ลำดับตอนที่ #8
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : เมาท์ : แบกเป้ แบกกระเป๋า ไปเที่ยวกัน ครั้งที่ 1
สวัสดีครับ น้องๆทุกคนที่น่ารัก หลังจากที่น้องๆ ได้เห็นชื่อบทความแล้ว คงจะเข้าใจได้ทันทีว่าต้องเกี่ยวกับการเที่ยวอย่างแน่นอน แต่จะไปเที่ยวที่ไหนหละ แน่นอนหละครับว่าพี่อยู่ที่โรงพยาบาลวชิรพยาบาลก็ต้องเที่ยวแถวๆ โรงพยาบาลแหละครับ ^^ น้องๆอาจจะมีคำถามว่า เอ๊ะ! แถวโรงพยาบาลจะมีที่เที่ยวด้วยหรอ แต่เชื่อเถอะครับน้องว่าแถวโรงพยาบาลวชิระเนี่ยมีที่ท่องเที่ยวเยอะเลย ก่อนอื่นไปดูแผนที่กันก่อนเลยครับ
จากแผนที่นะครับ น้องๆจะเห็นหมายเลข 1-5 ตัวสีดำๆ นะครับ นั้นคือสถานที่ที่จะพาไปเที่ยวกันในครั้งนี้ ว่าแต่มีที่ ไหนบ้างหละ ไปดูกันเลยนะครับ
1. สะพานกรุงธน (ซังฮี้) : สะพานกรุงธนเป็นสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา อยู่หลังโรงพยาบาลนั่นเอง เริ่มก่อสร้างเมื่อ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2497 สร้างเสร็จและเปิดการ จราจรเมื่อวันที่ 7 มีนาคม พ.ศ. 2500 ชื่อ ซังฮี้ เกี่ยวพันกับเครื่องกิมตึ้ง ซึ่งเป็นชื่อเครื่องถ้วยชามของประเทศจีน ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่ หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระราชวังดุสิตขึ้น ได้พระราชทานนามตำหนัก ถนน สะพาน และคลองต่างๆ ภายในพระราชวังดุสิต เป็นชื่อเครื่องกิมตึ้ง ของประเทศจีนทั้งสิ้น เช่น ชื่อถนนด้านหลังพระราชวัง พระราชทานนามว่า ซังฮี้ อันเป็นคำมงคลของจีน มีความหมายว่า "ยินดีอย่างยิ่ง" ถนนซังฮี้ในตอนแรกที่สร้างมีระยะทางจากแม่น้ำเจ้าพระยาไปสุดบริเวณด้านหลังพระราชวังดุสิตและได้ขยายต่อมาในภายหลัง ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อครั้งทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เปลี่ยนนามสถานที่หลายแห่งนั้น ถนนซังฮี้ก็เป็นถนนหนึ่งที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เปลี่ยนชื่อไปเป็น "ถนนราชวิถี" เมื่อมีการสร้างสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาแห่งใหม่ในสมัยรัฐบาล ของ จอมพล ป. พิบูลสงคราม ขณะทำการสร้าง ประชาชนทั่วไปยังไม่ทราบชื่อสะพานอย่างเป็นทางการจึงเรียกชื่อสะพานว่า สะพานซังฮี้ เพราะสะพานนี้เริ่มต้นปลายถนนซังฮี้ทางด้านฝั่งพระนคร ต่อมาเมื่อสร้างเสร็จแล้วรัฐบาลได้ตั้งชื่อสะพานว่า "สะพานกรุงธน" นั่นเอง น้องๆ อาจจะงงว่า แล้วสะพานกรุงธนเป็นสถานที่ท่องเที่ยวอย่างไร คำตอบคือ เวลาโพล้เพล้นั่นเอง ยามดวงอาทิตย์จะลาจากขอบฟ้า หรือหลังจากเวลาที่ดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้าไปแล้ว น้องสามารถพาเพื่อนๆ มาถ่ายรูปดื่มดำบรรยากาศอันสวยงามบนสะพานได้ด้วย (Romantic จัง) นอกจากนี้บริเวณใกล้ๆสะพานกรุงธนยังมีร้านอาหารริมแม่น้ำเจ้าพระยาด้วย wow ดูดีเนอะ 5555 ยังไงถ้าน้องๆ ผ่านไปก็ลองไปชมบรรยากาศอย่างนี้ได้นะ สวยจริงๆ confirm!!
2. วัดโบสถ์สามเสน : วัด นี้ตั้งอยู่ริมคลองสามเสน เป็นวัดเก่าแก่ที่สร้างมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา พระพุทธรูปในอุโบสถหลังเดิม ชื่อหลวงพ่อสุขเกษม สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยอยุธยา ในสมัยนั้นพระเจ้าแผ่นดินจะทรงสร้างพระพุทธรูปแล้วบรรทุกใส่แพซุง โดยใช้ไม้ซุงเป็นร้อยมัดเข้าด้วยกันทำเป็นแพ นำพระพุทธรูปประดิษฐานบนแพนั้น แล้วล่องลงมา หากผ่านวัดริมน้ำวัดใดยังไม่มีพระพุทธรูป ไม่มีพระประธานก็ให้ถวาย แก่วัดนั้น จนเมื่อถวายหลวงพ่อสุขเกษมไว้ที่ตำบลสามเสนแล้ว แพซุงที่เหลือจึงให้ถวายวัดทำเป็นเสาเข็มสำหรับสร้างอุโบสถด้วย เรียกว่า เข็มแพ เนื่องจากได้มาจากแพซุง ในการก่อสร้างจึงนำไม้ซุงมาปูเรียงกันก่อน แล้วจึงก่อสร้างอุโบสถทับบนแพซุงอีกทีหนึ่งเพื่อกันทรุดตัวอุโบสถหลังเดิม นี้ เป็นศิลปะสมัยอยุธยา ฐานโค้งสำเภา ภายในมีภาพจิตรกรรมฝาผนังสมัยอยุธยาตอนปลาย ผนังด้านหน้าเหนือประตูทางเข้าพระอุโบสถ เขียนภาพมารผจญ ผนังด้านข้างเป็นภาพเทพชุมนุม ส่วนผนังระหว่างช่องหน้าต่างเขียนภาพทศชาติชาดก นอกจากนี้ยังมีพระพุทธ รูปอยู่ภายในจำนวน 13 องค์ ซึงแต่ละองค์จะหันพระพักตร์ไปคนละทิศ ต่างกัน อีกทั้งยังมีพระ พุทธรูปที่ปรางค์ไม่เหมือนที่ใครไหนและมีที่นี่ที่เดียว คือพระพุทธรูปถือพัดเล็กๆ คล้ายไม้ปิงปอง ซึ่งมีคนสันนิษฐานว่าเป็นพัด ปัจจุบันอุโบสถหลังนี้ กลายเป็นอุโบสถหลังเก่าแล้ว เพราะทางวัดได้สร้างพระอุโบสถหลังใหม่ขึ้นแทน โดยในขณะนี้ อุโบสถหลังเก่าได้รับการบูรณะซ่อมแซมโดยกรมศิลปากร หากมีเวลาว่างๆ ก็สามารถมากราบไหว้หลวงพ่อสุขเกษมได้นะครับ มาทำบุญทำทานจิตใจจะได้แจ่มใส นอกจากนี้ยังได้ชมกับจิตรกรรมฝาผนังสมัยอยุธยาอีกด้วย amazing จริงๆ ^ ^
3. ตลาดศรีย่าน : ตลาดนี้อยู่ติดกับถนนนครชัยศรี หาก สังเกตดูจะพบกว่าชื่อตลาดศรีย่านนั้นเขียนด้วย ส.เสือ หรือ สรีย่าน เช่นเดียวกับภาษาไทยรูปแบบเก่าที่ไม่ใช้ตัวอักษรที่มีเสียงเดียวกันไม่ได้ เขียนว่า ศรีย่าน อย่างใน ปัจจุบัน คงแสดงให้เห็นได้ชัดเจนว่าศรีย่านเป็นตลาดที่มีความเก่าแก่ตลาดหนึ่ง ที่มีความสัมพันธ์กับวิถีชีวิตของผู้คนมาอย่างยาวนาน ของกินในระแวกนี้ขึ้นชื่อพอดูเลยทีเดียว มาถึงศรีย่านเมื่อไหร่ ต้องนึกถึงของกินเป็นอย่างแรก จริงครับเพราะว่าของกินตลอดพื้นที่บนตลาดนั้นเยอะมากๆๆๆๆ แล้วก็อร่อยที่สุดของสามโลก (คริคริ) มีร้านอาหารมากมายแล้วก็หลากหลายด้วย ไม่ว่าจะเป็น ก๋วยเตี๋ยว อาหารประเภทข้าว ขนมนมเนย ต้ม ยำ ทำ แกง ทอด นึ่ง ฯลฯ แล้วแต่ละร้านนะน้องครับได้ลงนิตยสารก็มี ลงหนังสือพิมพ์ เป็นที่แนะนำในหมู่นักชิมตัวยง ได้ลงใน internet แบบ ว่าแนะนำกันปากต่อปาก โอโห สุดยอดจริงๆ นอกจากนี้ตลาดแห่งนี้ยังขายของสดด้วย พวกผัก เนื้อสัตว์ต่างๆ ผลหมากรากไม้ อุดมสมบูรณ์จริงๆ สถานที่แห่งนี้ต้องไปเลยครับ(แอบเข้าข้างสถานที่ท่องเที่ยวหากเกี่ยวกับของ กิน 555) แล้วอีกอย่างนะตลาดแห่งนี้ไม่ได้ไกลจากโรงพยาบาลมากด้วยเดินไป 5 - 10 นาทีก็ถึงตลาดแล้ว รับรองกระเป๋าตังแฟบแน่ๆๆ ลองแวะไปดูนะครับ ตลาดเปิดตั้งแต่เช้าไปยันดึกเลย
4. วัดราชผาติการาม : วัดราชผาติการามเป็นวัดโบราณในย่านสามเสน สันนิษฐานกันว่าสร้างตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา เดิมชื่อวัดส้มเกลี้ยง ในสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว พระองค์โปรดเกล้าฯ พระราชทานที่ดินบริเวณใกล้วัดส้มเกลี้ยง (ละแวกหลัง โรงเรียนเซนต์คาเบรียลในปัจจุบัน) ให้ชาวญวนเข้ารีตที่อพยพมาพึ่งพระบรมโพธิสมภารใช้เป็นที่อยู่อาศัย และทรงให้ชาวญวนเหล่านั้นเข้ารับราชการเป็นทหารปืนใหญ่ ในช่วงนั้น วัดส้มเกลี้ยงกลายเป็นวัดร้าง ไม่มีพระสงฆ์จำพรรษา พวกญวนจึงรื้อเอาอิฐของวัดส้มเกลี้ยงไปใช้สร้างบ้านเรือนและสถานที่ต่างๆ จนแทบไม่เหลือสภาพวัด ดังนั้น เมื่อพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงทราบ จึงทรงให้ปรับโทษสมเด็จฯ เจ้าฟ้ากรมขุนอิศเรศรังสรรค์ ที่ไม่ทรงห้ามปรามพวกญวน ให้สร้างวัดขึ้นใหม่ทดแทนวัดส้มเกลี้ยง เมื่อ พ.ศ. 2397 พระราชทานนามว่าวัดราชผาติการาม ซึ่งมีความหมายว่า วัดที่สร้างขึ้นเป็นการผาติกรรม - คือทดแทนของสงฆ์ ที่ทำชำรุดไป - เพื่อชดใช้วัดเดิม การสร้างวัดราชผาติการามคงคั่งค้างต่อมาจนกระทั่งถึงรัชกาลพระบาทสมเด็จพระ จอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้โปรดฯ ให้พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงปฏิสังขรณ์ต่อมา จนถึงสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อมีการตัดถนนซังฮี้ (ถนนราชวิถี) ผ่านในบริเวณวัด จึงโปรดฯ ให้พระยาราชสงคราม (กร หงสกุล) เป็นแม่งานย้ายหมู่กุฏิที่ถูกถนนตัดผ่านไปไว้ทางด้านเหนือ ต่อมาในรัชกาลปัจจุบัน เมื่อมีการสร้างสะพานกรุงธน (สะพานซังฮี้) ข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา เนื้อที่บางส่วนของวัดก็ต้องกลายไปเป็นที่วางตอม่อสะพานอีก พระอุโบสถวัดราชผาติการามเป็นรูปทรงศิลปะแบบจีนผสมญวน ไม่มีช่อฟ้าใบระกาประดับ ที่หน้าบันปั้นปูนประดับกระเบื้องถ้วยชามแบบจีน เช่นเดียวกับพระอุโบสถของวัดต่างๆ ที่สร้างในสมัยรัชกาลที่ ๓ ในพระอุโบสถประดิษฐานหลวงพ่อสุกเป็นพระประธาน ถือเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เป็นที่เคารพสักการะ ตามประวัติเล่าว่าพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าฯ ได้อัญเชิญมาจากเวียงจันทน์ วัดราชผาติการามอยู่ทางด้านหลังของโรงพยาบาลวชิรพยาบาล ใกล้กับสะพานกรุงธนเลยครับน้อง เมื่อถึงวันสำคัญต่างๆทางพระพุทธศาสนา ทางวัดก็จะมีการจัดงาน เช่น การเวียนเทียน เพื่อให้พุทธศาสนิกชนได้เข้าร่วมประกอบพิธีกรรม น้องอาจจะหาเวลาว่างๆไปทำบุญที่วัดแห่งนี้ได้นะ
5. หลวงพ่อสามเสน : หากข้ามถนนสามเสนมายังฝั่ง ตรงข้ามเยื้องกับโรงพยาบาลวชิรพยาบาล จะพบหลวงพ่อสามเสนประดิษฐานอยู่ในซุ้มหน้าสถานีตำรวจสามเสน เรื่องราวของหลวงพ่อมีมาตั้งแต่ พ.ศ. 2506 เมื่อชาวบ้านที่รับจ้างขนอิฐ ทราย อยู่บริเวณท่าน้ำสามเสน ได้พบพระพุทธรูปไม้ลอยน้ำมาติดที่ท่าน้ำ จึงแจ้งให้นายทองอ่อน บุญกลิ่น เจ้าของท่าทรายสามเสนทราบ เล่ากันว่าผู้คนที่ระดมกันมากว่าสามสิบคนกลับไม่สามารถยกพระขึ้นจากน้ำได้ ทั้งๆ ที่องค์พระพุทธรูปก็มิได้ใหญ่โต จนมีผู้ทักขึ้นว่าต้องทำพิธีบวงสรวงเสียก่อน การอัญเชิญองค์พระพุทธรูปขึ้นจากน้ำจึงเป็นไปโดยง่ายดายจากการสันนิษฐานของ ผู้รู้ พระพุทธรูปองค์นี้เป็นพระปางห้ามสมุทร สมัยต้นรัตนโกสินทร์ แกะจากแก่นโพธิ์ สภาพองค์พระเมื่อขึ้นจากน้ำชำรุดมาก พระกรและพระบาททั้งสองข้างหักหายไป ปลายพระเกตุมาลาชำรุด ทั่วทั้งองค์มีสีดำสนิทเหมือนเคยลงรักมาก่อน ชาวบ้านและตำรวจ พร้อมด้วยผู้มีจิตศรัทธาจึงช่วยกันบูรณะซ่อมแซมองค์พระให้สมบูรณ์ แล้วนำมาประดิษฐานไว้บนสถานีตำรวจสามเสน ผู้คนทั่วไปจึงขนานนามว่า “หลวงพ่อสามเสน”ต่อมาในปี พ.ศ. 2533 ทางสถานีตำรวจนครบาลสามเสนได้นำองค์พระลงมาประดิษฐานไว้ ที่ซุ้มด้านหน้า สน. เพื่อให้สามารถกราบไหว้บูชากันได้โดยสะดวก เมื่อผ่านไปทางด้านหน้าสถานีตำรวจนครบาลสามเสนก็จะเห็นพระพุทธรูปสององค์ ประดิษฐานอยู่ในซุ้ม องค์ใหญ่คือหลวงพ่อสามเสนองค์จริง ส่วนองค์เล็กเป็นรูปจำลองสำหรับให้ผู้เลื่อมใสมาปิดทอง การเดินทางจากโรงพยาบาลไปกรายไหว้หลวงพ่อสามเสนก็แค่เดินมาหน้าโรงพยาบาล แล้วข้ามสะพานลอยก็จะถึง สน.สามเสนแล้ว ใกล้ที่สุดแล้วน้องเอ๋ย หลวงพ่อองค์นี้ศักดิ์สิทธิ์นะครับน้อง
เอา หละครับน้องๆ นี้คือสถานที่เที่ยวรอบโรงพยาบาลนะครับ แต่มิใช่ว่าจะมีที่เที่ยวเพียงแค่นี้นะครับ ยังมีสถานที่อื่นๆ อีก แต่เดี๋ยวจะมา update ให้ในครั้งหน้านะครับ อดใจรอไว้ก่อนนะครับ แล้วเจอกันคราวหน้า สวัสดีครับ + - +
จากแผนที่นะครับ น้องๆจะเห็นหมายเลข 1-5 ตัวสีดำๆ นะครับ นั้นคือสถานที่ที่จะพาไปเที่ยวกันในครั้งนี้ ว่าแต่มีที่ ไหนบ้างหละ ไปดูกันเลยนะครับ
1. สะพานกรุงธน (ซังฮี้) : สะพานกรุงธนเป็นสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา อยู่หลังโรงพยาบาลนั่นเอง เริ่มก่อสร้างเมื่อ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2497 สร้างเสร็จและเปิดการ จราจรเมื่อวันที่ 7 มีนาคม พ.ศ. 2500 ชื่อ ซังฮี้ เกี่ยวพันกับเครื่องกิมตึ้ง ซึ่งเป็นชื่อเครื่องถ้วยชามของประเทศจีน ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่ หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระราชวังดุสิตขึ้น ได้พระราชทานนามตำหนัก ถนน สะพาน และคลองต่างๆ ภายในพระราชวังดุสิต เป็นชื่อเครื่องกิมตึ้ง ของประเทศจีนทั้งสิ้น เช่น ชื่อถนนด้านหลังพระราชวัง พระราชทานนามว่า ซังฮี้ อันเป็นคำมงคลของจีน มีความหมายว่า "ยินดีอย่างยิ่ง" ถนนซังฮี้ในตอนแรกที่สร้างมีระยะทางจากแม่น้ำเจ้าพระยาไปสุดบริเวณด้านหลังพระราชวังดุสิตและได้ขยายต่อมาในภายหลัง ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อครั้งทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เปลี่ยนนามสถานที่หลายแห่งนั้น ถนนซังฮี้ก็เป็นถนนหนึ่งที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เปลี่ยนชื่อไปเป็น "ถนนราชวิถี" เมื่อมีการสร้างสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาแห่งใหม่ในสมัยรัฐบาล ของ จอมพล ป. พิบูลสงคราม ขณะทำการสร้าง ประชาชนทั่วไปยังไม่ทราบชื่อสะพานอย่างเป็นทางการจึงเรียกชื่อสะพานว่า สะพานซังฮี้ เพราะสะพานนี้เริ่มต้นปลายถนนซังฮี้ทางด้านฝั่งพระนคร ต่อมาเมื่อสร้างเสร็จแล้วรัฐบาลได้ตั้งชื่อสะพานว่า "สะพานกรุงธน" นั่นเอง น้องๆ อาจจะงงว่า แล้วสะพานกรุงธนเป็นสถานที่ท่องเที่ยวอย่างไร คำตอบคือ เวลาโพล้เพล้นั่นเอง ยามดวงอาทิตย์จะลาจากขอบฟ้า หรือหลังจากเวลาที่ดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้าไปแล้ว น้องสามารถพาเพื่อนๆ มาถ่ายรูปดื่มดำบรรยากาศอันสวยงามบนสะพานได้ด้วย (Romantic จัง) นอกจากนี้บริเวณใกล้ๆสะพานกรุงธนยังมีร้านอาหารริมแม่น้ำเจ้าพระยาด้วย wow ดูดีเนอะ 5555 ยังไงถ้าน้องๆ ผ่านไปก็ลองไปชมบรรยากาศอย่างนี้ได้นะ สวยจริงๆ confirm!!
2. วัดโบสถ์สามเสน : วัด นี้ตั้งอยู่ริมคลองสามเสน เป็นวัดเก่าแก่ที่สร้างมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา พระพุทธรูปในอุโบสถหลังเดิม ชื่อหลวงพ่อสุขเกษม สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยอยุธยา ในสมัยนั้นพระเจ้าแผ่นดินจะทรงสร้างพระพุทธรูปแล้วบรรทุกใส่แพซุง โดยใช้ไม้ซุงเป็นร้อยมัดเข้าด้วยกันทำเป็นแพ นำพระพุทธรูปประดิษฐานบนแพนั้น แล้วล่องลงมา หากผ่านวัดริมน้ำวัดใดยังไม่มีพระพุทธรูป ไม่มีพระประธานก็ให้ถวาย แก่วัดนั้น จนเมื่อถวายหลวงพ่อสุขเกษมไว้ที่ตำบลสามเสนแล้ว แพซุงที่เหลือจึงให้ถวายวัดทำเป็นเสาเข็มสำหรับสร้างอุโบสถด้วย เรียกว่า เข็มแพ เนื่องจากได้มาจากแพซุง ในการก่อสร้างจึงนำไม้ซุงมาปูเรียงกันก่อน แล้วจึงก่อสร้างอุโบสถทับบนแพซุงอีกทีหนึ่งเพื่อกันทรุดตัวอุโบสถหลังเดิม นี้ เป็นศิลปะสมัยอยุธยา ฐานโค้งสำเภา ภายในมีภาพจิตรกรรมฝาผนังสมัยอยุธยาตอนปลาย ผนังด้านหน้าเหนือประตูทางเข้าพระอุโบสถ เขียนภาพมารผจญ ผนังด้านข้างเป็นภาพเทพชุมนุม ส่วนผนังระหว่างช่องหน้าต่างเขียนภาพทศชาติชาดก นอกจากนี้ยังมีพระพุทธ รูปอยู่ภายในจำนวน 13 องค์ ซึงแต่ละองค์จะหันพระพักตร์ไปคนละทิศ ต่างกัน อีกทั้งยังมีพระ พุทธรูปที่ปรางค์ไม่เหมือนที่ใครไหนและมีที่นี่ที่เดียว คือพระพุทธรูปถือพัดเล็กๆ คล้ายไม้ปิงปอง ซึ่งมีคนสันนิษฐานว่าเป็นพัด ปัจจุบันอุโบสถหลังนี้ กลายเป็นอุโบสถหลังเก่าแล้ว เพราะทางวัดได้สร้างพระอุโบสถหลังใหม่ขึ้นแทน โดยในขณะนี้ อุโบสถหลังเก่าได้รับการบูรณะซ่อมแซมโดยกรมศิลปากร หากมีเวลาว่างๆ ก็สามารถมากราบไหว้หลวงพ่อสุขเกษมได้นะครับ มาทำบุญทำทานจิตใจจะได้แจ่มใส นอกจากนี้ยังได้ชมกับจิตรกรรมฝาผนังสมัยอยุธยาอีกด้วย amazing จริงๆ ^ ^
ภาพจิตรกรรม ฝาผนังภายในอุโบสถ(หลังเก่า) วัดโบสถ์สามเสน
3. ตลาดศรีย่าน : ตลาดนี้อยู่ติดกับถนนนครชัยศรี หาก สังเกตดูจะพบกว่าชื่อตลาดศรีย่านนั้นเขียนด้วย ส.เสือ หรือ สรีย่าน เช่นเดียวกับภาษาไทยรูปแบบเก่าที่ไม่ใช้ตัวอักษรที่มีเสียงเดียวกันไม่ได้ เขียนว่า ศรีย่าน อย่างใน ปัจจุบัน คงแสดงให้เห็นได้ชัดเจนว่าศรีย่านเป็นตลาดที่มีความเก่าแก่ตลาดหนึ่ง ที่มีความสัมพันธ์กับวิถีชีวิตของผู้คนมาอย่างยาวนาน ของกินในระแวกนี้ขึ้นชื่อพอดูเลยทีเดียว มาถึงศรีย่านเมื่อไหร่ ต้องนึกถึงของกินเป็นอย่างแรก จริงครับเพราะว่าของกินตลอดพื้นที่บนตลาดนั้นเยอะมากๆๆๆๆ แล้วก็อร่อยที่สุดของสามโลก (คริคริ) มีร้านอาหารมากมายแล้วก็หลากหลายด้วย ไม่ว่าจะเป็น ก๋วยเตี๋ยว อาหารประเภทข้าว ขนมนมเนย ต้ม ยำ ทำ แกง ทอด นึ่ง ฯลฯ แล้วแต่ละร้านนะน้องครับได้ลงนิตยสารก็มี ลงหนังสือพิมพ์ เป็นที่แนะนำในหมู่นักชิมตัวยง ได้ลงใน internet แบบ ว่าแนะนำกันปากต่อปาก โอโห สุดยอดจริงๆ นอกจากนี้ตลาดแห่งนี้ยังขายของสดด้วย พวกผัก เนื้อสัตว์ต่างๆ ผลหมากรากไม้ อุดมสมบูรณ์จริงๆ สถานที่แห่งนี้ต้องไปเลยครับ(แอบเข้าข้างสถานที่ท่องเที่ยวหากเกี่ยวกับของ กิน 555) แล้วอีกอย่างนะตลาดแห่งนี้ไม่ได้ไกลจากโรงพยาบาลมากด้วยเดินไป 5 - 10 นาทีก็ถึงตลาดแล้ว รับรองกระเป๋าตังแฟบแน่ๆๆ ลองแวะไปดูนะครับ ตลาดเปิดตั้งแต่เช้าไปยันดึกเลย
4. วัดราชผาติการาม : วัดราชผาติการามเป็นวัดโบราณในย่านสามเสน สันนิษฐานกันว่าสร้างตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา เดิมชื่อวัดส้มเกลี้ยง ในสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว พระองค์โปรดเกล้าฯ พระราชทานที่ดินบริเวณใกล้วัดส้มเกลี้ยง (ละแวกหลัง โรงเรียนเซนต์คาเบรียลในปัจจุบัน) ให้ชาวญวนเข้ารีตที่อพยพมาพึ่งพระบรมโพธิสมภารใช้เป็นที่อยู่อาศัย และทรงให้ชาวญวนเหล่านั้นเข้ารับราชการเป็นทหารปืนใหญ่ ในช่วงนั้น วัดส้มเกลี้ยงกลายเป็นวัดร้าง ไม่มีพระสงฆ์จำพรรษา พวกญวนจึงรื้อเอาอิฐของวัดส้มเกลี้ยงไปใช้สร้างบ้านเรือนและสถานที่ต่างๆ จนแทบไม่เหลือสภาพวัด ดังนั้น เมื่อพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงทราบ จึงทรงให้ปรับโทษสมเด็จฯ เจ้าฟ้ากรมขุนอิศเรศรังสรรค์ ที่ไม่ทรงห้ามปรามพวกญวน ให้สร้างวัดขึ้นใหม่ทดแทนวัดส้มเกลี้ยง เมื่อ พ.ศ. 2397 พระราชทานนามว่าวัดราชผาติการาม ซึ่งมีความหมายว่า วัดที่สร้างขึ้นเป็นการผาติกรรม - คือทดแทนของสงฆ์ ที่ทำชำรุดไป - เพื่อชดใช้วัดเดิม การสร้างวัดราชผาติการามคงคั่งค้างต่อมาจนกระทั่งถึงรัชกาลพระบาทสมเด็จพระ จอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้โปรดฯ ให้พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงปฏิสังขรณ์ต่อมา จนถึงสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อมีการตัดถนนซังฮี้ (ถนนราชวิถี) ผ่านในบริเวณวัด จึงโปรดฯ ให้พระยาราชสงคราม (กร หงสกุล) เป็นแม่งานย้ายหมู่กุฏิที่ถูกถนนตัดผ่านไปไว้ทางด้านเหนือ ต่อมาในรัชกาลปัจจุบัน เมื่อมีการสร้างสะพานกรุงธน (สะพานซังฮี้) ข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา เนื้อที่บางส่วนของวัดก็ต้องกลายไปเป็นที่วางตอม่อสะพานอีก พระอุโบสถวัดราชผาติการามเป็นรูปทรงศิลปะแบบจีนผสมญวน ไม่มีช่อฟ้าใบระกาประดับ ที่หน้าบันปั้นปูนประดับกระเบื้องถ้วยชามแบบจีน เช่นเดียวกับพระอุโบสถของวัดต่างๆ ที่สร้างในสมัยรัชกาลที่ ๓ ในพระอุโบสถประดิษฐานหลวงพ่อสุกเป็นพระประธาน ถือเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เป็นที่เคารพสักการะ ตามประวัติเล่าว่าพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าฯ ได้อัญเชิญมาจากเวียงจันทน์ วัดราชผาติการามอยู่ทางด้านหลังของโรงพยาบาลวชิรพยาบาล ใกล้กับสะพานกรุงธนเลยครับน้อง เมื่อถึงวันสำคัญต่างๆทางพระพุทธศาสนา ทางวัดก็จะมีการจัดงาน เช่น การเวียนเทียน เพื่อให้พุทธศาสนิกชนได้เข้าร่วมประกอบพิธีกรรม น้องอาจจะหาเวลาว่างๆไปทำบุญที่วัดแห่งนี้ได้นะ
5. หลวงพ่อสามเสน : หากข้ามถนนสามเสนมายังฝั่ง ตรงข้ามเยื้องกับโรงพยาบาลวชิรพยาบาล จะพบหลวงพ่อสามเสนประดิษฐานอยู่ในซุ้มหน้าสถานีตำรวจสามเสน เรื่องราวของหลวงพ่อมีมาตั้งแต่ พ.ศ. 2506 เมื่อชาวบ้านที่รับจ้างขนอิฐ ทราย อยู่บริเวณท่าน้ำสามเสน ได้พบพระพุทธรูปไม้ลอยน้ำมาติดที่ท่าน้ำ จึงแจ้งให้นายทองอ่อน บุญกลิ่น เจ้าของท่าทรายสามเสนทราบ เล่ากันว่าผู้คนที่ระดมกันมากว่าสามสิบคนกลับไม่สามารถยกพระขึ้นจากน้ำได้ ทั้งๆ ที่องค์พระพุทธรูปก็มิได้ใหญ่โต จนมีผู้ทักขึ้นว่าต้องทำพิธีบวงสรวงเสียก่อน การอัญเชิญองค์พระพุทธรูปขึ้นจากน้ำจึงเป็นไปโดยง่ายดายจากการสันนิษฐานของ ผู้รู้ พระพุทธรูปองค์นี้เป็นพระปางห้ามสมุทร สมัยต้นรัตนโกสินทร์ แกะจากแก่นโพธิ์ สภาพองค์พระเมื่อขึ้นจากน้ำชำรุดมาก พระกรและพระบาททั้งสองข้างหักหายไป ปลายพระเกตุมาลาชำรุด ทั่วทั้งองค์มีสีดำสนิทเหมือนเคยลงรักมาก่อน ชาวบ้านและตำรวจ พร้อมด้วยผู้มีจิตศรัทธาจึงช่วยกันบูรณะซ่อมแซมองค์พระให้สมบูรณ์ แล้วนำมาประดิษฐานไว้บนสถานีตำรวจสามเสน ผู้คนทั่วไปจึงขนานนามว่า “หลวงพ่อสามเสน”ต่อมาในปี พ.ศ. 2533 ทางสถานีตำรวจนครบาลสามเสนได้นำองค์พระลงมาประดิษฐานไว้ ที่ซุ้มด้านหน้า สน. เพื่อให้สามารถกราบไหว้บูชากันได้โดยสะดวก เมื่อผ่านไปทางด้านหน้าสถานีตำรวจนครบาลสามเสนก็จะเห็นพระพุทธรูปสององค์ ประดิษฐานอยู่ในซุ้ม องค์ใหญ่คือหลวงพ่อสามเสนองค์จริง ส่วนองค์เล็กเป็นรูปจำลองสำหรับให้ผู้เลื่อมใสมาปิดทอง การเดินทางจากโรงพยาบาลไปกรายไหว้หลวงพ่อสามเสนก็แค่เดินมาหน้าโรงพยาบาล แล้วข้ามสะพานลอยก็จะถึง สน.สามเสนแล้ว ใกล้ที่สุดแล้วน้องเอ๋ย หลวงพ่อองค์นี้ศักดิ์สิทธิ์นะครับน้อง
เอา หละครับน้องๆ นี้คือสถานที่เที่ยวรอบโรงพยาบาลนะครับ แต่มิใช่ว่าจะมีที่เที่ยวเพียงแค่นี้นะครับ ยังมีสถานที่อื่นๆ อีก แต่เดี๋ยวจะมา update ให้ในครั้งหน้านะครับ อดใจรอไว้ก่อนนะครับ แล้วเจอกันคราวหน้า สวัสดีครับ + - +
นศพ.ลุงตั้มประจำคณะ
ขอขอบพระคุณ แหล่งข้อมูลและที่มาของภาพด้วยนะครับ อันได้แก่
http://cocon.exteen.com/20071202/entry
http://www.pixpros.net/forums/attachment.php?attachmentid=188451&stc=1&d=1233129648
http://www.muangboranjournal.com/modules.php?name=Sections&op=printpage&artid=11
http://learners.in.th/blog/samsen-wat-bot/349755
http://www.barekadindern.com/bkddjo/index.php?option=com_content&view=article&id=74&catid=35&Itemid=61
http://map.longdo.com/
http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=450d&month=28-02-2010&group=37&gblog=10
http://cocon.exteen.com/20071202/entry
http://www.pixpros.net/forums/attachment.php?attachmentid=188451&stc=1&d=1233129648
http://www.muangboranjournal.com/modules.php?name=Sections&op=printpage&artid=11
http://learners.in.th/blog/samsen-wat-bot/349755
http://www.barekadindern.com/bkddjo/index.php?option=com_content&view=article&id=74&catid=35&Itemid=61
http://map.longdo.com/
http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=450d&month=28-02-2010&group=37&gblog=10
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น