ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic Kimetsu no Yaiba] 無限の夢 : Infinity dream : ความฝันนิรันดร์

    ลำดับตอนที่ #4 : ความฝันที่ 4 : การเปลี่ยนแปลง (100%)

    • อัปเดตล่าสุด 8 ก.พ. 63



    [ ตอนที่แล้วมีการรีไรท์เล็กน้อยนะคะ (รีไรท์ 22/1/63) เนื้อหาคงเดิมแต่เพิ่มรายละเอียดขึ้นมา แนะนำให้กลับไปอ่านก่อนแล้วค่อยอ่านตอนนี้นะคะ ]

     

    = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = =  = = = = = = = = 

     

    ความฝันที่ 4


    การเปลี่ยนแปลง

     

     



    หลายวันที่ผ่านมา บริเวณเชิงเขาอันเป็นที่อยู่ของครอบครัวคามาโดะมีอากาศดีตลอดวัน ท้องฟ้าสีครามสดใส แม้หิมะจะทำให้อากาศหนาวอยู่บ้างแต่ก็ไม่ได้ตกหนักหรือมีพายุหิมะอีก จึงทำให้คนในบ้านคามาโดะสามารถทำกิจวัตรประจำวันอย่างปกติได้


    นับตั้งแต่เหตุการณ์ที่ลูกชายคนโตของบ้านคามาโดะได้รับบาดเจ็บก็ผ่านไปประมาณ 1 สัปดาห์แล้ว บาดแผลของทันจิโร่ปิดสนิท อาจจะเพราะบาดแผลไม่ลึกมากอีกทั้งทันจิโร่เองก็เป็นเด็กที่ร่างกายแข็งแรงทำให้เขาฟื้นตัวได้ดีมาก แค่เพียงไม่กี่วันก็สามารถกลับไปทำงานเดิมของตนเองอย่างการเผาถ่านได้


    แม้ว่าเรื่องการผ่าฟืนหรือขนถ่านไปขายที่หมู่บ้านยังต้องให้น้องชายคนรองอย่างทาเคโอะดูแลเป็นหลักก็ตาม


    ท่าทางของทันจิโร่ที่ช่วยทำงานในบ้านอย่างขยันขันแข็ง อีกทั้งรอยยิ้มสดใสที่มอบให้คนในครอบครัวทำให้ทุกคนใจชื้นขึ้นมาก พวกเขาดีใจที่พี่ชายคนนี้ฟื้นกลับมาแข็งแรงดีในเวลาไม่นาน ราวกับภาพที่ทันจิโร่ได้รับบาดเจ็บหนักนั่นเป็นเพียงฝันร้ายตื่นหนึ่ง


    เนซึโกะเองก็รู้สึกเช่นนั้น พี่ชายของเธอทำตัวเป็นปกติมาก ยิ้มแย้มแจ่มใส ดูแลคนในบ้านเป็นอย่างดี แต่บางครั้ง...สายตาของเขาในขณะที่เหม่อมองคนในครอบครัวมันจะฉายแววความเจ็บปวดออกมา เด็กหญิงรู้ดีว่าทันจิโร่เก็บซ่อนความลับบางอย่างเอาไว้


    เนซึโกะตั้งใจว่าจะรอจนกว่าพี่ชายจะพร้อมเล่ามันออกมา เธอจึงใช้ชีวิตปกติไม่ได้ถามซักไซ้ทันจิโร่อีก จนผ่านไปหลายวัน ในที่สุดพี่เขาก็ตัดสินใจเล่าความจริงออกมา


    ท่ามกลางความมืดมิดของค่ำคืนไร้แสงจันทร์ ผืนฟ้าประดับด้วยหมู่ดาวมากมาย ที่ชานบ้านมีร่างของลูกชายและลูกสาวคนโตของบ้านคามาโดะนั่งอยู่ใกล้เคียงกัน คั่นกลางด้วยตะเกียงเล็กๆ ที่ให้แสงไฟนวลตา ทันจิโร่ที่ไม่อยากให้ทุกคนในบ้านได้ยินสิ่งที่จะเล่าจึงได้เรียกเนซึโกะให้ออกมาพูดคุยกันหลังจากที่ทุกคนหลับไปแล้ว


    “ขอโทษที่ให้รอนานนะ เนซึโกะ พี่พร้อมแล้วล่ะ ...ตามที่สัญญาไว้ พี่จะเล่าให้ฟังทั้งหมดว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมพี่ถึงทำแบบนั้นลงไป... แล้วก็...สิ่งที่พี่ตั้งใจจะทำหลังจากนี้ด้วย”


    ทันจิโร่พูดขึ้น ความมุ่งมั่นฉายชัดในดวงตาสีแดงคู่นั้น เนซึโกะจึงตั้งใจฟังทุกอย่างที่เขาพูดออกมาเป็นอย่างดี


    เรื่องราวทั้งหมดถูกเล่าขาน อสูรร้ายที่โลดแล่นในยามรัตติกาล โศกนาฏกรรมของครอบครัวคามาโดะ จ้าวอสูรศัตรูตัวฉกาจ องค์กรหน่วยพิฆาตอสูร การต่อสู้มากมายที่ได้ผ่านพ้นมา และท้ายที่สุดก็เล่าถึงเรื่องราวของความฝันและโลกคู่ขนานที่ทันจิโร่กำลังเผชิญอยู่ด้วย


    หลังจากที่ได้ฟังเรื่องราวทั้งหมด เนซึโกะก็เงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดขึ้นมา


    “ทั้งหมดนั่นคือสิ่งที่พี่ต้องเผชิญมางั้นเหรอคะ...” เธอเอ่ยย้ำในสิ่งที่ตนเองเข้าใจ “พี่ในตอนนี้คือพี่ที่มาจากอนาคตใน 3 ปีข้างหน้า แล้วก็เป็นอนาคตในโลกคู่ขนานที่ทุกคนในบ้านถูกฆ่า พี่เป็นนักล่าอสูรและข้ากลายเป็นอสูร...”


    ทันจิโร่พยักหน้ายืนยัน “พี่เข้าใจว่าเรื่องมันดูน่าเหลือเชื่อไปหน่อย แต่ที่พี่พูดไปคือเรื่องจริงที่เกิดขึ้นมาแล้ว...ในที่ๆ พี่จากมา เป็นเรื่องจริงที่แสนโหดร้าย... เพราะฉะนั้นพี่จึงไม่อยากให้มันเกิดขึ้นอีก”


    แววตาเจ็บปวดยามนึกถึงเรื่องราวนั้นถูกแปรเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มอันอ่อนโยน เด็กชายลูบศีรษะน้องสาวเบาๆ “ในเมื่อพี่มีโอกาสแล้ว พี่จึงอยากจะหยุดเหตุการณ์นั้นเอาไว้ไงล่ะ ถึงแม้เรื่องราวในอดีตของพี่จะไม่มีทางเปลี่ยนไป แต่เรื่องราวในอนาคตของเนซึโกะกับทุกคนในบ้าน...ในโลกแห่งนี้ ต้องไม่เหมือนเดิม”


    เนซึโกะนิ่งเงียบไปพักใหญ่ เธอรู้สึกได้ว่าเรื่องราวทั้งหมดที่ได้ยินมานั้นมันหนักหนาสาหัสมาก เด็กชายวัยสิบกว่าปีที่สูญเสียคนในครอบครัวไป ต้องดิ้นรนต่อสู้มากมายเพื่ออนาคตที่จะได้เห็นน้องสาวกลับมาเป็นมนุษย์


    แม้ว่าจะต้องเจ็บปวด แม้จะต้องโศกเศร้า ทันจิโร่ก็จะอดทนและเข้มแข็งเสมอมา ทำตนให้สมกับเป็นพี่ชายคนโตของบ้านอยู่เสมอ ทั้งที่ความจริง...เขาก็เป็นเพียงเด็กชายธรรมดาๆ คนหนึ่งเท่านั้นเอง


    สีหน้าเป็นกังวลของเนซึโกะและกลิ่นอายความรู้สึกผิดผสมกับความเป็นห่วงของเธอลอยฟุ้งอยู่รอบตัว “ขอโทษด้วยนะคะ ที่ตัวข้าในโลกนั้นกลายเป็นอสูร... แถมยังทำให้พี่ต้องมาตกระกำลำบากอีกตั้งมากมาย...”


    “ไม่เป็นไรหรอก นั่นไม่ใช่ความผิดของเนซึโกะเลยสักนิดเดียว” ทันจิโร่เอ่ยปลอบ “รู้อะไรมั้ย ตอนนั้น...ที่ทุกคนถูกฆ่า แค่พริบตาเดียวทุกสิ่งก็สูญสลายไปต่อหน้าต่อตา หัวใจของพี่เหมือนจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆ มันทรมานจนแทบหายใจไม่ออก... แต่พอได้รู้ว่าเนซึโกะยังมีชีวิตอยู่พี่ก็ดีใจมากเลยนะ แม้จะกลายเป็นอสูรแต่เนซึโกะก็ยังเป็นเนซึโกะคนเดิม 


    นับตั้งแต่ตอนนั้น เธอก็คอยต่อสู้ช่วยเหลือพี่เสมอ อยู่เคียงข้างพี่เสมอมา ทำให้พี่มีแรงฮึดสู้กับทุกสิ่งที่พี่ต้องพบเจอ... แค่นี้ก็เพียงพอแล้วล่ะ”


    ฝ่ามืออันอ่อนโยนของพี่ชายที่ลูบผ่านเส้นผม รวมทั้งน้ำเสียงและแววตาอันอ่อนโยนของเขา ทำให้เนซึโกะรู้สึกสบายใจขึ้นมาก เธอหลับตาลงเพื่อรับสัมผัสนั้นครู่หนึ่ง แล้วเอ่ยขึ้นมา


    “เอาล่ะค่ะ ในเมื่อข้ารู้เรื่องทั้งหมดแล้ว พวกเรามาช่วยกันคิดเถอะค่ะ ว่าควรจะทำยังไงกันดี...” สาวน้อยพูดขึ้นก่อนจะสบตากับพี่ชายแล้วเอ่ยถาม “พี่จะเล่าเรื่องนี้ให้คุณแม่กับพวกน้องๆ ฟังมั้ยคะ? ข้าคิดว่าทุกคนจะต้องเชื่อในสิ่งที่พี่พูดแน่นอน ถ้ามีกันหลายคนอาจจะคิดวิธีอะไรดีๆ ออกมาได้เยอะขึ้นนะ”


    ทันจิโร่ปรับท่าทางให้นั่งตัวตรง ก่อนจะเข้าสู่หัวข้อสนทนาที่จริงจังขึ้น


    “อืม... ตอนแรกพี่ก็คิดอย่างนั้นแหละ แต่คุณชิโนบุเตือนเอาไว้น่ะ”

     



    “เธอตัดสินใจที่จะเปลี่ยนแปลงเรื่องราวในโลกคู่ขนานแห่งนั้นสินะคะ”


    เสาหลักแมลงเอ่ยขึ้นหลังจากที่ฟังทันจิโร่พูดเรื่องความตั้งใจของเขาออกมา


    “ฉันจะไม่ห้ามหรอกค่ะ ในเมื่อมันเป็นการตัดสินใจของทันจิโร่คุง” ใบหน้าของเด็กสาวเจ้าของคฤหาสน์ผีเสื้อประดับด้วยรอยยิ้มเช่นเคย แต่แววตากลับดูจริงจังผิดกัน “แต่อยากจะขอเตือนเอาไว้นะคะ เมื่อเราเปลี่ยนแปลงบางสิ่งให้ต่างไปจากสิ่งที่ควรจะเกิด นั่นอาจจะส่งผลให้เกิด การเปลี่ยนแปลงที่คาดไม่ถึง ตามมาได้ค่ะ”


    ตอนนั้นทันจิโร่รู้สึกสับสน ไม่เข้าใจในสิ่งที่เธอพูด เด็กหนุ่มจึงได้ถามออกไป


    “มันคืออะไรเหรอครับ?”


    เด็กสาวผู้สวมฮาโอริลายผีเสื้อเอียงคอเล็กน้อย ก่อนจะอธิบายเพิ่ม


    “อืม... ทันจิโร่คุงลองนึกภาพดูนะคะ เมื่อแมลงตัวเล็กๆ ตัวหนึ่งกระพือปีก ลมที่เกิดขึ้นเพียงเล็กน้อยอาจจะส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของกระแสลมในบริเวณอื่นต่อๆ กันไป จนกระแสลมนั้นรวดเร็วขึ้น ปริมาณมากขึ้นและรุนแรงขึ้นจนกระทั่งเกิดเป็นพายุได้ ...นั่นเป็นตัวอย่างที่พอจะทำให้เห็นภาพน่ะค่ะ”


    เด็กสาวสบตากับทันจิโร่ เอ่ยย้ำคำอธิบายของสิ่งที่ได้พูดไป


    “เมื่อเปลี่ยนแปลงบางสิ่งให้แตกต่างไปจากเดิมไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็กน้อยแค่ไหน อาจส่งผลให้เกิดเหตุการณ์บางอย่างเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมด้วย... บางอย่างที่เธอคาดไม่ถึง...


    เพราะฉะนั้น ขอให้ทันจิโร่คุงมีสติและรับมือกับเหตุการณ์นั้นให้ได้นะคะ”

     




    “การเปลี่ยนแปลงบางสิ่งไปจากเดิมอาจจะทำให้สิ่งที่ควรเกิดเปลี่ยนแปลงไป กลายเป็นสิ่งที่คาดไม่ถึงแทน” ทันจิโร่เอ่ยขึ้นหลังจากเล่าสิ่งที่เสาหลักแมลงพูดออกไป


    “พี่ไม่รู้หรอกว่าสิ่งที่คาดไม่ถึงจะเป็นอะไรได้บ้าง แต่จากสีหน้าของคุณชิโนบุ พี่คิดว่าเราไม่ควรทำให้มันเกิดขึ้นจะดีกว่า” ทันจิโร่ยิ้มแห้งๆ “เพราะฉะนั้น ถ้าเลี่ยงได้พี่ก็ไม่อยากบอกเรื่องนี้กับใครเพิ่มน่ะ เพราะการบอกเล่าที่พี่ทำอยู่นี่ก็ถือว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมเหมือนกัน ...และพี่ก็ไม่อยากเปลี่ยนแปลงมันให้มากกว่านี้อีกแล้ว”


    “เข้าใจแล้วค่ะ ถ้าอย่างนั้นล่ะก็ พวกเราคงต้องจัดการกันเองแค่สองคนสินะคะ” เนซึโกะรับคำ เธอพยายามนึกถึงลักษณะของอสูรจากคำบอกเล่าของพี่ชาย รวมถึงวิธีที่จะป้องกันพวกมันด้วย


    “จากที่พี่เล่ามา เมื่อมนุษย์ได้รับเลือดจากจ้าวอสูรก็จะกลายร่างเป็นอสูร อสูรส่วนมากไม่มีความทรงจำสมัยยังเป็นมนุษย์ อสูรเป็นสิ่งที่คร่าชีวิตและดื่มกินเลือดเนื้อของมนุษย์ บาดแผลจะหายเองได้ในเวลาอันรวดเร็ว สิ่งที่สังหารอสูรได้จะมีเพียงแสงอาทิตย์หรือการถูกตัดศีรษะด้วยดาบเพลิงสุริยันของนักล่าอสูรเท่านั้น...”


    “ใช่แล้วล่ะ” ทันจิโร่พูดขึ้น ก่อนจะกล่าวข้อมูลเพิ่มเติม “นอกจากนี้ก็มีอีกอย่างคือ ดอกฟูจิ


    ปกติแล้วมันเป็นดอกไม้ที่ทำให้อสูรไม่อยากเข้าใกล้ ทางองค์กรพิฆาตอสูรจึงมักจะปลูกต้นไม้นี้ไว้ในเขตที่พักอาศัย หรือมีการผลิตสิ่งของที่มีส่วนผสมของดอกฟูจิ เช่นเทียนหอมดอกฟูจิ หรือพวกเครื่องรางที่ใส่ดอกฟูจิไว้ เพื่อป้องกันคนธรรมดาจากอสูรระดับทั่วๆ ไปน่ะ


    แต่ถ้าเอาไปสกัดด้วยวิธีเฉพาะบางอย่างล่ะก็ มันจะมีความสามารถมากขึ้น อย่างพิษดอกฟูจิของเหล่าภรรยาของคุณอุซุยจะทำให้ร่างกายของอสูรชาไปทั้งร่างและหยุดการเคลื่อนไหวของอสูรได้ชั่วคราว หรือพิษดอกฟูจิของคุณชิโนบุที่ร้ายแรงถึงขั้นสังหารอสูรได้”


    ลูกสาวคนโตของบ้านพยักหน้าเข้าใจ


    “หากเป็นแบบนั้น ถ้าข้าทำเครื่องรางที่ใส่ดอกฟูจิให้ทุกคนพกไว้คงจะช่วยป้องกันอสูรได้สินะคะ”


    “อืม มันจะช่วยป้องกันจากอสูรส่วนใหญ่ที่เป็นระดับทั่วๆ ไปได้นะ” ทันจิโร่ยิ้มรับ ก่อนที่เขาจะมีสีหน้าเคร่งเครียดมากขึ้น “...แต่พี่คิดว่ามันอาจจะป้องกันจากอสูรชั้นสูงอย่างพวกสิบสองอสูรจันทรา...หรือเจ้านั่นไม่ได้ ...คิบุทสึจิ มุซัน จ้าวของเหล่าอสูร ...อสูรที่ฆ่าทุกคนในครอบครัวของเรา”


    ภาพของชายคนนั้นปรากฏขึ้นมาในหัวของทันจิโร่ อสูรที่แฝงตัวอยู่ในหมู่มนุษย์ สร้างอสูรขึ้นมาเป็นจำนวนมาก สังหารมนุษย์ไปมากมายจนรอบกายมีแต่กลิ่นอายของเลือดมนุษย์คละคลุ้ง ทันจิโร่หลับตาลงเพื่อสลัดภาพนั้นทิ้งไป ก่อนจะเอ่ยขึ้นมาด้วยความมุ่งมั่น


    “พี่ไม่อยากเสี่ยงให้ทุกคนพบเจอกับมุซัน ดังนั้น... ช่วงเวลาตอนนั้น พวกเราไม่ควรจะอยู่ที่บ้านหลังนี้ ไม่ควรจะอยู่บนภูเขาลูกนี้เลยด้วยซ้ำ เพราะฉะนั้น พี่จึงจะหาทางพาทุกคนไปพักอาศัยอยู่ที่อื่น เพื่อผ่านค่ำคืนนั้นไปให้ได้”


    “ข้าจะช่วยพี่ด้วยค่ะ” เนซึโกะเอ่ยขึ้นมาบ้าง เธอกุมมือของพี่ชายเอาไว้ เพื่อส่งมอบกำลังใจไปให้ “พวกเรามาช่วยกันนะคะ ให้ทุกคนมีชีวิตรอดปลอดภัยจากอสูรร้าย ทั้งตัวข้า พี่ คุณแม่และพวกน้องๆ ด้วย จะไม่มีใครในครอบครัวถูกฆ่า และไม่มีใครกลายเป็นอสูรด้วย”


    “อา... มาพยายามด้วยกันนะ เนซึโกะ!




     ในช่วงเวลาที่ผ่านมา ทันจิโร่ได้เรียนรู้ว่า เมื่อนอนหลับในโลกคู่ขนานแห่งนี้ เขาจะสามารถตื่นกลับไปที่โลกแห่งความจริง...โลกดั้งเดิมของเขาได้ แต่การที่เวลาของทั้งสองโลกไม่สัมพันธ์กัน ทำให้บางครั้งเด็กชายจะตื่นกลับสู่โลกเดิมในเวลาดึกดื่น นับสิบครั้งภายในคืนเดียว นั่นจึงส่งผลให้ทันจิโร่ในโลกจริงนอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอ อาจส่งผลเสียต่อสุขภาพและทำให้การฟื้นฟูร่างกายถูกรบกวนให้ช้าลง


    ชิโนบุจึงแนะนำให้เขาลองใช้การเพ่งจิต กำหนดลมหายใจ ทำสมาธิ ใช้สติควบคุมตนเองว่าจะตื่นขึ้นมาตอนไหนหรือใช้เวลาในโลกคู่ขนานกี่วัน ทันจิโร่ลองทำดูก็พบว่ามันไม่ได้ยากอย่างที่คิด ใช้เวลาเพียงไม่นานก็ทำได้แล้ว ถ้าเทียบกับการใช้ปราณเพ่งจิตทั่วร่างแล้วล่ะก็ สิ่งที่ทำอยู่ถือว่าง่ายกว่ามาก


    ในตอนนี้ ทันจิโร่สามารถเพ่งจิต กำหนดให้ตนเองใช้เวลาในโลกคู่ขนานถึง 3 วัน แม้ว่าโลกความจริงจะผ่านไปแค่ชั่วโมงเดียวได้ เด็กชายเจ้าของเส้นผมสีแดงคิดว่า ถ้าเขาฝึกฝนตั้งสมาธิให้มากกว่านี้ ก็อาจจะสามารถย่อระยะเวลาลงมาได้อีก หากย่อลงมาได้ถึงขั้น 1 ปี ในโลกคู่ขนานแห่งนั้น ให้น้อยกว่า 1 เดือนในโลกความจริงจะดีมาก


    เนื่องจากทันจิโร่ไม่อยากให้ความคิดของตนเองสับสน เอาเรื่องราวของโลกคู่ขนานมาปะปนกับโลกแห่งความจริง ดังนั้นเขาจึงตั้งใจจะจัดการเรื่องราวในโลกคู่ขนานแห่งนั้นให้เรียบร้อย ก่อนที่ตัวเขาในโลกแห่งความจริงจะหายจากอาการบาดเจ็บและพร้อมที่จะทำภารกิจต่อไปได้ 


    นับจากวันที่ทันจิโร่ได้พูดคุยกับเนซึโกะ เวลาก็ล่วงเลยมาสองสัปดาห์แล้ว ร่างกายของทันจิโร่ในตอนนี้หายดีเป็นปลิดทิ้ง จนเขาสามารถกลับมาทำงานเดิมของตนเองได้ทั้งหมดแล้ว ทุกคนในบ้านดีใจมากที่ในที่สุดพี่ชายคนโตก็หายดีแล้วก็กลับมาแข็งแรงดีดังเดิม


    ทันจิโร่รู้สึกคุ้นเคยกับช่วงเวลาในตอนนี้ เพราะทุกคนมีพฤติกรรมเหมือนในความทรงจำ 1 ปีก่อนที่ทุกคนจะถูกฆ่า เช่นรู้ว่าวันนี้คุณแม่จะทำอาหารอะไร หรือพวกน้องสาวน้องชายทะเลาะเรื่องอะไร แม้ว่าเด็กชายจะจำรายละเอียดที่แน่นอนไม่ได้ แต่เพียงแค่เห็นอยู่ตรงหน้า เขาก็จำได้แล้วว่ามันเคยเกิดขึ้นมาก่อน


    ทั้งๆ ที่เป็นแบบนั้น แต่ตรงหน้าของทันจิโร่กลับมีเหตุการณ์บางอย่างเกิดขึ้น


    เหตุการณ์ที่ไม่เคยปรากฏขึ้นในอดีตที่ผ่านมาของเขา

     




    วันนั้นเป็นวันที่อากาศแจ่มใส ทันจิโร่ ทาเคโอะและชิเงรุพากันเข้าไปตัดฟืนในป่าเหมือนทุกวัน พวกเขาพกขวานกับตะกร้าไม้ไปพร้อมกับเสบียงอาหารเที่ยงด้วย ทุกอย่างเป็นกิจวัตรประจำวันปกติ น้องชายทั้งสองเดินผ่านหมู่ต้นไม้พลางพูดคุยสนทนากันซึ่งเนื้อหาที่คุยกันอยู่นั้นทำให้ทันจิโร่รู้สึกคลับคล้ายคลับคลากับเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นมาก่อน


    ...จำได้แล้วล่ะ หลังจากนี้อีกสักพัก ชิเงรุจะเผลอลื่นบนพื้นหิมะ แล้วโดนกิ่งไม้เกี่ยวเข้ากับแขนเสื้อจนเสื้อตัวโปรดเกือบขาด จึงต้องเอาเสื้อตัวนั้นไปให้เนซึโกะซ่อมแซม ทำให้ชิเงรุซึมไปเล็กน้อยที่ไม่ได้ใส่เสื้อตัวโปรด 2-3 วัน เลยสินะ


    นั่นเป็นสิ่งที่ทันจิโร่จำได้ นั่นเป็นอุบัติเหตุเล็กๆ น้อยๆ ที่ไม่ได้ทำให้ถึงกับได้รับบาดแผล เด็กชายผมแดงจึงวางใจและปล่อยให้ทุกอย่างดำเนินไปอย่างที่ควรจะเป็น


    ทว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกลับไม่ใช่เรื่องราวเดิมที่ทันจิโร่จำได้


    เพราะในตอนนี้ ตรงหน้าพวกเขามีหมีป่าท่าทางดุร้ายและหิวโหย ร่างของมันสูงใหญ่เกือบสองเมตร สายตาวาวโรจน์ของมันจับจ้องตรงมายังเด็กทั้งสามพลางขู่คำรามไปด้วย ความกลัวเข้าเกาะกุมหัวใจของทุกคนจนทำให้ร่างกายนิ่งค้างแข็งทื่อไม่อาจก้าวขาออกเคลื่อนไหวในทันทีได้


    สีหน้าของทาเคโอะและชิเงรุเต็มไปด้วยความตกตะลึงและหวาดผวา พวกเขาไม่คิดว่าจะโชคร้ายบังเอิญมาเจอกับหมีป่าที่ไม่ได้จำศีลเช่นนี้ อีกทั้งความกลัวก็ทำให้ทั้งสองก้าวขาไม่ออกอีกต่างหาก


     เป็นทันจิโร่ที่ตั้งสติได้ก่อนใคร เขาคว้าแขนของน้องชายทั้งสองคนพาทั้งคู่ออกวิ่งให้ห่างจากบริเวณนั้น พร้อมตะโกนเรียกสติเด็กอายุน้อยกว่าไปด้วย


    “วิ่ง! ทาเคโอะ ชิเงรุ! วิ่งไปซะ! เร็วเข้า!!


     ทั้งสามคนพากันวิ่งหนีอย่างเอาเป็นเอาตาย เสียงย่ำหิมะและวิ่งทะลุผ่านป่าจากทางด้านหลังบ่งบอกว่าเจ้าหมีนั่นก็วิ่งตามพวกเขามาเช่นกัน แต่ด้วยความชำนาญทางของทั้งสามคนทำให้ตอนนี้พวกเขายังทิ้งระยะห่างได้อยู่


    แปลก! แปลกมาก! ทำไมถึงมีหมีป่าออกมาล่ะ!? ก็เท่าที่ข้าจำได้น่ะมันไม่มีเรื่องแบบนี้ไม่ใช่เหรอ!?’


    ทันจิโร่ได้แต่คิดอย่างสับสน เพราะเขาจำได้ว่าช่วงเวลานี้ไม่มีหมีป่าออกอาละวาด พวกเขาแค่ใช้ชีวิตกันตามปกติ ขึ้นภูเขาตัดฟืนกันอย่างทุกวัน แต่ทำไมถึงเกิดเรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้น ...ทำไมถึงเกิดเรื่องที่คาดไม่ถึงแบบนี้ด้วย?


    โครม!


    ห้วงความคิดของทันจิโร่เป็นอันต้องหยุดลง เมื่อน้องชายคนเล็กที่วิ่งรั้งท้ายสะดุดเข้ากับรากไม้แล้วลื่นล้มบนพื้นหิมะ ทาเคโอะร้องชื่อของน้องชายออกมาด้วยความตกใจแล้ววิ่งกลับไปช่วงพยุงชิเงรุ การเคลื่อนไหวที่หยุดลงของทั้งคู่ทำให้หมีป่าที่วิ่งตามมาเข้าสู่ระยะที่สามารถจู่โจมพวกเขาได้ กรงเล็บคมกริบยกขึ้นสูงหมายจะทำร้ายเด็กทั้งสองคน


    ภาพที่ปรากฏแก่สายตาตรงหน้าทำให้ทันจิโร่เบิกตากว้าง ลมหายใจติดขัดด้วยความตกตะลึง ความรุนแรงของการโจมตีจากหมีป่าเพียงพอที่จะทำให้เด็กทั้งสองถึงแก่ความตายได้ เหมือนกับภาพที่ทันจิโร่ได้เห็นในเหตุการณ์ที่ทุกคนถูกอสูรสังหาร


    ซากศพและเลือดสีแดงฉานที่สาดกระเซ็นไปทั่วบ้าน  


    ไม่! ไม่! พวกเขาจะไม่ตาย! ข้าไม่ยอมแพ้หรอก!!’


    ทันจิโร่ดึงสติกลับมา เขารีบเคลื่อนที่เข้าไปใกล้ในระยะโจมตีของหมีป่า มือทั้งสองหยิบจับขวานข้างกาย เด็กชายใช้ร่างกายที่เล็กกว่าเข้าวงในแล้วชิงจู่โจมสัตว์ร้ายตนนั้นก่อนที่กรงเล็บจะเข้าถึงตัวน้องชาย 


    เจ้าของเส้นผมสีแดงสูดลมหายใจเข้า แล้วปรับเปลี่ยนรูปแบบการหายใจให้เหมาะสำหรับรับมือการโจมตีที่เข้ามา


    ปราณวารี กระบวนท่าที่ 1 ดาบผ่าวารี


    คมขวานตัดเข้าที่ศีรษะของหมีป่าในครั้งเดียว แม้ว่าขวานจะเล็กกว่าลำคอของสัตว์ร้ายแต่ด้วยกำลังของกล้ามเนื้อแขนที่ถูกหนุนเสริมด้วยปราณวารี ทันจิโร่จึงสามารถจัดการหมีป่าตนนั้นได้ในชั่วพริบตาโดยไม่ทำให้มันรู้สึกทรมาน


    ร่างไร้ศีรษะของหมีป่าโอนเอนแล้วล้มลงกับพื้น ส่งเสียงดังโครมใหญ่ น้องชายทั้งสองที่เผลอหลับตาปี๋เตรียมรับชะตากรรมค่อยๆ ลืมตาขึ้น เมื่อเห็นพี่ชายคนโตถือขวานเปื้อนเลือดกับร่างที่ไร้หัวของหมีป่าก็ทำให้เข้าใจได้ในทันทีว่าเกิดอะไรขึ้นแม้จะไม่รู้ว่าพี่ชายทำลงไปได้ยังไงก็ตาม


    ทันจิโร่มองดูร่างของสัตว์ป่าตนนั้นด้วยสายตาสงสาร เขาเข้าใจดีว่ามันก็อาจจะออกมาหาอาหารให้ตัวมันเองหรือลูกน้อยในครอบครัวของมัน แต่เด็กชายก็ต้องปกป้องครอบครัวเช่นกัน เขาจึงไม่มีทางเลือก


    “พี่ทันจิโร่! พี่ไม่เป็นไรนะ พี่บาดเจ็บตรงไหนมั้ย!?”


    ทาเคโอะพาชิเงรุวิ่งเข้ามาหาพี่ชาย เด็กทั้งสองมีสีหน้าแตกตื่นราวกับยังไม่หายตกใจกับเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้น ชิเงรุพึมพำขอโทษพี่ชายด้วยเสียงสั่นๆ


    “ข้าขอโทษนะพี่... ที่ข้าเผลอสะดุดล้ม... ข้าเกือบทำให้พี่ทันจิโร่กับพี่ทาเคโอะต้องมาตายด้วยกันกับข้าซะแล้ว...!


    แค่เพียงเห็นท่าทีของน้องชายทั้งสอง ทันจิโร่ก็รีบเข้าไปกอดพลางลูบศีรษะปลอบทั้งคู่ในทันที เด็กชายเจ้าของดวงตาสีแดงรู้ดีว่าพวกน้องๆ กำลังเสียขวัญและตื่นตกใจแค่ไหน มันเป็นนาทีชีวิตที่ความตายอยู่ใกล้พวกเขาแค่เพียงเอื้อมมือ


    “ไม่เป็นไรหรอก ชิเงรุ ทาเคโอะ... ไม่ต้องกลัว” ทันจิโร่ยิ้มบางๆ ให้กำลังใจน้องชาย “พวกเราปลอดภัยแล้วนะ เอาล่ะ... พวกเราไปนั่งพักที่ใต้ต้นไม้ต้นนั้นก่อนเถอะ จะได้พักหายใจกันหน่อย”


    ทันจิโร่นำทางน้องชายไปยังโคนไม้บริเวณใกล้ๆ ในระยะสายตา แต่เดินไปได้ไม่กี่ก้าวร่างของเขาก็ทรุดลงกับพื้น ต่อหน้าต่อตาของชิเงรุและทาเคโอะ  


    ร่างกายมัน...ชาไปหมด...ขยับไม่ได้...


    เด็กชายผมแดงคิด หน้าของเขาซีดเผือดและเหงื่อออกเต็มไปหมด ลมหายใจปั่นป่วน สายตาเลือนราง ในหูได้ยินเสียงอื้ออึงของบรรยากาศรอบข้างปะปนกับเสียงร้องเรียกชื่อพี่ชายของเด็กอีกสองคน ทาเคโอะและชิเงรุคงจะตกใจมากกว่าเดิมที่เห็นพี่ชายคนโตล้มลงไปในสภาพนี้


    ทันจิโร่พยายามลุกขึ้นแต่ร่างกายกลับไม่ขยับเลยสักนิด เขาอยากจะบอกพวกน้องชายว่าไม่ต้องเป็นห่วง นี่เป็นเพียงผลข้างเคียงจากการใช้ปราณในขณะที่ร่างกายไม่พร้อมเท่านั้น


    เด็กชายในชุดลายอิจิมัตสึรู้ดีว่าร่างกายของตนเองกำลังรับผลจากการใช้ปราณเหมือนคราวที่เขาฝืนเปลี่ยนกระบวนท่าของปราณวารีให้กลายเป็นปราณของท่ารำฮิโนะคามิคางุระครั้งแรกที่ภูเขานาตากุโมะ


    ปราณของท่ารำฮิโนะคามิคางุเป็นปราณที่เน้นระเบิดพลังทั่วร่างในพริบตาก่อให้เกิดการโจมตีที่รุนแรง แต่จะทำให้ร่างกายรับภาระมาก แค่ใช้ออกมาก็จะทำให้ร่างกายเหนื่อยล้าจนไม่อาจขยับได้ เขาจึงเลือกใช้ปราณวารีในการโจมตีครั้งนี้แทน


    แต่สิ่งที่ทันจิโร่ลืมไปคือ ร่างกายของเขาในตอนนี้คือร่างกายที่ไม่ได้รับการฝึกฝนใดๆ ของเด็กชายขายถ่านธรรมดาไม่ใช่ร่างกายที่ผ่านการฝึกฝนนับปีของนักล่าอสูร การที่เขาใช้ปราณในการเสริมกำลังกล้ามเนื้อแม้ว่าจะใช้เพียงปราณวารีที่เรียบง่าย ก็ทำให้กล้ามเนื้อทำงานหนักเกินไป ร่างกายที่รับภาระหนักไม่แพ้กันจึงเข้าสู่สภาวะพักเพื่อฟื้นฟูร่างกาย


    สติของทันจิโร่ค่อยๆ เลือนรางเหมือนมีเมฆหมอกมาบดบัง ในตอนนั้นเองก่อนที่ภาพตรงหน้าจะกลายเป็นสีดำสนิท ทันจิโร่นึกบางอย่างขึ้นมาได้ คำเตือนของเสาหลักแมลงที่เคยบอกเขาเอาไว้


    คำเตือนที่กล่าวถึงสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในอดีตที่ผ่านมาของทันจิโร่


    “แต่อยากจะขอเตือนเอาไว้นะคะ เมื่อเราเปลี่ยนแปลงบางสิ่งให้ต่างไปจากสิ่งที่ควรจะเกิด นั่นอาจจะส่งผลให้เกิด การเปลี่ยนแปลงที่คาดไม่ถึง ตามมาได้ค่ะ”


    “เพราะฉะนั้น ขอให้ทันจิโร่คุงมีสติและรับมือกับเหตุการณ์นั้นให้ได้นะคะ”


    = =  = = = = = = = = 100% = = = = = = == = = = = = = =

    4 / 2 / 63 (50%)

    สวัสดีค่ะ

    ตอนนี้ก็เนื้อหาเยอะอีกแล้ว 555 แถมจริงจังอีกต่างหาก ไม่มีอะไรที่ดูเป็นออลทัน ทันออลตามที่ตั้งใจไว้เลย อันที่จริงแล้วฟิคนี้ก็ไม่ได้เน้นเรี่องความรักน่ะนะ เน้นความสัมพันธ์มากกว่า... แต่ถ้าเนื้อเรื่องแต่งถึงหลายคนๆ คนในเรื่อง ตามที่วางพล็อตไว้ก็คงจะดูเข้าข่ายออลทัน ทันออล ได้บ้างล่ะนะ 555


    ขอแจ้งสักหน่อยนะคะ

    ตอนนี้เราได้เปลี่ยนคำแนะนำเรื่องที่หน้าแรกของฟิคแล้วนะคะ ใส่ตัวละครหลักๆ ของฟิคนี้ทั้งหมดแล้ว แล้วก็คำเตือนทั้งหลายด้วย ตอนแรกก็ว่าจะไม่ใส่นั่นแหละค่ะ กลัวจะสปอยเนื้อหาฟิค แต่เนื้อเรื่องบางส่วนอาจจะหนักไปและกระทบกระเทือนจิตใจคนอ่านได้ เพราะงั้นเราขอขึ้นเตือนไว้ก็แล้วกันนะคะ

     

    ปล. ไม่มีใครทักเรื่อง El Psy Congroo ที่ใส่ไปหลังทอล์กของตอนที่แล้วสักหน่อยเหรอ นึกว่าจะมีใครเอะใจแล้วทักขึ้นมาซะอีก 555 คำพูดนี้มาจากหนึ่งในอนิเมโปรดของเราเรื่อง steins; gate ค่ะ เนื้อหาบางส่วนพูดถึงมิติ เส้นโลก โลกคู่ขนาน ไทม์แมชชีน แนวไซไฟอะไรทำนองนี้ ใครดูเรื่องนี้มาก็จะเข้าใจเนื้อหาของฟิคนี้ได้ง่ายขึ้นนั่นเอง (คู่โอคารินกับคุริสุน่ารักมาก แนะนำให้ไปหาดู 555)

     

    ถ้าชอบก็ฝากคอมเม้นต์หรือกดปุ่มให้กำลังใจได้นะคะ! หรือเข้าไปคุยกันที่แฮชแท็ก #ทันจิโร่ในความฝันนิรันดร์ ก็ได้น้า

    แล้วเจอกันใหม่เมื่อชาติต้องการค่า


    = =  = = = = = = = = = = = = = = == = = = = = = =


    8 / 2 / 63 (100%)

    สวัสดีค่ะ

    ครึ่งพาร์ทแรกออกดราม่าซึ้งๆ ครึ่งพาร์ทหลังบู๊กันเลยทีเดียว 555

    ตอนแรกว่าจะจบพาร์ทนี้ช่วงขึ้นปีใหม่ แต่เนื้อหายาวเกินเลยตัดแค่นี้แล้วไปขึ้นบทใหม่ดีกว่า ตอนหน้าจะเริ่มสคิปเวลากันแล้วนะคะ แค่ 1-2 ตอนก็น่าจะถึงคืนที่มุซันมาเที่ยว(?)บ้านทันจิโร่แล้ว มาเอาใจช่วยให้ทุกคนในบ้านคามาโดะอยู่รอดปลอดภัยกันนะคะ!

     

    ปล.1 ขอขอบคุณทุกคอมเม้นต์มากเลยนะคะ ทำให้มีกำลังใจเต็มเปี่ยมเลยค่ะ (0 w 0   )_// ดีใจที่ทำให้ทุกคนรู้สึกลุ้นและตื่นเต้นไปกับฟิคเรื่องนี้ได้นะคะ   

    ปล.2 อยากให้ทุกคนลองเดาดูว่า สิ่งที่ชิโนบุพูดหมายถึงทฤษฎีอะไรคะ (คำใบ้: เป็นทฤษฎีที่ถูกพูดถึงในหนังหรือการ์ตูนแนว ไซไฟ ข้ามเวลาบ่อยๆ) ลองเดาดูเล่นๆ ก่อนที่เราจะเฉลยในอีก 1-2 ตอนข้างหน้า 555

     

    ถ้าชอบก็ฝากคอมเม้นต์หรือกดปุ่มให้กำลังใจได้นะคะ! หรือเข้าไปคุยกันที่แฮชแท็ก #ทันจิโร่ในความฝันนิรันดร์ ก็ได้น้า

    แล้วเจอกันใหม่เมื่อชาติต้องการค่า บ๊ายบาย


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×