คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #33 : เมาท์ : กว่าจะมาเป็นอาจารย์ใหญ่
“ อาจารย์ใหญ่ ” ในความหมายของใครหลายคน อาจเป็นเพียงบุคคลเดินดินธรรมดา มีชีวิต มีลมหายใจ ไม่ต่างอะไรไปจากพวกเรา และเป็นบุคคลที่มีหน้าที่เน้นหนักไปในด้านการบริหารสถานศึกษามากกว่าการทำ หน้าที่สอน อันเป็นหน้าที่หลักของบุคคลที่ได้ขึ้นชื่อว่าครู ดังนั้นหากจะกล่าวว่า อาจารย์ใหญ่ของบุคคลเหล่านั้นเป็นนักบริหารมากกว่าครูผู้สอนก็คงจะไม่ผิด นัก หาก “อาจารย์ใหญ่” ในความหมายของนักศึกษาแพทย์กลับมิได้เป็นเช่นนั้น
มนุษย์เราในยามแก่ชรา สังขารที่เริ่มโรยรา และโรคภัยที่คอยรุมเร้าทำให้เริ่มตระหนักถึงบาปบุญคุณโทษ และสิ่งที่เคยกระทำไว้ในอดีต บ่อยครั้งที่มักจะนึกสงสัยว่า ตายแล้วไปไหน ตายแล้วจะรู้สึกอย่างไร เราอยากรู้พร้อมกับหวาดกลัว เราใฝ่หาคำตอบ แต่กลับไม่คิดจะลองหาคำตอบด้วยตัวเอง ด้วยเหตุนี้เราจึงทำได้เพียงหมั่นทำบุญทำทานสร้างกุศล เพื่อที่ว่าผลบุญนั้นจะเป็นเสมือนแสงไฟนำทางดวงวิญญาณไปสู่ภพภูมิที่ดีได้ หลังจากที่หมดลมหายใจไปแล้ว และการทำบุญอย่างหนึ่งที่เชื่อกันว่าเป็นการให้ทานอันยิ่งใหญ่นั้น ก็คือการบริจาคร่างเป็นอาจารย์ใหญ่ให้นักศึกษาแพทย์ได้ศึกษาเล่าเรียน คุณป้าคนหนึ่งที่เคยมาบริจาคร่างกายกล่าวไว้ว่า เราตายไปแล้ว เวลาเขาเอาเข้าเตาเผายังไม่รู้ร้อนเลย จะกลัวอะไรกับเพียงแค่คมมีดที่กรีดลงมาบนร่างเรา สู้บริจาคร่างให้พวกหมอเขาเรียนดีกว่า อย่างน้อยก่อนตายก็ได้ขึ้นชื่อว่าเป็น อาจารย์หมอ เผื่อว่าผลบุญจากการเป็นอาจารย์ครั้งนี้จะส่งผลให้ชาติหน้ามีชีวิตที่สุข สบาย
แม้ พระพุทธเจ้าจะเคยตรัสไว้ว่า ร่างกายนี้ไม่ใช่ของเรา เพราะเมื่อตายไปแล้วก็ไม่สามารถนำติดตัวไปด้วยได้ แต่เมื่อเรายังมีชีวิตอยู่บนโลกที่เต็มไปด้วยการปรุงแต่งและการถือครอง เราก็ต้องเคารพกฎที่เขายึดถือกันมา ในเมื่อตลอดชีวิตที่ผ่านมา เราเป็นผู้บังคับร่างๆ นี้ให้คอยทำสิ่งนั้นสิ่งนี้ ดังนั้นกรรมสิทธิ์ในร่างนี้จึงตกเป็นของเราโดยชอบธรรม และถือเป็นหนึ่งในมรดกที่จะตกทอดไปสู่ลูกหลานหากเราถึงแก่กรรม ดังนั้นหากปรารถนาจะเป็นอาจารย์ใหญ่ สิ่งแรกที่ต้องทำก็คือเขียนพินัยกรรมมอบร่างให้กับโรงเรียนแพทย์ที่ต้องการ บริจาคเสียก่อน เพื่อที่ว่าหลังจากที่เราตายไปแล้วนั้น เจ้าหน้าที่จากโรงเรียนแพทย์ที่เราทำเรื่องไว้จะได้มีสิทธิ์มารับร่างของเรา ไปฉีดน้ำยา ก่อนส่งกลับมาให้ญาติประกอบพิธีกรรมทางศาสนาซึ่งจำกัดเวลาไว้ไม่เกินห้าวัน แล้วจึงมารับกลับไปอีกครั้งเพื่อฉีดน้ำยาเพิ่มและนำไปแช่ในถังดองขนาดใหญ่ รวมกับอาจารย์ใหญ่ท่านอื่นๆต่อไป
ความพิเศษของน้ำยาที่ใช้ฉีดเพื่อรักษาร่างของอาจารย์ใหญ่ก็คือ หลังจากฉีดเข้าไปแล้วจะไม่ทำให้ร่างแข็งเหมือนกับน้ำยาที่ใช้ฉีดศพทั่วไป แต่จะยังสามารถคงความอ่อนนุ่มไว้ได้เพื่อให้ง่ายต่อการผ่าศึกษาโดยนักศึกษา แพทย์ แต่หากเป็นการบริจาคร่างโดยใช้กระดูกแล้ว เราจะหลีกเลี่ยงการฉีดน้ำยาโดยเด็ดขาด เนื่องจากน้ำยาอาจไปมีผลต่อกระดูกได้ ดังนั้นร่างของอาจารย์ใหญ่ที่ประสงค์จะศึกษาส่วนที่เป็นโครงกระดูกจะถูกเลาะ เนื้อออกจนหมดแล้วนำไปกลบฝังในบ่อทราย เพื่อให้ชิ้นเนื้อที่ยังคงติดกระดูกอยู่บ้างเน่าเปื่อยผุสลายจนเหลือแต่โครง กระดูกในที่สุด จากนั้นเจ้าหน้าที่ผู้ดูแลจะนำกระดูกเหล่านั้นมาทำความสะอาดและเคลือบด้วย น้ำยาเพื่อยืดระยะเวลาการผุกร่อนออกไป แล้วจึงนำมาร้อยเรียงกันเป็นโครงให้นักศึกษาแพทย์ได้เรียนกัน
ย้อนกลับไปยังร่างอาจารย์ใหญ่ที่จะต้องนำลงแช่ในถังดอง หลังจากเจ้าหน้าที่รับร่างอาจารย์ใหญ่มาจากญาติหลังการประกอบพิธีกรรมทาง ศาสนาแล้ว นอกเหนือไปจากการฉีดน้ำยาเพิ่มเติมตามที่ได้กล่าวไปแล้วข้างต้น อีกหนึ่งสิ่งสำคัญที่จำเป็นต้องทำก่อนการนำร่างลงแช่ในถังดองก็คือ การตัดผมให้สั้นกุดจนติดหนังศีรษะ และการติดป้ายหมายเลขพร้อมทั้งปีที่บริจาคไว้ที่ข้อมือและข้อเท้าของอาจารย์ ใหญ่ ข้อมูลบนป้ายจะถูกจดลงบนกระดานเพื่อให้ง่ายต่อการจดจำและตรวจสอบ หลังจากนั้นฝาถังก็จะถูกปิดจนครบตามกำหนดเวลาคือประมาณ 6 เดือน ถึง 1 ปี ซึ่งในระหว่างนี้เจ้าหน้าที่ผู้ดูแลจะต้องหมั่นตรวจดูระดับน้ำยาในถังดองให้ เหมาะสมอยู่เสมอ
ปลาย เดือนเมษายน ใกล้ถึงกำหนดเวลาการพบกันระหว่างอาจารย์ใหญ่กับนักศึกษาแพทย์ เจ้า หน้าที่จะใช้รอกไฟฟ้าดึงร่างอาจารย์ใหญ่ขึ้นจากถังดองเพื่อนำมาล้างทำความ สะอาดให้เรียบร้อย ก่อนนำมาห่อด้วยผ้าพลาสติกเนื้อหนาสีเขียว ตามด้วยผ้าป่านเนื้อดิบสีขาวอีกชั้นหนึ่ง แต่ก่อนการห่อนั้น เจ้าหน้าที่จะต้องทาน้ำยาทั่วทั้งร่างอาจารย์ใหญ่เสียก่อน เพื่อป้องกันไม่ให้ร่างแห้งหรือเกิดเชื้อราขึ้น ซึ่งภายหลังหน้าที่การทาน้ำยานั้นจะตกเป็นของนักศึกษาแพทย์แทน โดยจะต้องทาทุกครั้งหลังจากศึกษาร่างอาจารย์ครบตามขอบเขตเนื้อหาในแต่ละวัน แล้ว
กลาง เดือนพฤษภาคม ถึงกำหนดเวลาการพบกันครั้งแรกระหว่างศิษย์และครู ในวันนี้นักศึกษาแพทย์จะได้มีโอกาสเริ่มต้นทำความรู้จักกับอาจารย์ใหญ่ผ่าน การแนะนำโดยญาติของท่าน ในตอนเช้าของวันนั้น ทางคณะได้จัดให้มีพิธีมอบพวงมาลัยแด่ญาติของอาจารย์ใหญ่ขึ้น เพื่อเป็นการฝากฝังตัวเป็นเสมือนลูกหลานคนหนึ่ง และเพื่อเป็นการขอขมาลาโทษกับการกระทำในภายภาคหน้า นั่นคือการผ่าร่างอาจารย์ใหญ่ ซึ่งอาจส่งผลกระทบกระเทือนต่อจิตใจของผู้เป็นญาติได้
ถัดจากพิธีมอบพวง มาลัย คือการร่วมพูดคุยและสนทนาระหว่างนักศึกษาแพทย์กับญาติของอาจารย์ใหญ่ เพื่อสร้างความสนิทสนมคุ้นเคยและความวางใจคล้ายเป็นครอบครัวเดียวกัน จนกระทั่งในเวลาบ่าย นักศึกษาแต่ละโต๊ะจะเดินนำทางญาติอาจารย์ใหญ่ประจำโต๊ะของตนไปยังห้องกาย วิภาคศาสตร์ ภายในห้องนี้จะมีโต๊ะเหล็กที่ใช้วางร่างของอาจารย์ใหญ่อยู่เต็มไปหมด เมื่อไปถึงโต๊ะประจำกลุ่ม ญาติจะเป็นผู้เปิดผ้าคลุมหน้าอาจารย์ใหญ่ด้วยตัวเอง เพื่อกล่าวอำลาเป็นครั้งสุดท้าย
หนึ่งปีเต็ม หลังจากวันนั้น คือการศึกษาเล่าเรียนวิชากายวิภาคศาสตร์จากร่างของอาจารย์ใหญ่อย่างจริงจัง นักศึกษาแพทย์ทุกคนต่างมุ่งมั่นและตั้งใจต่อวิชานี้เป็นอย่างมาก ทั้งนี้เพราะพวกเราหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ความรู้ที่พวกเราได้รับจากร่างของอาจารย์ใหญ่ จะทำให้การเสียสละของท่านเกิดประโยชน์สูงสุด นอกเหนือไปจากความรู้ที่ได้รับ คือความผูกพันที่มองไม่เห็น คล้ายกับว่าอาจารย์ใหญ่เป็นญาติสนิทที่เราเคารพและศรัทธา ท่านเป็นเสมือนกำลังใจสำคัญที่หล่อหลอมให้นักศึกษาแพทย์อย่างเราอดทนและมุ่ง มั่นต่อความยากลำบากในการเรียน เพื่อที่จะก้าวไปสู่การเป็นแพทย์ที่ดีในอนาคตได้
เมื่อ การเล่าเรียนจบลง ร่างของอาจารย์ใหญ่ทุกท่านจะถูกนำไปประกอบพิธีกรรมทางศาสนาต่อไป โดยผู้เป็นญาติจะต้องตัดสินใจระหว่างการนำร่างของท่านกลับไปประกอบพิธีเอง หรือให้ทางคณะเป็นผู้ดำเนินการขอพระราชทานเพลิงศพให้ และญาติจะต้องแจ้งความจำนงด้วยว่าจะเก็บกระดูกข้อนิ้วของอาจารย์ใหญ่ไว้เป็น ที่ระลึกหรือไม่
พิธีพระราชทานเพลิงอาจารย์ใหญ่ เป็นอีกหนึ่งวาระที่นักศึกษาแพทย์และญาติของอาจารย์ใหญ่จะได้มีโอกาสพบปะและ ร่วมพูดคุยกันอีกครั้ง หนังสือที่ระลึกที่พิมพ์แจกในงานเป็นเสมือนสื่อกลางในการถ่ายทอดความรู้สึก ที่นักศึกษาแพทย์มีต่ออาจารย์ใหญ่ของพวกเขาเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่ร่างของท่านจะถูกนำเข้าเตาเผาและสูญสลายหายไปพร้อมกับเปลวเพลิง
นับถึงวันนี้ผ่านมา เกือบปีแล้ว แต่ภาพของอาจารย์ใหญ่และบรรยากาศในการเรียนกับท่านก็ยังฝังแน่นอยู่ภายในใจ นักศึกษาแพทย์ทุกคนเสมอ ความหวังในใจท่านที่ปรารถนาจะสร้าง แพทย์ที่ดีเพื่อปวงชน คือจุดมุ่งหมายที่พวกเรานักศึกษาแพทย์ทุกคนยึดถือเป็นคติประจำใจตลอดมา เราจะไม่เป็นเพียงแพทย์ที่เก่ง แต่เราจะต้องเป็น “แพทย์ที่ดี” ให้เสมอเหมือนความดีที่อาจารย์ใหญ่ทุกท่านพยายามถ่ายทอดปลูกฝังลงในตัวนัก ศึกษาแพทย์ทุกคนตลอดมา
เปลือก ตาปิดสนิท หลับใหล
ลมหายใจหลีกลี้หนีห่าง
หัวใจไร้เสียงก้องกังวาน
กระแสรักไหลผ่านสู่กลางใจ
แม้กายท่านแน่นิ่งไม่ขยับ
แม้หูไม่สดับตรับฟังเสียง
แม้ไม่อาจเอ่ยเอื้อนถ้อย สำเนียง
หวังแค่เพียงสอนศิษย์ด้วย ความดี
โดย...นศพ. ธัญญกมล ผู้ศรัทธาธรรม
ความคิดเห็น