ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic Kimetsu no Yaiba] 無限の夢 : Infinity dream : ความฝันนิรันดร์

    ลำดับตอนที่ #7 : ความฝันที่ 7 : เมื่อยามราตรีมาเยือน (100%)

    • อัปเดตล่าสุด 14 มี.ค. 63



    ความฝันที่ 7


    เมื่อยามราตรีมาเยือน

     



     

    “พี่ทาเคโอะ ดูนี่สิ! ตุ๊กตากลนักธนูตัวนี้ยอดไปเลย!

     

    “ว้าว! ตาถึงนี่นา ชิเงรุ! ตุ๊กตากลนี่ต้องทำจากช่างมีฝีมือในเมืองใหญ่แน่ๆ เลย”

     

    เสียงพูดคุยอย่างร่าเริงดังขึ้นจากร้านขายของเล่นประจำหมู่บ้าน ชิเงรุกับทาเคโอะกำลังดูสินค้าในร้านอย่างตั้งอกตั้งใจ โดยเฉพาะตุ๊กตากลคาราคุริขนาดหนึ่งชาคุ (ประมาณ 30 เซนติเมตร) ที่ตั้งเด่นเป็นจุดขายของร้าน พวกเขาไม่ค่อยจะเข้ามาในหมู่บ้านบ่อยเหมือนพี่ชาย เมื่อพบเจอสิ่งใหม่ๆ จึงรู้สึกตื่นตาตื่นใจเป็นพิเศษ

     

     “ยินดีต้อนรับครับ!” ชายวัยกลางคนผู้เป็นเจ้าของร้านออกมาทักทาย เขามีสีหน้ายินดีระคนแปลกใจเมื่อเห็นว่าลูกค้าตัวเล็กทั้งสองคนเป็นคนที่ดูคุ้นหน้าคุ้นตา “...อ้าวๆ พวกเด็กๆ บ้านคามาโดะนี่นา ไม่ได้เจอกันตั้งนานเลยนะ”

     

    “สวัสดีครับคุณลุงโคทาโร่!” สองพี่น้องเอ่ยทักทายพร้อมกันด้วยรอยยิ้มสดใส ชวนให้ผู้ที่พบเห็น รู้สึกเอ็นดู เจ้าของร้านยิ้มรับอย่างยินดี

     

    “วันนี้ข้าเจอคนบ้านคามาโดะเยอะเลย ช่วงเช้าเจอคุณนายคามาโดะพาลูกคนเล็กมาซื้อของที่ตลาด แล้วก็เจอทันจิโร่กับลูกสาวคนโตเดินอยู่ในหมู่บ้านฝั่งตะวันออกด้วย แถมตอนนี้ก็มาเจอพวกเจ้าอีก หายากนะที่บ้านคามาโดะจะลงจากภูเขากันมาทั้งบ้านแบบนี้”

     

     “คุณปู่ซาบุโร่ที่บ้านอยู่ที่ตีนเขาชวนเรามาพักที่บ้านน่ะครับ” ชิเงรุพูดพลางฉีกยิ้มร่า “พวกเราเลยได้มาเที่ยวในหมู่บ้านกันเต็มอิ่มเลย!

     

    “อ้อ... พวกเจ้ามาเที่ยวกันนี่เอง” เจ้าของร้านพยักหน้า เขาหัวเราะพลางลูบหัวเด็กชายตัวเล็ก “ถือว่าเป็นโอกาสดีเลยนี่นา งั้นถ้าพวกเจ้าอยากซื้ออะไรในร้านข้า เดี๋ยวข้าลดราคาให้เป็นพิเศษก็แล้วกันนะ”

     

    พูดจบเด็กชายทั้งสองถึงกับยิ้มไม่หุบ พวกเขาเอ่ยขอบคุณชายวัยกลางคนก่อนจะพากันมองหาของเล่นในร้านที่ราคาไม่แพงนักและเหมาะที่จะซื้อไปฝากพี่น้องคนอื่นอีกด้วย

     

    หลังจากเลือกกันอยู่สักพักหนึ่งพวกเขาก็ได้ของที่ต้องการ ชิเงรุอาสานำของเล่นทั้งหมดไปจ่ายเงินกับคุณลุงโคทาโร่เจ้าของร้าน ทาเคโอะจึงออกมานั่งรอน้องชายที่หน้าร้านขายของเล่นพลางมองดูผู้คนที่สัญจรผ่านไปมา ในหมู่บ้านแห่งนี้มีจำนวนคนไม่มากนัก แต่เมื่อเทียบกับบ้านของครอบครัวคามาโดะที่อยู่บนภูเขาเพียงหลังเดียว หมู่บ้านนี้ก็จะดูครึกครื้นมากเลย

     

    ระหว่างที่ทอดสายตามองดูผู้คนอยู่นั้น สายตาของทาเคโอะก็พลันมองไปยังสุดถนนที่เชื่อมต่อกับถนนเด็กชายผมสีแดงและสวมต่างหูลายไพ่ดอกไม้กำลังเดินผ่านตรงนั้นพอดี

     

    “พี่ทันจิโร่นี่นา...”

     

    ลูกชายคนรองของบ้านคามาโดะพึมพำ วันนี้พี่น้องครอบครัวคามาโดะได้พูดคุยและนัดแนะกันว่าจะแยกย้ายกันไปเที่ยวเล่นในหมู่บ้านแห่งนี้ โดยที่ต้องกลับมาที่บ้านคุณปู่ซาบุโร่ก่อนฟ้ามืด ทุกคนเลยกระจายตัวกันตั้งแต่เช้าเพื่อไปเที่ยวเล่นที่ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นร้านค้า หรือสวนดอกไม้

     

    ทาเคโอะเดินไปชมรอบๆ ชายขอบหมู่บ้านจนถึงช่วงสาย เขาจึงกลับเข้ามาบริเวณใจกลางหมู่บ้าน ระหว่างนั้นเขาบังเอิญเจอชิเงรุระหว่างทางไปร้านของเล่น ก็เลยชวนให้มาด้วยกันซะเลย

     

    เข้าไปหาหน่อยดีกว่า

     

    เด็กชายผู้สวมผ้าพันคอลายตารางหมากรุกคิด ก่อนจะลุกขึ้นแล้วเดินไปหาพี่ชายอย่างอารมณ์ดี แต่กลับถูกใครอีกคนที่เร็วกว่าวิ่งเข้าไปหาพี่ชายซะก่อน

     

    “ทันจิโร่!

     

    เด็กหนุ่มคนนั้นเปิดประตูบ้านออกมาด้วยสภาพใบหน้าเหมือนถูกทำร้ายจนบวมเป่ง เลือดกำเดาไหลแถมยังเลือดกบปากอีกต่างหาก เขาพยายามกระเสือกกระสนหนีออกมาจากการตามจับของหญิงวัยกลางคนที่อยู่ในบ้านหลังนั้น เด็กหนุ่มวิ่งหนีออกมาหาทันจิโร่ ทำสีหน้าดีใจน้ำตาไหลประหนึ่งเจอเทวดามาโปรด

     

    “ค่อยยังช่วย ได้จังหวะพอดีเลย!

     

    เขาคุกเข่าลงแล้วหยิบห่อผ้าสีม่วงขึ้นมา ก่อนจะเปิดมันออก ในห่อผ้านั่นมีเศษจานกระเบื้องเคลือบสีแดงชั้นดีที่แตกเป็นชิ้นเล็กบรรจุอยู่ “ฉันถูกหาว่าเป็นคนร้ายที่ทำจานแตกน่ะสิ ช่วยฉันที!

     

    ว่าแล้วเด็กหนุ่มก็ยื่นเศษจานเข้าไปใกล้ใบหน้าของเด็กชายผมแดง

     

    “ช่วยดมกลิ่นให้ที!!

     

    ความสามารถในการรับรู้กลิ่นของทันจิโร่เป็นที่ประจักษ์แก่คนในหมู่บ้านมาช้านานแล้ว เขาสามารถดมกลิ่นตามหาสิ่งของหรือตามหาคนที่หายไปได้โดยใช้เวลาไม่นาน อีกทั้งยังได้กลิ่นในระยะหลายร้อยเมตร เรียกได้ว่ามีความสามารถไม่แพ้สุนัขล่าสัตว์เลยทีเดียว

     

    เจ้าของต่างหูลายไพ่ดอกไม้ก้มลงเพื่อดมกลิ่นที่ติดอยู่ที่จานกระเบื้อง พริบตาเดียวเขาก็รู้ว่ามันมีกลิ่นของผู้ต้องสงสัยรายอื่นปรากฏอยู่

     

    “ได้กลิ่นของแมว”

     

    “เห็นมั้ยล่ะ!” เด็กหนุ่มถึงกับหันไปตะโกนบอกหญิงวัยกลางคน ที่ตามมาคุมเชิงอยู่ใกล้ๆ เธออุทานขึ้นมาเบาๆ “อ้าว แมวเองเหรอ”

     

    “ก็บอกแล้วไงว่าไม่ใช่ข้า!

     

    ด้านหลังของเด็กหนุ่มที่ร้องโวยวายอยู่ มีชายสูงอายุอีกคนหนึ่งกำลังขนของ แต่ดูเหมือนสิ่งของที่เขาขนจะเยอะเกินกำลัง เขาจึงมีท่าทีเหน็ดเหนื่อยและเหงื่อไหลโซมกายแบบนั้น ชายสูงอายุเช็ดเหงื่อที่ใบหน้าเล็กน้อยก่อนจะส่งเสียงเรียกออกมา 

     

    “ทันจิโร่ เอ่อ มาช่วยฉันขนของหน่อยได้มั้ย?”

     

    “ได้ครับ คุณลุงเดี๋ยวข้าช่วยเอง” ทันจิโร่เอ่ยตอบ ก่อนจะหันมาพูดกับคู่กรณีทั้งสองคน “งั้นข้าขอเข้าไปช่วยคุณลุงขนของแล้วนะครับ”

     

    เด็กหนุ่มพยักหน้ารับอย่างยินดี “ไปเถอะ ขอบใจมากนะ ทันจิโร่! เจ้าช่วยข้าไว้จริงๆ”

     

    พูดจบเด็กชายผู้สวมฮาโอริลายตารางหมากรุกก็เข้าไปช่วยเหลือชายสูงวัยต่อด้วยท่าทางกระฉับกระเฉง ทาเคโอะมองภาพนั้นก่อนจะระบายยิ้มบางๆ

     

    ไม่ว่าจะเป็นที่ไหน พี่ทันจิโร่ก็จะเป็นที่รักของคนรอบข้างอยู่เสมอ เขาเป็นเด็กชายที่ซื่อสัตย์ ขยันขันแข็ง ร่าเริงแจ่มใส ชอบช่วยเหลือผู้อื่นด้วยความยินดี รูปร่างหน้าตาแม้จะไม่ได้เรียกว่าหล่อเหลาดึงดูดสายตา แต่ความอบอุ่นและอ่อนโยนราวกับดวงตะวันก็เป็นเสน่ห์ประจำตัวของทันจิโร่ที่ทำให้ใครต่อใครหลงรักได้ง่ายๆ      

     

    “...พี่ทันจิโร่เนี่ย เป็นคนดีจังเลยนะ ว่าไหม?”

     

    เสียงหนึ่งดังขึ้นที่ข้างกายกะทันหัน ทาเคโอะเกือบหลุดมาดสะดุ้งโหยงออกมาแล้ว แต่ยังดีที่เขาเก็บอาการได้ทันเพราะนึกได้ว่าเสียงนั่นเป็นเสียงน้องชายของตนเองที่เพิ่งออกมาจากร้านขายของเล่น ดูท่าว่าเขาเองก็ออกมาจากร้านสักพักแล้ว นานพอที่จะเห็นเหตุการณ์ตรงหน้าทั้งหมด

     

    “อา เป็นพี่ชายที่ยอดเยี่ยมที่สุดเลยล่ะ”

     

    เด็กชายผู้สวมผ้าพันคอลายตารางหมากรุกเอ่ยเห็นด้วย ชิเงรุยิ้มกว้างกว่าเดิม  “ใช่มั้ยล่ะ! เท่สุดๆ ไปเลย ข้าเองก็อยากเป็นแบบพี่ทันจิโร่บ้างจัง”

     

    ทาเคโอะหัวเราะหึ ก่อนจะยีหัวน้องชายเบาๆ

     

    “อย่างนายน่ะ คงต้องพยายามหนักหน่อยล่ะนะ ก็ซนจะตายไปนี่นา”

     

    “ฮึ่ม! พี่ทาเคโอะก็เหมือนกันนั่นแหละ” น้องชายคนที่สามของบ้านคามาโดะบุ้ยปาก “ถ้าไม่ทำตัวเท่ๆ ซะบ้าง เดี๋ยวก็ไม่มีสาวมาชายตามองหรอก!

     

    “หนวกหูน่า! แก่แดดแก่ลมนักนะ ชิเงรุ!

     

    ทาเคโอะตั้งท่าจะดึงแก้มของน้องชายให้หายมันเขี้ยว แต่เจ้าน้องชายตัวดีดันรู้แกวเลยกระโดดหลบได้ซะก่อน ชิเงรุหัวเราะชอบใจที่เห็นพี่ชายพลาดท่า ฝ่ายพี่ชายคนรองได้แต่พ่นลมหายใจฮึดฮัดก่อนจะปล่อยให้น้องชายเป็นฝ่ายชนะไป

     

    ขณะที่หัวเราะอยู่นั้น ชิเงรุก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ เขายื่นถุงบรรจุของเล่นให้ทาเคโอะ

     

    “จริงสิ พี่ทาเคโอะ! ข้าขอฝากของเล่นพวกนี้ไปเก็บที่บ้านของคุณปู่ซาบุโร่หน่อยสิ ข้าจะไปช่วยพี่ทันจิโร่ช่วยคุณลุงคนนั้นขนของ! ข้าจะได้ดูเท่ๆ ขึ้นมาบ้าง”

     

    สีหน้าและแววตามุ่งมั่นของน้องชาย ทำให้ทาเคโอะรับคำขออย่างว่าง่าย เขาเองก็เดินเที่ยวทั่วหมู่บ้านแล้ว จึงไม่ได้มีแผนจะไปที่ไหนต่อ อันที่จริงก็ตั้งใจว่าจะกลับไปนอนเล่นใต้ต้นไม้ที่บ้านคุณปู่ซาบุโร่นั่นแหละ เพราะฉะนั้นคำขอของชิเงรุก็ไม่ได้เป็นเรื่องที่ยากเย็นอะไร 

     

    “ได้สิ” ทาเคโอะรับของเล่นถุงนั้นไว้ ก่อนจะพูดเน้นย้ำกับน้องชาย “ชิเงรุเองก็อย่าไปทำให้พี่ทันจิโร่วุ่นวายกว่าเดิมล่ะ”

     

    “ข้ารู้แล้วน่า พี่ทาเคโอะ แล้วเจอกันที่บ้านคุณปู่ซาบุโร่นะ!

     

    ชิเงรุร้องบอกก่อนจะวิ่งออกไปหาพี่ชายคนโตของบ้านในทันที เห็นดังนั้นทาเคโอะจึงโบกมือลาก่อนที่จะเดินกลับไปมุ่งหน้าสู่บ้านคุณปู่ซาบุโร่

     

    ระหว่างเดินทางกลับ ทาเคโอะก็เดินมองสองข้างทางไปพลางคิดอะไรเรื่อยเปื่อยไปพลาง สิ่งแรกที่แว่บเข้ามาในหัวของเขา คงเป็นเรื่องในตอนเช้าตรู่ของวันนี้

     

    จะว่าไปแล้ว... เมื่อตอนเช้ามีอะไรเกิดขึ้นกับพี่ทันจิโร่รึเปล่านะ?

     

    โดยปกติแล้ว ผู้เป็นแม่ของครอบครัวคามาโดะจะตื่นเช้ากว่าใคร แต่เช้าวันนี้ทาเคโอะกลับตื่นขึ้นมาก่อนใครในบ้าน สงสัยอาจจะเป็นเพราะเรื่องเล่าเกี่ยวกับอสูรทำให้เขาตื่นตัวจนนอนตื่นเร็วแบบนี้ก็ได้ แต่พอมองรอบห้องดูดีๆ ก็พบว่ามีใครคนอื่นที่ไม่ได้อยู่บนฟูกนอน ที่นอนของเขาว่างเปล่า

     

    ...พี่ทันจิโร่? ตื่นแล้วเหรอ?

     

    เด็กชายผู้มีไฝใต้ตาขวาคิดก่อนจะลุกขึ้นจากที่นอน เพื่อออกไปสูดอากาศบริสุทธิ์ยามเช้าและตามหาพี่ชายคนโตไปด้วยในตัว เมื่อก้าวเท้าออกมานอกบ้าน เขาก็พบกับท้องฟ้าสีดำที่เริ่มมีสีแดงม่วงจางๆ ริมขอบฟ้าบ่งบอกว่าใกล้เวลาที่พระอาทิตย์จะขึ้นแล้ว

     

    ทาเคโอะกวาดตามองไปโดยรอบ เขาก็พบเจอร่างของเด็กชายผู้สวมฮาโอริลายตารางหมากรุกยืนอยู่ใกล้ชายป่าไม่ไกลจากบ้านคุณปู่ซาบุโร่มากนัก ทันจิโร่กำลังยืนหันหลังให้บ้านหลังนี้โดยที่ถือขวานไว้ในมืออย่างมั่นคง 

     

    อาจจะเป็นเพราะกำลังเบลอๆ หลังตื่นนอน ทาเคโอะรู้สึกว่าพี่ชายคนโตที่กำลังยืนอยู่ตรงนั้น มีของเหลวสีแดงฉานเปรอะเปื้อนไปทั่วทั้งร่างกายรวมไปถึงใบขวานที่เขาถืออยู่ด้วย ราวกับว่าถูกชโลมไปด้วยเลือด...

     

    บ้าน่า... แค่ตาฝาดเอง

     

    จะคิดได้แบบนั้นก็ไม่แปลก เพราะทันทีที่แสงอาทิตย์แรกปรากฏที่ริมขอบฟ้า ทาเคโอะขยี้ตาตัวเองเพื่อปรับสายตาให้ชัดเจนขึ้น ก่อนจะมองภาพตรงหน้าอีกครั้ง แต่กลายเป็นว่าของเหลวสีแดงที่เปื้อนทั้งร่างนั่นกลับหายไปแล้ว เสมือนไม่เคยมีอยู่มาก่อน

     

    ทันจิโร่ที่รับรู้จากกลิ่นได้ว่าใครบางคนกำลังยืนอยู่หน้าบ้านและจับจ้องมาที่เขาอยู่ เด็กชายผมแดงจึงหันกลับไปพลางเอ่ยทักทายด้วยรอยยิ้มอันอบอุ่นเช่นทุกครั้ง

     

    “อรุณสวัสดิ์นะ ทาเคโอะ”

     

    ข้าหวังว่า ตอนนั้น...ข้าคงจะตาฝาดไปเองล่ะนะ

     

    ทาเคโอะคิด พลางทำจิตใจให้สงบ บางทีภาพตอนที่ทันจิโร่ใช้ขวานตัดคอหมีป่าที่ไม่ได้จำศีลเมื่อตอนปีที่แล้วอาจจะติดอยู่ในความทรงจำของเขา และทำให้เขาหลอนจนเผลอตาฝาดแบบนั้นก็ได้ น้องชายคนรองของบ้านคามาโดะจึงเลือกที่จะเก็บความสงสัยทิ้งไป แล้วใช้ชีวิตอย่างปกติ

     

    หลังจากใช้เวลาเดินมาสักพัก เด็กชายผู้สวมผ้าพันคอลายตารางหมากรุกก็มาถึงบ้านของคุณปู่ซาบุโร่แล้ว ในเวลานี้ทุกคนออกไปนอกบ้านกันหมด จึงไม่ควรมีใครอยู่ในบ้าน ทาเคโอะตั้งใจที่จะเอาของเล่นเข้าไปเก็บในบ้านแล้วออกมานอนใต้ต้นไม้ใกล้ๆ นี้

     

    แต่เขากลับพบว่ามีใครคนหนึ่งอยู่ในบ้าน

     

    เธอคนนั้นกำลังนั่งคู้ตัวพลางรื้อดูสิ่งของที่ตั้งอยู่ตามมุมห้องภายในบ้าน เด็กหญิงร่างเล็กผู้มีผมสั้นระต้นคอคือฮานาโกะ น้องสาวคนรองของบ้านคามาโดะนั่นเอง

     

    “ฮานาโกะ...?”

     

    ทาเคโอะส่งเสียงออกไป เรียกให้สาวน้อยเงยหน้าขึ้น ใบหน้าของเธอมีน้ำตานองและมีสีหน้ากังวลใจเป็นอย่างมาก ทำเอาพี่ชายคนรองของบ้านรีบเข้ามาถามด้วยความเป็นห่วง

     

    “เป็นอะไรไปงั้นเหรอ! ฮานาโกะ ทำไมถึงร้องไห้ล่ะ”

     

    ฮานาโกะสะอึกสะอื้นในลำคอ เธอพยายามกลั้นน้ำตาไว้พลางพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงสั่นๆ “พี่ทาเคโอะ ..ข้าทำเครื่องรางของพี่เนซึโกะหาย... ข้าพยายามหาทั่วบ้านแล้ว แต่หาไม่เจอเลย...”

     

    “เครื่องราง... ที่พี่เนซึโกะให้ทุกคนมาน่ะเหรอ?” ทาเคโอะเอ่ยถามพลางนึกไปถึงเครื่องรางสีแดงที่ตนเองก็มีพกอยู่เช่นกัน

     

    เมื่อหลายเดือนก่อน ช่วงที่พี่สาวคนโตของบ้านเริ่มออกไปสำรวจป่าบนภูเขาที่ไกลออกไป เธอมักจะเก็บดอกฟูจิกลับมาด้วย เนซึโกะนำดอกฟูจิไปอบแห้งจากนั้นก็บรรจุลงในถุงผ้าเล็กๆ สีแดง ร่วมกับไม้ฮิโนกิ*ซึ่งเป็นไม้สนเนื้อหอมที่มักพบในพื้นที่ภูเขาสูงที่มีอากาศเย็น เพื่อทำเป็นเครื่องรางให้ทุกคนในบ้านพกไว้คนละชิ้น 

     

    (*ฮิโนกิ มาจากคำว่า ฮิ ที่หมายถึง เปลวไฟ และ กิ ที่หมายถึง ต้นไม้,ไม้ รวมแล้วหมายความว่า ไม้แห่งไฟ สมัยก่อนนิยมนำมาทำเป็นไม้ศักดิ์สิทธิ์สำหรับจุดไฟบูชาในพิธีกรรมสำคัญต่างๆ ยุคต่อมานิยมใช้สร้าง ปราสาท วัด ศาลเจ้า และบ้านเรือนตามเมืองเก่า)

     

    “พกเอาไว้นะ พี่เชื่อว่ามันจะปกป้องพวกเธอจากอันตรายทั้งปวงได้” เนซึโกะพูดพลางส่งมอบเครื่องรางให้พวกน้องๆ สีหน้าของเธอดูจริงจังเป็นอย่างมาก “โดยเฉพาะอย่างยิ่ง อันตรายจาก...”

     

    ท้ายประโยคเสียงแผ่วลงจนแทบจะไม่ได้ยิน จนฮานาโกะที่รับเครื่องรางมาแล้วต้องเอ่ยถาม

     

    “จาก...? จากอะไรเหรอคะ?”

     

    “...” เนซึโกะนิ่งเงียบ เธอรู้สึกลังเลใจว่าจะพูดออกไปดีหรือไม่ เรื่องของอสูร... แต่ถ้าพูดออกไปมันอาจจะส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่คาดไม่ถึงรึเปล่า? ดังนั้นเพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงของเรื่องดังกล่าว ลูกสาวคนโตของบ้านจึงเลือกที่จะพูดเรื่องอื่นแทน

     

    “...ไม่มีอะไรหรอกจ้ะ เอาเป็นว่าพี่อยากให้พวกเธอทุกคนพกเอาไว้ตลอดเวลาเลยนะ ทำได้ใช่มั้ย?”

     

    คำขอร้องจากเนซึโกะที่นานๆ ทีจะมีสักครั้ง น้องชายน้องสาวทุกคนไม่มีทางปฏิเสธอยู่แล้ว พวกเขารับเครื่องรางมาพลางขานรับอย่างยินดี “ครับ!ค่ะ!

     

    หลังจากนึกเรื่องดังกล่าวได้ ทาเคโอะก็เข้าใจในทันที ในคืนแรกที่ทุกคนมาถึงบ้านหลังนี้ ฮานาโกะยังดูร่าเริงเป็นปกติ แต่พอเช้าวันต่อมาเธอกลับมีสีหน้ากังวลใจ นั่นคงเป็นเพราะเธอเพิ่งรู้ตัวว่าทำเครื่องรางหล่นหายไป พี่ทันจิโร่เป็นคนแรกที่สังเกตเห็น เขาเข้าไปพูดคุยซักถามกับฮานาโกะแล้วแต่เธอกลับบอกว่าไม่มีอะไร

     

    ทันจิโร่รับรู้จากกลิ่นได้ว่าน้องสาวคนรองโกหก เธอมีเรื่องกังวลใจอยู่ และในขณะเดียวกันก็รับรู้ได้ว่า เธอก็ไม่อยากจะบอกพี่ชายคนโตว่ามีปัญหาอะไร เด็กหญิงอยากจะจัดการด้วยตัวเอง เมื่อรู้ดังนั้นทันจิโร่จึงส่งยิ้มอันอ่อนโยนให้น้องสาวก่อนจะลูบหัวเธอเบาๆ

     

    “เข้าใจแล้ว... ถ้าฮานาโกะมีอะไรอยากให้ช่วย มาบอกพี่ได้เสมอนะ” 

     

    “...ค่ะ ขอบคุณนะคะพี่ทันจิโร่”

     

    ฮานาโกะได้แต่ตอบรับเสียงเบา เธอคิดว่าการที่ทำเครื่องรางหายเป็นความรับผิดชอบของเธอ และตั้งใจว่าจะตามหาให้เจอด้วยตนเองให้เร็วที่สุด สาวน้อยผมประบ่าใช้เวลาว่างที่ทุกคนแยกย้ายกันไปตามที่ต่างๆ เพื่อตามหาเครื่องราง เธอเดาว่าเธอคงทำหล่นหายภายในบ้านหรือไม่ก็ใกล้ๆ เขตบ้าน ตามหาไม่นานก็คงเจอ

     

     แต่เธอก็ตามหาไม่พบ แม้ว่ามันจะผ่านมาเกือบสองวันแล้วก็ตาม

               

     

    “แล้วทำไมไม่ขอให้พี่ทันจิโร่ตามหาให้ล่ะ” ทาเคโอะลองเสนอ “พี่เขาจมูกดีจะตายไป ตามหาไม่นานก็เจอแล้ว”

     

    ฮานาโกะนิ่งเงียบไปชั่วครู่ เธอหลบตามองไปด้านข้างเหมือนกำลังคิดหนัก ก่อนที่สองมือจะกุมผ้ากิโมโนของตนเองแน่น สาวน้อยร่างเล็กเอ่ยเสียงแผ่วเบา

     

    “...ข้าไม่อยากรบกวนพี่ทันจิโร่ค่ะ ...ช่วงเดือนนี้ พี่ทันจิโร่กับพี่เนซึโกะดูเหมือนกำลังกังวลอะไรบางอย่างอยู่ โดยเฉพาะช่วงสองสามวันนี้ ถึงจะยังพูดคุยยิ้มแย้มเหมือนเคย แต่บรรยากาศรอบตัวเคร่งเครียดมากเลย ข้าเลยคิดว่าไม่อยากเพิ่มเรื่องให้พี่ทันจิโร่ต้องคิดเพิ่มขึ้นอีก...”

     

    “...อย่างนี้นี่เอง”

     

    ทาเคโอะพึมพำ เขาพอจะเข้าใจความคิดของน้องสาวแล้ว ในช่วงหลายเดือนมานี้พี่สาวและพี่ชายคนโตของบ้านมักจะแอบลักลอบจากสายตาคนอื่นไปทำอะไรด้วยกันแค่สองคน แถมยังมีสีหน้าเคร่งเครียดจริงจังราวกับกำลังแบกโลกทั้งใบ แม้ว่าพอมีใครในครอบครัวเข้าไปใกล้ก็จะกลับมายิ้มแย้มร่าเริงเหมือนเดิมในทันที

     

    ทั้งสองคนนั้นกำลังเคร่งเครียดและเหน็ดเหนื่อย... ไม่รู้ว่าด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม แต่ทาเคโอะก็รู้สึกได้ว่าสิ่งที่พี่ชายและพี่สาวกำลังทำอยู่นั้นเป็นสิ่งที่สำคัญมากๆ จนเขาไม่อยากให้มีเรื่องอื่นใดมารบกวนทั้งสองคนอีก ...บางที ฮานาโกะเองก็คงรู้สึกแบบนั้นเช่นกัน

     

    เด็กชายผู้มีไฝใต้ตาขวาถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนจะนั่งลงใกล้ๆ น้องสาวแล้วลูบหัวเธอโดยพยายามให้เหมือนพี่ชายคนโตที่สุด แต่ดูท่าว่าจะกะน้ำหนักมือผิดไป ทำให้ผมของฮานาโกะยุ่งฟูไปเลย

     

    “ไม่เป็นไรหรอก ข้าจะช่วยตามหาเครื่องรางด้วยอีกแรง” ทาเคโอะเหลือบตามองออกไปนอกบ้าน ที่ข้างนอกนั่นมีแดดแรง ตำแหน่งของพระอาทิตย์คล้อยต่ำลงจากจุดสูงสุดไปเล็กน้อย บ่งบอกว่ายามนี้เป็นเวลาบ่ายกว่าแล้ว “...อืม มีเวลาอีกพักใหญ่ๆ กว่าพระอาทิตย์จะลับขอบฟ้า ...ฮานาโกะบอกว่าหาดูทั่วบ้านแล้วไม่เจอใช่มั้ย งั้นพวกเราสองคนออกไปตามหาเครื่องรางนั้นที่ข้างนอกบ้านกันเถอะ”

     

    “ค่ะ..!

     

    ฮานาโกะรับคำด้วยรอยยิ้มบางๆ แล้วเดินตามพี่ชายออกไป ดวงตาของเธอยังคงมีสีแดงช้ำแต่น้ำตาได้หยุดไหลไปแล้ว

     

    ทาเคโอะและฮานาโกะตามหาดูรอบบริเวณบ้านแต่ก็ไม่พบอะไร เด็กชายผู้สวมผ้าพันคอลายตารางหมากรุกเสนอให้ลองเดินย้อนกลับไปบนภูเขาในเส้นทางที่มุ่งหน้าสู่บ้านคามาโดะ เพราะอาจจะทำตกหล่นระหว่างทางก็ได้ แน่นอนว่าเขาเตือนน้องสาวเอาไว้แล้วว่าต้องกลับก่อนค่ำ หากตามหาไม่เจอจริงๆ คงต้องฝืนใจขอรบกวนให้พี่ชายคนโตมาช่วยตามหา หรือไม่ก็ขอให้พี่เนซึโกะทำเครื่องรางใหม่ให้เลย

     

    หลังจากเดินขึ้นภูเขาตามเส้นทางไปได้ราวๆ 20 โช (ประมาณ 2.18 กิโลเมตร) ฮานาโกะได้สังเกตเห็นถุงสีแดงขนาดเล็กที่ผูกเกี่ยวอยู่กับกิ่งไม้ในป่า ลึกเข้าไปจากเส้นทางหลักเล็กน้อย แต่ก็พอมองเห็นได้ สาวน้อยตัวเล็กยิ้มร่าทันทีที่เห็นมัน เธอรีบกระตุกชายเสื้อฮาโอริของพี่ชายยกใหญ่เพื่อเรียกให้เขามองเห็นด้วยอีกคน

     

     เพราะนั่นคือถุงเครื่องรางของฮานาโกะที่ทั้งสองคนกำลังตามหานั่นเอง

     

    ดูเหมือนว่าฮานาโกะจะทำมันหล่นบริเวณใกล้ๆ นี้ แล้วเครื่องรางก็ถูกลมหิมะพัดปลิวไปจนไปผูกเกี่ยวเข้ากับต้นไม้ข้างทาง ทาเคโอะอาสาปีนขึ้นไปเก็บให้ เขาใช้เวลาไม่นานนักก็เก็บเครื่องรางนั้นให้น้องสาวได้

     

    น้องสาวคนรองของบ้านรู้สึกดีใจมากที่ในที่สุดก็ได้เครื่องรางคืนมาแล้ว เธอกุมถุงผ้าสีแดงไว้ในมือแน่น ตั้งใจว่าจะเก็บรักษาอย่างดีไม่ให้หล่นหายอีกแล้ว สองพี่น้องพากันเดินออกมาจากป่าข้างทางจนมาถึงเส้นทางถนนสายหลักเพื่อมุ่งหน้ากลับไปที่บ้านคุณปู่ซาบุโร่

     

    แต่พวกเขาไม่สามารถก้าวขาไปทางนั้นได้อีกแล้ว

     

    เพราะว่าในตอนนี้ เส้นทางที่จะเดินลงจากภูเขาเพื่อไปยังหมู่บ้าน กลับมีหมีป่าตัวสูงใหญ่หนึ่งตัวขวางทางอยู่ หนำซ้ำยังเป็นหมีป่าที่มีท่าทางดุร้ายและหิวโหย ทันทีที่พวกมันเห็นเด็กทั้งสอง หมีป่าก็ส่งเสียงร้องคำรามออกมา

     

    หมีป่าที่ไม่ได้จำศีล...? เหมือนตอนนั้นเลย!?’

     

    ภาพหมีป่าที่กู่ร้องคำรามท่ามกลางหิมะสีขาว ทำให้นึกถึงเรื่องราวเมื่อปีก่อนที่เขาได้เจอสถานการณ์เดียวกัน ในขณะที่ทาเคโอะและชิเงรุหวาดกลัวจนก้าวขาไม่ออก พี่ทันจิโร่เป็นคนตั้งสติได้และสังหารหมีป่าตนนั้นสำเร็จ เพราะมีบทเรียนจากเรื่องราวเมื่อตอนนั้น ทาเคโอะจึงตัดสินใจได้อย่างรวดเร็ว เขาคว้าแขนของน้องสาวแล้วพาออกวิ่งไปในทันที

     

    อันที่จริงการกระทำแบบนี้อันตรายมาก เพราะหมีป่าวิ่งได้เร็ว หากไม่สามารถวิ่งได้เร็วกว่าก็จะโดนตามทันและถูกทำร้ายได้ วิธีที่เหมาะสมที่สุดในการรับมือคือการส่งเสียงดังขู่ให้หมีล่าถอยไป แต่นั่นก็ขึ้นอยู่กับว่าหมีตนนั้นจะยอมถอยไปหรือไม่

     

    เมื่อประเมินจากท่าทีของหมีป่าตัวที่พบ ทั้งทันจิโร่และทาเคโอะก็รู้ในทันทีว่าสัตว์ร้ายตนนี้กำลังบ้าคลั่งและหิวโหย มันไม่สนใจอะไรนอกจากอาหารตรงหน้าอีกแล้ว

     

    หมีป่าออกวิ่งตามมาไล่หลัง ทาเคโอะมองน้องสาวที่กำลังวิ่งอยู่ข้างๆ มือซ้ายของเธอจับมือของเขาไว้ ส่วนมือขวาก็กุมเครื่องรางไว้แน่น ฮานาโกะกลัวจนร้องไห้ออกมาแต่เธอก็ยังคงวิ่งต่อไป เด็กชายผู้สวมผ้าพันคอลายตารางหมากรุกรู้ดีว่าพวกเขาสองพี่น้องไม่สามารถวิ่งหนีหมีป่าต่อไปเรื่อยๆ ได้ แรงกายของทั้งสองคนมีอยู่จำกัด

     

    หากพวกเขาหมดแรงหรือหยุดวิ่งเมื่อไหร่ ก็จะถูกฆ่าตายเมื่อนั้น

     

    ทาเคโอะเคยเดินทางกับพี่ชายคนโตโดยใช้เส้นทางนี้บ่อยๆ เขารู้จักจุดอันตรายที่ต้องระวังตลอดทางมากมาย ไม่ว่าจะเป็นจุดพื้นลื่น จุดปากเหว เด็กชายจึงตั้งใจจะวิ่งล่อหมีป่าไปที่จุดอันตรายเหล่านี้และทำให้มันตกลงไปในหุบเหว

     

    พี่ชายคนรองของบ้านทำตามที่ตั้งใจไว้ในทันที เขาวิ่งตรงไปยังจุดอันตรายและหลอกล่อให้สัตว์ร้ายพุ่งมาที่ตนเองซึ่งยืนอยู่ริมขอบเหว สัตว์ร้ายที่หิวโหยจนไม่สนใจสิ่งแวดล้อมรอบกายรีบพุ่งตรงเข้าโจมตี ในจังหวะนั้นทาเคโอะก็รีบกระโดดหลบออกด้านข้างทันที

     

    หมีป่าพลาดท่า มันพุ่งตัวออกไปกลางอากาศและร่วงหล่นลงไปยังพื้นเบื้องล่าง เสียงที่ตกกระทบพื้นบ่งบอกได้ว่าร่างนั้นตกลงไปด้วยความเร็วและความแรงแค่ไหน สัตว์ร้ายกลายเป็นศพในทันที

     

    ทว่า ยังไม่ทันที่ทาเคโอะและฮานาโกะจะรู้สึกโล่งใจที่หมีป่าถูกกำจัด แรงกระแทกจากเบื้องล่างทำให้พื้นหิมะสั่นสะเทือน หิมะบางส่วนไหลลงมาตามทางลาด โชคร้ายที่เด็กทั้งสองอยู่ในทางที่หิมะเคลื่อนตัวพอดี พวกเขาจึงถูกหิมะพัดพาจนตกลงไปสู่หุบเหว เช่นเดียวกับหมีตนนั้น

     

    “พี่! ทาเคโอะ! ช่วยด้วย!

     

    “ฮานาโกะ!

     

    ทาเคโอะเอื้อมมือไปคว้าร่างน้องสาวได้ทัน ก่อนที่เขาจะใช้ร่างของตนเองโอบกอดฮานาโกะเอาไว้เพื่อป้องกันอันตราย ความเร็วและรุนแรงของคลื่นหิมะทับถมจนทำให้คนทั้งคู่หมดสติไปในทันที

     

    เวลาผ่านไป ในที่สุดฮานาโกะก็เริ่มรู้สึกตัว เธอลืมตาขึ้นมาอย่างช้าๆ ก่อนจะมองไปรอบกายของตนเอง ในมือขวาของเธอยังคงกุมเครื่องรางไว้แน่น สาวน้อยผมประบ่าอยู่ในอ้อมกอดของพี่ชายคนรองที่ใช้ตนเองป้องกันแรงกระแทกจากหิมะให้น้องสาว ลมหิมะพัดแรง ความมืดที่ปกคลุมรอบข้างและผืนฟ้าสีดำที่แต่งแต้มไปด้วยดวงดาว บ่งบอกว่าเด็กหญิงหมดสติไปเป็นเวลานานจนยามราตรีมาเยือนแล้ว

     

    ดูเหมือนว่ายังมีโชคดีอยู่ในโชคร้าย สองพี่น้องไม่ได้ตกลงไปที่พื้นเหว พวกเขาบังเอิญตกลงไปบนก้อนหินใหญ่ที่อยู่บริเวณหน้าผา ต่ำลงมาจากปากขอบแค่เพียงประมาณ 3 โจ (ประมาณ 10 เมตร) เท่านั้น

     

    หลังจากที่ฮานาโกะตื่นขึ้น เธอเขย่าตัวเรียกพี่ชายเพื่อปลุกให้เขาตื่น ไม่นานนักทาเคโอะก็ได้สติขึ้นมา พวกเขาสองคนช่วยกันปีนหน้าผาและพาตัวเองขึ้นมาจากหุบเหวได้ในที่สุด

     

    “พี่ทาเคโอะ... ทำยังไงดี มืดซะแล้ว”

     

    ฮานาโกะพูดขึ้น เธอมองไปยังหมู่บ้านที่ยังคงมีแสงไฟอยู่ “พวกเราหายไปจนมืดค่ำแบบนี้ คนในหมู่บ้านอาจจะออกมาตามหาก็ได้นะคะ”

     

    ดวงตาที่มีไฝใต้ตาขวามองไปตามสายตาของน้องสาว แสงไฟดูเลือนรางเนื่องจากรอบด้านมีลมหิมะพัดแรงจนเรียกได้ว่าเป็นพายุ คงจะเป็นลมพายุหิมะที่พัดมาหลายชั่วโมงตั้งแต่เข้าสู่เวลากลางคืน ทาเคโอะเงียบไปพักใหญ่ก่อนจะพูดขึ้นด้วยสีหน้าเคร่งเครียด   

     

     “พวกเขาไม่มาหรอก... สภาพอากาศแย่เกินไป ถ้าขึ้นภูเขามา คนที่มาตามหาพวกเราอาจจะได้รับอันตรายได้ ...นั่นเป็นเรื่องที่ทุกคนเข้าใจกันดี”

     

    ฮานาโกะเริ่มมีสีหน้าวิตก “งั้นพวกเราจะทำยังไงกันดีล่ะคะ”

     

    “คงต้องหาที่พักรอให้พายุสงบกันก่อนแล้วล่ะ”

     

    ทาเคโอะคาดคะเนจากระยะทางที่เห็นแสงไฟจากหมู่บ้าน เมื่อคิดร่วมกับระยะทางที่พวกเขาเดินมาในวันนี้และระยะทางที่วิ่งหนีหมีป่า รวมไปถึงทิวทัศน์โดยรอบ บริเวณนี้ ก็คงพอจะเดาได้ว่าตนเองกำลังอยู่ในตำแหน่งในของเส้นทางนี้

     

    “จากจุดที่เราอยู่ตอนนี้ หากกลับขึ้นไปที่บ้านบนภูเขาของพวกเราจะเร็วกว่าเดินลงไปที่บ้านคุณปู่ซาบุโร่...” เด็กชายครุ่นคิดถึงสภาพบ้านที่เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้พวกเขาย้ายมาพักบ้านคุณปู่ซาบุโร่ชั่วคราว บ้านที่หลังคาแหว่งเป็นรูแบบนั้นคงจะเก็บความอบอุ่นไว้ไม่ได้

     

    แต่ความจริงแล้ว ในบ้านยังมีอีกห้องหนึ่งที่หลังคาไม่ได้รับความเสียหายอยู่ ดวงตาของทาเคโอะเป็นประกายทันทีที่นึกออก เขายิ้มดีใจให้น้องสาว  

     

    “ถึงบ้านของพวกเราจะถูกลูกเห็บพังหลังคาไป แต่ห้องพยาบาลที่คุณแม่ใช้เก็บยารักษาปลอดภัยดี! ที่นั่นมีฟูกอยู่แล้วก็มีตะเกียงที่ใช้จุดไฟด้วย คงพอจะให้พวกเราสองคนนอนพักในคืนนี้ได้”

     

    ได้ยินดังนั้นฮานาโกะก็ยิ้มอย่างยินดีเช่นกัน เธอรีบดึงมือของทาเคโอะเพื่อจะมุ่งหน้ากลับบ้านให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้

     

    “เข้าใจแล้วค่ะ งั้นพวกเรารีบไปกันเถอะ! พรุ่งนี้จะได้เดินทางกลับไปที่บ้านคุณปู่ซาบุโร่ตั้งแต่เช้าเลย ทุกคนคงเป็นห่วงพวกเราแย่แล้วล่ะ”

     

     

    = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = =

     

    14 / 3 / 63 (100%)

    KazeRi : พวกน้องงงงง อย่าไปนะ!! ที่บ้านมันมีอันตรายยิ่งกว่าหมีป่าบ้าคลั่งอยู่นะ!

     

    สวัสดีค่ะ

    บทนี้น้องชายคนรองของบ้านอย่างทาเคโอะเด่นมาก เหมือนตอนนี้ทั้งตอนเป็นของน้องไปแล้ว 555 อันที่จริงตอนตามอนิเมเรื่องนี้ ทาเคโอะนี่เห็นแว่บแรกก็รู้ได้เลยว่าโตไปต้องงานดีแน่ น้องชายสายซึนแต่ก็แอบบราค่อนเล็กน้อย 555 (แต่หลายนาทีต่อมา น้องดันกลายเป็นศพไปซะงั้น TwT)

    ตอนหน้าจะตัดกลับไปฝั่งทันจิโร่แล้ว มาลุ้นกันต่อนะคะ ว่าตอนหน้าทาเคโอะและฮานาโกะจะได้เจอคนๆ นั้นที่รอเซอร์ไพรส์อยู่รึเปล่า รอติดตามกันได้เลย!

     

    แอบคุยนอกเรื่อง 1

    ขอทำแบบสอบถามนิดนึงนะคะ เราอยากทราบว่าคนที่ตามอ่านฟิคเรื่อง Infinity Dream นี้ ติดตามเรื่อง Kimetsu no Yaiba ไปถึงไหนแล้ว จะได้ระบุในสปอยถูก เพราะตอนหน้าๆ จะมีสปอยหนักมากแทรกอยู่ในเนื้อเรื่องค่ะ

    https://forms.gle/BczMnEjbgoHf8dgU7

    ปล.ขอถามด้วยว่า เมนตัวละครไหนในเรื่อง และ ชิพคู่ไหนเป็นพิเศษ (สองข้อนี้แล้วแต่สะดวกนะคะ เราแค่อยากรู้และเช็คจำนวนประชากรเฉยๆ 555)

     

    มุกท้ายตอน ความฝันที่ 7 (คำเตือน : คิลมู้ดมากๆ 555)

    [ย้อนความ]

    เนซึโกะ : (//ยื่นเครื่องรางให้) พกเอาไว้นะ พี่เชื่อว่ามันจะปกป้องพวกเธอจากอันตรายได้

    น้องๆ บ้านคามาโดะ : ครับ! / ค่ะ!

    [ปัจจุบัน]

    ดวงซวยตลอดปีทั้งครอบครัว + ตอนที่ 7 พบเจอหมีป่าที่ไม่ได้จำศีลอีกแล้ว

                ทาเคโอะ : (//พาฮานาโกะวิ่งหนีหมีป่า พลางตะโกนด้วยสีหน้าอยากจะร้องไห้) ไม่เห็นจะได้ผลเลยนี่นา! เครื่องรางนำโชคร้ายรึไงเนี่ย!!

     

    หลังจากอ่านความฝันที่ 7 จบ

    ความในใจของเนซึโกะ : พี่ไม่ได้ให้เครื่องรางพวกเธอไปเพื่อไปทำอะไรแบบนี้!

    ความในใจของทันจิโร่ : ทำไมตอนนั้น ข้าไม่พังหลังคาห้องเก็บยาของคุณแม่ไปด้วยนะ!?  ...ไม่สิ หรือว่าข้าควรพังบ้านทิ้งไปทั้งหลังเลยจะดีกว่ารึเปล่านะ?

    KazeRi : ไม่... ทันจิโร่ นายอย่าเข้าสู่ด้านมืดแบบนั้นนะ!

     

    = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = =

     

    ขอบคุณทุกกำลังใจนะคะ ถ้าใครต้องการสนับสนุนสามารถเข้าไปโดเนทได้ที่เว็บ ReadAWrite ได้นะคะ (มีคนอ่านหลายคนเข้าไปทาง RAW แล้ว อยากรู้จังว่าหาเราเจอได้ไง 555)

    ถ้าใครสงสัยอะไรสามารถคอมเม้นต์ถามได้เลย ว่างๆ เราจะตอบให้ค่ะ

    ถ้าชอบก็ฝากคอมเม้นต์หรือกดปุ่มให้กำลังใจได้นะคะ! หรือเข้าไปคุยกันที่แฮชแท็ก #ทันจิโร่ในความฝันนิรันดร์ ก็ได้น้า


    แล้วเจอกันใหม่เมื่อชาติต้องการค่า บ๊ายบาย


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×