ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Luna Moon Cafe l คาเฟ่เที่ยงคืน (รับสมัครตัวละคร)

    ลำดับตอนที่ #5 : จอมกวิน พุทธาพงศ์ (40%)

    • อัปเดตล่าสุด 8 มี.ค. 64


    ยามเช้าอันสดใส เสียงนกร้องส่งเสียงจีบกัน แดดอ่อนๆสาดแสงส่องสว่างไปทั่วบริเวณที่จะส่องผ่านถึง  บางส่วนของแสงแดดนั้นได้ส่องผ่านหน้าต่างบานใหญ่ที่มีผ้าม่านสีดำบังไว้บางส่วนเข้าไปกระทบใบหน้าคมที่ดูหมองคล้ำลงจากปกติสามในสี่ส่วน ดวงตาใสที่ดูอ่อนล้าลืมขึ้นมาเมื่อต้องแสง ใต้ตาหมองคล้ำอย่างคนนอนไม่พอ ชายหนุ่มลุกขึ้นนั่งเอาหลังพิงหัวเตียงไว้ สายตาเหม่อมองออกไปที่นอกหน้าต่าง มือหนาถูกยกขึ้นมาขยี้หัวและเลื่อนลงมาลูบหน้าตัวเองอย่างเบื่อหน่ายเต็มทน ร่างๆนั้นลุกขึ้นจากเตียงและมุ่งตรงไปจัดการธุระของตัวเองในห้องน้ำทันทีโดยไม่รีบเร่งมากนัก

     

    เช้านี้ก็ยังคงเป็นเช้าที่สดใส สำหรับใครหลายคนแต่มันไม่ใช่กับ จอมกวิน พุทธาพงศ์  หรือ จอม ลูกชายคนโตของบ้านพุทธาพงศ์ ซึ่งมีชื่อเสียงอย่างมากในด้านธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ดังนั้นเขาจึงถูกเลี้ยงดูเป็นอย่างดีในฐานะผู้สืบถอดกิจการอันดับหนึ่งของบ้าน จอมไม่เคยได้ใช้ชีวิตเหมือนเด็กคนอื่นๆทั่วไป ทุกๆวันเขาจะถูกสั่งให้เรียน แล้วก็เรียน เมื่อมีเวลาว่างก็จะต้องอ่านหนังสือ เขาไม่ได้ออกไปวิ่งเล่นอย่างคนอื่นเขา แตกต่างกับน้องชายของเขาที่ได้ทุกอย่าง พ่อแม่รักเอาใจใส่ ได้มีเพื่อน ได้อออกไปวิ่งเล่นเหมือนเด็กๆ ทำอะไรก็ไม่ผิดเพราะพ่อกับแม่ให้ท้าย ส่วนจอมกับต้องเอาเกรดดีๆมาให้ถึงจะได้รับคำชม ชั่งแตกต่างกันเหลือเกิน… 

     

    ร่างสูงของเด็กหนุ่มอายุ 17 ย่าง 18 ที่อยู่ในชุดนักเรียนมัธยปลายกางเกงขาสั้นสีกรม เขาก้าวขาลงบันไดลงมาด้วยความมั่นคง ดวงตาหมองคล้ำที่ดูอ่อนล้าถูกซ้อนไว้ใต้แว่นตากรองแสงอันเก่ง  ริมฝีปากเรียวเม้นเข้าหากันแน่นเมื่อเสียงพูดคุยที่ดูมีชีวิตชีวาดังออกมาจากห้องอาหาร จอมเดินลงมาพลางหลับตาลงก่อนจะปั้นยิ้มขึ้นมาบนใบหน้าเรียวรูปไข่ พร้อมกับเดินเข้าไปในห้องอาหารที่มีกลุ่มคนนั่งอยู่ กลุ่มคนตรงนั้นชั่งแตกต่างจากตัวเขาเหลือเกิน

    “จอมมาแล้วเหรอลูก มานั่งเร็วสิ จะได้รีบทานข้าวแล้วจะได้ไปเรียน” เสียงหวานใสติดอ่อนโยนนิดๆของผู้เป็นแม่ดังขึ้น หยุดการพุดคุยของชายวัยกลางคนของผู้เป็นพ่อและน้องชายคนเก่งของบ้านลง พร้อมกับหันมาสนใจผู้มาใหม่ 

    “พี่จอม มาเร็วๆวันนี้มีข้าวต้มกุ้งที่พี่ชอบด้วยละ”  น้องชายคนเล็กของบ้าน หรือ จอมทัพ  พุทธาพงศ์ผู้เป็นที่รักของบ้านพูดขึ้นก่อนจะกวักมือเรียวผู้เป็นพี่ให้มานั่งข้างๆ

    จอมทำเพียงพยักหน้ารับทั้งที่ในใจบ่นเจ้าน้องคนเล็กอย่างหัวเสียง ‘ข้าวต้มกุ้งมันของโปรดแกต่างหาก’

    ก่อนจะเดินไปนั่งข้างน้องชายของตนและยกมือไหว้พ่อกับแม่ของตนเอง ไม่นานแม่บ้านก็ยกข้าวต้มร้อนๆควันหอมฉุยมาวางไว้ตรงหน้า จอมลงมือทานเมื่อเช้าทันที่ โดยมีเสียงพุดคุยกันของพ่อ แม่ ลูก ที่ไม่รวมเขาเป็นเสียงประกอบ จอมตั้งหน้าตั้งตากินโดยไม่คิดจะมีส่วนรวมในบทสนทนาบนโต๊ะอาหารนี้ ยังไงเขาก็ไม่ใช่ลูกรักของบ้านหลังนี้อยู่แล้ว

    “แล้วแกละจอม ” เสียงเข้มของผู้เป็นพ่อเอ่ยถามคนที่นั่งทานข้าวเงียบๆอยู่ขึ้น 

    “ก็เรื่อยๆครับ”  จอมตอบกลับไปนิ่งๆพร้อมกับจะทานข้าวต่อ แต่เสียงของผู้เป็นพ่อก็เอ่ยขัดขึ้นอีกครั้ง

    ฉันหวังในตัวแกนะจอม แกต้องมารับหน้าที่ดูแลบริษัทต่อจากฉันเข้าใจไหม” เสียงเข้มพูดเน้นย้ำขึ้นอีกด้วยความหนักแน่น แฝงไปด้วยความเข้มงวดที่แสนจะกดดัน

    “ครับ” จอมกัดฟันแน่นก่อนจะตอบเพียงสั้นๆกลับไป พร้อมทั้งวางช้อนแล้วจึงลุกออกจากโต๊ะอาหาร 

    “อิ่มแล้วเหรอลุก” เสียงของแม่ที่นั่งฟังอยู่เงียบๆเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นลูกชายคนโตของเธอลุกขึ้นไปทั้งที่เขายังทานข้าวได้ไม่ถึงครึ่งเลย

    “อิ่มแล้วครับ เดี๋ยวผมไปอ่านหนังสือรอบนรถนะ” จอมเอ่ยตอบแค่นั้นแล้วเดินจากไปดดยไม่รอให้คนอื่นที่นั่งอยู่บนโต๊ะได้พูดต่ออีก

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    จอมเดินหนีออกมาจากห้องอาหารมาที่หน้าบ้าน ซึ่งมีรถตู้เมอจร์เซเดส-เบนซ์ รุ่นวี 250 สีเทาจอดรออยู่ เมื่อเขาเดินไปถึง แม่บ้านที่ยืนประจำที่อยู่ก็รีบเดินเข้ามาเปิดประตูให้อย่างเร่งรีบ เขาขมวดคิ้วอย่างไม่ชอบใจเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกไป เขาไม่ได้พิการสักหน่อยทำไมต้องเปิดประตูให้กันด้วย จอมคิดขึ้นใจขณะที่นั่งอยู่บนรถตู้ 8 ที่นั่งที่เย็นสบายแต่แสนจะเงียบเหงา 

    เขาถอนหายใจออกมาเบาๆ ก่อนจะหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเล่นระหว่างรอ เช้านี้ช่างไม่สดใสเสียงเลยสำหรับเขา ถึงความจริงแล้วแทบจะไม่มีวันไหนเลยที่เขาจะรู้สึกสดใส แต่วันนี้มันแย่กว่าทุกๆวันเพราะต้องมาทานมื้อเช้ากับครอบครัวนี้แหละ เด็กหนุ่มเปิดเข้าไปในแอปพิเคชั่นแชทแอปหนึ่ง ข้อความที่ถูกตอบกลับมาภายในแชทที่ถูกปักหมุดไว้ทำให้จอมยิ้มออกมาเล็กน้อย    

                                                                                                                                                       มายด์ : ไม่ต้องเครียดนะจอม ยังไงเขาก็ต้องมา

         เราอยู่ข้างจอมเสมอนะ

          เรารักเธอนะ 

    ขอบใจนะมายด์ : จอม

     เธอเป็นแฟนที่ดีที่สุดของเราเลยนะ         

    มายด์ : ก็แน่นอนอยู่แล้ว

               จอมมีเราคนเดียวนิ

               รึมีคนอื่น 

    จะบ้าเหรอ 55 : จอม

    เจอกันที่รร.นะ ไอ่ทัพมาละ         

    มายด์ : เคจ้า

               แล้วเจอกัน

     

    จอมเก็บโทรศัพท์มือถือเข้ากระเป๋าพลางเหลือบมองน้องชายที่พึ่งจะขึ้นมานั่งที่นั่งข้างๆตน ก่อนจะหันไปสนใจหนังสือที่หยิบมาวางไว้ มือหยาบหยิบหนังสือขึ้นมาเปิดอ่านเมื่อเห็นว่าน้องชายเริ่มจะเปิดปากพูดแล้ว ไม่ใช่เขาไม่ชอบน้องชายหรอกนะ เขานะรักทัพแต่ก้รู้สึกอิจฉาที่ทัพมักจะได้ทุกอย่างที่ตัวเขาอยากจะได้ ทั้งความรักของพ่อแม่ คำชม หรืออะไรหลายๆอย่าง แต่น้องชายคนเก่งของเขาชอบพุดอะไรที่มันทำให้เขาเจ็บหัวใจอยู่ตลอด เลยตัดปัญหามันเสียเลย

    ไม่นานนักรถตู้สุดหรูก็มาจอดที่หน้าทางเข้าโรงเรียน 2พี่น้องบ้านพุทธาพงศ์ก็เดินลงจากรถแล้วทำการแตะบัตรเข้าเรียน ก่อนพุทธาพงศ์คนพี่จะแยกตัวไปที่ตึกเรียนของม.6 พุทธาพงศ์คนน้องก็เอ่ยขึ้นมา

    “พี่จอม พี่จะว่าอะไรไหมถ้าน้องขอ…” ทัพพูดเสียงเบาในประโยคท้าย หน้าเล็กที่ได้แม่มาเยอะต่างจากคนพี่ กำลังขมวดคิ้วเข้าหากันเป็นปม ตาก็มองล่องแลกไปมา จนน่าสงสัย 

    จอมถอนหายใจอย่างเบื่อหน่ายก่อนจะพูดขึ้นมาเป็นเชิงให้น้องได้พูดออกมา

    “มีอะไรก็พูดมาเถอะ พี่ต้องไปเรียน”

    “คือวันศุกร์นี้อะ น้องขอ..ให้พ่อกับแม่มาดูน้องแสดงที่โรงเรียนนะ” หลังจากจบประโยคนั้นสีหน้าของจอมก็ขรึมขึ้นมามาก ใบหน้าที่ดูเฉยช้าอยู่แล้วบิดเบี้ยวขึ้นมา เขากัดฟันกรอดอย่างโกรธ

    “แต่ทัพก็รู้ว่าวันนั้นพี่ขอพ่อกับแม่ไว้แล้ว” เสียงทุ้มจากปกติแข็งกร้าวขึ้นจนสังเกตุได้

    “แต่ๆ… พ่อกับแม่บอกจะมากับน้องแต่ให้มาบอกพี่ก่อน” เสียงติดสดใสของจอมทัพดูหมองลงไปมาก ปากเรียวของทัพเม้นเข้าหากันแน่น น้ำตาคลอเบ้าดูน่าสงสารจนคนที่ยืนมุ่งดูอยู่อยากจะเข้าไปกอดปลอบ

    “ว่ายังไงนะ! นี่ไปขอพ่อกับแม่แล้ว ทั้งที่ก็รู้ว่าพี่จะไปขอนะเหรอ  ”  จอมตวาดขึ้นมาในประโยคแรกก่อนจะกัดฟันพูดกับน้องชายของตน ดวงตาสีดำสนิทแข็งกร้าวจ้องมองน้องชายแท้ๆตรงหน้า เขาสถบออกมาอย่างหัวเสียมือหยาบถูกยกขึ้นมาขยี้ผมที่ถูกจัดเป็นทรงไว้อย่างดี ก่อนจะเค้นเสียงต่อว่าน้องอีกประโยคที่มันรุนแรงดังหอกแทงทะลุดวงใจดวงเล็กๆของจอมทัพจนเป็นแผล

    “มึงมันแย่วะทัพ กูไม่คิดว่าจะมีน้องแบบมึง” จอมเน้นเสียงในประโยคสุดท้ายก่อนจะเดินจากน้องชายไป  

    จอมทัพน้ำตาไหลพราก เขาไม่คิดว่าพี่ชายของตนจะโกรธขนาดนี้ เขาทั้งตะโกนขอโทษทั้งร้องเรียกแต่คนเป็นพี่กับไม่คิดจะหันมา เด็กชายร้องไห้ตัวโยงจนเพื่อนๆและคนรู้จักที่มุงดูต่างต้องวิ่งมาช่วยปลอบกันยกใหญ่ 

    คนน้องมีแต่คนค่อยปลอบโยนและให้กำลังใจ  แล้วคนพี่เล่าแม้ไม่ได้ร้องไห้ก็ไม่ได้แปลว่าไม่ต้องการปลอบโยนเสียหน่อย

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    talk 40%

    สวัสดีๆ ช่วงนี้ไม่ต่อยว่างเลย ไรท์มีสอบแหละ แต่หลังสอบเสร็จจะถยอยลงเนื้อเรื่องต่อนะครับ วันนี้เอาไป 40% ก่อนเดี๋ยวจะมาต่อให้จบนะครับ 

    ดราม่าอาจจะแปลกๆนิดหน่อยติชมได้นะครับ คอมเม้นกันได้เลย ตัวละครอื่นๆก็ยังสมุครกันมาได้เรื่อยๆเลยนะครับ รอรับเสมอ เจอกันตอนเขียนเต็ม 100% ครับ

     

        

     

     

                                                                                

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×