คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #35 : เมาท์ : วิชาหมอ : Physiology
Physiology
Physiology มันคืออะไร ไม่เคยได้ยิน แน่นอนค่ะ พี่ก็ไม่เคยได้ยินเหมือนกับน้อง ๆ เมื่อรู้ว่าจะต้องเรียนวิชานี้ในปี 2 เราลองมาดู definition จาก wikipedia กันก่อนดีกว่า ( เว็บนี้เป็นเว็บยอดฮิตสำหรับนศพ.ในการหาข้อมูลเบื้องต้นในการรายงานเลยนะคะ ^,^ ) Physiology is the science of the functioning of living systemsphysiology. หรือพูดง่าย ๆ physiology คือ วิชาที่เรียนเกี่ยวกับการทำงานของร่างกายนั่นเอง เป็นวิชาที่จะบอกเราว่า ร่างกายทำงานยังไงโดยแยกตามระบบต่าง ๆ ได้แก่
· ระบบหายใจ ( CVS = Cardiovascular system )
ระบบนี้ เรียนเกี่ยวกับหัวใจและหลอดเลือดนั่นเอง เป็นวิชาที่นักศึกษาแพทย์ทุกรุ่น ( รวมทั้งรุ่นพี่ด้วย ) ได้รับการพูดต่อ ๆ กันมารุ่นต่อรุ่นว่า “มันยากส์มาก ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ เลยนะน้อง ขนาดพี่ .... (ขอไม่เอ่ยนาม ไม่งั้นพี่อาจจะโดนนอกรอบได้ ) ได้ A มาตลอด มาเจอตัวนี้ ได้ C+” โอ้โห นี่ขนาดพี่ที่เค้าได้ A มาตลอด เค้ายังได้ C+ ในวิชานี้ แล้วพี่ล่ะไม่ได้ A มาตลอด มาเรียนแล้วจะได้เกรดอะไร แล้วมันเรียนเกี่ยวกับอะไรน้า ทำให้เกรดถูกฉุดลงกระจุยกระจายขนาดนี้ มาดูกันดีกว่า วิชานี้จะแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ
ส่วนแรก เรียนเกี่ยวกับของเหลวในร่างกาย อันนี้พี่ว่าน้อง ๆ หลายคนคงจะคุ้นเคยกันนะคะ เช่น ถ้าให้สารที่เป็น hypotonic solution ( สารที่ความเข้มข้นน้อยกว่าของเหลวในร่างกายนั่นเอง ) จะทำให้น้ำจากภายนอกออสโมซิสเข้ามาในเซลล์ ทำให้เซลล์บวม , เซลล์เต่ง หรือ edema ....... เริ่มคุ้น ๆ กันแล้วเนอะ เนื้อหาของชีวะม.4 เล่มเตะตะกร้อนั่นเอง อีกเรื่องคือเรื่องกล้ามเนื้อนั่นเอง โดยเรียนเกี่ยวกับเส้นใย actin , myosin มีการใช้ ATP ในการหดตัว ทำให้กล้ามเนื้อขยับได้ เป็นต้น
นอกจากทฤษฎีแล้ว ในส่วนนี้ มีการทำแลปด้วย โดยการนำกบที่ยังมีชีวิตอยู่มาผ่าเปิดขาเพื่อหาเส้นประสาทที่สั่งการกล้ามเนื้อที่ขาแล้วลองใช้ไฟฟ้ากระตุ้นเส้นประสาท แล้วดูความถี่และความแรกในการหดตัวของกล้ามเนื้อกบ เป็นการทดลองที่ลำบากใจมาก ๆ ค่ะ ตั้งแต่หาผู้กล้าไปจับกบออกมาจากกระสอบ ตัดไขสันหลังเพื่อไม่ให้มันเจ็บ แล้วยังต้องผ่าเปิดขามันอีก หลังจากที่ทำการทดลองจบแล้ว เจ้ากบที่น่าสงสารตัวนั้นจะได้ไปดีสู่สุขคติ จากการทดลองนี้ทำให้เพื่อน ๆ พี่หลายคนถึงกับไปทำบุญตักบาตร ถวายสังฆทานเพื่อกบที่ใช้ในการทดลองเลยทีเดียว ซึ่งเรื่องนี้พวกพี่ส่วนใหญ่ก็ยังผ่านมันไปได้ และกระหยิ่มยิ้มย่องในใจว่า “ โฮะ โฮะ โฮะ physio ก็แค่นี้เอ๊งงง ” โดยหารู้ไม่ว่า นรกอะ มีจริง ๆ นะ หึหึหึ
ส่วนที่สอง เรียนเกี่ยวกับหัวใจและหลอดเลือดจริง ๆ ละ โอ้โห น้อง ๆ คะ แค่ชั่วโมงแรก พี่ก็จะแย่แล้ว อะไรกันนี่ !! หัวใจที่เคยเรียนมาตอนม.ปลาย มันมีแค่เส้นเลือด 5-6 เส้น ลิ้นหัวใจอีกไม่กี่อันเอง แล้วพี่ก็รู้แค่ว่าหัวใจเป็นอวัยวะที่ทำหน้าที่สูบฉีดเลือดไปฟอกที่ปอดและนำเลือดที่ฟอกแล้วไปเลี้ยงร่างกายเท่านั้นเอง แต่นี่อะไรกัน SV ( stroke volume ) คือปริมาณที่หัวใจปั๊มเลือดออกไปใน 1 ครั้ง CO ( cardiac output ) คือปริมาณเลือดที่หัวใจปั๊มออกไปได้ใน 1 นาที TPR ( total peripheral resistance ) คือ ความต้านทานของหลอดเลือดในร่างกายทั้งหมด mABP ( mean arterial blood pressure ) คือ ความดันเลือดรวมของร่างกายนั้นเอง และ HR ( heart rate ) คือ อัตราการเต้นของหัวใจต่อ 1 นาที มีสูตรให้จำอีกนิดนึงคือ CO = SV x HR ; mABP = TPR x CO แล้วยังจะการเต้นของหัวใจอีก หัวใจมีการเต้น 4 จังหวะ แต่ละจังหวะ กล้ามเนื้อส่วนนี้มีการส่ง action potential ไปทางเส้นทางนี้ แต่ถ้ามัดตรงนี้เต้นจะส่งไปอีกทางนึงแล้วไปต่อทางเดิม อะไรอีกมากมาย เอาแค่เบาะ ๆ สำหรับวันแรก พี่ก็ไม่ไหวละ มันงง ไปหมด นี่ยังไม่รวมถึงวิธีใช้นะ แล้วยังในภาวะที่ร่างกายมีความผิดปกติ เช่น อายุมากมีไขมันในเส้นเลือด, เป็นโรคหัวใจแต่กำเนิด อีกมากมาย
เฮ้อ.......... พี่เริ่มเข้าใจแล้วสิ ว่าวิชานี้มันน่ากลัวยังไง แล้วคำอวยพร ? ของรุ่นพี่ของพี่ก็เป็นผลสำเร็จ วิชานี้เป็นวิชาที่หลายคนได้เกรดต่ำที่สุดในบรรดาทั้งหมดที่เรียนในปี 2 ฮือ ฮือ สำหรับคนที่ได้ A ในวิชานี้ พวกเค้าเป็น “คนพิเศษ” เพราะต้องเข้าใจแบบถึงแก่น แบบแก่นของวิชานี้จริง ๆ สงสัยความเข้าใจของพี่มันยังเป็นแค่กระพี้ ไม่ก็เป็นแค่ xylem phloem เท่านั้น นอกจากนี้จะได้ A ยังต้องมีหัวคิดดัดแปลงให้เข้ากับอาการของผู้ป่วยด้วย เพราะฉะนั้น คนที่ได้ A ตัวนี้ นี่ ขอคารวะงาม ๆ สามที หนึ่ง ... สอง .... สาม....
ปล. สำหรับวิชานี้ หัวใจเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ๆ เพราะนอกจากจะทำให้เกรดน้องดิ่งขึ้นหรือลงได้จากหน่วยกิตของวิชานี้ซึ่งมากกว่า anatomy สองตัวรวมกัน หัวใจยังเป็นสิ่งสำคัญในโลกใบนี้ เพราะหัวใจทำให้เกิดความรักค้ำจุนโลกนั่นเอง เพราะฉะนั้น รักษา(หัว)ใจกันให้ดี ๆ นะคะทุก ๆ คน ฮิ้ววววว
· Respiation หรือระบบหายใจนั่นเอง ตัวนี้เน้นเรียนเกี่ยวกับปอดเป็นส่วนใหญ่ เราหายใจ 1 ครั้ง เอาอากาศเข้าไปเท่าไหร่ เข้าส่วนไหนของปอดก่อน ส่วนบนหรือส่วนล่าง แล้วถ้าหายใจเข้าไปลึก ๆ อากาศในปอดจะเป็นยังไง การแลกเปลี่ยนก๊าซจะถูกขัดขวางมั๊ย แล้วถ้าเราออกกำลังกายล่ะ หรือว่าอยู่ที่สูงมาก ๆ หรือที่ต่ำมาก ๆ ร่างกายจะปรับตัวยังไง จะเพิ่มอัตราการหายใจ หรือ เพิ่มความลึกและความแรงในการหายใจ คำถามทั้งหมดนี้น้อง ๆ สามารถหาคำตอบได้จากการเรียนวิชานี้ค่ะ มีกราฟนึงที่เป็นหัวใจของวิชานี้คือ กราฟการหายใจนั่นเอง โดยแกน x คือ เวลา และแกน y คือ ปริมาตรปอดที่เปลี่ยนไปนั่นเอง ช่วงกราฟที่แอมพลิจูดต่ำ ๆ คือหายใจธรรมดา ๆ แต่ช่วงที่แอมพลิจูดสูงๆ คือ ช่วงที่หายใจลึก ๆ ค่ะ กราฟนี้ ทุกคนที่เรียนวิชานี้จะต้องหลับตาแล้วเห็น เหมือนกับการทำกรอสที่หลับตาแล้วต้องเห็นกล้ามเนื้อ เส้นประสาท เส้นเลือด อยู่ตรงนี้ ๆ ๆ เป๊ะ ๆ อันนี้พี่ลองเอากราฟมาให้ดูเล่น ๆ นะ ถ้าสนใจหรือมีคำถามก็หลังไมค์ได้ค่ะ แต่ต้องให้เวลาพี่ไปเตรียมตัวก่อนนะ เพราะมันผ่านมานานแล้วจ้า
อ้อ วิชานี้ มีการทำแลปการหายใจด้วย เป็นแลปที่น้อง ๆ ผู้หญิงและผู้ชายที่ใจเป็นผู้หญิงจะได้กรี๊ดกร๊าดดดดด กัน เพราะแลปนี้ใช้อาสาสมัครเป็นผู้ชาย อ่า ทำไมต้องเป็นผู้ชายด้วย เพราะว่าแลปนี้วัดปริมาตรปอดโดยใส่สายรัดลำตัวเชื่อมกับเครื่องวัดปริมมาตรค่ะน้อง แล้วยังไงล่ะ เค้ากลัวว่าถ้าใส่เสื้อเนี่ย อาจจะทำให้การวัดปริมาตรปอดคาดเคลื่อนได้ เค้าก็เลยให้อาสาสมัครคนนั้น “ถอดเสื้อ” ค่ะคุณน้อง อ่านไม่ผิดหรอก ไม่ใช่ถอดอย่างอื่นนะคะ อุ๊ยตาย ! ทะลึ่งนะเนี่ย คริ คริ คริ นั่นแหละค่ะ ใครมีไม่มีพุงยังไง ได้รู้กันเดี๋ยวนั้น ถอดกันให้เห็น ๆ โอ้ววววววว
· Digestion ระบบนี้เรียนเกี่ยวกับการย่อยค่ะ ตั้งแต่เริ่มทานจนถึงขับออกกันเลยทีเดียว วิชานี้ คล้าย ๆ กับที่น้องเรียนตอนม.ปลายค่ะ เช่น lipase ย่อย ไขมัน , lactase ย่อย lactose , protease ย่อย protein แต่มีเพิ่มเติมจากม.ปลาย เช่น ระบบประสาท หรือว่าเส้นเลือดที่เลี้ยงทางเดินอาหาร และโรคที่เกิดขึ้นจากความผิดปกติ เช่น ผนังหน้าท้องไม่ปิด ทำให้ลำไส้บางส่วนทะลักออกทางสะดือ เป็นต้น และความรู้ปึ้ก ๆ ที่ได้จากวิชานี้คือ ไส้ติ่งอักเสบ จะมีอาการเริ่มปวดจากสะดือก่อน แล้วถ้าไม่ได้รับการรักษา ความเจ็บปวดจะเริ่มลามไปข้างขวานะจ้ะ น้อง ๆ ไม่ใช้ข้างซ้าย
· Endocrine คือ ระเบบฮอร์โมนในร่างกายเรานี่เอง เนื้อหาคล้าย ๆ กับที่น้อง ๆ เรียนในม.ปลายเลย แต่จะไม่เหมือนเดิมตรงที่จะละเอียดกว่า อย่างเช่น ต่อมไธรอยด์ ว่ากันตั้งแต่ขั้นตอนการเก็บไอโอดีนเข้าเซลล์, ออกเซลล์ เพื่อไปสังเคราะห์เป็นฮอร์โมน, สารตั้งต้นและผลิตภัณฑ์ที่เกิดขึ้น แล้วค่อยปล่อยไธรอยด์ฮอร์โมนออกมาสู่ร่างกาย กันเลยทีเดียว ในบรรดา physiology ทั้งหมด พี่ว่าเรื่องนี้ง่ายที่สุด เพราะเนื้อหาคล้ายม.ปลายและไม่ต้องอาศัยความเข้าใจและการประยุกต์ใช้มาก อาการของโรคที่ขาดหรือมีฮอร์โมนตัวไหนมากเกินไปก็จะเป็นไปตามผลของฮอร์โมนนั้น ๆ สำหรับ endocrine นี้จึงเป็นอีกเรื่องที่ชิว ๆ สำหรับนศพ.ส่วนใหญ่ และจะไปยากอีกทีก็ renal system ที่จะกล่าวต่อไป
สุดท้ายแล้วเนอะ มากกว่านี้เดี๋ยวบก.เค้าจะด่าเอา physiology เป็นวิชาที่ใช้ความเข้าใจและมีเหตุผลมากที่สุดในบรรดาวิชาที่เรียนมาแล้วค่ะ ไม่ว่าจะเป็น biochemistry , pharmacology anatomy , neurology หรือ histology เพราะเป็นการเรียนรู้การทำงานของร่างกายที่เป็นระบบ โรคที่เกิดและสาเหตุของโรค ก็จะอิงจากความผิดปกติในการทำงานของระบบนั้น ๆ นอกจากนี้ physiology ต่างจากวิชาอื่นตรงที่ วิชาอื่นยังเป็นวิชาที่เน้นความจำ ประมาณว่า ถ้าน้องจำได้ ก็ทำได้ แต่ใน physiology นี้ ถ้าน้องจำได้อย่างเดียวก็ไม่พอ ต้องเข้าใจด้วย
ก่อนจากกัน พี่หวังว่าบทความที่พี่เขียนนี้จะเป็นกำลังใจให้น้องหลาย ๆ คนในการอ่านหนังสือสอบนะคะ ไม่ว่าความฝันของน้อง ๆ จะอยู่ที่คณะแพทยศาสตร์หรือไม่ก็ตาม ถ้าน้องและพี่ทำบุญมาร่วมกัน เราคงจะได้พบกันในวิทยาลัยแพทยศาสตร์กรุงเทพมหานครและวชิระพยาบาล และพี่หวังว่าน้อง ๆ จะได้นำความรู้ความทรงจำดี ๆ ที่ได้จากค่ายโอเพ่นกาวน์ 11 นี้ ไปใช้เพื่อให้เกิดประโยชน์แก่เพื่อนมนุษย์คนอื่น ๆ นะคะ สุดท้ายแล้วจริง ๆ พวกพี่ทุก ๆ คนขอให้น้องสุขสมหวังในทุก ๆ เรื่อง สุขภาพร่างกายแข็งแรง ๆ ได้เรียนในสิ่งที่ชอบนะคะ
นศพ.เชอรี่ประจำคณะ
ความคิดเห็น