คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : ความฝันที่ 7 : เมื่อยามราตรีมาเยือน (100%)
ความฝันที่
7
เมื่อยามราตรีมาเยือน
“พี่ทาเคโอะ ดูนี่สิ! ตุ๊กตากลนักธนูตัวนี้ยอดไปเลย!”
“ว้าว! ตาถึงนี่นา ชิเงรุ!
ตุ๊กตากลนี่ต้องทำจากช่างมีฝีมือในเมืองใหญ่แน่ๆ เลย”
เสียงพูดคุยอย่างร่าเริงดังขึ้นจากร้านขายของเล่นประจำหมู่บ้าน ชิเงรุกับทาเคโอะกำลังดูสินค้าในร้านอย่างตั้งอกตั้งใจ
โดยเฉพาะตุ๊กตากลคาราคุริขนาดหนึ่งชาคุ (ประมาณ 30 เซนติเมตร) ที่ตั้งเด่นเป็นจุดขายของร้าน
พวกเขาไม่ค่อยจะเข้ามาในหมู่บ้านบ่อยเหมือนพี่ชาย เมื่อพบเจอสิ่งใหม่ๆ
จึงรู้สึกตื่นตาตื่นใจเป็นพิเศษ
“ยินดีต้อนรับครับ!” ชายวัยกลางคนผู้เป็นเจ้าของร้านออกมาทักทาย เขามีสีหน้ายินดีระคนแปลกใจเมื่อเห็นว่าลูกค้าตัวเล็กทั้งสองคนเป็นคนที่ดูคุ้นหน้าคุ้นตา
“...อ้าวๆ พวกเด็กๆ บ้านคามาโดะนี่นา ไม่ได้เจอกันตั้งนานเลยนะ”
“สวัสดีครับคุณลุงโคทาโร่!” สองพี่น้องเอ่ยทักทายพร้อมกันด้วยรอยยิ้มสดใส
ชวนให้ผู้ที่พบเห็น รู้สึกเอ็นดู เจ้าของร้านยิ้มรับอย่างยินดี
“วันนี้ข้าเจอคนบ้านคามาโดะเยอะเลย ช่วงเช้าเจอคุณนายคามาโดะพาลูกคนเล็กมาซื้อของที่ตลาด
แล้วก็เจอทันจิโร่กับลูกสาวคนโตเดินอยู่ในหมู่บ้านฝั่งตะวันออกด้วย
แถมตอนนี้ก็มาเจอพวกเจ้าอีก หายากนะที่บ้านคามาโดะจะลงจากภูเขากันมาทั้งบ้านแบบนี้”
“คุณปู่ซาบุโร่ที่บ้านอยู่ที่ตีนเขาชวนเรามาพักที่บ้านน่ะครับ”
ชิเงรุพูดพลางฉีกยิ้มร่า “พวกเราเลยได้มาเที่ยวในหมู่บ้านกันเต็มอิ่มเลย!”
“อ้อ... พวกเจ้ามาเที่ยวกันนี่เอง” เจ้าของร้านพยักหน้า
เขาหัวเราะพลางลูบหัวเด็กชายตัวเล็ก “ถือว่าเป็นโอกาสดีเลยนี่นา งั้นถ้าพวกเจ้าอยากซื้ออะไรในร้านข้า
เดี๋ยวข้าลดราคาให้เป็นพิเศษก็แล้วกันนะ”
พูดจบเด็กชายทั้งสองถึงกับยิ้มไม่หุบ พวกเขาเอ่ยขอบคุณชายวัยกลางคนก่อนจะพากันมองหาของเล่นในร้านที่ราคาไม่แพงนักและเหมาะที่จะซื้อไปฝากพี่น้องคนอื่นอีกด้วย
หลังจากเลือกกันอยู่สักพักหนึ่งพวกเขาก็ได้ของที่ต้องการ
ชิเงรุอาสานำของเล่นทั้งหมดไปจ่ายเงินกับคุณลุงโคทาโร่เจ้าของร้าน ทาเคโอะจึงออกมานั่งรอน้องชายที่หน้าร้านขายของเล่นพลางมองดูผู้คนที่สัญจรผ่านไปมา
ในหมู่บ้านแห่งนี้มีจำนวนคนไม่มากนัก แต่เมื่อเทียบกับบ้านของครอบครัวคามาโดะที่อยู่บนภูเขาเพียงหลังเดียว
หมู่บ้านนี้ก็จะดูครึกครื้นมากเลย
ระหว่างที่ทอดสายตามองดูผู้คนอยู่นั้น สายตาของทาเคโอะก็พลันมองไปยังสุดถนนที่เชื่อมต่อกับถนนเด็กชายผมสีแดงและสวมต่างหูลายไพ่ดอกไม้กำลังเดินผ่านตรงนั้นพอดี
“พี่ทันจิโร่นี่นา...”
ลูกชายคนรองของบ้านคามาโดะพึมพำ วันนี้พี่น้องครอบครัวคามาโดะได้พูดคุยและนัดแนะกันว่าจะแยกย้ายกันไปเที่ยวเล่นในหมู่บ้านแห่งนี้
โดยที่ต้องกลับมาที่บ้านคุณปู่ซาบุโร่ก่อนฟ้ามืด
ทุกคนเลยกระจายตัวกันตั้งแต่เช้าเพื่อไปเที่ยวเล่นที่ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นร้านค้า
หรือสวนดอกไม้
ทาเคโอะเดินไปชมรอบๆ ชายขอบหมู่บ้านจนถึงช่วงสาย เขาจึงกลับเข้ามาบริเวณใจกลางหมู่บ้าน
ระหว่างนั้นเขาบังเอิญเจอชิเงรุระหว่างทางไปร้านของเล่น ก็เลยชวนให้มาด้วยกันซะเลย
‘เข้าไปหาหน่อยดีกว่า’
เด็กชายผู้สวมผ้าพันคอลายตารางหมากรุกคิด
ก่อนจะลุกขึ้นแล้วเดินไปหาพี่ชายอย่างอารมณ์ดี
แต่กลับถูกใครอีกคนที่เร็วกว่าวิ่งเข้าไปหาพี่ชายซะก่อน
“ทันจิโร่!”
เด็กหนุ่มคนนั้นเปิดประตูบ้านออกมาด้วยสภาพใบหน้าเหมือนถูกทำร้ายจนบวมเป่ง
เลือดกำเดาไหลแถมยังเลือดกบปากอีกต่างหาก เขาพยายามกระเสือกกระสนหนีออกมาจากการตามจับของหญิงวัยกลางคนที่อยู่ในบ้านหลังนั้น
เด็กหนุ่มวิ่งหนีออกมาหาทันจิโร่ ทำสีหน้าดีใจน้ำตาไหลประหนึ่งเจอเทวดามาโปรด
“ค่อยยังช่วย ได้จังหวะพอดีเลย!”
เขาคุกเข่าลงแล้วหยิบห่อผ้าสีม่วงขึ้นมา ก่อนจะเปิดมันออก
ในห่อผ้านั่นมีเศษจานกระเบื้องเคลือบสีแดงชั้นดีที่แตกเป็นชิ้นเล็กบรรจุอยู่ “ฉันถูกหาว่าเป็นคนร้ายที่ทำจานแตกน่ะสิ
ช่วยฉันที!”
ว่าแล้วเด็กหนุ่มก็ยื่นเศษจานเข้าไปใกล้ใบหน้าของเด็กชายผมแดง
“ช่วยดมกลิ่นให้ที!!”
ความสามารถในการรับรู้กลิ่นของทันจิโร่เป็นที่ประจักษ์แก่คนในหมู่บ้านมาช้านานแล้ว
เขาสามารถดมกลิ่นตามหาสิ่งของหรือตามหาคนที่หายไปได้โดยใช้เวลาไม่นาน อีกทั้งยังได้กลิ่นในระยะหลายร้อยเมตร
เรียกได้ว่ามีความสามารถไม่แพ้สุนัขล่าสัตว์เลยทีเดียว
เจ้าของต่างหูลายไพ่ดอกไม้ก้มลงเพื่อดมกลิ่นที่ติดอยู่ที่จานกระเบื้อง
พริบตาเดียวเขาก็รู้ว่ามันมีกลิ่นของผู้ต้องสงสัยรายอื่นปรากฏอยู่
“ได้กลิ่นของแมว”
“เห็นมั้ยล่ะ!” เด็กหนุ่มถึงกับหันไปตะโกนบอกหญิงวัยกลางคน
ที่ตามมาคุมเชิงอยู่ใกล้ๆ เธออุทานขึ้นมาเบาๆ “อ้าว แมวเองเหรอ”
“ก็บอกแล้วไงว่าไม่ใช่ข้า!”
ด้านหลังของเด็กหนุ่มที่ร้องโวยวายอยู่
มีชายสูงอายุอีกคนหนึ่งกำลังขนของ แต่ดูเหมือนสิ่งของที่เขาขนจะเยอะเกินกำลัง เขาจึงมีท่าทีเหน็ดเหนื่อยและเหงื่อไหลโซมกายแบบนั้น
ชายสูงอายุเช็ดเหงื่อที่ใบหน้าเล็กน้อยก่อนจะส่งเสียงเรียกออกมา
“ทันจิโร่ เอ่อ มาช่วยฉันขนของหน่อยได้มั้ย?”
“ได้ครับ คุณลุงเดี๋ยวข้าช่วยเอง” ทันจิโร่เอ่ยตอบ
ก่อนจะหันมาพูดกับคู่กรณีทั้งสองคน “งั้นข้าขอเข้าไปช่วยคุณลุงขนของแล้วนะครับ”
เด็กหนุ่มพยักหน้ารับอย่างยินดี “ไปเถอะ ขอบใจมากนะ ทันจิโร่! เจ้าช่วยข้าไว้จริงๆ”
พูดจบเด็กชายผู้สวมฮาโอริลายตารางหมากรุกก็เข้าไปช่วยเหลือชายสูงวัยต่อด้วยท่าทางกระฉับกระเฉง
ทาเคโอะมองภาพนั้นก่อนจะระบายยิ้มบางๆ
ไม่ว่าจะเป็นที่ไหน พี่ทันจิโร่ก็จะเป็นที่รักของคนรอบข้างอยู่เสมอ
เขาเป็นเด็กชายที่ซื่อสัตย์ ขยันขันแข็ง ร่าเริงแจ่มใส ชอบช่วยเหลือผู้อื่นด้วยความยินดี
รูปร่างหน้าตาแม้จะไม่ได้เรียกว่าหล่อเหลาดึงดูดสายตา แต่ความอบอุ่นและอ่อนโยนราวกับดวงตะวันก็เป็นเสน่ห์ประจำตัวของทันจิโร่ที่ทำให้ใครต่อใครหลงรักได้ง่ายๆ
“...พี่ทันจิโร่เนี่ย เป็นคนดีจังเลยนะ ว่าไหม?”
เสียงหนึ่งดังขึ้นที่ข้างกายกะทันหัน ทาเคโอะเกือบหลุดมาดสะดุ้งโหยงออกมาแล้ว
แต่ยังดีที่เขาเก็บอาการได้ทันเพราะนึกได้ว่าเสียงนั่นเป็นเสียงน้องชายของตนเองที่เพิ่งออกมาจากร้านขายของเล่น
ดูท่าว่าเขาเองก็ออกมาจากร้านสักพักแล้ว นานพอที่จะเห็นเหตุการณ์ตรงหน้าทั้งหมด
“อา เป็นพี่ชายที่ยอดเยี่ยมที่สุดเลยล่ะ”
เด็กชายผู้สวมผ้าพันคอลายตารางหมากรุกเอ่ยเห็นด้วย
ชิเงรุยิ้มกว้างกว่าเดิม “ใช่มั้ยล่ะ! เท่สุดๆ ไปเลย ข้าเองก็อยากเป็นแบบพี่ทันจิโร่บ้างจัง”
ทาเคโอะหัวเราะหึ ก่อนจะยีหัวน้องชายเบาๆ
“อย่างนายน่ะ คงต้องพยายามหนักหน่อยล่ะนะ ก็ซนจะตายไปนี่นา”
“ฮึ่ม! พี่ทาเคโอะก็เหมือนกันนั่นแหละ” น้องชายคนที่สามของบ้านคามาโดะบุ้ยปาก
“ถ้าไม่ทำตัวเท่ๆ ซะบ้าง เดี๋ยวก็ไม่มีสาวมาชายตามองหรอก!”
“หนวกหูน่า! แก่แดดแก่ลมนักนะ ชิเงรุ!”
ทาเคโอะตั้งท่าจะดึงแก้มของน้องชายให้หายมันเขี้ยว
แต่เจ้าน้องชายตัวดีดันรู้แกวเลยกระโดดหลบได้ซะก่อน
ชิเงรุหัวเราะชอบใจที่เห็นพี่ชายพลาดท่า
ฝ่ายพี่ชายคนรองได้แต่พ่นลมหายใจฮึดฮัดก่อนจะปล่อยให้น้องชายเป็นฝ่ายชนะไป
ขณะที่หัวเราะอยู่นั้น ชิเงรุก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ เขายื่นถุงบรรจุของเล่นให้ทาเคโอะ
“จริงสิ พี่ทาเคโอะ! ข้าขอฝากของเล่นพวกนี้ไปเก็บที่บ้านของคุณปู่ซาบุโร่หน่อยสิ
ข้าจะไปช่วยพี่ทันจิโร่ช่วยคุณลุงคนนั้นขนของ!
ข้าจะได้ดูเท่ๆ ขึ้นมาบ้าง”
สีหน้าและแววตามุ่งมั่นของน้องชาย ทำให้ทาเคโอะรับคำขออย่างว่าง่าย
เขาเองก็เดินเที่ยวทั่วหมู่บ้านแล้ว จึงไม่ได้มีแผนจะไปที่ไหนต่อ
อันที่จริงก็ตั้งใจว่าจะกลับไปนอนเล่นใต้ต้นไม้ที่บ้านคุณปู่ซาบุโร่นั่นแหละ
เพราะฉะนั้นคำขอของชิเงรุก็ไม่ได้เป็นเรื่องที่ยากเย็นอะไร
“ได้สิ” ทาเคโอะรับของเล่นถุงนั้นไว้ ก่อนจะพูดเน้นย้ำกับน้องชาย “ชิเงรุเองก็อย่าไปทำให้พี่ทันจิโร่วุ่นวายกว่าเดิมล่ะ”
“ข้ารู้แล้วน่า พี่ทาเคโอะ แล้วเจอกันที่บ้านคุณปู่ซาบุโร่นะ!”
ชิเงรุร้องบอกก่อนจะวิ่งออกไปหาพี่ชายคนโตของบ้านในทันที
เห็นดังนั้นทาเคโอะจึงโบกมือลาก่อนที่จะเดินกลับไปมุ่งหน้าสู่บ้านคุณปู่ซาบุโร่
ระหว่างเดินทางกลับ
ทาเคโอะก็เดินมองสองข้างทางไปพลางคิดอะไรเรื่อยเปื่อยไปพลาง สิ่งแรกที่แว่บเข้ามาในหัวของเขา
คงเป็นเรื่องในตอนเช้าตรู่ของวันนี้
‘จะว่าไปแล้ว... เมื่อตอนเช้ามีอะไรเกิดขึ้นกับพี่ทันจิโร่รึเปล่านะ?’
โดยปกติแล้ว ผู้เป็นแม่ของครอบครัวคามาโดะจะตื่นเช้ากว่าใคร แต่เช้าวันนี้ทาเคโอะกลับตื่นขึ้นมาก่อนใครในบ้าน
สงสัยอาจจะเป็นเพราะเรื่องเล่าเกี่ยวกับอสูรทำให้เขาตื่นตัวจนนอนตื่นเร็วแบบนี้ก็ได้
แต่พอมองรอบห้องดูดีๆ ก็พบว่ามีใครคนอื่นที่ไม่ได้อยู่บนฟูกนอน ที่นอนของเขาว่างเปล่า
‘...พี่ทันจิโร่? ตื่นแล้วเหรอ?’
เด็กชายผู้มีไฝใต้ตาขวาคิดก่อนจะลุกขึ้นจากที่นอน
เพื่อออกไปสูดอากาศบริสุทธิ์ยามเช้าและตามหาพี่ชายคนโตไปด้วยในตัว
เมื่อก้าวเท้าออกมานอกบ้าน เขาก็พบกับท้องฟ้าสีดำที่เริ่มมีสีแดงม่วงจางๆ ริมขอบฟ้าบ่งบอกว่าใกล้เวลาที่พระอาทิตย์จะขึ้นแล้ว
ทาเคโอะกวาดตามองไปโดยรอบ
เขาก็พบเจอร่างของเด็กชายผู้สวมฮาโอริลายตารางหมากรุกยืนอยู่ใกล้ชายป่าไม่ไกลจากบ้านคุณปู่ซาบุโร่มากนัก
ทันจิโร่กำลังยืนหันหลังให้บ้านหลังนี้โดยที่ถือขวานไว้ในมืออย่างมั่นคง
อาจจะเป็นเพราะกำลังเบลอๆ หลังตื่นนอน ทาเคโอะรู้สึกว่าพี่ชายคนโตที่กำลังยืนอยู่ตรงนั้น
มีของเหลวสีแดงฉานเปรอะเปื้อนไปทั่วทั้งร่างกายรวมไปถึงใบขวานที่เขาถืออยู่ด้วย ราวกับว่าถูกชโลมไปด้วยเลือด...
‘บ้าน่า... แค่ตาฝาดเอง’
จะคิดได้แบบนั้นก็ไม่แปลก เพราะทันทีที่แสงอาทิตย์แรกปรากฏที่ริมขอบฟ้า
ทาเคโอะขยี้ตาตัวเองเพื่อปรับสายตาให้ชัดเจนขึ้น ก่อนจะมองภาพตรงหน้าอีกครั้ง แต่กลายเป็นว่าของเหลวสีแดงที่เปื้อนทั้งร่างนั่นกลับหายไปแล้ว
เสมือนไม่เคยมีอยู่มาก่อน
ทันจิโร่ที่รับรู้จากกลิ่นได้ว่าใครบางคนกำลังยืนอยู่หน้าบ้านและจับจ้องมาที่เขาอยู่
เด็กชายผมแดงจึงหันกลับไปพลางเอ่ยทักทายด้วยรอยยิ้มอันอบอุ่นเช่นทุกครั้ง
“อรุณสวัสดิ์นะ ทาเคโอะ”
‘ข้าหวังว่า ตอนนั้น...ข้าคงจะตาฝาดไปเองล่ะนะ’
ทาเคโอะคิด พลางทำจิตใจให้สงบ บางทีภาพตอนที่ทันจิโร่ใช้ขวานตัดคอหมีป่าที่ไม่ได้จำศีลเมื่อตอนปีที่แล้วอาจจะติดอยู่ในความทรงจำของเขา
และทำให้เขาหลอนจนเผลอตาฝาดแบบนั้นก็ได้
น้องชายคนรองของบ้านคามาโดะจึงเลือกที่จะเก็บความสงสัยทิ้งไป
แล้วใช้ชีวิตอย่างปกติ
หลังจากใช้เวลาเดินมาสักพัก เด็กชายผู้สวมผ้าพันคอลายตารางหมากรุกก็มาถึงบ้านของคุณปู่ซาบุโร่แล้ว
ในเวลานี้ทุกคนออกไปนอกบ้านกันหมด จึงไม่ควรมีใครอยู่ในบ้าน
ทาเคโอะตั้งใจที่จะเอาของเล่นเข้าไปเก็บในบ้านแล้วออกมานอนใต้ต้นไม้ใกล้ๆ นี้
แต่เขากลับพบว่ามีใครคนหนึ่งอยู่ในบ้าน
เธอคนนั้นกำลังนั่งคู้ตัวพลางรื้อดูสิ่งของที่ตั้งอยู่ตามมุมห้องภายในบ้าน
เด็กหญิงร่างเล็กผู้มีผมสั้นระต้นคอคือฮานาโกะ น้องสาวคนรองของบ้านคามาโดะนั่นเอง
“ฮานาโกะ...?”
ทาเคโอะส่งเสียงออกไป เรียกให้สาวน้อยเงยหน้าขึ้น
ใบหน้าของเธอมีน้ำตานองและมีสีหน้ากังวลใจเป็นอย่างมาก ทำเอาพี่ชายคนรองของบ้านรีบเข้ามาถามด้วยความเป็นห่วง
“เป็นอะไรไปงั้นเหรอ! ฮานาโกะ ทำไมถึงร้องไห้ล่ะ”
ฮานาโกะสะอึกสะอื้นในลำคอ เธอพยายามกลั้นน้ำตาไว้พลางพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงสั่นๆ
“พี่ทาเคโอะ ..ข้าทำเครื่องรางของพี่เนซึโกะหาย... ข้าพยายามหาทั่วบ้านแล้ว
แต่หาไม่เจอเลย...”
“เครื่องราง... ที่พี่เนซึโกะให้ทุกคนมาน่ะเหรอ?”
ทาเคโอะเอ่ยถามพลางนึกไปถึงเครื่องรางสีแดงที่ตนเองก็มีพกอยู่เช่นกัน
เมื่อหลายเดือนก่อน
ช่วงที่พี่สาวคนโตของบ้านเริ่มออกไปสำรวจป่าบนภูเขาที่ไกลออกไป เธอมักจะเก็บดอกฟูจิกลับมาด้วย
เนซึโกะนำดอกฟูจิไปอบแห้งจากนั้นก็บรรจุลงในถุงผ้าเล็กๆ สีแดง ร่วมกับไม้ฮิโนกิ*ซึ่งเป็นไม้สนเนื้อหอมที่มักพบในพื้นที่ภูเขาสูงที่มีอากาศเย็น เพื่อทำเป็นเครื่องรางให้ทุกคนในบ้านพกไว้คนละชิ้น
(*ฮิโนกิ มาจากคำว่า ฮิ ที่หมายถึง เปลวไฟ และ กิ ที่หมายถึง
ต้นไม้,ไม้ รวมแล้วหมายความว่า ‘ไม้แห่งไฟ’ สมัยก่อนนิยมนำมาทำเป็นไม้ศักดิ์สิทธิ์สำหรับจุดไฟบูชาในพิธีกรรมสำคัญต่างๆ
ยุคต่อมานิยมใช้สร้าง ปราสาท วัด ศาลเจ้า และบ้านเรือนตามเมืองเก่า)
“พกเอาไว้นะ พี่เชื่อว่ามันจะปกป้องพวกเธอจากอันตรายทั้งปวงได้”
เนซึโกะพูดพลางส่งมอบเครื่องรางให้พวกน้องๆ สีหน้าของเธอดูจริงจังเป็นอย่างมาก “โดยเฉพาะอย่างยิ่ง
อันตรายจาก...”
ท้ายประโยคเสียงแผ่วลงจนแทบจะไม่ได้ยิน จนฮานาโกะที่รับเครื่องรางมาแล้วต้องเอ่ยถาม
“จาก...? จากอะไรเหรอคะ?”
“...” เนซึโกะนิ่งเงียบ
เธอรู้สึกลังเลใจว่าจะพูดออกไปดีหรือไม่ เรื่องของอสูร...
แต่ถ้าพูดออกไปมันอาจจะส่งผลให้เกิด ‘การเปลี่ยนแปลงที่คาดไม่ถึง’
รึเปล่า? ดังนั้นเพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงของเรื่องดังกล่าว ลูกสาวคนโตของบ้านจึงเลือกที่จะพูดเรื่องอื่นแทน
“...ไม่มีอะไรหรอกจ้ะ
เอาเป็นว่าพี่อยากให้พวกเธอทุกคนพกเอาไว้ตลอดเวลาเลยนะ ทำได้ใช่มั้ย?”
คำขอร้องจากเนซึโกะที่นานๆ ทีจะมีสักครั้ง
น้องชายน้องสาวทุกคนไม่มีทางปฏิเสธอยู่แล้ว
พวกเขารับเครื่องรางมาพลางขานรับอย่างยินดี “ครับ!ค่ะ!”
หลังจากนึกเรื่องดังกล่าวได้ ทาเคโอะก็เข้าใจในทันที
ในคืนแรกที่ทุกคนมาถึงบ้านหลังนี้ ฮานาโกะยังดูร่าเริงเป็นปกติ แต่พอเช้าวันต่อมาเธอกลับมีสีหน้ากังวลใจ
นั่นคงเป็นเพราะเธอเพิ่งรู้ตัวว่าทำเครื่องรางหล่นหายไป
พี่ทันจิโร่เป็นคนแรกที่สังเกตเห็น เขาเข้าไปพูดคุยซักถามกับฮานาโกะแล้วแต่เธอกลับบอกว่าไม่มีอะไร
ทันจิโร่รับรู้จากกลิ่นได้ว่าน้องสาวคนรองโกหก
เธอมีเรื่องกังวลใจอยู่ และในขณะเดียวกันก็รับรู้ได้ว่า
เธอก็ไม่อยากจะบอกพี่ชายคนโตว่ามีปัญหาอะไร เด็กหญิงอยากจะจัดการด้วยตัวเอง
เมื่อรู้ดังนั้นทันจิโร่จึงส่งยิ้มอันอ่อนโยนให้น้องสาวก่อนจะลูบหัวเธอเบาๆ
“เข้าใจแล้ว... ถ้าฮานาโกะมีอะไรอยากให้ช่วย
มาบอกพี่ได้เสมอนะ”
“...ค่ะ ขอบคุณนะคะพี่ทันจิโร่”
ฮานาโกะได้แต่ตอบรับเสียงเบา
เธอคิดว่าการที่ทำเครื่องรางหายเป็นความรับผิดชอบของเธอ
และตั้งใจว่าจะตามหาให้เจอด้วยตนเองให้เร็วที่สุด สาวน้อยผมประบ่าใช้เวลาว่างที่ทุกคนแยกย้ายกันไปตามที่ต่างๆ
เพื่อตามหาเครื่องราง เธอเดาว่าเธอคงทำหล่นหายภายในบ้านหรือไม่ก็ใกล้ๆ เขตบ้าน
ตามหาไม่นานก็คงเจอ
แต่เธอก็ตามหาไม่พบ
แม้ว่ามันจะผ่านมาเกือบสองวันแล้วก็ตาม
“แล้วทำไมไม่ขอให้พี่ทันจิโร่ตามหาให้ล่ะ” ทาเคโอะลองเสนอ “พี่เขาจมูกดีจะตายไป
ตามหาไม่นานก็เจอแล้ว”
ฮานาโกะนิ่งเงียบไปชั่วครู่ เธอหลบตามองไปด้านข้างเหมือนกำลังคิดหนัก
ก่อนที่สองมือจะกุมผ้ากิโมโนของตนเองแน่น สาวน้อยร่างเล็กเอ่ยเสียงแผ่วเบา
“...ข้าไม่อยากรบกวนพี่ทันจิโร่ค่ะ ...ช่วงเดือนนี้ พี่ทันจิโร่กับพี่เนซึโกะดูเหมือนกำลังกังวลอะไรบางอย่างอยู่
โดยเฉพาะช่วงสองสามวันนี้ ถึงจะยังพูดคุยยิ้มแย้มเหมือนเคย
แต่บรรยากาศรอบตัวเคร่งเครียดมากเลย
ข้าเลยคิดว่าไม่อยากเพิ่มเรื่องให้พี่ทันจิโร่ต้องคิดเพิ่มขึ้นอีก...”
“...อย่างนี้นี่เอง”
ทาเคโอะพึมพำ เขาพอจะเข้าใจความคิดของน้องสาวแล้ว
ในช่วงหลายเดือนมานี้พี่สาวและพี่ชายคนโตของบ้านมักจะแอบลักลอบจากสายตาคนอื่นไปทำอะไรด้วยกันแค่สองคน
แถมยังมีสีหน้าเคร่งเครียดจริงจังราวกับกำลังแบกโลกทั้งใบ
แม้ว่าพอมีใครในครอบครัวเข้าไปใกล้ก็จะกลับมายิ้มแย้มร่าเริงเหมือนเดิมในทันที
ทั้งสองคนนั้นกำลังเคร่งเครียดและเหน็ดเหนื่อย...
ไม่รู้ว่าด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม แต่ทาเคโอะก็รู้สึกได้ว่าสิ่งที่พี่ชายและพี่สาวกำลังทำอยู่นั้นเป็นสิ่งที่สำคัญมากๆ
จนเขาไม่อยากให้มีเรื่องอื่นใดมารบกวนทั้งสองคนอีก ...บางที ฮานาโกะเองก็คงรู้สึกแบบนั้นเช่นกัน
เด็กชายผู้มีไฝใต้ตาขวาถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนจะนั่งลงใกล้ๆ
น้องสาวแล้วลูบหัวเธอโดยพยายามให้เหมือนพี่ชายคนโตที่สุด
แต่ดูท่าว่าจะกะน้ำหนักมือผิดไป ทำให้ผมของฮานาโกะยุ่งฟูไปเลย
“ไม่เป็นไรหรอก ข้าจะช่วยตามหาเครื่องรางด้วยอีกแรง”
ทาเคโอะเหลือบตามองออกไปนอกบ้าน ที่ข้างนอกนั่นมีแดดแรง ตำแหน่งของพระอาทิตย์คล้อยต่ำลงจากจุดสูงสุดไปเล็กน้อย
บ่งบอกว่ายามนี้เป็นเวลาบ่ายกว่าแล้ว “...อืม มีเวลาอีกพักใหญ่ๆ
กว่าพระอาทิตย์จะลับขอบฟ้า ...ฮานาโกะบอกว่าหาดูทั่วบ้านแล้วไม่เจอใช่มั้ย งั้นพวกเราสองคนออกไปตามหาเครื่องรางนั้นที่ข้างนอกบ้านกันเถอะ”
“ค่ะ..!”
ฮานาโกะรับคำด้วยรอยยิ้มบางๆ แล้วเดินตามพี่ชายออกไป ดวงตาของเธอยังคงมีสีแดงช้ำแต่น้ำตาได้หยุดไหลไปแล้ว
ทาเคโอะและฮานาโกะตามหาดูรอบบริเวณบ้านแต่ก็ไม่พบอะไร
เด็กชายผู้สวมผ้าพันคอลายตารางหมากรุกเสนอให้ลองเดินย้อนกลับไปบนภูเขาในเส้นทางที่มุ่งหน้าสู่บ้านคามาโดะ
เพราะอาจจะทำตกหล่นระหว่างทางก็ได้ แน่นอนว่าเขาเตือนน้องสาวเอาไว้แล้วว่าต้องกลับก่อนค่ำ
หากตามหาไม่เจอจริงๆ คงต้องฝืนใจขอรบกวนให้พี่ชายคนโตมาช่วยตามหา
หรือไม่ก็ขอให้พี่เนซึโกะทำเครื่องรางใหม่ให้เลย
หลังจากเดินขึ้นภูเขาตามเส้นทางไปได้ราวๆ 20 โช (ประมาณ 2.18
กิโลเมตร) ฮานาโกะได้สังเกตเห็นถุงสีแดงขนาดเล็กที่ผูกเกี่ยวอยู่กับกิ่งไม้ในป่า
ลึกเข้าไปจากเส้นทางหลักเล็กน้อย แต่ก็พอมองเห็นได้
สาวน้อยตัวเล็กยิ้มร่าทันทีที่เห็นมัน เธอรีบกระตุกชายเสื้อฮาโอริของพี่ชายยกใหญ่เพื่อเรียกให้เขามองเห็นด้วยอีกคน
เพราะนั่นคือถุงเครื่องรางของฮานาโกะที่ทั้งสองคนกำลังตามหานั่นเอง
ดูเหมือนว่าฮานาโกะจะทำมันหล่นบริเวณใกล้ๆ นี้
แล้วเครื่องรางก็ถูกลมหิมะพัดปลิวไปจนไปผูกเกี่ยวเข้ากับต้นไม้ข้างทาง
ทาเคโอะอาสาปีนขึ้นไปเก็บให้ เขาใช้เวลาไม่นานนักก็เก็บเครื่องรางนั้นให้น้องสาวได้
น้องสาวคนรองของบ้านรู้สึกดีใจมากที่ในที่สุดก็ได้เครื่องรางคืนมาแล้ว
เธอกุมถุงผ้าสีแดงไว้ในมือแน่น ตั้งใจว่าจะเก็บรักษาอย่างดีไม่ให้หล่นหายอีกแล้ว
สองพี่น้องพากันเดินออกมาจากป่าข้างทางจนมาถึงเส้นทางถนนสายหลักเพื่อมุ่งหน้ากลับไปที่บ้านคุณปู่ซาบุโร่
แต่พวกเขาไม่สามารถก้าวขาไปทางนั้นได้อีกแล้ว
เพราะว่าในตอนนี้ เส้นทางที่จะเดินลงจากภูเขาเพื่อไปยังหมู่บ้าน กลับมีหมีป่าตัวสูงใหญ่หนึ่งตัวขวางทางอยู่
หนำซ้ำยังเป็นหมีป่าที่มีท่าทางดุร้ายและหิวโหย ทันทีที่พวกมันเห็นเด็กทั้งสอง
หมีป่าก็ส่งเสียงร้องคำรามออกมา
‘หมีป่าที่ไม่ได้จำศีล...? เหมือนตอนนั้นเลย!?’
ภาพหมีป่าที่กู่ร้องคำรามท่ามกลางหิมะสีขาว ทำให้นึกถึงเรื่องราวเมื่อปีก่อนที่เขาได้เจอสถานการณ์เดียวกัน
ในขณะที่ทาเคโอะและชิเงรุหวาดกลัวจนก้าวขาไม่ออก พี่ทันจิโร่เป็นคนตั้งสติได้และสังหารหมีป่าตนนั้นสำเร็จ
เพราะมีบทเรียนจากเรื่องราวเมื่อตอนนั้น ทาเคโอะจึงตัดสินใจได้อย่างรวดเร็ว เขาคว้าแขนของน้องสาวแล้วพาออกวิ่งไปในทันที
อันที่จริงการกระทำแบบนี้อันตรายมาก เพราะหมีป่าวิ่งได้เร็ว หากไม่สามารถวิ่งได้เร็วกว่าก็จะโดนตามทันและถูกทำร้ายได้
วิธีที่เหมาะสมที่สุดในการรับมือคือการส่งเสียงดังขู่ให้หมีล่าถอยไป
แต่นั่นก็ขึ้นอยู่กับว่าหมีตนนั้นจะยอมถอยไปหรือไม่
เมื่อประเมินจากท่าทีของหมีป่าตัวที่พบ ทั้งทันจิโร่และทาเคโอะก็รู้ในทันทีว่าสัตว์ร้ายตนนี้กำลังบ้าคลั่งและหิวโหย
มันไม่สนใจอะไรนอกจากอาหารตรงหน้าอีกแล้ว
หมีป่าออกวิ่งตามมาไล่หลัง ทาเคโอะมองน้องสาวที่กำลังวิ่งอยู่ข้างๆ
มือซ้ายของเธอจับมือของเขาไว้ ส่วนมือขวาก็กุมเครื่องรางไว้แน่น ฮานาโกะกลัวจนร้องไห้ออกมาแต่เธอก็ยังคงวิ่งต่อไป
เด็กชายผู้สวมผ้าพันคอลายตารางหมากรุกรู้ดีว่าพวกเขาสองพี่น้องไม่สามารถวิ่งหนีหมีป่าต่อไปเรื่อยๆ
ได้ แรงกายของทั้งสองคนมีอยู่จำกัด
หากพวกเขาหมดแรงหรือหยุดวิ่งเมื่อไหร่ ก็จะถูกฆ่าตายเมื่อนั้น
ทาเคโอะเคยเดินทางกับพี่ชายคนโตโดยใช้เส้นทางนี้บ่อยๆ เขารู้จักจุดอันตรายที่ต้องระวังตลอดทางมากมาย
ไม่ว่าจะเป็นจุดพื้นลื่น จุดปากเหว เด็กชายจึงตั้งใจจะวิ่งล่อหมีป่าไปที่จุดอันตรายเหล่านี้และทำให้มันตกลงไปในหุบเหว
พี่ชายคนรองของบ้านทำตามที่ตั้งใจไว้ในทันที เขาวิ่งตรงไปยังจุดอันตรายและหลอกล่อให้สัตว์ร้ายพุ่งมาที่ตนเองซึ่งยืนอยู่ริมขอบเหว
สัตว์ร้ายที่หิวโหยจนไม่สนใจสิ่งแวดล้อมรอบกายรีบพุ่งตรงเข้าโจมตี
ในจังหวะนั้นทาเคโอะก็รีบกระโดดหลบออกด้านข้างทันที
หมีป่าพลาดท่า มันพุ่งตัวออกไปกลางอากาศและร่วงหล่นลงไปยังพื้นเบื้องล่าง
เสียงที่ตกกระทบพื้นบ่งบอกได้ว่าร่างนั้นตกลงไปด้วยความเร็วและความแรงแค่ไหน สัตว์ร้ายกลายเป็นศพในทันที
ทว่า ยังไม่ทันที่ทาเคโอะและฮานาโกะจะรู้สึกโล่งใจที่หมีป่าถูกกำจัด
แรงกระแทกจากเบื้องล่างทำให้พื้นหิมะสั่นสะเทือน หิมะบางส่วนไหลลงมาตามทางลาด โชคร้ายที่เด็กทั้งสองอยู่ในทางที่หิมะเคลื่อนตัวพอดี
พวกเขาจึงถูกหิมะพัดพาจนตกลงไปสู่หุบเหว เช่นเดียวกับหมีตนนั้น
“พี่! ทาเคโอะ! ช่วยด้วย!”
“ฮานาโกะ!”
ทาเคโอะเอื้อมมือไปคว้าร่างน้องสาวได้ทัน
ก่อนที่เขาจะใช้ร่างของตนเองโอบกอดฮานาโกะเอาไว้เพื่อป้องกันอันตราย ความเร็วและรุนแรงของคลื่นหิมะทับถมจนทำให้คนทั้งคู่หมดสติไปในทันที
เวลาผ่านไป ในที่สุดฮานาโกะก็เริ่มรู้สึกตัว เธอลืมตาขึ้นมาอย่างช้าๆ
ก่อนจะมองไปรอบกายของตนเอง ในมือขวาของเธอยังคงกุมเครื่องรางไว้แน่น
สาวน้อยผมประบ่าอยู่ในอ้อมกอดของพี่ชายคนรองที่ใช้ตนเองป้องกันแรงกระแทกจากหิมะให้น้องสาว
ลมหิมะพัดแรง ความมืดที่ปกคลุมรอบข้างและผืนฟ้าสีดำที่แต่งแต้มไปด้วยดวงดาว บ่งบอกว่าเด็กหญิงหมดสติไปเป็นเวลานานจนยามราตรีมาเยือนแล้ว
ดูเหมือนว่ายังมีโชคดีอยู่ในโชคร้าย สองพี่น้องไม่ได้ตกลงไปที่พื้นเหว
พวกเขาบังเอิญตกลงไปบนก้อนหินใหญ่ที่อยู่บริเวณหน้าผา ต่ำลงมาจากปากขอบแค่เพียงประมาณ
3 โจ (ประมาณ 10 เมตร) เท่านั้น
หลังจากที่ฮานาโกะตื่นขึ้น เธอเขย่าตัวเรียกพี่ชายเพื่อปลุกให้เขาตื่น
ไม่นานนักทาเคโอะก็ได้สติขึ้นมา พวกเขาสองคนช่วยกันปีนหน้าผาและพาตัวเองขึ้นมาจากหุบเหวได้ในที่สุด
“พี่ทาเคโอะ... ทำยังไงดี มืดซะแล้ว”
ฮานาโกะพูดขึ้น เธอมองไปยังหมู่บ้านที่ยังคงมีแสงไฟอยู่ “พวกเราหายไปจนมืดค่ำแบบนี้
คนในหมู่บ้านอาจจะออกมาตามหาก็ได้นะคะ”
ดวงตาที่มีไฝใต้ตาขวามองไปตามสายตาของน้องสาว แสงไฟดูเลือนรางเนื่องจากรอบด้านมีลมหิมะพัดแรงจนเรียกได้ว่าเป็นพายุ
คงจะเป็นลมพายุหิมะที่พัดมาหลายชั่วโมงตั้งแต่เข้าสู่เวลากลางคืน ทาเคโอะเงียบไปพักใหญ่ก่อนจะพูดขึ้นด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
“พวกเขาไม่มาหรอก... สภาพอากาศแย่เกินไป
ถ้าขึ้นภูเขามา คนที่มาตามหาพวกเราอาจจะได้รับอันตรายได้ ...นั่นเป็นเรื่องที่ทุกคนเข้าใจกันดี”
ฮานาโกะเริ่มมีสีหน้าวิตก “งั้นพวกเราจะทำยังไงกันดีล่ะคะ”
“คงต้องหาที่พักรอให้พายุสงบกันก่อนแล้วล่ะ”
ทาเคโอะคาดคะเนจากระยะทางที่เห็นแสงไฟจากหมู่บ้าน
เมื่อคิดร่วมกับระยะทางที่พวกเขาเดินมาในวันนี้และระยะทางที่วิ่งหนีหมีป่า รวมไปถึงทิวทัศน์โดยรอบ
บริเวณนี้ ก็คงพอจะเดาได้ว่าตนเองกำลังอยู่ในตำแหน่งในของเส้นทางนี้
“จากจุดที่เราอยู่ตอนนี้
หากกลับขึ้นไปที่บ้านบนภูเขาของพวกเราจะเร็วกว่าเดินลงไปที่บ้านคุณปู่ซาบุโร่...” เด็กชายครุ่นคิดถึงสภาพบ้านที่เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้พวกเขาย้ายมาพักบ้านคุณปู่ซาบุโร่ชั่วคราว
บ้านที่หลังคาแหว่งเป็นรูแบบนั้นคงจะเก็บความอบอุ่นไว้ไม่ได้
แต่ความจริงแล้ว ในบ้านยังมีอีกห้องหนึ่งที่หลังคาไม่ได้รับความเสียหายอยู่
ดวงตาของทาเคโอะเป็นประกายทันทีที่นึกออก เขายิ้มดีใจให้น้องสาว
“ถึงบ้านของพวกเราจะถูกลูกเห็บพังหลังคาไป แต่ห้องพยาบาลที่คุณแม่ใช้เก็บยารักษาปลอดภัยดี! ที่นั่นมีฟูกอยู่แล้วก็มีตะเกียงที่ใช้จุดไฟด้วย คงพอจะให้พวกเราสองคนนอนพักในคืนนี้ได้”
ได้ยินดังนั้นฮานาโกะก็ยิ้มอย่างยินดีเช่นกัน เธอรีบดึงมือของทาเคโอะเพื่อจะมุ่งหน้ากลับบ้านให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้
“เข้าใจแล้วค่ะ งั้นพวกเรารีบไปกันเถอะ! พรุ่งนี้จะได้เดินทางกลับไปที่บ้านคุณปู่ซาบุโร่ตั้งแต่เช้าเลย ทุกคนคงเป็นห่วงพวกเราแย่แล้วล่ะ”
= = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = =
14 / 3 / 63 (100%)
KazeRi : พวกน้องงงงง อย่าไปนะ!! ที่บ้านมันมีอันตรายยิ่งกว่าหมีป่าบ้าคลั่งอยู่นะ!
สวัสดีค่ะ
บทนี้น้องชายคนรองของบ้านอย่างทาเคโอะเด่นมาก
เหมือนตอนนี้ทั้งตอนเป็นของน้องไปแล้ว 555 อันที่จริงตอนตามอนิเมเรื่องนี้ ทาเคโอะนี่เห็นแว่บแรกก็รู้ได้เลยว่าโตไปต้องงานดีแน่
น้องชายสายซึนแต่ก็แอบบราค่อนเล็กน้อย 555 (แต่หลายนาทีต่อมา น้องดันกลายเป็นศพไปซะงั้น
TwT)
ตอนหน้าจะตัดกลับไปฝั่งทันจิโร่แล้ว มาลุ้นกันต่อนะคะ
ว่าตอนหน้าทาเคโอะและฮานาโกะจะได้เจอคนๆ นั้นที่รอเซอร์ไพรส์อยู่รึเปล่า
รอติดตามกันได้เลย!
แอบคุยนอกเรื่อง
1
ขอทำแบบสอบถามนิดนึงนะคะ
เราอยากทราบว่าคนที่ตามอ่านฟิคเรื่อง Infinity Dream นี้
ติดตามเรื่อง Kimetsu no Yaiba ไปถึงไหนแล้ว
จะได้ระบุในสปอยถูก เพราะตอนหน้าๆ จะมีสปอยหนักมากแทรกอยู่ในเนื้อเรื่องค่ะ
https://forms.gle/BczMnEjbgoHf8dgU7
ปล.ขอถามด้วยว่า
เมนตัวละครไหนในเรื่อง และ ชิพคู่ไหนเป็นพิเศษ (สองข้อนี้แล้วแต่สะดวกนะคะ เราแค่อยากรู้และเช็คจำนวนประชากรเฉยๆ
555)
มุกท้ายตอน
ความฝันที่ 7 (คำเตือน : คิลมู้ดมากๆ 555)
[ย้อนความ]
เนซึโกะ : (//ยื่นเครื่องรางให้) พกเอาไว้นะ
พี่เชื่อว่ามันจะปกป้องพวกเธอจากอันตรายได้
น้องๆ บ้านคามาโดะ : ครับ!
/ ค่ะ!
[ปัจจุบัน]
ดวงซวยตลอดปีทั้งครอบครัว + ตอนที่ 7
พบเจอหมีป่าที่ไม่ได้จำศีลอีกแล้ว
ทาเคโอะ : (//พาฮานาโกะวิ่งหนีหมีป่า พลางตะโกนด้วยสีหน้าอยากจะร้องไห้)
ไม่เห็นจะได้ผลเลยนี่นา! เครื่องรางนำโชคร้ายรึไงเนี่ย!!
หลังจากอ่านความฝันที่
7 จบ
ความในใจของเนซึโกะ : พี่ไม่ได้ให้เครื่องรางพวกเธอไปเพื่อไปทำอะไรแบบนี้!
ความในใจของทันจิโร่ : ทำไมตอนนั้น
ข้าไม่พังหลังคาห้องเก็บยาของคุณแม่ไปด้วยนะ!? ...ไม่สิ หรือว่าข้าควรพังบ้านทิ้งไปทั้งหลังเลยจะดีกว่ารึเปล่านะ?
KazeRi : ไม่... ทันจิโร่ นายอย่าเข้าสู่ด้านมืดแบบนั้นนะ!
= = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = =
ขอบคุณทุกกำลังใจนะคะ
ถ้าใครต้องการสนับสนุนสามารถเข้าไปโดเนทได้ที่เว็บ ReadAWrite ได้นะคะ (มีคนอ่านหลายคนเข้าไปทาง RAW แล้ว
อยากรู้จังว่าหาเราเจอได้ไง 555)
ถ้าใครสงสัยอะไรสามารถคอมเม้นต์ถามได้เลย ว่างๆ เราจะตอบให้ค่ะ
ถ้าชอบก็ฝากคอมเม้นต์หรือกดปุ่มให้กำลังใจได้นะคะ! หรือเข้าไปคุยกันที่แฮชแท็ก #ทันจิโร่ในความฝันนิรันดร์ ก็ได้น้า
แล้วเจอกันใหม่เมื่อชาติต้องการค่า บ๊ายบาย
ความคิดเห็น