ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ^^องค์หญิงแสนซน # กับ # องค์ชายกวนประสาท^^

    ลำดับตอนที่ #3 : บทที่ 2

    • อัปเดตล่าสุด 19 ก.พ. 49


    บทที่ 2

    ณ... เมืองสแควร์เรียส

    "โอ๊ย นี่เจ้าจะรีบไปไหนเนี่ย เดินซะ.. จะหนีใครเนี่ย" เจ้าหญิงเอวาเนสตรัสเบาๆ พลางจ้องมองเด็กหนุ่มซึ่งกำลังดึงนางให้เดินโดยเร็วที่สุด

    "หรือว่าเจ้าอยากจะอยู่ที่เมืองนี้นานๆ ล่ะ เจ้าเป็นคนบอกเองนะว่าเมืองนี้ไม่ปลอดภัย เมื่อกี้ก็เจอไปแล้วไม่ใช่รึ" เจ้าชายเคอัสเอ่ยขึ้น พลางหันมามองหน้าเด็กสาว แต่ก็ยังไม่หยุดเดิน

    "มันก็ใช่.. แต่ข้าเพิ่งจะหายขาแพลงนะ เดี๋ยวมันก็แพลงอีกรอบหรอก เออ.. แล้วทีนี้เจ้าจะไปเมืองไหนต่อล่ะ" เจ้าหญิงเอวาเนสเอ่ยถามขึ้น

    "เมืองเอเนอร์วิต้า ผู้คนในเมืองนั้นน่ะเป็นมิตร ไม่เหมือนเมืองนี้หรอก" เจ้าชายเคอัสตอบ พลางรีบเดินต่อไป แล้วทั้งสองก็เงียบงันกันไปอีก ตลอดการเดินทาง จนกระทั่งถึงเมืองเอเนอร์วิต้า เมื่อทั้งสองก้าวเข้าไปในเมือง ก็ตกเป็นเป้าสายตาของผู้คนในเมือง แต่ทั้งสองก็ไม่ได้สนใจอะไร พลางพากันเดินเข้าไปในโรงแรมแห่งหนึ่ง เพื่อใช้เป็นที่พัก ก่อนจะออกเดินทางในวันต่อไป

    "เฮ้อ.. ถึงซะที ข้าขี้เกียจนอนในป่าเต็มทนแล้ว แล้ว.. เจ้าหยุดพักที่เมืองนี้ทำไม ไหนว่ารีบนักไม่ใช่รึ" เจ้าหญิงเอวาเนสเอ่ยถาม พลางล้มตัวลงนอนบนเตียง

    "ก็ข้าเห็นเจ้าเหนื่อยๆ แล้วเมืองนี้ก็ไว้ใจได้ด้วย.. นอนซะเถอะ 3 ทุ่มแล้ว เดี๋ยวพรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้า ถ้าพรุ่งนี้ข้าปลุกแล้วเจ้าไม่ตื่น ข้าทิ้งเจ้าจริงๆ ด้วย.. นอนๆ.." เจ้าชายเคอัสบอก แต่ตัวเขาเองกลับลุกขึ้น แล้วทำท่าจะเดินออกไปข้างนอก

    "เดี๋ยวๆ แล้วเจ้าจะไปไหนน่ะ" เจ้าหญิงเอวาเนสรีบถาม พลางลุกขึ้นนั่งทันที

    "ข้าจะออกไปสำรวจเมืองซักหน่อย ไม่นานหรอก ซักประมาณ 10 นาที เจ้านอนไปเถอะน่า" เจ้าชายเคอัสบอก

    "ไม่ ถ้าเจ้ายังไม่กลับ ข้าก็จะยังไม่นอน" เจ้าหญิงเอวาเนสเอ่ยขึ้นอย่างดื้อดึง

    "เอ้า ตามใจ รอได้ก็รอไปแล้วกัน ข้าไปแล้วนะ" เจ้าชายเคอัสตอบ พลางเดินออกจากห้องไป ปล่อยให้เจ้าหญิงโฉมงามมองตามหลังไป แล้วก็ถอนใจออกมาค่อยๆ พลางนั่งกอดเข่ารอเจ้าชายหนุ่มอยู่ที่โซฟา แต่จู่ๆ นางก็ผล็อยหลับไปซะดื้อๆ เมื่อเจ้าชายเคอัสกลับมา ก็ถอนใจเบาๆ แล้วจึงอุ้มร่างบางขึ้นไปนอนบนเตียง พลางห่มผ้าให้ แล้วจุมพิตหน้าผากมนเบาๆ พลางพูดว่า "ฝันดีนะครับ เจ้าหญิงของผม" จากนั้น เขาก็ขึ้นไปนอนบนเตียงอีกเตียงหนึ่ง แล้วก็หลับไป...

    ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

    ณ.. เมืองเอเนอร์วิต้า

    "เร็วๆ ซิ ข้าขี้เกียจเดินทางจะแย่อยู่แล้ว เมื่อไหร่จะถึงเมืองของเจ้าซะทีนะ" เจ้าหญิงเอวาเนสบ่นเบาๆ พลางตวัดตาค้อนเจ้าชายหนุ่ม ซึ่งกำลังเช็คเอาท์ออกจากโรงแรมอยู่

    "ก็เมืองนี้แหละเมืองสุดท้าย ต่อไปก็เป็นเมืองข้าแล้ว ถ้าลงไปทางใต้ จะอ้อมกว่านี้มาก เจ้าอย่าบ่นเลยน่า ไปเร็ว" เจ้าชายเคอัสตอบ พลางดึงข้อมือนางให้เดินออกจากโรงแรมไป...

    "อีกนานมั้ยเนี่ย กว่าจะถึงเมืองของเจ้า" เจ้าหญิงเอวาเนสถาม เพราะตอนนี้นางเริ่มจะรู้สึกเมื่อยขาขึ้นมาแล้ว แต่คำตอบที่ได้รับ ทำให้อารมณ์นางหงุดหงิดยิ่งกว่าเดิมเสียอีก

    "ไก่ขันก็ถึง" เจ้าชายเคอัสตอบ พลางไม่หันกลับมามองนางซักนิด

    "นี่เจ้า ตอบดีๆ ไม่ได้รึไง แถวนี้มันมีไก่ซะทีไหนเล่า" เจ้าหญิงเอวาเนสบ่นอุบอิบ แต่เจ้าชายหนุ่มก็ไม่ตอบอะไร แล้วก็เงียบกันไปอีก จนกระทั่งถึงเมืองโรรีอัส...

    ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

    ณ... เมืองโรรีอัส

    เมื่อทั้งสองก้าวเข้าไปในเมือง ผู้คนก็หันมามอง แล้วก็พร้อมใจกันแสดงความเคารพพวกเขา ซึ่งเจ้าชายเคอัสแค่ยิ้มขรึมๆ ให้ แล้วก็ลากนางเดินจ้ำอ้าวเข้าไปในวังหลวง

    "ท่านพ่อ ท่านแม่ ลูกกลับมาแล้วพะย่ะค่ะ พร้อมกับคู่หมั้น ที่ไม่รู้ว่าพวกท่านจะทรงโปรดหรือไม่" เจ้าชายเคอัสบอกบิดามารดาทันทีที่พบพระพักตร์

    "โอ เจ้าหญิงเอวาเนส เคอัสเลือกเจ้ารึ ตาแหลมจริงๆ เลยลูกข้า วีเลล่า เจ้าพาเอวาไปพักผ่อนก่อนซิ เดี๋ยวข้าจะประกาศให้ชาวเมืองทราบ ว่าเจ้าชายเคอัสทรงมีพระคู่หมั้นแล้ว ทรงเลือกเองซะด้วย" ราชาคาตัสเอ่ยขึ้น พลางแย้มสรวลอย่างพอพระทัย

    "เชิญจ๊ะ เอวา" ราชินีวีเลล่าเอ่ยขึ้น พลางแย้มสรวลเช่นกัน แล้วก็เดินนำนางขึ้นไปยังห้องบรรทมที่จัดเตรียมไว้ให้พระคู่หมั้นโดยเฉพาะ เมื่อมาถึงแล้ว ราชินีวีเลล่าก็เอ่ยขึ้นอีกว่า "อ้อ! อีกประมาณ 5 นาที เดี๋ยวข้าจะส่งคนมาปรนนิบัตินะจ๊ะ เพราะเย็นนี้จะมีงานเลี้ยงฉลองวันประสูติของพระราชา จะได้ประกาศเรื่องเจ้าไปด้วยเลย... ตามสบายนะจ๊ะ" แล้วราชินีวีเลล่าก็เดินออกจากห้องไป ประมาณ 5 นาทีต่อมา มาเรียน นางกำนัลคนสนิทของนางก็เดินมาในห้อง

    "องค์หญิงเพคะ..." มาเรียนเรียกเบาๆ แต่กลับทำให้เจ้าหญิงเอวาเนสหันกลับมาทันที เพราะนางจำเสียงคนของนางได้ดี

    "มาเรียน!! เจ้ามาได้ยังไงเนี่ย ข้านึกว่าเจ้าอยู่ที่เซราฟซะอีก..." เจ้าหญิงโฉมงามเอ่ยถามอย่างสงสัย

    "หม่อมฉันมาถึงก่อนองค์หญิงแค่ 1 ชั่วโมงเท่านั้นแหละเพคะ องค์ราชาส่งหม่อมฉันมาเพื่อปรนนิบัติรับใช้องค์หญิงเพคะ.." มาเรียนเอ่ยขึ้นอย่างสงบ

    "ท่านพ่อเนี่ย ร้ายจริงๆ เลย... เจ้ามาก็ดีแล้ว ข้าจะได้มีเพื่อนคุย.. เจ้ารู้มั้ยมาเรียน อีตาเจ้าชายนั่นน่ะเป็นผู้ชายที่ร้ายที่สุดเท่าที่ข้าเคยเห็นมาเลย หน้าตาก็หล่อดีอยู่หรอก ฝีมือก็ใช้ได้ แต่นิสัยกวนประสาทชะมัดเลย จะพูดดีๆ กับข้าซักคำก็ไม่มี..." เจ้าหญิงเอวาเนสบ่นเป็นชุด โดยที่มาเรียนยืนอมยิ้มฟังอยู่

    "องค์หญิงเพคะ ท่านรู้ได้ยังไงเพคะว่าเจ้าชายเคอัสน่ะเป็นคนไม่ดี เพราะผู้ชายที่ท่านเคยพบปะพูดจาด้วยอย่างสนิทสนมก็มีแต่เจ้าชายอีลาสนะเพคะ..." มาเรียนแย้งขึ้นอย่างเรียบๆ แต่กลับทำให้เจ้าหญิงเอวาเนสหงุดหงิดขึ้นมากกว่าเดิมซะอีก

    "มาเรียน นี่เจ้าเป็นฝ่ายข้าหรือฝ่ายใครกันแน่เนี่ย..." เจ้าหญิงเอวาเนสถามขึ้นอย่างหงุดหงิด

    "หม่อมฉันก็ต้องอยู่ฝ่ายองค์หญิงน่ะสิเพคะ แต่ที่หม่อมฉันพูดก็เป็นความจริง ไม่ใช่หรือเพคะ" มาเรียนเอ่ยขึ้นอย่างสุภาพตามเคย

    "คอยดูนะมาเรียน ข้าจะฟ้องเจ้าพี่ ว่าเจ้าเข้าข้างคนต่างแดน ไม่ยอมเข้าข้างข้า" เจ้าหญิงเอวาเนสเอ่ยอย่างพาลๆ ทำให้มาเรียนหัวเราะคิกคัก

    "เอาเลยเพคะ..." มาเรียนตอบอย่างขันๆ พลางพยายามกลั้นหัวเราะ แต่ก็ทำได้ไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก

    "มาเรียนอ่ะ เจ้าก็รู้นี่ว่าเจ้าพี่โปรดเจ้าจะตาย จะทำอะไรก็ต้องถามความเห็นเจ้าก่อนทุกที ขนาดข้าเป็นน้องแท้ๆ ยังไม่โปรดถึงเพียงนี้เลย" เจ้าหญิงเอวาเนสค้อนนางกำนัลคนสนิทอย่างหมั่นไส้

    "โปรดอะไรกันเพคะ หม่อมฉันมิบังอาจเอื้อม..." มาเรียนยังพูดไม่ทันจบ เจ้าหญิงเอวาเนสก็พูดแทรกมาก่อนว่า "ก็มันเรื่องจริงนี่ หรือเจ้าจะเถียงว่ามันไม่จริง... มาเรียน.. ข้าก็ไม่ติดขัดอะไรหรอกนะ ถ้าข้าจะมีพี่สะใภ้เป็นนางกำนัลน่ะ..." แล้วนางก็มองมาเรียนอย่างมีเลศนัย

    "องค์หญิง!! ท่าน..." มาเรียนเบิกตาโตอย่างตกใจ เมื่ออ่านสายตาคู่นั้นออก แล้วสองแก้มของนางก็แดงปลั่งขึ้นมาอย่างกระดาก

    "ข้าพูดจริงๆ นะ... พ่อเจ้าก็เป็นถึงอำมาตย์คู่พระทัยของท่านพ่อ พี่ชายเจ้าก็เป็นทหารราชองครักษ์คนสนิทของเจ้าพี่ เจ้าเองก็เป็นถึงหมอหลวงพิเศษประจำราชสำนัก เพราะเชี่ยวชาญเวทย์รักษาและเรื่องเกี่ยวกับสมุนไพรเป็นพิเศษ แล้วก็เป็นนางกำนัลคนสนิทของข้าด้วย ความงามเจ้าก็ไม่เป็นสองรองใครนอกจากข้า ความฉลาดรึก็สุดยอด ฝีมือในด้านเวทย์มนต์ก็ใช้ได้ เย็บปักถักร้อยก็เก่ง ทำอาหารก็อร่อย แล้วเจ้ายังจะบอกว่า เจ้ามิบังอาจเอื้อมอีกรึ..." เจ้าหญิงเอวาเนสสาธยายคุณสมบัติของนางกำนัลคนสนิทออกมายาวเหยียด แต่มาเรียนก็ยังคงยิ้มอย่างกระดากอยู่เช่นเดิม

    "เอ่อ... แล้วองค์หญิงทราบได้อย่างไรเล่าเพคะ ว่าองค์ชาย... เอ้อ..." มาเรียนถามอ้อมแอ้ม พลางก้มหน้างุด

    "ก็ข้าไม่โง่นี่นา..." เจ้าหญิงเอวาเนสตอบโดยไม่ได้คิด

    "อ้าว... งั้นองค์หญิงก็ว่าหม่อมฉันโง่น่ะสิเพคะ.." มาเรียนถามเสียงสูง

    "เฮ้ย! ไม่ใช่... คนฉลาดอย่างเจ้า ข้าว่าข้าไม่จำเป็นต้องบอก เจ้าก็รู้อยู่ดีนั่นแหละ อยู่ที่ว่าเจ้าจะแกล้งทำเป็นไม่รู้รึเปล่าเท่านั้น..." เจ้าหญิงเอวาเนสเอ่ยขึ้น พลางจ้องมองใบหน้าสวยคมของมาเรียนอย่างพินิจ ...ก็สมควรอยู่หรอกที่เจ้าพี่จะหลงรัก ทั้งสวย ทั้งเก่ง ฉลาดรอบรู้ไปซะทุกอย่าง นิสัยก็สุขุม รอบคอบ ใจเย็นยังกับน้ำแข็งขั้วโลก จะทำอะไรก็มักจะมีเหตุผลอยู่เสมอ ไม่เหมือนบรรดาแม่เจ้าหญิงทั้งหลายที่มานัวเนียห้อมล้อมเจ้าพี่อยู่เลยซักนิด หน้าตาก็งั้นๆ พูดกันแต่เรื่องอะไรก็ไม่รู้ เหลวไหลไร้สาระสุดๆ กรี๊ดก็ดังเป็นบ้าเลย ข้าแค่แกล้งเอาหนูไปปล่อยไว้ในห้องแค่นั้นเอง วิ่งหนีกันให้จ้าละหวั่นเชียว...

    "องค์หญิงเพคะ เป็นอะไรไปเพคะ ยืนเหม่อเชียว..." เสียงของมาเรียนทำให้เจ้าหญิงเอวาเนสหลุดออกมาจากภวังค์คิดทันที

    "ข้าหิวน่ะมาเรียน ไปหาอะไรให้ข้ากินหน่อยสิ" เจ้าหญิงเอวาเนสเอ่ยขึ้น พลางลูบท้องเบาๆ อย่างหิวจัด

    "หิวหรือเพคะ... แต่นี่มัน 4 โมงเย็นแล้วนะเพคะ อีก 3 ชั่วโมงงานเลี้ยงก็จะเริ่มแล้วนะเพคะ..." มาเรียนเอ่ยขึ้นอย่างวิตก

    "แต่ถ้าข้าไม่ได้กินอะไรรองท้องล่ะก็ ข้าต้องเป็นลมกลางงานแน่ๆ เลย... นะๆ มาเรียนจ๋า มาเรียนคนสวย เดี๋ยวข้ายกเจ้าพี่ให้ฟรีๆ เลย นะๆๆ" เจ้าหญิงเอวาเนสพูดอ้อนๆ

    "แต่... เฮ้อ.. ก็ได้เพคะ งั้นเดี๋ยวหม่อมฉันจะลงไปหาอะไรให้เสวยนะเพคะ รอสักครู่นะเพคะ..." มาเรียนยิ้มบางๆ ให้ ก่อนจะเดินออกจากห้องไป...

    ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

    ณ... ท้องพระโรงใหญ่

    "อืม... แล้วโรงครัวไปทางไหนล่ะเนี่ย โอ๊ย! จะบ้าตาย..." มาเรียนบ่นพึมพำ พลางกวาดสายตามองหานางกำนัลสักคน แต่แล้วหูนางก็พลันได้ยินเสียงทุ้มๆ นุ่มๆ ที่กำลังเรียกชื่อนางอย่างอ่อนโยน

    "มาเรียน... เจ้าลงมาทำไมรึ ทำไมไม่อยู่ปรนนิบัติน้องหญิงล่ะ..." เจ้าชายอีลาสเอ่ยขึ้น ด้านหลังขององค์ชายผู้สง่างามคือ มาร์ค หรือ มาร์คัส พี่ชายคนเดียวของนาง และเจ้าชายเคอัส พระสหายสนิทนั่นเอง

    "องค์ชาย... มาได้อย่างไรเพคะ แล้วองค์หญิงรู้รึเปล่าเพคะ..." มาเรียนถามแทบจะลืมหายใจ ดวงตาสีเปลือกไม้คู่สวยโตขึ้นอย่างตกใจนิดๆ พลันสองแก้มก็เริ่มแดงปลั่ง เมื่อนึกถึงคำพูดของ 'องค์หญิง' ของนาง...

    '...ข้าก็ไม่ติดขัดอะไรหรอกนะ ถ้าข้าจะมีพี่สะใภ้เป็นนางกำนัลน่ะ...'

    "องค์หญิง... อย่าทำให้ใจหม่อมฉันไขว้เขวซิเพคะ..." นางพึมพำเบาๆ แต่ดูเหมือนคนที่ยืนอยู่ห่างจากนางประมาณ 3 เซนจะได้ยิน

    "น้องหญิงทำให้ใจเจ้าไขว้เขวเรื่องอะไรรึ บอกข้าได้มั้ย..." เจ้าชายอีลาสเอ่ยถามขึ้นอย่างอ่อนโยน พลางจ้องมองร่างบางที่อยู่ตรงหน้าอย่างหลงใหล

    "ก็เรื่องที่องค์ชาย... เอ่อ... ไม่มีอะไรหรอกเพคะ ข้าแค่บ่นอะไรเรื่อยเปื่อยเท่านั้น..." มาเรียนกลบเกลื่อน นางเกือบจะหลุดปากออกไปแล้ว ดีที่ฉุกคิดไว้ได้ทัน แล้วนางก็นึกอะไรขึ้นมาได้

    "เอ่อ... องค์ชายเคอัสเพคะ โรงครัวของที่นี่อยู่ที่ไหนหรือเพคะ" นางถามอย่างร้อนรน นางลงมาเกือบ 10 นาทีแล้ว องค์หญิงจะต้องทรงกริ้วแน่ๆ

    "โรงครัวรึ... ทำไมหรือ เจ้าหิวรึไง" เจ้าชายเคอัสตรัสถามอย่างสงสัย

    "องค์หญิงทรงหิวเพคะ แล้วทรงสั่งให้หม่อมฉันหาอะไรขึ้นไปให้เสวยน่ะเพคะ..." มาเรียนตอบเบาๆ

    "น้องหญิงงั้นรึ งั้น..." เจ้าชายอีลาสยังพูดไม่ทันจบ เสียงกรีดร้องแหลมก็ดังขึ้นมาจากด้านบน ทำให้ทุกคนหยุดชะงักกันไปชั่วขณะ แต่ดูเหมือนมาเรียนจะได้สติก่อน

    "องค์หญิง!!!" นางหวีดร้องออกมา พลางรีบวิ่งขึ้นไปข้างบนอย่างรวดเร็ว โดยมีคนอื่นๆ รีบตามขึ้นไปด้วย

    "องค์หญิง!! องค์หญิงเพคะ!! อยู่ที่ไหนเพคะ!! องค์หญิง!!" มาเรียนร้องเรียกองค์หญิงของนางสุดเสียง แต่กลับไม่มีเสียงอะไรตอบกลับมาเลยแม้แต่น้อย นางเริ่มหน้าซีด พลางวิ่งหาไปทั่วห้องอย่างร้อนรน แต่แล้วนางก็สังเกตเห็นอะไรบางอย่างที่วางอยู่บนโต๊ะ จึงหยิบขึ้นมาดู...

    "เอ๊ะ! นี่มัน..." น้ำเสียงของมาเรียนขาดห้วงไปซะดื้อๆ พลางจ้องมองสิ่งที่กำลังถืออยู่ในมือตาเขม็ง แล้วนางจึงรีบนำของสิ่งนั้นไปให้เจ้าชายอีลาสดูทันที...

    "องค์ชายเพคะ... ดูอะไรนี่ซิเพคะ..." มาเรียนพูดเสียงสั่นๆ พลางยื่นของสิ่งนั้นให้เจ้าชายอีลาสดู มันคือ ขนนกสีดำสนิท ดำยิ่งกว่าขนอีกาซะอีก ดำประดุจความมืดมิดที่หาแสงสว่างไม่เจอ เจ้าชายอีลาสขมวดคิ้ว พลางจ้องมองขนนกนั้นอย่างพินิจพิเคราะห์ สมองครุ่นคิดอย่างหนัก ทันใดนั้นดวงตาสีน้ำนมอ่อนโยนก็พลันแข็งกร้าวขึ้น!!

    "ปีศาจแห่งรัตติกาล..." เจ้าชายอีลาสพึมพำ เพียงวลีสั้นๆ ที่เขาเอ่ยออกมานั้น กลับทำให้ทุกคนที่ได้ยินถึงกับยืนตะลึงพูดอะไรไม่ออกกันไปหมด

    "ปีศาจแห่งรัตติกาลหรือเพคะ... งั้นก็หมายความว่า... องค์หญิงถูกมันจับตัวไปน่ะสิเพคะ..." มาเรียนเอ่ยขึ้น ดูเหมือนนางจะควบคุมสติได้ดีกว่าคนอื่น

    องค์ชายรัชทายาทแห่งเซราฟพยักหน้าช้าๆ แทนคำตอบ สมองหนักอึ้งไปหมด ก่อนที่จะหันไปบอกกับเจ้าชายเคอัสว่า "เคอัส... ข้าเกรงว่างานหมั้นของเจ้าคงจะต้องเลื่อนไปก่อนแล้วล่ะ เพราะคู่หมั้นของเจ้าโดนจับตัวไปซะแล้ว ด้วยฝีมือของศัตรูตัวฉกาจที่สุดของมนุษย์ผู้รักสงบทุกคน..." ทันทีที่เขาพูดจบ ภายในห้องก็เงียบสงัด ปราศจากสรรพสำเนียงใดๆ ทั้งสิ้น คนสี่คนที่อยู่ในห้องนั้นก็ได้แต่มองหน้ากันอย่างสับสน ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดีกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างไม่คาดฝันนี้...

    ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×