ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    คำสารภาพของฆาตกร ภาค3 (The Message)

    ลำดับตอนที่ #10 : ตอนที่ 7 คืนที่มืดมนและราตรีที่ไม่สิ้นสุด

    • อัปเดตล่าสุด 31 ต.ค. 54


     
    ตอนที่ 7 คืนที่มืดมนและราตรีที่ไม่สิ้นสุด
    ความมืดมิดของราตรีไม่มีจุดบอกขอบเขต มันครอบคลุมทั่วทั้งผืนฟ้า ครอบคลุมทุกมุมเมือง ซ่อนซุกสิ่งที่มิอาจมองเห็น ซ่อนความคิดคำนึงและความรู้สึกโหยหา แต่ไม่อาจปิดบังซ่อนเร้นความเศร้าและความเจ็บปวดของใครบางคน
    “ผมกลับห้องก่อนนะครับ”
    วิทยาพูดออกมาหลังจากส่งอริญถึงห้อง ระหว่างทางที่นั่งแท๊กซี่ด้วยกันมาหญิงสาวเอาแต่นั่งเงียบ แม้ว่าวิทยาจะชวนพูดคุยเท่าไหร่ อริญก็ตอบเพียงสั้นๆ จนวิทยานึกเสียใจที่ไม่ยอมลากคนช่างพูดอย่างอรัญกลับมาพร้อมกัน
    “ขอคุยอะไรด้วยหน่อยได้ไหม”
    อริญเอ่ยขึ้นมาเรียบๆ วิทยาชะงักเท้าที่กำลังจะเดินจากไป เขามองใบหน้าของหญิงสาวด้วยความประหลาดใจ แต่เธอปิดบังความรู้สึกด้วยการเบือนหน้าหนี และเสเดินไปเปิดตู้เย็นหยิบขวดน้ำสีอำพันออกมาพร้อมกับแก้วอีกสองใบ วิทยาไม่รู้ว่าอริญต้องการอะไรจากเขา จึงหันไปปิดประตูแล้วเดินเข้ามาใกล้ พร้อมกับที่อริญเดินไปนั่งที่โต๊ะกินข้าวตัวเล็ก แล้วรินเหล้าส่งให้
    “กินเพียวๆ ได้ไหม พี่ขี้เกียจผสม”
    ชายหนุ่มรับมาดื่มเงียบๆ หลังจากแก้วแรกพร่องลง อริญก็รินให้เขาเพิ่ม พร้อมกับรินให้ตัวเองเป็นแก้วที่สาม
    “ผมว่าพอแค่นี้ดีกว่าไหมครับ”
    “กอร์ฟไม่อยากดื่มต่อแล้วหรอ”
    ตาเรียวสวยตามเชื้อสายเกาหลีตวัดมองจนกอร์ฟต้องหลบตา แล้วรีบพูดโกหกด้วยความหวังว่าเมื่อไม่มีคนดื่มเป็นเพื่อน อริญจะหยุดดื่มเหล้าเหมือนน้ำเสียที
    “ครับผมชักจะไม่ไหวแล้ว”
    “ได้ แต่พี่ขอดื่มต่อนะ”
    อริญย้ำคำนั้นด้วยการกระดกเหล้าเข้าปากต่อ วิทยาไม่รู้จะออกปากห้ามยังไง เพราะตามปกติคนคอยห้ามมักจะเป็นอรัญที่พูดเก่งกว่า แต่ในที่สุดเขาก็ทนไม่ไหวเอื้อมมือไปยึดข้อมือของหญิงสาวก่อนที่จะรินเหล้าให้ตัวเองเพิ่มอีก
    “ถ้าแกไม่ดื่มก็เรื่องของแกนะกอร์ฟ แต่อย่ามาห้ามฉัน”
    มือบางพยายามฉุดดึงตัวเองออกจากการเกาะกุม แต่มือของวิทยาที่แข็งแรงกว่า ไม่ยอมปล่อยง่ายๆ แม้จะไม่เคยห้ามปรามรุ่นพี่เลยสักครั้งแต่เขาก็ต้องทำใจแข็ง เพราะไม่อยากให้เธอทำร้ายตัวเองอีกต่อไป
    “พอเถอะพี่เอย พี่ทำแบบนี้มันไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้นมาเลยนะ”
    “แล้วไง ต่อให้ฉันทำดีแค่ไหน ไอ้หมอก็ไม่หันมามองฉันหรอก”
    ประโยคนั้นกลั่นออกมาจากใจ พร้อมกับน้ำตาที่ไหลออกมาอีกครั้ง มือแข็งแรงของวิทยาปล่อยการยึดจับข้อมือของคนตรงหน้าทันที พร้อมความเจ็บปวดเหมือนหัวใจถูกบีบด้วยน้ำตาของหญิงสาว เมื่อเป็นอิสระอริญก็ไม่หยิบขวดเหล้าขึ้นมาอีก  แต่ตัดพ้อถึงคนที่ไม่ได้นั่งอยู่ด้วย
    “ฉันรักมันมาเป็นสิบปี มันแต่งกับก้อยฉันก็พยายามตัดใจ แต่นี่ก้อยตายมาตั้งหลายปีแล้วนะ ทำไมมันยังไม่คิดจะมองมาที่ฉันบ้าง”
    “ก็คงเหมือนที่พี่ตัดใจจากพี่หมอไม่ได้น่ะแหละ”
    เสียงเรียบๆ ของวิทยาตัดบทคำคร่ำครวญของอริญ หญิงสาวเงยหน้ามองชายหนุ่มตรงหน้าพร้อมกับรับรู้ความเข้าใจที่เขามีให้แก่เธอ
    “แล้วแกล่ะตัดใจจากฉันได้หรือยัง”
    คำถามแทงใจดำชนิดที่ทำให้วิทยาหน้าเปลี่ยนสี ห้องเหมือนจะเล็กลงทันควัน ชายหนุ่มรีบลุกขึ้นจากเก้าอี้ที่นั่งอยู่เพื่อสร้างระยะห่างระหว่างทั้งคู่
    “ผม...ผมต้องไปแล้ว”
    “อย่าไปได้ไหม”
    ช่วงเวลาที่วิทยากำลังลังเล อริญก็เดินเข้ามาประชิดร่างสูงแล้วโอบกอดเขาจากทางเบื้องหลัง เสนอในสิ่งที่ใจของเขาต้องการ
    “คืนนี้แกอยู่ที่นี่ทั้งคืนได้หรือเปล่า อยู่กับฉันนะ”
    วิทยาต้องใช้ความเข้มแข็งของใจเป็นอย่างมากที่จะรั้งมือนุ่มที่โอบรอบเอวเขาออก ก่อนที่มือนั้นจะรั้งกอดเขาอีก กอร์ฟก็หมุนตัวมาเผชิญหน้ากับเอย
    “ผมไม่ใช่ตัวแทนของพี่หมอนะครับ”
    อริญชะงักไปทันที เธอมองเข้าไปในดวงตาของวิทยาแล้วก็เห็นความร้าวรอนที่เธอสร้างให้กับเขา หลายปีที่เธอเจ็บเพราะรักสัมมา ก็พอๆ กับหลายปีที่วิทยาต้องเจ็บเพราะรักเธอ
    “ฉันขอโทษ ไม่สิ เอยขอโทษนะ”
    มือบางสองข้างประคองใบหน้าคมไว้ วิทยาหลับตาลงเพื่อซึมซับความอ่อนโยนของสัมผัสนั้น เขารู้สึกถึงลมหายใจเบาๆ ที่เป่ารดแก้ม ก่อนที่เขาจะลืมตา ริมฝีปากนุ่มก็แตะรอยจุมพิตเบาๆ บนริมฝีปากของเขา ชายหนุ่มไม่ถอยหนีแต่ไม่โอนอ่อน มือที่ประคองแก้มจึงเลื่อนไปยังท้ายทอยเพื่อรั้งร่างสูงให้ตอบรับจูบที่ลึกซึ้งและเร้าร้อน มันเป็นความหวานปนขมที่ยากจะตัดใจได้ มือที่ตกอยู่ข้างตัวเมื่อครู่จึงปรับเปลี่ยนมาโอบกอดรั้งร่างบางให้เข้าใกล้ร่างของเขามากยิ่งขึ้น แต่ไม่ว่าจะใกล้แค่ไหนเขาก็รู้ ว่ามันไม่มีหนทางที่เขาจะเข้าไปใกล้ใจของเธอเลย
    ...................................................
    ดนตรีสดเลิกไปสักพักแล้ว แต่ในผับยังเปิดไฟเพียงสลัว ความมืดมัวคลอบคลุมทุกซอบหลืบ ที่แสงสว่างไม่อาจกล้ำกลายไปขับไล่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในหัวใจของสัมมา ดวงตาเขาเหม่อมองไปไกล จนแม้แต่คนนั่งใกล้ยังรู้สึก
    “ถ้าคุณหมอเบื่อเรากลับห้องกันเลยดีไหม”
    สัมมายังไม่เคยพูดสักคำว่าจะไปต่อกับเมย์ แต่ในเมื่อคืนนี้มันแสนจะยุ่งเหยิงสับสน เขาเองก็มึนเมาจนสติแทบไม่หลงเหลือจึงไม่รู้จะปฏิเสธยังไง โชคดีที่ยังมีคนที่พอจะคิดแทนให้ได้
    “คงไม่ได้มั้งครับ พรุ่งนี้ผมขี้เกียจแซะซากของพี่หมอไปทำงานซะด้วย”
    จุ๊ยที่โผล่มาพอดี เอ่ยปากดื้อๆ พร้อมกับเลือกที่โปรยยิ้มที่คัดเอาไว้แล้วว่าเหมาะกับสถาณการณ์ที่สุดส่งให้หญิงสาว
    “แหม...แป๊บเดียวเอง คุณ...เอ้อ”
    ตอนแรกเมย์ก็อยากจะปล่อยหมอสัมไป เพราะได้ในสิ่งที่ตัวเองต้องการแล้ว แต่พอมองผู้ชายหน้าหวานตรงหน้าชัดๆ ก็จำได้ว่าเป็นคนเดียวกับมือกีต้าที่เล่นในคืนนี้ จึงเลือกโปรยสเน่ห์แทน จุ๊ยเองก็ตอบรับทันทีอย่างรู้งาน
    “จุ๊ยครับ”
    “คุณจุ๊ยจะไปด้วยก็ได้นะค่ะ คืนนี้เมย์เหงาไม่อยากอยู่คนเดียว”
    ถ้าเรื่องนี้ไม่เคยเกิดขึ้นบ่อยๆ สมเจตคงจะรู้สึกกระดากอายที่หญิงสาวคิดจะรวบหัวรวบหางทั้งเขาและรุ่นพี่ เข้าห้องพร้อมกัน แต่เมื่อผ่านเหตุการณ์คล้ายกันมาเป็นครั้งที่สิบชายหนุ่มก็มองว่ามันเป็นเรื่องปกติที่จะเกิดในยามค่ำคืนของคนเหงา
    “ไม่ดีกว่าครับ พรุ่งนี้ผมกับพี่หมอต้องทำงานแต่เช้าเลย แล้วพี่หมอน่าจะบอกคุณเมย์แล้ว ว่างานแบบเราต้องใช้สมาธิสูงอดนอนมากไม่ได้”
    “คุณจุ๊ยก็เป็นหมอเหมือนกันหรอค่ะ”
    พอเห็นประกายตาวิบวับของอีกฝ่าย สมเจตก็อยากเตะปากตัวเองที่พูดแก้ตัวไม่คิดทำให้การชิ่งหนีสาวล่าแต้มดูจะยากขึ้นไปอีก
    “ผมเป็นแค่ผู้ช่วยครับ”
    “แล้วทำงานแบบนี้ด้วย ไม่เหนื่อยหรอค่ะ”
    “เหนื่อยสิครับ แต่ผมชอบเล่นดนตรีด้วย เลยต้องยอมลำบากหน่อย คืนพรุ่งนี้คุณเมย์ว่างไหมครับพรุ่งนี้ผมจะมาเล่นที่นี่อีก อยากให้คุณเมย์มาฟังด้วย”
    คนสุดลื่นรีบไถลหนีสุดตัว โดยให้ความหวังถึงคืนพรุ่งนี้ ทั้งที่ตัวเขาเล่นเฉพาะคืนวันศุกร์เท่านั้น เมื่อหญิงสาวรับคำว่าจะมาดู สมเจตก็รีบดึงแขนรุ่นพี่ที่กำลังเมาหนักพร้อมกับแบกกระเป๋ากีต้าออกจากร้านทันที
    อีกด้านของร้านที่แสงไม่อาจส่องถึงดวงตาคู่หนึ่งจ้องมองไปยังจุดที่หญิงสาวยังนั่งอยู่ เมื่อมั่นใจว่าทุกคนที่เกี่ยวข้องได้จากไปแล้ว ก็เคลื่อนที่เดินเข้าไปหาคนที่ทำให้คืนนี้ของเขามืดมนกว่าปกติ
    “คืนนี้คุณจะอยู่ที่นี่อีกนานไหมครับ”
    เมย์หันมามองคนพูดด้วยความประหลาดใจ ดวงไฟที่อยู่เบื้องหลังทำให้เห็นเพียงโครงร่างใหญ่ และใบหน้าที่ซ่อนในเงามืด เธอรู้สึกถึงใจของตัวเองที่เต้นแปลกๆ แต่ก่อนที่หญิงสาวจะทันรู้สึกหวาดกลัว เขาก็เดินเข้ามาในจุดที่แสงส่องถึง ทำให้เมย์เห็นถึงความหล่อเหลา และรอยยิ้มที่เป็นมิตร
    “เมย์ว่าคืนนี้ มันก็ขึ้นอยู่กับว่าเราทั้งคู่จะทำอะไรกันต่อ”
    แม้ว่าบางอย่างจะส่งเสียงเตือนในจิตสำนึกของเมย์ แต่เธอก็ปัดมันทิ้งไป เมื่อชายหนุ่มตรงหน้ามองเธอด้วยท่าทางเหมือนว่าเธอเป็นหญิงสาวที่พิเศษกว่าใครๆ
    “ถ้าได้อยู่กับคุณ ผมจะทำทุกอย่างให้คืนนี้ไม่สิ้นสุดง่ายๆ แน่ครับ”
    รอยยิ้มเป็นมิตรของคนแปลกหน้าทำลายความหวาดระแวงในใจหญิงสาว จนลืมสังเกตว่ารอยยิ้มนั้นส่งผ่านไปไม่ถึงดวงตาที่มืดหม่น
    To be continue.
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×