คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : บทนำ
บทนำ
“พ่อคะแม่คะ...เรากำลังจะไปที่ไหนกันคะ”เด็กสาววัย17ปีในชุดสีชมพูดูน่ารักน่าชังเกาะพนักพิงเบาะรถของผู้เป็นแม่ จ้องมองทางเบื้องหน้า ดวงตาเรียวหวานตามแบบฉบับเอเชียของผู้เป็นแม่รับกับจมูกโด่งได้รูปแบบสาวยุโรปจากผู้เป็นพ่อเข้ากับได้ดีอย่างประหลาด ริมฝีปากเล็กคลี่ยิ้มจนดวงตาหวานยกหยีคล้ายพระจันทร์เสี้ยว
“ความลับจ้ะ”อัญญรินท์ เอมส์ผู้เป็นแม่ตอบสาวน้อยช่างสงสัยเพียงเท่านั้นก่อนจะหันไปสบตากับสามีผู้ซึ่งกำลังยิ้มกริ่มอย่างคนที่พึงพอใจต่ออะไรบางอย่าง
บางอย่างที่คิดว่าลูกสาวของพวกเขาจะดีใจที่ได้เห็นมัน
“เชอะ...อลิสไม่รู้แล้วก็ได้”มุ่ยหน้าใส่ทั้งสองคนก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งที่เบาะรถพลางกอดอกหันไปมองนอกหน้าต่างด้วยท่าทางแสนงอน
“เอาไว้พอไปถึง อลิสจะต้องร้องว้าวแน่นอนล่ะ”ผู้เป็นพ่อหัวเราะน้อยๆก่อนจะตั้งใจมองถนนที่เริ่มมีเมฆมืดครึ้มตั้งเค้า “อะไรกัน...ฝนจะตกหรอเนี่ย...สงสัยคงต้องรีบแล้วล่ะท่าจะตกแรง เป็นพายุรึเปล่านะ”
“อย่ารีบร้อนมากนะคะคุณ...ถนนแถวนี้ยิ่งอันตราย ยิ่งโค้งหน้ามีหน้าผาด้วย”ผู้เป็นภรรยาเอ่ยบอกสามีอย่างกังวลใจ เพราะถนนแห่งนี้เป็นถนนทางเลียบเขา ทางโค้งก็มีมากมายซ้ำยังดูวังเวงจนน่าใจหาย
“เอาน่า...โค้งข้างหน้าก็ถึงแล้ว”หันไปสบตาภรรยาให้เธอคลายกังวลก่อนจะหันไปตั้งใจขับรถเพื่อให้เร่งไปถึงที่หมายก่อนพายุฝนจะมาถึง “โธ่...ตกจนได้”แต่ทว่าไม่ทันซะแล้ว พายุฝนลูกใหญ่ตกลงมาจนทางข้างหน้าพร่ามัวไปหมด คุณหมอเอมส์เปิดไฟหน้ารถเพื่อส่องทางข้างหน้าก่อนจะเหยียบคันเร่งมากกว่าเก่าเพราะอยากจะให้รีบถึงที่หมายเร็ว
อลิสทอดมองน้ำฝนที่ตกกระทบหน้าต่างภายนอกตัวรถอย่างเหม่อลอย เธอเองก็เหมือนเด็กสาวทุกคนที่ชอบเวลาที่ฝนตก และคิดว่ามันเป็นอะไรที่โรแมนติกซึ่งบางที ถ้าเธอสามารถรู้ได้ล่วงหน้าว่าจะเกิดอะไรขึ้นในวันนี้ เธออาจจะเกลียดสายฝนไปเลยก็ได้
ปัง!
เสียงดังจากด้านหลังตัวรถทำให้คนในรถสะดุ้ง ก่อนที่ชั่ววินาทีต่อมารถเก๋งสี่ประตูสีดำวาวของครอบครัวเอมส์จะส่ายอย่างบ้าคลั่ง เอดิสัน เอมส์พยายามประคองรถที่ส่ายพลางประคองสติในชั่ววินาทีชีวิต เด็กหญิงอลิสผู้เป็นคนเดียวที่ไม่มีเข็มขัดยึดเธอกับเบาะรถกระแทกประตูอย่างจังจนหัวแตก
ปี๊ดดด~
“คุณคะ ระวัง!!”
และนั่น...เป็นเสียงสุดท้ายที่เด็กน้อยอลิส เอมส์ได้ยินในวันนั้น...
ซ่า
หญิงสาวใบหน้าหวานจัดชะงักกึก มือเรียวยกขึ้นปาดน้ำสีด่างที่เจือกลิ่นอับของดิน ที่พอจะเดาได้ว่าเป็นน้ำจากการล้างผ้าขี้ริ้ว
อา...เสื้อของเธอเป็นสีขาวซะด้วย
“คิกคิก~…ยัยแม่มดอลิส คิกคิก~…”เสียงหัวเราะดังขึ้นจากเหนือหัวของเธอดูจากความดังของมันแล้วคงจะอยู่ชั้นบนซักชั้น และรอคอยเวลาที่เธอจะเดินผ่านทางนี้เพื่อไปยังทางออกจากประตูมหาวิทยาลัย
“บ้าชิบ”สบถเบาๆก่อนจะดึกเอาผ้าปิดตาสีขาวที่บัดนี้เปียกชุ่มแถมยังกระดำกระด่างจากการซึมซับน้ำอะไรซักอย่างที่คนพวกนั้นเทลงมา
“ว๊ายๆ ถอดแล้วๆ ถอดผ้าปิดตาออกมาแล้ว อย่าไปมองเชียวนะเดียวถูกสาป! คิกคิก~”กรอกตาอย่างเหนื่อยหน่ายก่อนจะก้มหน้าก้มตาตรวจดูว่าเสื้อสีขาวของเธอเปียกแนบเนื้อไปแค่ไหน
“คิกคิก~…ยัยตัวซวย”เสียงซุบซิบนินทายังคงดังลอดมาเป็นระยะ ‘ตัวซวย’ที่ถูกพูดถึงได้แต่ถอนหายใจและหยิบเอาผ้าปิดตาสำรองในกระเป๋าขึ้นมาคาดกับบริเวณตาขวาอย่างช่ำชอง
มันชินซะแล้วล่ะ...ปากก็บอกว่ากลัวคำสาปจากตัวเธอ แต่การกระทำนี่สิไม่เห็นจะแสดงว่าว่ากลัวให้เห็นตรงไหน
คอยดูเหอะ วันไหนหมดความอดทนจะลองไล่สาปให้หมด!
ซ่า~
“กรี๊ด!...ทำอะไรของนายน่ะวอลเตอร์! ชุดของฉันซื้อมาแพงนะยะ!”เสียงโวยวายเรียกชื่อที่คุ้นเคยเรียกความสนใจให้หญิงสาวเจ้าของเรือนผมสีดำสนิทหันกลับไปเลยหน้าขึ้นดูเหตุการณ์
“มีแค่เสื้อเธอเท่านั้นหรือไงที่แพง...เสื้อตัวนั้นฉันซื้อให้อลิสก็แพงโว๊ย!!...นี่แหน่ะๆ”ชายหนุ่มเจ้าของใบหน้าหล่อเหลาที่แฝงไปด้วยความขี้เล่น ส่วนสูงที่สมส่วนกับร่างกายที่ดูผอมบางแต่กลับซ่อนกล้ามเนื้อน่ากัดไว้อย่างร้ายกาจ จิลเลี่ยน วอลเตอร์ หรือจิล เพื่อนเพียงคนเดียวในเมืองนี้ของเธอ และเป็นคนเดียวที่กล้าเข้าหาเธอโดยไม่หวาดกลัวกับคำสาปหรือเกรงกลัวต่อพวกชอบกลั่นแกล้งที่มีเกลื่อนในเมืองนี้
“หน็อย!...นายทำแบบนี้อยากโดนหมายหัวไปด้วยอีกคนหรือไง!”สาวๆนักแกล้งพยายามหลบกระสุนน้ำจากปืนฉีดน้ำสีสันฉูดฉาดในมือของจิลเลี่ยนไปพลางก็ตะโกนด่าทอต่อว่าคนตัวสูงกว่าไปพลาง
“เอาเลยสิ! เหอะ บารมีไอ้คอนเวย์กับพวกโรคจิตฮันเซลเกรเทลนั่นมันจะแน่ซักแค่ไหนเชียว...บอกให้นะเมแกน ถ้ามันทำอะไรฉันได้มันทำไปนานแล้ว!”นั่นเป็นความจริงที่ปฏิเสธไม่ได้ เห็นหลักลอยและติดดินแบบนี้ แต่จิลเลียนเป็นถึงลูกชายของเอลเลียต วอลเตอร์ เจ้าพ่อค่ายหนังยักษ์ใหญ่ในฮอลลีวู๊ดที่เป็นที่นับหน้าถือตาทางสังคม และแน่นอน สาวๆเกือบค่อนเมืองอยากสานสัมพันธ์กับเขาเพื่อใช้เป็นสะพานก้าวไปสู่พ่อเขากันทั้งนั้น
และแน่นอนว่าเขาปฏิญาณว่าจะไม่พลาดท่าให้พวกหล่อนเด็ดขาด!
“หน็อยไอ้บ้าเอ๊ย...พวกเราอุตส่าห์ละเว้นแกไว้แล้วเชียวนะ”เป็นเสียงทุ้มของพวกนักแกล้งกลุ่มใหม่ จิลเลี่ยนซึ่งตอนนี้โดนขนาบข้างด้วยกลุ่มนักแกล้งประจำมหาวิทยาลัย
“แหม...เล่นมาหน้าหลังแบบนี้ กระสุนหมดแล้วเสียด้วย”มองปืนฉีดน้ำของตัวเองก่อนจะส่งยิ้มแหยให้ชายร่างสูงสามสี่คนที่เยื้องย่างมาทางเขา “เผ่นล่ะ!”
ว่าจบ จิลเลี่ยน วอลเตอร์ก็ทำสิ่งที่น่าหวาดเสียวจนคนที่มุงดูเหตุการณ์อยู่อุทานอย่างตกใจ ร่างสูงสมส่วนกระโดดจากระเบียงชั้นสองลงมาตรงหน้าของอลิส เอมส์พร้อมยิ้มร่าอย่างสนุกสนาน
“ไปกันเถอะ...พยากรณ์อากาศบอกวันนี้ฝนจะตกนะJ”
เช้าวันนี้เป็นอีกวันที่อีรอสยูคึกคักไปด้วยเสียงจ๊อกแจ๊กจอแจ บรรดานักศึกษามุงทั้งหลายยืนมองเจ้าหน้าที่ตำรวจนับสิบนายที่กำลังยืนมองรูปถ่ายในมือหน้าดำคร่ำเครียด บ้างก็พูดคุยอยู่กับนักศึกษากลุ่มหนึ่งเพื่อสืบหาข้อมูล
“นั่นไงเธอล่ะ...”
เสียงฮือฮาดึงขึ้นอีกครั้งเมื่อหญิงสาวหน้าหวานผมสีดำสนิทมีผ้าคาดตาปิดตาขวาที่เธอไม่ค่อยพิศมัยมันซักเท่าไหร่ปรากฎตัวขึ้น อลิสมองเห็นความกดดันจากสายตาของคนรอบข้างที่แทบจะแหวกออกห่างจากเธอก่อนจะหยุดลงที่กลุ่มนายตำรวจหนุ่มรูปร่างสูงโปร่งที่เดินเข้ามาหาเธอด้วยสีหน้าเครียดขึง
“ผมเจ้าหน้าที่ รีฟฟ์ แอนเดอร์สัน จากสำนักงานตำรวจคอนลินครอสครับ...คุณคืออลิส เอมส์ใช่มั๊ยครับ...”คนถูกถามพยักหน้าน้อยๆเป็นเชิงยืนยันว่าคนที่เขาถามถึงคือเธอ “รู้จักเมแกน ฮาร์เปอร์หรือเปล่าครับ”
“ไม่มีใครในอีรอสไม่รู้จักเธอหรอกค่ะ...เธอเป็นดาวเด่นของทีมเชียร์หลีดเดอร์”อลิสพยักหน้าน้อยๆก่อนจะตอบคำถามกับเจ้าหน้าที่หนุ่มตรงหน้า
“คุณมีความแค้นอะไรกับเธอหรือเปล่าครับ”ฉันส่ายหัวเป็นเชิงปฏิเสธ อย่าหาว่านางเอกจัดอะไรเลยนะ ฉันไม่ได้แค้นเคืองอะไรกับเหตุการณ์เมื่อวานทั้งนั้นแหละ
แต่คงมีแต่เธอเท่านั้นที่ดูจะคั่งแค้นฉันเสียเต็มประดา
“เธอถูกพบเป็นศพอยู่ที่เขื่อนหลังเมืองเมื่อเช้านี้...คุณ พอจะไปให้ปากคำกับเราที่โรงพักได้มั๊ยครับ...”
---------------------
TALKTALKTALK
12/07/14 - หว่ายยย เปิดมาก็มีตายเลยแง จิลน่ารักเนอะ ตอนเขียนไปพร่ำไปก็หวั่นไหวให้จิลตลอด หวั่นไหวมากด้วยแง T////T ยังๆๆๆ ตราบใดที่หนุ่มๆยังเปิดตัวไม่หมดเราจะไม่ปักธง เราจะสร้างโมเม้นไปเรื่อย เราจะฟินกับหนุ่มๆไปพร้อมกับอลิส งิงิ ย้ำอีกที นี่คือนิยายรัก นิยายรัก นิยายรัก... ///-///
ความคิดเห็น