ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    vampire renaissance (yaoi)

    ลำดับตอนที่ #6 : มหาวิหารชาตร์

    • อัปเดตล่าสุด 22 พ.ค. 59


    งานเลี้ยงในพระราชวังแวร์ซายน์ดำเนนิไปเรื่อยๆ  จนถึงงานเต้นรำหน้ากาก ซึ่งวูลแฟร์ใส่หน้ากากเป็นรูปหมาป่าสีดำ ส่วนฟีเรนเซใส่หน้ากากแบบเวนิสสีเงิน และแต่งกายด้วยสีแดง มีลายเป็นตาหมากรุกสีเงินสลับแดง ซึ่งดูแล้วคล้ายกานแต่งกายแบบยุคเรอเนสซอส์ การแต่งกายที่ผสมผสานระหว่างแวร์ซายน์กับทัสกานี ทำให้ฟีเรนเซดูเป็นดาวเด่นขึ้นมา

    "พระเจ้าหลุยส์ที่16และพระราชินี มารี อองตัวเนตเสด็จแล้ว"เสียงขุนนางพูดเมื่อกษัตริย์ฝรั่งเศสที่มีพระวรกายท้วมเสด็จเข้ามาพร้อมกับราชินีสาวในชุดที่ดูงดงามและหรูหราฟุ่มเฟือย จะเป็นใครไม่ได้นอกจาก มารี อองตัวเนต

    'ชายหนุ่มข้างๆมองซิเออร์ลูแปงคือใครนะ ช่างดูงดงามยิ่งนัก'ในพระทัยของมารี อองตัวเน็ตดำริเมื่อทอดพระเนตรเห็นฟีเรนเซ  เมื่อทั้งสองพระองค์ประทับนั่งบนบัลลังก์สีทองที่สลักอย่างงดงามเป็นรูปลายเถาองุ่นตามแบบศิลปะโรโคโค ดนตรีเริ่มบรรเลง ทุกคนเริ่มบรรเลง ทุกคนเริ่มเต้นรำเป็นคู่ ส่วนวูลแฟร์และฟีเรนเซจีบไวน์อยู่ข้างๆเฟลอร์เต้นรำ มารี อองตัวเนต เต้นรำคู่กับชายหนุ่มร่างสูงโปร่งในชุดสีเหลือง

    "ชายที่เต้นรำคู่กับองค์ราชินีคือเคานท์ แอ็กเซล ฟอน เดอ แฟร์ซอง"วูลแฟร์กระซิบกับฟีเรนเซ

    "อืมๆ"ฟีเรนเซดื่มไวน์โดยไม่สนใจวูลแฟร์

    "พระนางมารี อองตัวเน็ตไม่ทรงโปรดเครื่องเพชร  แต่จะทรงเครื่องประดับที่ทำจากพลอยและไข่มุก พระราชทรัพย์ที่เสียก็มาจากชุดฉลองพระองค์ที่ตัดขึ้นมาใหม่จากผ้าซาตินและผ้าไหม"วูลแฟร์พูดต่อ

    "ที่นี่แตกต่างจากอิตาลีโดยสิ้นเชิง"ฟีเรนเซกล่าว"งานเต้นรำที่ฟลอเรนซ์และโรมจะใส่หน้ากากแบบเวนิซเพื่อปกปิดฐานะ"

    "ต่างกับที่นี่นะ มีแต่พวกชนชั้นสูง"วูลแฟร์พูดขึ้น

    "ตระกูลเมดิชีเราอุปถัมป์งานศิลปะทุกแขนง  ดูแลพวกชาวนาและประชาชน แต่คนที่นี่กลับกอบโกยความสุขใส่ตัว ไม่สนความเป็นอยู่ของประชาชนละก็ ไม่นานจะเกิดการลุกฮือขึ้นมาแน่"ฟีเรนเซพูด"ดังคำที่มาเคียเวลลีกล่าวว่าผู้ปกครองแคว้นหรือดยุค ควรสนใจต่อความเป็นอยู่ของประชาชน"

    ไม่นาน มีนางสนองพระโอษฐ์เข้ามาหาฟีเรนเซ

    "องค์ราชินีมีพระประสงค์จะพูดคุยกับท่าน"นางพูดกับฟีเรนเซ

    ฟีเรนเซจำต้องเดินตามนางกำนัลคนนั้นไป

    "เขามาแล้วเพคะ"น่งสนองพระโอษฐ์ทูล

    "สวัสดีมองซิเออร์  ฉันคือ มารี อองตัวเน็ต พระราชินีแห่งฝรั่งเศส"มารี อองตัวเนตพูดพลางรีนน้ำไวน์ให้ฟีเรนเซ"ท่าชื่ออะไรหรือ"

    "หม่อมฉันชื่อ ฟีเรนเซ เดอ เมดิชีพะย่ะค่ะ"ฟีเรนเซทูล พลางคุกเข่าถวายบังคม(คือชันเขาข้างขวาและข้างซ้ายยันพื้นพร้อมถอดหมวก)

    "โอ้ ท่านก็เป็นลูกหลานของมารี เดอ เมดิชีใช่ไหม"มารี อองตัวเนตพูด"แล้วตระกูลท่านเป็นอย่างไรบ้างล่ะ"

    "ยามนี้ตระกูลเมดิชีไม่ได้มีอำนาจเหลืออยู่อีกแล้ว เพราะทัสกานีถูกรวมกับโรมพร้อมๆกับแคว้นอื่นๆ"ฟีเรนเซทูลตามที่ตนได้ยินมาเพราะตนเองได้ข่าวจากพ่อค้าอิตาลีที่มาจากทัสกานี

    "ท่านนี่ช่างดูหน้าสนใจดีนะ"พระนางทรงตรัสขึ้น

    "ขอบพระทัยฝ่าบาท"ฟีเรนเซพูด

    "ข้าขอดูใบหน้าของท่านหน่อย"พระนางเอื้อมมือมาจะเปิดหน้าเขา

    "อย่าเพคะพระนาง ตระกูลเมดิชีเป็นแค่ตระกูลที่ไร้อำนาจ เป็นแค่เจ้าครองแคว้นที่ไร้อำนาจเหมือนพวกชั้นต่ำ"หญิงนางนึ่งข้างมารี อองตัวเนตทูลยุแหย่

    "ขอประทานโทษนะครับมาดอนนา ชนชั้นสูงหรือชั้นต่ำไม่ได้ดูที่ชาติกำเนิดหรือยศฐาบรรดาศักดิ์หรอกนะ แต่ดูที่กริยามารยาทต่างหาก"ฟีเรนเซพูด พลางลุกขึ้นยืน"ขออภัย ชนชั้นสูงของอิตาลีเป็นคนที่พูดตรงๆ ไม่อ้อมค้อม"

    ชิ้ง!!!!ดาบขอองค์รักษ์หญิงในชุดทหารรักษาพระองค์ถูกชักขึ้น

    "ขออภัยต่อฝ่าบาทและมาดามโปลินแนคเดี๋ยวนี้"นางตะคอก

    หมับ!!แก๊ง!!ฟีเรนเซหักดาบมันทิ้งอย่างไม่ไยดี

    "เขาหักดาบขององค์รักษ์ได้"เสียงหนึ่งพูดขึ้น

    "เหลือเชื่อ"เสียงผู้หญิงพูดบ้าง

    "เขาทำได้ไงเนี่ย"อีกเสียงพูดตาม

    มารี  อองตัวเนตพอพระทัยมาก

    "วิเศษมากมองซิเออร์"พระนางปรบพระหัตถ์ ทุกคนก็ปรบมือตามอย่างเป็นมารยาท"ข้าอยากเต้นรำคู่กับเมอร์ซิเออร์ยิ่ง"

    "ด้วยความยินดีพะย่ะค่ะ"ฟีเรนเซกล่าวพลางคุกเข่าค้อมคารวะ

    เพลงบรรเลงขึ้น  นักโอเปร่าหญิงร้องเพลงเป็นภาษาละติน  เป็นเพลงที่บรรเลงช้าๆ ท่วงทำนองฟังดูลึกลับและเยือกเย็น

    ฟีเรนเซเต้นรำคู่กับพระนางได้อย่างถูกจังหวะ และงดงามราวกับเขาเผป็นเทพหนุ่มรูปงามคู่กับเทพธิดาที่เต้นรำคู่กันในสวนสววรค์

    เมื่อเพลงจบลง  ทุกคนต่างปรบมือ

    "น่าเสียดายที่ท่านต้องจากลาเราแล้ว"มารี  อองตัวเนตกล่าว"เรามีของจะมอบให้ท่าน"

    มหาดเล็กถือกล่องกำมะหยี่สีน้ำเงินเดินมา เมื่อเปิดออก เป็นเข็มกลัดและสร้อยล็อคเก็ตไพลินสีน้ำเงิน ล้อมรอบไปด้วยเพชรขนานดเล็ก ซึ่งมีลักษณะงดงามยิ่งนัก

    "เครื่องประดับนี้ เป็นของที่ระลึกจากพระราชวังแวรซายน์และราชวงศ์ของเรา"มารี อองตัวเนตกล่าว"ขอท่านเดินทางกลับโดยสวัสดิภาพ ขอพระเจ้าคุ้มครองท่านเถิด"

    "ขอบพระทัยมากพะย่ะค่ะ ฝ่าบาท"ฟีเรนเซก้มค้อมคารวะและรับมาอย่างนอบน้อม และเดินออกมา  งานเลี้ยงก็ดำเนินไปต่อ

    วูลแฟร์จึงเดินมาหาฟีเรนเซ

    ฟีเรนเซเดินออกมาก่อนที่วูลแฟร์จะเดินเข้ามาหาเขา

    "ไปเถอะ"แวร์วูฟหนุ่มพูดกับฟีเรนเซ

    "อืม"ฟีเรนเซกล่าวและเดินออกจากงานเลี้ยงไปยังพระราชวังเพื่อขึ้นรถม้ากลับทันที

    ...............................................................................
     
    วันถัดมาทั้งสองได้ออกจากแวร์ซายน์ไปยังเมืองชาตร์

    "ที่นี่แหล่ะ มหาวิหารชาตร์"วูลแฟร์พูดพลางพยักเพยิดไปยังมหาวิหารขนาดใหญ่ข้างหน้า

    "เราเข้าไปดูข้างในกันเถอะ"วูลแฟร์พูดพลางจูงมือฟีเรนเซให้ตามเข้ามา

    "ว้าว"ฟีเรนเซมองด้วยสายตาที่สนใจกับบานกระจกสีน้ำเงิน

    "ข้ามีอะไรจะให้ท่านดู"แวร์วูฟหนุ่มโอบไหล่ฟีเรนเซจนมาถึงตรงกลางของมหาวิหาร

    "เขาวงกตนี้  ถ้าท่านเดินตามรายทางนี้แล้วจนถึงจุดศูนย์กลาง ท่านสามารถอธิษฐานขอข้อใดข้อหนึ่งได้"วูลแฟร์พูดกระซิบข้างหูของแวมไพร์หนุ่มจากอิตาลีตนนี้

    ฟีเรนเซเดินตามเขาวงกตด้วยสมาธิ เขาหลับตาพลางเดินตามช่องเพราะด้วยสัญชาตญาณแวมไพร์ เขาสามารถรู้เส้นทางได้ จนกระทั่งเขาเดินมาถึงตรงกลาง

    "ท่านนี่สมแล้วที่ได้ชื่อว่าเป็นแวมไพร์ที่ผดุงไว้ซึ่งความดีงาม"บิชอปในชุดขาวเดินเข้ามาหาฟีเรนเซ"หลายร้อยปีที่ท่านกลายเป็นแวมไพร์  ศาสนจักรและบรรดามนุษย์หมาป่าถูกรุกรานโดยพวกอิลลูมินาติ เห็นทีเราต้องพึ่งมือพวกแวมไพร์แล้วล่ะ"บิชอปผู้นี้พูดขึ้น

    "ท่านลุง"วูลแฟร์เข้ามาคุกเข่าพลางจุมพิตข้อมือของบิชอป

    "ยามนี้ในอิตาลีมีแวมไพร์อยู่กระจัดกระจายไปทั่ว โดยเฉพาะแคว้นทัสกานี"บิชอปพูดพลางพยัดเพยิดไปที่ฟีเรนเซ"มนุษย์หมาป่าตระกูลลูแปงและการ์กาซอนควรผูกมิตรกับแวมไพร์เมดิชี นาโปลี กริมาลดีและสฟอร์ซา"

    "อ้อ มองซิเออร์เมดิชี  คนในตระกูลท่านมารอพบท่านใต้ดินน่ะ"บิชอปพูดพลางเดินจากไป
     
    .................................................................
     
    แวมไพร์เมดิชีทุกตนที่เจอฟีเรนเซต่างสวมกอดเขาพลางพูดเสียงสั่น ทุกตนล้วนแต่งเป็นชายหนุ่มทั้งสิ้น

    "ข้าคิดว่าเจ้าตายไปนานแล้ว" แวมไพร์หนุ่มผมสีดำสวมกอดฟีเรนเซ

    "ข้าก็ดีใจที่ได้เจอพวกเจ้าทุกคนอีกครั้ง เบน"ฟีเรนเซพูดพลางสวมกอดแวมไพร์ตนนั้น"ว่าแต่พวกเจ้าเป็นแวมไพร์ได้ไง"

    "ตอนนั้นเราถูกส่งไปรบกับพวกเตริก์ ตอนนั้นมันเป็นกลลวงของบอร์เจีย แต่โชคดีที่เราได้พวกแวมไพร์จากเตริก์ช่วยไว้"'เบน'หรือ'เบนจามิน'กล่าว

    "พวกนั้นพาเราไปยังคอนสแตนติโนเปิลไปพบกับอิสมิล ราชันย์แห่งแวมไพร์ กับกาโรล ราชินีแวมไพร์ ทั้งสองตนช่วยเรากับประเทศแต่มีข้อแลกเปลี่ยนคือ เราต้องเป็นแวมไพร์" 'ลูคา'แวมไพร์หนุ่มผมน้ำตาลกล่าว

    "ตอนนี้ราชวงศ์แวมไพร์ออคโตมันเริ่มรุ่งเรืองมากขึ้น  แวมไพร์ทุกตนในราชวงศ์ออสมันเป็นที่เกรงกลัวไปทั่ว เป็นหนึ่งในสามของราชวงศ์แวมไพร์ที่เรืองอำนาจที่สุดในโลก อิลลูมิเนติคเองก็เกรงกลัวพวกนั้น " 'ทรอย'แวมไพร์อีกตนกล่าวขึ้น

    "อิลลูมิเนติค!?"ฟีเรนเซกล่าวขึ้นด้วยความสงสัย

    "องค์กรของพวกมนุษย์ที่คลั่งใคล้วิทยาศาสตร์และมัวเมาในตนเอง" 'บรูตัส'แวมไพร์หนุ่มผมทองพบขึ้น"พวกมันมีพวกบาโธรี่มาเป็นพวก นั่นทำให้คาบสมุทรอิตาลีวุ่นวาย  แวมไพร์ทุกตระกูลต้องผนึกกำลังต่อต้านพวกมัน โชคดีที่ราชวงศ์มนุษย์หมาป่ารีมาเซียช่วยเหลือพวกเรา"

    "เฮ้ นี่เจ้าได้เครื่องประดับฝรั่งเศสมาด้วยเหรอ"ลูคากล่าว

    "หน้าตาเหมือนพวกเครื่องราชย์เลยนะ"ทรอยกล่าวเมื่อหยิบเข็มกลัดไพลินขึ้นมาดู

    "ท่าทางคนที่มอบให้เจ้านี่ถ้าจะไม่ใช่เชื้อพระวงศ์ทั่วไปสิถ้า"เบนกล่าว

    "มารี  อองตัวเน็ตมอบให้ข้า"ฟีเรนเซกล่าว  ทุกคนพากันหัวเราะ

    "ใช่ย่อยนะเนี่ย"บรูตัสกล่าวพลางหัวเราะ

    "เจ้าทำอะไรล่ะ นางถึงให้เป็นเครื่องประดับแพงขณะนี้"เบนกล่าวพลางยิ้ม

    "ข้าคุยกับนาง ตอกหน้าชนชั้นสูงบางคน และหักดาบขององค์รักษ์ ที่จะมาทำร้ายข้า  นางชอบใจเลยของเต้นรำกับข้าและยังให้เครื่องประดับราคาแพงแบบนี้มาอีก"ฟีเรนเซกล่าวพลางยิ้ม

    "ท่าทางมารี  อองตัวเนตจะชอบเจ้านะ"ลูคากล่าวหัวเราะ

    "ตลก  เจ้าจะให้ข้าเป็นกษัตริย์ฝรั่งเศสแทนหลุยส์หรือไง"ฟีเรนเซเล่นมุกตามลูคา ทำให้แวมไพร์ตระกูลเมดิชีทุกตนต่างหัวเราะด้วยเห็นว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องชวนหัว

    "กษัตริย์ฝรั่งเศสองค์แรกที่เป็นอิตาลียน ฮ่าๆๆๆๆ"ลูคาหัวเราะ

    ในระหว่างนั้นเอง

    "นายท่าน เราต้องรีบไปที่ปราสาทของพวกลูแปงด่วน" แวมไพร์เด็กหนุ่มเดินเข้ามาบอก

    "ขอบใจ เฮเดรียน"เบนพูดกับเด็กหนุ่ม

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×