ลำดับตอนที่ #2
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : best day of life?[100%]
ตอนที่ 1
a best day of my life?
ปล.เริ่มตอนที่นายเอกของเราเป็นเด็กก่อนเน้อแต่ค่อนข้างยาว T^T
-------------------------------------------------------------------------------------------------------
ท้องฟ้าวันนี้ดูมืดครึ้มหน่อยๆราวกับฝนจะตก อากาศร้อนอบอ้าวชวนให้เหงื่อเม็ดเล็กๆไหลท่วม ยิ่งอยู่รวมกับกลุ่มคนท่วมท้นขนาดนี้ยิ่งรู้สึกร้อนแล้วใหญ่ ถึงบรรยากาศจะแย่ยังไงแต่เหมือนทุกคนจะไม่ยอมแพ้...
บรรยายกาศที่กลุ่มเด็กวัยรุ่นในเครื่องแบบนักเรียนต่างกัน ยืนอออยู่รอบกรงเหล็กของสนามเทนนิสขนาดใหญ่ วันนี้ไม่มีนักกีฬาที่ขยันซ้อม ไม่มีแมทแข่งขันใดๆ แต่หากทั้งสนามว่างเปล่า แม้แต่เน็ทที่มักจะขึงอยู่ก็ถูกถอดออก เหลือแต่ตอหัวเสาโดดๆ ตรงกรงเหล็กด้านในของสนามถูกแขวนด้วยบอร์ดไม้มากกว่า 50 บอร์ด
พอเหล่าสต๊าฟ 2-3 คน เดินเข้ามาภายในบริเวณกรงเหล็ก เสียงฮือฮาด้วยความรอคอยก็ดังขึ้น เอกสารสีขาวที่พวกเค้าถือค่อยๆถูกนำไปแปะตามบอร์ดไม้ ทุกแผ่นล้วนมีสิ่งๆเดียวที่เหมือนกัน
ประกาศผลสอบ!
หัวใจของคนที่รออยู่ด้านนอกเริ่มเต้นอย่างไม่เป็นจังหวะ รู้สึกถึงความระส่ำระสาย ร้อนๆหนาวๆ แต่บางคนก็ดูไม่รู้สึกอะไรเพราะอาจจะเห็นการทดสอบคัดเลือกเข้าโครงการของรัฐบาล(ที่ไม่มีผลกระทบสักนิดกับตัวเอง)เลยทำมาเล่นๆ แต่สำหรับบางคนไม่ใช่ มันคือทั้งชีวิตของเค้า...
เด็กหนุ่มผมสีดำหยักศกกำลังใช้ดวงตาสีดำนิลจับจ้องไปยังประตูเหล็กของลานประกาศผล หน้าของเค้าบอกถึงความเคร่งเครียดอย่างเห็นได้ชัด รอบนี้เค้าคงตั้งไว้สูงทีเดียว สีหน้าและแววตาถึงจะดูราบเรียบ แต่ภายในจังหวะหัวใจเต้นแรงมากอย่างที่เค้าเองก็ไม่อาจควบคุม
“ปี๊ด...” เสียงเป่านกหวีดเพื่อเป็นสัญญาณ กลุ่มนักเรียนเริ่มตื่นตัวขึ้น และแล้วประตูก็เปิดออก
เสียงโฮ่ห่าใหญ่ดังขึ้นพร้อมกับกลุ่มเด็กที่วิ่งเข้าไป ซึ่งเพียงไม่กี่วินาทีก็ไปออกันเต็มสนาม เป้าหมายของแต่ละคนอยู่ที่แผ่นกระดาษสีขาว ประตูบานอื่นๆถูกเปิดจนหมดเพื่อรองรับการทยอยเข้าออก
เด็กหนุ่มผมสีดำยังคงเดินลัดเลอะฝ่าฝูงชน บางคนก็เริ่มที่ทยอยออกมาบ้างเมื่อทราบผลของตัวเอง ไม่ว่าจะเสียงหัวเราะหรือร้องไห้ เสียงต่างๆก็คละเคล้ากันไปและดูเหมือนครั้งนี้เสียงร้องไห้จะดังกว่าเพราะจาก 1000 ความคนที่คัดเลือกกันมา จะมีเพียง 80 คนเท่านั้นที่จะชนะโครงการนี้
เมื่อเห็นกระนั้นเด็กหนุ่มก็หยุดลงด้วยความกังวล ตัวของเค้าวูบๆอีกครั้งเพราะความตื่นเต้นและกังวล ร่างของเขาอยู่ห่างจากกระดานประกาศผลพอประมาณ ไม่นานนักจากที่มีคนนับพันอยู่เต็มสนาม ในตอนนี้เหลือเพียงไม่กี่ร้อยคนเท่านั้นที่ยังอยู่ เด็กหนุ่มตัดสินใจที่จะไปดูอย่างแน่วแน่ มันมีโอกาสเป็นไปได้น้อย เพราะที่มากันก็ใช่แค่ว่าเค้าเท่านั้นที่เก่ง แต่คนอื่นๆก็ระดับหัวกะทิทั้งนั้น
ไม่ว่ายังไงก็ต้องติดอยู่แล้ว...พรางคิดก่อนจะหัวเราะแฮ่ๆในใจ -___-
นี่แกเป็นบ้าอะไร หน้าอย่างแกนะหรอจะมีสิทธิ์ได้! มันคือ อีกความคิดหนึ่ง -*-
ร่างของเค้าเคลื่อนเข้าไปหาบอร์ดที่ยังมีคนอีกสิบกว่าคนยืนอยู่ เขายืนรอสักพักเพื่อรอจังหวะ พอมีช่องว่างเค้าก็เคลื่อนเข้าไป
“เฮ้! เคียวยะ” เสียงที่คุ้นเคยเรียกชื่อเค้า เด็กหนุ่มสะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะละสายตาไปยังชายคนนั้น
“ครูยินดีด้วย ^ ^”
“หา...ครูฮะ ว่าไรนะ” เด็กหนุ่มตกใจเล็กน้อย แต่ก็พูดย้อนถามอีกรอบเพื่อความแน่ใจ ซึ่งครูของเค้าก็ยิ้มเล็กน้อยอย่างอารมณ์ดี
“เธอสอบติด!”
ดวงตาของเคียวยะเบิกกว้าง ก่อนจะพูดต่ออย่างดีใจ
“จริงหรอฮะ” ว่าแล้วก็รีบหันไปไล่ดูรายชื่อจากล่างขึ้นบน ดวงตาของเค้ารีบไล่ แต่ก่อนที่จะได้ไล่สายตา ดวงตาของเค้าก็สะดุด ความรู้สึกแป๋วเบาๆ ครูอุตส่าห์พูดหน้าระรื่นขนาดนี้ทั้งที่คิดว่ามันน่าจะสูงกว่านี้หน่อย แต่ชื่อของเค้ากับอยู่ปลายสุดแผ่นกระดาษ
ID117878 NO.80Sasano Kyoya 169/240
“เฮ้อ” เด็กหนุ่มถึงกลับถอนหายใจเบาๆ แต่ก็เอาน่าติดแล้วๆ >
<
“ทำได้ดีมาก” ชายที่เคียวยะเรียกว่าครูจับหัวเคียวยะเบาๆ
“ขอบคุณฮะ” เคียวยะยิ้มก่อนจะเอ่ยไป
“นี่ของเธอ” เขายื่นกระดาษให้เคียวยะหนึ่งแผ่น เด็กหนุ่มรับหน้างงๆแต่พอกวาดสายตาก็รู้ว่ามันคือใบยืนยันที่เป็นหลักฐานว่าเค้าสอบติด
“ติดไอ่นี่แล้ว ไม่ต้องกังวลว่าจะไม่ได้เรียนจนจบ” เคียวยะพนักหน้าน้อยๆแล้วยิ้มแฉ่ง ร่างของเด็กหนุ่มค่อยๆเคลื่อนราวกับจะรีบวิ่ง
“ผมกลับบ้านแล้วนะฮะ” ชายคนนั้นพยักหน้าน้อยๆก่อนที่ร่างบางของเด็กหนุ่มก็เคลื่อนตัวออกไป
สุดท้ายก็สุดท้ายสิแต่เธอก็อายุน้อยที่สุดที่สอบมันติด...
วันนี้เป็นวันดีที่สุดในชีวิตของผม เป็นวันที่ความพยายามทุกอย่างประสบความสำเร็จ มันจบลงด้วยดี ช่าย ดีมาก... ฮ่าๆๆ >/////< อย่างงี้ต้องฉลองๆ เรานี่เก่งเป็นบ้าเลยว่ะ
เด็กหนุ่มในชุดนักเรียนคอปกสีขาว กางเกงขายาวสีดำยิ้มอย่างเริงร่า ไอ่สอบนี่ผลตอบแทนมันไม่มากหรอ(ทั้งที่หินสุดๆไม่รู้เหมือนกันว่าคนแต่งไปขุดจากนรกขุมไหน T^T) คือเค้าจะมีสิทธิ์เรียนจนจบขั้นสุดท้ายอย่างชัวร์ๆ(ที่นอกด้วย >.<)แบบว่าฟรีทุกอย่าง ไม่ว่าจะหนังสือ ค่าเทอมต่างๆนานา บลา บลา... แต่อย่างว่าก็เหอะที่เค้าสอบก็ใช่ว่าบ้านของเค้ายากจนอะไร แต่ที่บ้านเค้าตอนนี้ครอบครัวจริงๆที่เหลืออยู่คือแม่กับน้องสาวเท่านั้น ส่วนคนที่เค้าต้องกล่ำกลืนเรียกพ่อนั้นไม่ใช่พ่อจริงๆของเค้า
ผมไม่อยากพึ่งเค้าหนะ ผมไม่อยากติดบุญคุณใครถ้ามันไม่จำเป็น...-____-
เม็ดฝนเริ่มร่วงลงอย่างช้าๆ เมื่อมองทางแล้วก็เหลืออีกกว่าครึ่งทางจะถึงบ้าน เคียวยะเก็บใบประกาศผลลงในกระเป๋าสะพานที่เค้าพาดมันอยู่ที่ไหลข้างหนึ่ง มันสำคัญมากจะให้เปียกไม่ได้เด็ดขาด >/////<
เค้าสะพายกระเป๋าโดยพาดสายสะพายทั้งสองเข้ากับบ่า ก่อนจะรีบวิ่งฝ่าฝนที่เริ่มจะตกหนักขึ้นเรื่อยๆ หลังจากวิ่งลงเนินถนนที่เค้าคุ้นเคยนัยน์ตาสีดำแฝงแววฉลาดลึกของเคียวยะก็ตวัดไปมองหน้าบ้านของตน แต่มันดูไม่เหมือนเดิมเท่าไหร่เมื่อมีรถเก๋งสีดำ 3-4 คันจอดอยู่
คงไม่มั้ง...
เด็กหนุ่มตาโตอย่างกังวล ถึงแม้ไอ่เรื่องพรรคนี้จะไม่เคยเกิดขึ้น แต่มันก็ไม่แน่เหมือนกัน ไม่ๆต้องไม่มีทางเป็นไปได้ บ้านของเค้าเคยไปมีเรื่องอะไรร้ายแรงกับใครเค้าที่ไหนกันเล่า แต่ด้วยความกังวลที่มี ฝีเท้าของเด็กหนุ่มก็เริ่มเร่งเร็วขึ้น
เด็กหนุ่มสไลด์เล็กน้อยเพื่อหยุดตัวราวกับเล่นสเก็ต ก็ตอนนี้ฟุตบาทค่อนข้างลื่นทีเดียว...
มะ...ไม่จริง...
ภายในตัวบ้านที่มองจากรั่วประตูเตี้ยๆ กลุ่มชายฉกรรจ์ในชุดสูทสีดำราวๆสิบกว่าคนกำลังล้อมหน้าระเบียงกันฝนบ้านของเค้าอยู่ ท่าทางคนพวกนั้นจะไม่ได้มาดีซะด้วย แต่เหมือนจะไม่มีใครรู้ว่าเค้ามาเนื่องจากเสียงฝนที่ตกหนักกลบเสียงสไลด์ไปหมด บ้านของเขาเป็นแบบสร้างรั่วไว้ที่ด้านกว้างที่ติดถนน แต่หน้าบ้านจริงๆอยู่ทางด้านยาวและลึกเข้าไป
ท่าจะไม่ดีซะแล้ว...
เด็กหนุ่มตวัดตาดูหนึ่งครั้งก่อนก็ขวับตากลับราวกับคิดอะไรได้ เขาเริ่มเดินไปที่เส้นทางระบายน้ำข้างหลังบ้าน ทางแคบๆประมาณหนึ่งฟุตได้ ตลอดเส้นทางมันปูด้วยรางเหล็กเป็นซี่ๆยาวจรดกับความยาวของรั่วบ้านของเค้า ร่างของเด็กหนุ่มใช้มือข้างหนึ่งถือกระเป๋าไว้ข้างๆ ก่อนจะแทรกตัวไปเงียบๆร่างของเค้าเคลื่อนไวพอประมาณ เมื่อถึงตำแหน่งประตูหลังเค้าก็ค่อยหย่อนกระเป๋าลงข้ามรั้ว ก่อนจะปีนข้ามอย่างคล่องแคล้วเด็กหนุ่มใช้มือข้างหนึ่งดึงกระเป๋าที่วางข้างรั่วหลังจากที่เค้าหย่อน แต่อีกข้างก็รีบล้วงกระเป๋ากางเกงควานหากุญแจ เขาเปิดประตูออกอย่างรวดเร็วแล้วล็อคมันไว้ด้วยหลังจากที่เค้าเข้าไป ทุกอย่างถูกดำเนินการอย่างเงียบเชียบ
เด็กหนุ่มควานของที่พอเอาเป็นอาวุธได้ ดีที่ห้องนี้ไม่ได้ติดต่อกับหน้าบ้านโดยตรงไม่งั้นจะด้านหน้าด้านหลังก็คงเหมือนกัน เด็กหนุ่มเปิดประตูแล้วก้าวออกมา ด้านข้างของเขาเป็นกำแพง แสงไฟจากด้านหน้าของบ้านส่องสว่างจากปลายสุดกำแพงที่เขากำลังพิง อีกด้านที่เชื่อมต่อกับกำแพงเป็นบันไดเชื่อมไปชั้นสอง เด็กหนุ่มก้าวอย่างเงียบเพื่อเข้าไปใกล้กับปลายสุดกำแพงให้มากที่สุด
“ก็บอกแล้วไงถ้าไม่จ่ายสดหมด ก็ต้องทำงานให้
” เสียงของชายคนหนึ่งตะหวาด ซึ่งก็ทำให้เด็กหนุ่มเอะใจ
หนี้สินงั้นหรอ...ไม่เห็นจะมีของพรรคนั้น
“แต่ว่า...คะ...ครั้งนี้มันไม่ใช่ความผิดของชั้นนิค่ะ” เสียงแม่ของผมพูดเสียงของเธอสั่นๆ
“เป็นสามีภรรยาก็ต้องช่วยกันรับความผิดสิ”
สามีภรรยางั้นหรอ...รึว่า ไอ่พ่อนั้น... เคียวยะคิดอย่างก่อนกัดฟันกรอด หมอนั่นก่อเรื่องอย่างที่เค้าสังหรณ์ก่อนหน้าไม่มีผิด
“ตะ...แต่” เสียงของแม่ดังขึ้น
“ไม่มีแต่!” สิ้นเสียงตะหวาดก่อนที่เสียงผัวะจะดังขึ้น พร้อมๆกับเสียงร้องของแม่
มะ...แม่ ดวงตาของเคียวยะเบิกโต ไอ้บ้านั้นลงมือกับแม่เค้าซะแล้ว มือที่กุมมีดไว้เริ่มจับไว้แน่นอย่างเครียดแค้น
“อะ...อือ แต่งานแบบนี้...ชะ...ชั้น
”
“ยังจะมาพูดอีก!” เสียงเดิมตะหวาดอีกครั้ง ตอนนี้เคียวยะฉุนสุดๆแล้ว ร่างของโผล่ออกมาจากที่หลบหลังกำแพง ซึ่งก็ทำให้ทุกคนตื่นตระหนก
“ฉึก
” มีดปอกผลไม้พุ่งตรงเข้าช่องท้องด้านซ้ายของชายคนนั้นอย่างแม่นยำ หญิงสาวที่เกือบถูกทำร้ายหันไปทางคนที่โยนมีดก่อนจะร้องเสียงหลง
“คะ...เคียวยะ” แต่ดูเหมือนลูกชายของเธอจะไม่ได้มอง เค้ายังดูแค้นกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้า
“พะ...พี่เคียวยะ” ดวงตาของเคียวยะตวัดไปยังต้นเสียง เด็กสาวชุดกระโปรงสีชมพูอ่อนกำลังถูกดึงแขน ท่าทางของเธอเหมือนกำลังขัดขืนแต่ก็ข้างไว้เมื่อเหตุการณ์เมื่อครู่เกิดขึ้น
เด็กหนุ่มเดินไปยังชายที่กำลังจับข้อแขนน้องสาวของตนอย่างเอาเรื่อง เหมือนชายคนนั้นจะรู้เลยปล่อยมือเด็กสาวลง แต่เคียวยะก็ยังเดินหน้าไปไม่หยุดเค้าคว้าข้อแขนของชายคนนั้นก่อนจะ
หัก...
“อย่าเอามือสกปรกๆของแกมาแตะน้องสาวชั้น” เคียวยะปล่อยมือออกก่อนที่ชายคนนั้นจะทรุดลงไปกุมข้อแขนของตัวเอง และดูเหมือนคนอื่นๆในแก๊งค์นั่นจะเริ่มจ้องเคียวยะ หน้าแต่ละคนก็อึ้งปนกลัว
ไอ่เด็กบ้านั่นมันเอาแรงขนาดนั้นมาจากไหน?
“มันเกิดอะไรขึ้นเรียวมิ” เคียวยะหันไปถามน้องสาวของตนที่เดินมาอยู่ข้างๆแล้ว
“เจ้าพวกนั้นมาทวงหนี้ของคุณพ่อ...คะ...คุณพ่อนะ ตายแล้ว” คำพูดสุดท้ายทำเอาเค้าอึ้ง
หมอนั่น...ตายแล้ว... ถึงเคียวยะจะไม่ได้ให้ความสำคัญกับหมอนั่นแต่เมื่อมีใครพูดแบบนี้เค้าเองก็อดอาลัยไม่ได้เหมือนกัน
“หึ” ว่าแล้วเสียงหนึ่งก็ทำให้เคียวยะตื่นขึ้นจากภวังค์ ร่างของชายฉกรรจ์คว้าตัวแม่เค้าไว้ก่อนจะแขนใหญ่ๆล็อคหลวมๆที่คอ
“แม่!” สองพี่น้องร้องเสียงหลง
“ก็แค่นั้นแหละ เมื่อไม่เงินจ่ายก็ต้องทำงานถ้าไม่อยากเจ็บตัว ไม่สิ...ตายเลยต่างหาก” เสียงพูดข่มขู่พร้อมกับรอยยิ้มมีเล่ห์นัยน์
“งาน งานอะไร” เคียวยะตะโกน
“ถามยัยเด็กนั้นสิ” ว่าแล้วเคียวยะก็หันหน้าไปยังเด็กสาวที่อยู่ข้างกาย นัยน์ตาตวัดจ้องราวกับรอฟังคำตอบ
“อะ...เอ่อ คือว่า” เด็กสาวพูดตะกุกตะกัก แต่ดวงตาพี่ชายของเธอกลับขยิบลง
“ขะ...ขายX ค่ะ” เมื่อเด็กหนุ่มได้ฟังถึงกลับอึ้ง ก่อนจะก้มหน้าราวกับจะทำใจ
“เฮ้ยว่าไง ไอ่หนุ่ม...แกอยากจะให้ชั้นเอายัยคนไหนไปขายละ” พูดเสร็จก็หัวเราะ กลุ่มชายฉกรรจ์ด้านหลังต่างก็คว้าปืนออกมาจ่อที่ตัวเค้า ถึงเค้าจะไม่เข้าใจแต่สถานการณ์ก็คับขันแล้ว เรียวมิรีบหลบไปด้านหลังของพี่ชายของเธอ เธอเกาะไหล่เคียวยะไว้แน่น
“นะ...หนูกลัว” เธอพูดเสียงสั่น ซึ่งก็ทำเคียวยะเริ่มก้มหน้าเงียบอย่างกดดัน
“แม่แกหรือน้องสาวของแก” เคียวยะเงยหน้าขึ้นมาหน่อย ดวงตาจับไปที่แม่ของเค้า เธออายุสี่สิบกว่าปีแล้ว แต่ก็ยังดูสาวราวๆกับสามสิบต้นๆ
ไม่ให้...ไม่ให้เด็ดขาด
ว่าแล้วก็ย้อนความรู้สึกไปที่ด้านหลัง ตัวเด็กสาวสั่นเครือ เธอร้องไห้เบาๆ
ยัยนี้เป็นเด็กสาวคนแรกที่เค้าอยากปกป้องด้วยชีวิต ไม่มีทาง...ไม่มีทางเด็ดขาด...
“นายมี...ตัวเลือกอีกมั้ย” เคียวยะถามย้อนไปอีกรอบอย่างราบเรียบ แต่ชายคนที่ล็อคบริเวณคอแม่ของเขาหลวมๆก็ราวกับไม่ได้ฟังที่เค้าพูด
“ว่างาย...จะให้ใครไปละ”
“ชั้น!” เคียวยะ ตะหวาดเสียงลั่น ซึ่งก็ทำให้ชายฉกรรจ์พวกนั้นอึ้ง ก่อนที่จะพากันหัวเราะ
“พะ...พี่เคียว” เด็กสาวพยายามเขย่าตัวพี่ชาย เธอไม่แน่ใจเลยว่าตอนนี้สติเค้าอยู่ครบรึเปล่า แต่เด็กหนุ่มดูไม่สนใจใยดีเธอทั้งสิ้น เขาเดินไปใกล้ชายคนนั้น
“ได้มั้ย!” เขากล่าวเสียงแข็งอย่างจริงจัง แต่กลุ่มชายพวกนั้นยังก็หัวเราะต่อไป ซึ่งก็ทำให้เคียวยะหงุดหงิดใจไม่ใช่น้อย
“ได้สิ...” คำพูดดังมาจากด้านหลัง ชายคนหนึ่งใส่เสื้อคลุมสีดำท่าทางเหมือนจะใหญ่สุดในแก๊งค์ค่อยๆก้าวเข้ามาในบ้าน
“นายท่าน!” กลุ่มชายพวกนั้นหันมาพอกับปริเงียบ
“ได้สิ...ถ้าหุ่นอย่างเธอนะ” เขากวาดสายตาดู ชุดนักเรียนที่ยังเปียกอยู่ของเคียวยะ มันติดกับเนื้อส่วนบนของเค้า ทำให้พอเห็นเนื้อสีขาวเคล้าหุ่น และกล้ามหน่อยๆที่ดูจะเกินไวไปบ้าง
เคียวยะฉีกยิ้มอย่างพอใจ ท่าทางของเค้าตอนนี้ดูน่ารักไม่น้อย ราวกับยั่วให้แน่ใจว่าเค้าทำได้แน่ ก่อนที่จะ
“อืม
”
“รีบไปเก็บของซะ...”
“ครับ” ว่าแล้วร่างของเคียวยะก็เดินดุ่มๆ ไปที่บันได แล้วมุ่งขึ้นชั้นสองไปทันที
ชายใต้เสื้อคลุมสีดำตวัดสายตาไปยังเด็กสาวชุดสีชมพูอ่อน ซึ่งเธอก็จ้องกลับอย่างกล้าๆเกร็งๆ
“ไปช่วยเจ้านั่นเก็บสิ”
“คะ...ค่ะ” ว่าแล้วก็รีบวิ่งตามพี่ชายของเธอไปทันที
ชายเสื้อคลุมดำหันกลับมาที่หญิงสาวที่โดนล็อคคอเอาไว้
“เอาไปไว้ข้างฝา แล้วเอาปืนจ่อก็พอ” ชายคนที่ล็อคไว้ก็รีบยกร่างของเธอไปวางข้างฝาด้านในสุดก่อนจะช่องกำแพงที่เชื่อมต่อกับโซนหลังของบ้าน เขาเดินถอยหลังมา 2-3 ก้าวก่อนจะคว้ามือพกมาจ่อ
หญิงสาวขยิบลงตาราวกับจะร้องไห้ ก่อนที่จะเผยดวงตาของเธอขึ้นมาอีกครั้ง
เคียวยะ...ลูก...
“พี่เคียว” เสียงเจี๊ยวจ๊าวของเด็กสาวดังขึ้นแต่เหมือนเด็กหนุ่มที่ง่วนอยู่กับการเก็บข้าวของยัดลงกระเป๋าจะไม่สนใจ เสื้อผ้าของเค้าถูกเปลี่ยนเรียบร้อยก่อนหน้าที่เธอจะมาถึง
“พี่เคียว...นี่พี่บ้าแล้วรึไงหึ” เธอรีบคว้าตัวเคียวยะ ซึ่งวันก็ได้ผลเคียวยะหยุดคลั่ง เขาหอบหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน แล้วหันหน้าไปหาน้องสาวของเค้า ดวงตาสีดำขลับเริ่มมีแววประหม่าอย่างเห็นชัด
“อยู่ๆพี่ก็ไปบอกว่าจะไปทำแบบนั้น พี่นี่ ให้ตายสิ” เธอต่อว่าพี่ชายของเธอก่อนจะต่อว่าอย่างอื่นไปเรื่อยๆ เคียวยะยังคงถอนหายใจ และเงียบนิ่ง ก่อนจะหันมาอีกครั้งพร้อมกับสีหน้าที่จริงจัง
“แล้วจะให้ชั้นยกเธอกับแม่ไปทำเรื่องแบบนั้นเหรอ” แต่คำพูดที่เอ่ยจากปากของเคียวยะก็ทำให้เธอหยุดพูด
“มันเลวร้ายกว่าที่เธอคิด ชั้น...ไม่มีวัน...” เด็กหนุ่มหันไปพยายามไม่สบตาแต่คำพูดก็ตะกุกตะกักหน้าดู ก่อนจะเอ่ยต่อ
“แล้วหนี้ค้างเท่าไหร่ละ”
“ล้านสอง” แต่ไอ้หนี้ที่ติดอยู่หนะสิ เคียวยะก็เริ่มจะกังวลแล้ว เพราะถ้าเป็นงานบ้าๆแบบนี้กว่าจะผ่อนเสร็จก็นานเต็มที เผลอๆเค้าอาจจะบอกลาชีวิตวัยรุ่นของเค้าไปเลยก็ได้...
“เฮ้ เจ้าหนุ่มเร็วๆสิ” เสียงตะโกนจากด้านล่าง เคียวยะละความกังวลทั้งหมดก่อนจะรีบยัดหนังสือกองหนึ่งเข้ากระเป๋าเดินทางแล้วเดินจากไป ปล่อยให้น้องสาวของเขาพึมพำเบาๆจากห้องที่เขาจากมา เด็กหนุ่มรัดเราะลงบันไดอย่างรวดเร็ว มือก็พรางตรวจของสำคัญที่เค้าลืมเอาไปไม่ได้...
“ช้าแหะ” ชายที่รออยู่ปลายบันไดบ่นก่อนจะเอ่ยต่อ “นายตามเจ้าพวกนั้นไปสิ...ขึ้นรถ”
เคียวยะพยักหน้าเบาๆก่อนจะเดินไปตามที่เขาสั่ง แต่ก็ต้องหยุดเมื่อเห็นแม่ของเค้าถูกปืนจ่ออยู่ที่กำแพงข้างๆ
“ขอโทษครับแม่ แล้วผมจะรีบกลับมา...” ซึ่งแม่ของเค้าก็ทำเพียงพยักหน้าน้อยๆอย่างอ่อนแรงสีหน้าของเธอเหมือนจะร้องไห้ด้วยซ้ำ
“อย่าคิดที่จะกู้เงินไปไถ่ผมเด็ดขาด!”
“ไปสิ
” ชายคนเดิมเร่ง
ถึงเคียวยะจะไม่พอกับคำพูดของชายคนนั้นเท่าไหร่ แต่เค้าก็รีบเดินออกไปถึงจะเดินช้าๆก็เหอะ
“ผมทำสำเร็จแล้ว...วันนี้เป็นวันที่ดีที่สุดในชีวิตผม” เคียวยะว่าก่อนจะโยนกระดาษแผ่นหนึ่ง ถึงมันจะมีรอยเปียกของน้ำฝนหน่อยๆแต่กระดาษก็ยังดูดีอยู่มาก หญิงสาวผู้เป็นแม่ถึงแม้จะอยากจะคว้ากระดาษนั่นมาอ่านแทบตาย แต่ก็เคลื่อนตัวไปไหนไม่ได้เมื่อถูกปืนจ่ออยู่
“พี่เคียวยะ!” เด็กสาวตะโกนมาไล่หลัง เสียงลงบันไดอย่างเร่งรีบ เธอวิ่งมาหาเค้าก่อนจะเอาบางอย่างให้
“พี่ลืมไอ่นี่” เธอว่าพรางส่งมือถือของเคียวยะให้ ก่อนจะว่าต่อ “พี่ต้องโทรมาบ่อยๆหนะ ไม่งั้นหนูจะโกรธพี่” เธอพูดเสียงเศร้า
“อืม...”
“ไปได้แล้ว” เคียวยะรีบหันไปตามต้นเสียงที่ดังมาจากข้างนอก ก่อนจะมองน้องสาวของตนแล้วหลับตาลงเป็นเชิงบอกลา แต่ก็ต้องเบิกกว้างเมื่อมีสัมผัสอุ่นนุ่มเบาๆที่แก้ม
“แต่ที่สำคัญพี่ต้องกลับมาหาหนูนะ” ว่าแล้วเธอก็โอบกอดพี่ของเธอเอาไว้ “โชคดีนะพี่เคียว...” เธอปล่อยก่อนที่เคียวยะจะเดินจากไป พอเขาก้าวพ้นประตู ชายคนที่เอาปืนจ่อแม่ของเธอก็เดินออกไป
“น่าเศร้านะ แต่มันก็เป็นกฎ” ชายคนนั้นพูดทิ้งท้ายก่อนจะเดินตามฝ่ายของตนออกไป
ข้างนอกฝนหยุดตกพอซาๆแล้ว เหลือเพียงเม็ดฝนหยดเล็กๆที่โปรยมา ร่างของเด็กหนุ่มผมสีดำสนิทค่อยๆเดินตามชายในชุดคลุมสีดำออกไป
“แต่ชั้นขอเตือนก่อนว่าห้ามหนี...”
เด็กหนุ่มพยักหน้า
เขาวางกระเป๋าไว้ที่กระโปรงหลังของรถ แล้วตัวเค้าก็เข้าไปนั่งตรงเบาะหน้าข้างคนขับ พอชายในชุดคลุมสีดำเข้ามานั่งที่เบาะหลัง รถก็แล่นออกไป
หญิงสาวเอื้อมมือไปจับเบาๆที่กระดาษแผ่นที่เคียวยะทิ้งเอาไว้ แต่เพียงแค่มองเห็นมันเพียงวูบเดียวเท่านั้นตัวเธอถึงกลับสั่น เธอร้องไห้ออกมา แค่กระดาษบางๆแผ่นนี้ เธอก็รู้คนเป็นแม่ทั้งประเทศอยากได้มันมากแค่ไหน แต่ก็มักก็พลาดหวังกันหมด ตอนนี้เธอได้มันมาแล้วทั้งๆที่ไม่เคยคาดหวังด้วยซ้ำว่าจะได้ ภาพของเด็กชายตัวน้อยๆที่พยายามอย่างแทบเป็นแทบตาย ก็พลันเข้ามาในความคิด
เคียว...ยะ...เธอเลื่อนกระดาษแผ่นนั้นมาแนบอก ก่อนจะกอดมันเอาไว้
วันนี้เป็นวันที่ดีสุดในชีวิต แต่เพียงแค่ไม่กี่ชั่วโมงให้หลังมันก็กลายเป็นวันที่แย่ที่สุด
พระเจ้า... เค้าจะไม่ให้ผมมีโอกาสได้ยิ้มยาวกว่านี้หน่อยเลยเหรอ...แต่อย่าพึ่งคิดถึงรอยยิ้มนั้นเลย... เพราะต่อจากนี้เค้าก็ไม่แน่ใจตัวเองเหมือนกัน...ว่าจะได้มีโอกาสได้ยิ้มแบบนั้นอีกรึเปล่า...
------------------------------------------------------------------------------
จบตอน ยาวมากไปป่าวเนี่ย คิดว่าจะเขียนเริ่มให้มันซึ้งๆเศร้าๆนะ แต่ไม่รู้ว่าจะมีใครเศร้าๆซึ้งๆกะเราป่าว
ยังไงก็ช่วยคอมเมนต์ติชมหน่อยค่ะ
สำหรับตอนหน้าแล้วก็จะเริ่มแบบ2ปีถัดไปเลยค่ะ
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น