ก็จำได้ เวลาอ่านตำราก็รอบเดียวเลยดิ”
    “เฉพาะกับคนเท่านั้นแหละ เรื่องเรียนมันไม่ได้เรื่องหรอก”
    “เออ...ใครจะได้ที่หนึ่งตลอดเหมือนมึงล่ะ ว่าแต่ผลชันสูจน์คืบหน้าไปไหนแล้ว”
    นายตำรวจกัดฟันถามไปถึงเรื่องงานแทน เพราะถ้าเป็นเรื่องเรียนใครจะไปสู้หมอสัมได้ เมื่อหมวดชาญถามเรื่องถนัด หมอสัมก็พร้อมตอบทันที
    “มันมีอะไรกว่าที่ตาเห็นเยอะเชียวล่ะมึง”
    To be continue.
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×