คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : ความฝันที่ 2 : ความฝันที่อาจจะไม่ใช่แค่ความฝันธรรมดา
ความฝันที่
2
ความฝันที่อาจจะไม่ใช่แค่ความฝันธรรมดา
บ้านทรงญี่ปุ่นหลังเล็กตั้งโดดเดี่ยวอยู่กลางภูเขา
ทิวทัศน์โดยรอบถูกปกคลุมด้วยหิมะสีขาวโพลน
ภายในห้องครัวของบ้านมีกลิ่นหอมของข้าวหุงใหม่และซุปมิโสะลอยฟุ้ง สาวน้อยหน้าตาน่ารักในชุดกิโมโนลายอาสะโนะฮะและแม่ของเธอกำลังทำอาหารกันอย่างขะมักเขม้น
พวกเธอคือ
คามาโดะ เนซึโกะ ลูกสาวคนโตของบ้านคามาโดะ และ คามาโดะ คิเอะ ผู้เป็นแม่
วันนี้ลูกชายคนโตของบ้าน
‘ทันจิโร่’ ลงไปขายถ่านไม้ที่หมู่บ้าน ส่วนทาเคโอะผ่าฟืนอยู่ที่ลานด้านหลังบ้านเพื่อเตรียมไม้สำหรับเผาถ่านครั้งหน้า
ชิเงรุและฮานาโกะหลังจากช่วยจัดเก็บและพับผ้าเสร็จแล้วก็ออกไปเล่นกันที่หน้าบ้านเพื่อรอพี่ชายคนโตกลับมา
และน้องชายคนเล็ก โรคุตะก็นอนอยู่ในเปลพลางส่งเสียงอ้อแอ้ออกมาเป็นบางครั้ง
บ้านคามาโดะเป็นครอบครัวใหญ่
แต่กลับสูญเสียเสาหลักของบ้านอย่างคุณพ่อไป ทำให้แม่และพี่ชายคนโตต้องทำงานหนักมากขึ้นเพื่อเลี้ยงดูครอบครัว
เนซึโกะเข้าใจดีว่าทั้งแม่และทันจิโร่ต้องเสียสละเพื่อทุกคนในบ้านอยู่เสมอ
เธอจึงอยากช่วยทั้งสองคนให้มากที่สุด เนซึโกะจึงพยายามช่วยทำงานบ้านทุกอย่าง รวมทั้งการซ่อมแซมเสื้อผ้าและสิ่งของในบ้านเพื่อประหยัดค่าใช้จ่ายให้มากที่สุด
เสียงพูดคุยด้วยน้ำเสียงร่าเริงดังมาจากหน้าประตูบ้าน
เรียกให้เนซึโกะและคิเอะหันไปมองตามต้นเสียง
“ด้านนอกมีเสียงดังแบบนี้
สงสัยทันจิโร่คงกลับมาแล้วสินะ” ผู้เป็นแม่เอ่ยขึ้น ก่อนจะกล่าวกับเด็กหญิงข้างกาย
“เนซึโกะ ช่วยไปตามทาเคโอะที่หลังบ้านให้แม่หน่อย ทุกคนคงจะหิวแย่แล้วล่ะ”
“ได้ค่ะ”
เนซึโกะตอบด้วยรอยยิ้ม “ข้าจะไปเรียกทุกคนมาเตรียมทานอาหารด้วยเลยนะคะ
วันนี้มีของโปรดของพวกน้องๆ ด้วย คงจะดีใจมากแน่เลย”
มื้อเย็นวันนี้เป็นการทานอาหารที่ออกจะวุ่นวายเล็กน้อยเนื่องจากการแย่งกับข้าวที่ชอบของพวกน้องๆ
ถึงจะมีเสียงเอะอะบ้างแต่ก็เป็นบรรยากาศที่แสนอบอุ่นเหมือนในทุกๆ วัน
แต่ในวันนี้มีบางอย่างที่ผิดปกติไป
เนซึโกะมองไปยังพี่ชายคนโต
แม้ว่าทันจิโร่ยังคงพูดคุยกับคนในบ้านแบบปกติ แต่ดูเหมือนกำลังเขากำลังครุ่นคิดอะไรอยู่ตลอดเวลา
อีกทั้งมีสีหน้าเคร่งเครียดเป็นบางครั้ง
‘ดูเหมือนพี่จะมีเรื่องกังวลใจอยู่รึเปล่านะ?’
เด็กหญิงในชุดลายอาสะโนะฮะคิด
ปกติแล้วในบ้านคามาโดะ
คนที่รับรู้ความรู้สึกของคนอื่นได้ดีที่สุดจะเป็นทันจิโร่ เขามีความสามารถพิเศษในการรับรู้กลิ่นที่ยอดเยี่ยม
รับรู้กลิ่นของสิ่งรอบตัวได้ในระยะหลายสิบเมตร รวมไปถึงกลิ่นของอารมณ์มนุษย์ด้วย
ถึงเนซึโกะจะไม่สามารถทำแบบนั้นได้
แต่เธอก็รู้สึกได้ว่าตอนนี้พี่ชายกำลังกังวลใจอยู่
‘เอาไว้หลังทานมื้อเย็นแล้วค่อยเข้าไปคุยกับพี่ดีกว่า...’
เนซึโกะคิดพลางทานอาหารต่อ
แต่ทานไปได้ไม่นานนัก ทันจิโร่ก็รวบตะเกียบวางไว้แล้วกล่าวขอคุณสำหรับอาหาร
จากนั้นเขาก็เอ่ยขึ้น
“...ข้าเพิ่งนึกได้ว่าลืมของเอาไว้ที่ระหว่างทางกลับบ้าน
ข้าขอกลับไปเอานะครับ”
ทุกคนที่คุยเอะอะกันอยู่พากันเงียบไปครู่หนึ่ง
ก่อนที่คิเอะจะพยักหน้ารับ
“เข้าใจแล้ว
รีบกลับบ้านนะลูก”
ทันจิโร่เดินเข้าไปในครัวเพื่อขอเอาตะกร้าไม้สานไปด้วย
ทำให้คิดได้ว่าสิ่งของที่ลืมไว้คงมีขนาดใหญ่หรือไม่ก็มีจำนวนมาก
ระหว่างนั้นทุกคนในครอบครัวก็หันมาสบตากันเองชั่วขณะ
เนื่องจากตอนที่พูดบอกเมื่อครู่ พี่ชายคนโตของบ้านนั้นพูดพลางกัดฟันแน่น
เบะปากแถมตาเหลือกมองฟ้า เป็นใบหน้าที่ดูยังไงก็แปลกประหลาดสุดๆ
‘พี่เขาโกหก...’
เนซึโกะรู้ได้ในทันที
เพราะทันจิโร่เป็นคนที่โกหกไม่เก่ง เวลาจะพูดโกหกทีไรก็มักจะทำสีหน้าแปลกๆ ดูมีพิรุธอยู่เสมอ
หลังจากเด็กชายในชุดคลุมลายอิจิมัตสึเดินออกจากบ้านไปพร้อมกับตะกร้าไม้สานใบนั้น เนซึโกะจึงรวบตะเกียบแล้วกล่าวบอกกับทุกคน
“ข้าจะตามพี่ทันจิโร่ไปนะคะ
รู้สึกกังวลใจนิดหน่อยน่ะค่ะ”
พวกน้องๆ
มองหน้ากันเองด้วยสีหน้างุนงง พวกเขาคงรู้ว่าพี่ทันจิโร่ทำหน้าแปลกๆ
แต่ไม่มีใครติดใจสงสัยอะไรยกเว้นเนซึโกะ คิเอะเงียบไปชั่วครู่
เธอเองก็เริ่มรู้สึกสังหรณ์ใจขึ้นมาบ้างแล้ว
“เนซึโกะ
ระวังตัวด้วยนะ”
“ค่ะ”
สาวน้อยรับคำ
เธอเดินออกจากบ้านไปพลางมองหาพี่ชายไปด้วย
น่าแปลกที่เนซึโกะก็แทบจะเดินตามออกมาในทันทีที่พี่ชายออกไป
แต่เธอกลับเห็นแค่แผ่นหลังของทันจิโร่จากระยะไกลๆ เท่านั้น
‘พี่...!? ทำไมถึงต้องรีบวิ่งแบบนั้นกัน! นั่นมันทางเข้าไปในป่านะ!’
เธอคิดอย่างหวั่นวิตกแล้วรีบวิ่งตามไป
ด้วยช่วงขาที่สั้นกว่าและกำลังกายที่น้อยกว่าเด็กผู้ชาย ทำให้เธอวิ่งไม่ทัน
พี่ชายของเธอหายไปจากลานสายตาซะแล้ว แต่เนซึโกะก็ไม่ยอมแพ้ เธอวิ่งไปตามทางเรื่อยๆ
จนในที่สุดก็พบเข้าจนได้
ทันจิโร่กำลังนั่งคุกเข่ากลางพื้นหิมะ
โดยมีแสงอาทิตย์ยามพลบค่ำทอดอยู่เบื้องหลัง
‘เจอพี่แล้ว!’
เนซึโกะคิดด้วยความดีใจ
แต่เธอกลับต้องเบิกตากว้างด้วยความตกใจเมื่อเห็นพี่ชายหยิบมีดทำครัวออกมาจากตะกร้าไม้สานแล้วออกแรงกดมีดลงกับลำคอของตน
เพียงพริบตาเดียวร่างนั้นก็ล้มลงไปบนพื้นในทันที
“พี่คะ!?”
เด็กหญิงในชุดกิโมโนลายอาสะโนะฮะกรีดร้อง
เธอมองเห็นว่าทันจิโร่ยังพอขยับตัวได้แม้มันจะอ่อนแรงเต็มที
แต่นั่นเป็นการจับมืดยกขึ้นสูงเพื่อแทงซ้ำลงบนลำคออีกครั้ง เนซึโกะจึงรีบวิ่งเข้าไปแล้วออกแรงหยุดข้อมือของพี่ชายไว้ก่อนที่คมมีดจะถึงลำคอ
แม้จะหยุดมีดไว้ได้
แต่บาดแผลเดิมก็มีเลือดไหลออกมาทุกขณะ จนย้อมพื้นหิมะรอบกายให้เป็นสีแดงฉาน
“พี่คะ! ทำใจดีๆ ไว้นะ! พี่ทันจิโร่!...ตอบข้าสิ! ไม่เอานะ...ขอร้องล่ะ!
พี่อย่าตายนะ!”
เนซึโกะร้องตะโกนด้วยความกระวนกระวาย
รู้สึกขอบตาร้อนผ่าว เด็กหญิงร้องไห้ในขณะที่ฉีกชายผ้ากิโมโนบางส่วนเพื่อช่วยห้ามเลือดให้ทันจิโร่
ระหว่างนั้นความคิดของเธอก็ฟุ้งซ่านเต็มไปด้วยความสับสน
‘ทำไมล่ะ…? ทำไมพี่ถึงทำแบบนี้...’
เธอไม่เคยรู้มาก่อน
พี่ชายไม่เคยแสดงท่าทีกังวลหรือวิตกอะไรมาก่อนเลย ทำไมถึงฆ่าตัวตายล่ะ พี่ชายที่อ่อนโยนและใจดีที่สุดคนนั้น
‘ขอโทษนะ… ข้าไม่เคยรู้มาก่อนว่าพี่ต้องเก็บความกังวลใจอะไรเอาไว้
พี่ชายต้องทำงานหนัก ต้องอดทนและเสียสละอะไรหลายๆ อย่างเสมอมา... ขอโทษที่ข้าไม่เคยรู้ตัวมาก่อน’
หยาดน้ำตาหยดแล้วหยดเล่าร่วงหล่นจากใบหน้า
มือที่กำลังพันผ้าห้ามเลือดสั่นระริก
เนซึโกะกลัวว่าจะต้องสูญเสียพี่ชายไปทั้งแบบนี้ ในขณะที่ความเศร้าเสียใจและสิ้นหวังเข้าเกาะกุมหัวใจของเด็กหญิงเธอกลับรู้สึกได้ถึงฝ่ามืออบอุ่นที่กำลังลูบศีรษะของเธออย่างแผ่วเบา
ใบหน้าของทันจิโร่ระบายรอยยิ้มบางเบา
เขาพยายามพูดบางอย่างออกมา แม้จะมีเพียงเสียงหอบหายใจที่หลุดพ้นริมฝีปากออกไป
แต่เนซึโกะรู้สึกได้ว่าพี่ชายกำลังปลอบประโลมเธออยู่
แม้จะมีลมหายใจจะรวยรินแต่พี่ทันจิโร่ก็ยังคงเป็นห่วงเธอ...พี่ทันจิโร่ยังคงอ่อนโยนและใจดีอยู่เสมอ
ทันใดนั้นแววตาของเนซึโกะก็เปล่งประกายความมุ่งมั่น
ฝ่ามือทั้งสองกำหมัดแน่น
‘ไม่...ข้าไม่ยอมแพ้หรอก...’
สาวน้อยในชุดกิโมโนลายอาสะโนะฮะตัดสินใจแบกร่างของพี่ชายขึ้นบนหลัง
แล้วออกเดินทางกลับไปที่บ้าน
แม้เธอจะไม่สามารถรีบวิ่งเต็มฝีเท้าอย่างที่ใจต้องการเพราะน้ำหนักของพี่ชายมากเกินกว่าที่เด็กหญิงตัวเล็กๆ
จะแบกวิ่งไปไหว
และนั่นยังทำให้การเดินทางยังเต็มไปด้วยความทุลักทุเลเกือบจะหกล้มหลายต่อหลายครั้ง
แต่เธอก็มุ่งตรงไปอย่างแน่วแน่
‘ให้ข้าได้ขอบคุณ...ให้ข้าได้ตอบแทนพี่...
อย่าให้พี่ต้องหายไปทั้งแบบนี้...!’
เนซึโกะเร่งรีบพาพี่ชายกลับบ้านให้เร็วที่สุดเท่าที่เธอจะทำได้
แม้ว่ามันจะต้องใช้เวลานานเท่าไหร่ก็ตาม
ในที่สุดเธอก็เดินผ่านป่าและพื้นหิมะกลับมาถึงบ้านจนได้ เด็กหญิงเลื่อนบานประตูบ้านออกพลางตะโกนออกมาสุดเสียง
“แม่คะ! ช่วยรักษาพี่ทันจิโร่ให้ที
พี่เขาได้รับบาดเจ็บ!”
เสียงของเนซึโกะทำให้ทุกคนในบ้านรีบเข้ามาหา
ทันทีที่เห็นร่างชุ่มเลือดของพี่ชายคนโต
น้องเล็กอย่างชิเงรุและฮานาโกะถึงกับร้องไห้ออกมา ทาเคโอะเองก็สะอื้นแต่พยายามอดกลั้นน้ำตาเอาไว้
ความวุ่นวายตรงหน้าทำให้คิเอะผู้เป็นแม่รีบเข้ามาควบคุมสถานการณ์ในทันที
“ทุกคนหลีกทางหน่อย! เนซึโกะ พาทันจิโร่ไปที่ห้องแม่แล้วอยู่ช่วยแม่รักษาทันจิโร่
ส่วนทาเคโอะไปดูแลน้องๆ อย่าให้วุ่นวาย อยู่ในห้องของพวกลูกอย่างสงบ
แม่ต้องใช้สมาธิ”
คิเอะพูดด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด
ซึ่งเนซึโกะและทาเคโอะก็ปฏิบัติตามในทันที
เพราะครอบครัวคามาโดะเป็นครอบครัวที่อาศัยอยู่บนภูเขาแค่เพียงครอบครัวเดียว
หากมีใครเจ็บป่วยแล้วต้องพาไปหาหมอในหมู่บ้าน จะทำได้ล่าช้าเนื่องจากระยะทางที่ห่างไกลอาจรักษาได้ไม่ทันท่วงที
คิเอะ ผู้เป็นแม่จึงได้ร่ำเรียนวิชาแพทย์มาจากหมอในบ้านเกิดก่อนจะย้ายมาอาศัยอยู่ที่นี่
ทำให้เธอสามารถรักษาอาการเจ็บป่วยที่ไม่ร้ายแรงนักได้
“พี่เป็นยังไงบ้างคะแม่ ลมหายใจแผ่วลงทุกที”
หลังจากนำร่างของทันจิโร่เข้ามาในห้อง
คิเอะก็ตรวจร่างกายลูกชาย โดยเฉพาะบริเวณแผลที่ลำคอ เนซึโกะมองการทำงานของแม่พลางถามด้วยท่าทีกังวลใจ
“โชคดีที่แผลไม่ลึกมาก
ไม่โดนเส้นเลือดใหญ่...” คิเอะเอ่ยด้วยความสงบนิ่งแม้ว่าในใจจะรู้สึกกังวลไม่แพ้กัน
“แต่ก็ยังวางใจไม่ได้ เลือดออกเยอะมากแบบนี้ยังไม่พ้นขีดอันตราย
เนซึโกะช่วยไปหยิบกล่องยาบนชั้นด้านในแม่ให้ที แล้วเตรียมน้ำร้อนสำหรับต้มทำความสะอาดอุปกรณ์ให้แม่ด้วย”
“ค่ะ!”
คืนนั้นบ้านคามาโดะมีแสงไฟสว่างตลอดทั้งคืน
บ่งบอกถึงความทุ่มเทในการช่วยชีวิตพี่ชายคนโตของบ้าน การเย็บปิดแผลเป็นไปได้ด้วยดี
ไม่มีอาการติดเชื้ออื่นๆ แทรกซ้อน แต่ทันจิโร่กลับยังไม่ตื่นขึ้นมาแม้ว่าวันเวลาจะผ่านไปเกือบ
7
วันแล้ว สมาชิกในบ้านต่างภาวนาให้เขาลืมตาตื่นขึ้นมาให้เร็วที่สุด
เมื่อลืมตาขึ้นมา
สิ่งที่อยู่เบื้องหน้าคือเพดานไม้เก่าๆ ที่คุ้นเคย เด็กชายเจ้าของเรือนผมสีแดงกวาดสายตามองไปรอบห้องก็พบกับเครื่องใช้ในบ้านที่จัดเรียงอยู่ในตำแหน่งเดิม
ทันจิโร่จำได้ในทันทีว่านี่คือบ้านที่เขาอาศัยอยู่กับครอบครัวมานับสิบปี อาการเจ็บปวดบริเวณลำคอทำให้เขายกมือขึ้นสัมผัสเบาๆ
ก่อนจะพบว่ารอบคอของตนเองมีผ้าพันแผลพันไว้
‘ข้าฝันอีกแล้ว...แถมยังกลับมาที่เดิมได้จริงๆ ด้วย... แถมยังแผลที่ลำคอนี่...
แสดงว่าที่คุณชิโนบุพูดมีความเป็นไปได้สูงเลยสินะ’
ภาพที่เห็นตรงหน้าทำให้ทันจิโร่นึกไปถึงคำพูดของเสาหลักแมลงที่เธอได้กล่าวขึ้นมาเมื่อครั้งที่ทันจิโร่ยังคง
‘ตื่น’
อยู่
“...ทันจิโร่คุงช่วยเล่าเกี่ยวกับความฝันนั่นให้ฉันฟังทีได้มั้ยคะ? บางที...ฉันคิดว่านั่นอาจจะไม่ใช่ความฝันธรรมดาก็ได้ค่ะ”
ได้ยินดังนั้นประกอบกับสีหน้านิ่งอึ้งเมื่อสักครู่ของชิโนบุทำให้ทันจิโร่เล่าความฝันของตนเองออกมา
ทั้งบรรยากาศที่คุ้นเคยของครอบครัว ความสมจริง
การกระทำทุกอย่างรวมไปถึงกลิ่นอายอสูรที่พบในความฝันนั้นด้วย
“หมายความว่ายังไงเหรอครับ?
ที่ว่าไม่ใช่แค่ความฝันธรรมดา...?”
หลังจากเล่าเรื่องทั้งหมดจบ
ทันจิโร่จึงถามขึ้นด้วยความสงสัย ชิโนบุทำท่าทางจะกล่าวอะไรบางอย่างออกมาก่อนที่เธอจะเงียบไปเหมือนกำลังครุ่นคิด
ครู่เดียวเด็กสาวในชุดฮาโอริลายผีเสื้อก็เอ่ยขึ้นพร้อมรอยยิ้มบาง
“...อืม
ฉันไม่อยากจะรีบด่วนตัดสินใจเท่าไหร่ เพราะเรื่องนี้ค่อนข้างสำคัญมากนะคะ มันอาจจะเป็นแค่ความฝันธรรมดาหรืออาจจะไม่ใช่แค่นั้นก็ได้ค่ะ”
ชิโนบุจับคางพลางใช้ความคิดอยู่ครู่หนึ่ง
เธอก็เอ่ยขึ้น “เอาอย่างนี้นะคะ ขอฉันพิสูจน์สิ่งที่ฉันคิดหน่อยค่ะ ...หากทันจิโร่คุงนอนหลับแล้วฝันอีกครั้งล่ะก็
ช่วยหาคำตอบต่อไปนี้ให้ฉันหน่อยนะคะ”
เสาหลักแมลงชูนิ้วขึ้นมาหนึ่งนิ้ว
“ข้อแรก
ฉันอยากให้ทันจิโร่คุงสังเกตว่ามันเป็นเรื่องราวที่ต่อเนื่องหรือเกี่ยวข้องกับความฝันเดิมหรือไม่ค่ะ”
เด็กสาวชูนิ้วที่สองและสามเพิ่มมา “ข้อที่สองคือช่วงเวลา ข้อสุดท้ายคือสถานที่
ขอแบบที่แน่นอนเลยนะคะ ว่าในความฝันนั้นเป็นสถานที่ไหนและเมื่อไหร่
ฉันขอคำตอบแค่เพียงสามข้อเท่านั้นค่ะ”
“แค่นั้นเองเหรอครับ?”
“ใช่ค่ะ
แค่นั้นก็เพียงพอที่จะคาดการณ์สิ่งที่เกิดขึ้นได้แล้ว”
‘สิ่งที่เกิดขึ้นคืออะไรกันนะ...? ไม่ใช่แค่ความฝันธรรมดา...
แล้วมันคืออะไรกันล่ะ?’
ทันจิโร่ได้เพียงแต่ครุ่นคิด
เพราะชิโนบุไม่ยอมบอกคำตอบจนกว่าเขาจะนอนหลับแล้วฝันเรื่องเดิมพร้อมทั้งหาคำตอบทั้งสามมาให้เธอได้เท่านั้น
จากการที่ตื่นขึ้นมาในสภาพที่ได้รับการรักษาพยาบาลแล้วบนฟูกในบ้านหลังเดิมที่คุ้นเคย
อีกทั้งแผลบริเวณลำคอตำแหน่งเดียวกันกับที่เขาปาดคอของตัวเองไปเมื่อฝันครั้งก่อนทำให้ยืนยันคำตอบของเสาหลักแมลงได้บางส่วนแล้วว่า
นี่เป็นฝันคราวนี้ต่อเนื่องจากครั้งก่อนและสถานที่นี้คือบ้านเดิมของครอบครัวคามาโดะ
ปัญหาต่อไปคือ
ช่วงเวลา
หากคิดตามในหลักความจริง
การที่ทุกคนในครอบครัวยังมีชีวิตอยู่ยกเว้นคุณพ่อ หมายความว่าช่วงเวลานี้อยู่ในช่วงเวลาหลังจากที่คุณพ่อเสียชีวิตจนถึงก่อนที่จะถึงคืนนั้น...คืนที่ทุกคนถูกสังหาร
แต่ก็ยังสรุปไม่ได้
ในเมื่อเหตุการณ์ในความฝันที่สร้างโดยอสูรข้างแรมที่หนึ่ง
เป็นเหตุการณ์ที่ผ่านพ้นค่ำคืนนั้นไปแล้วและทุกคนยังมีชีวิตอยู่ดีโดยที่ไม่ได้พบเจออสูร
ทันจิโร่ไม่อยากรีบด่วนสรุปจนกว่าจะแน่ใจในคำตอบ
ในขณะที่คิดวนไปมาอยู่นั้น
เสียงเลื่อนบานประตูก็เรียกความสนใจของทันจิโร่ น้องชายคนรองของบ้านคามาโดะ ‘ทาเคโอะ’ ก้าวเข้ามาในห้องพร้อมกับสำรับอาหารในมือ
ทันทีที่เห็นพี่ชายตื่นขึ้นมาแล้วทาเคโอะถึงกับหลั่งน้ำตาแล้วร้องตะโกนด้วยความดีใจ
“พี่ทันจิโร่! พี่ฟื้นแล้ว!” ทาเคโอะหันไปตะโกนนอกห้อง “ทุกคนนนน! พี่ทันจิโร่ฟื้นแล้ววววว!!”
เสียงเอะอะตึงตังเหมือนคนกำลังรีบวิ่งสุดชีวิตดังออกมาจากนอกห้อง
ครู่เดียวก็มีคนวิ่งมาถึง ร่างเล็กของฮานาโกะและชิเงรุพุ่งเข้ามากอดทันจิโร่ก่อนใคร
“ฮืออออ! ในที่สุดพี่ทันจิโร่ก็ตื่นแล้ว”
“พวกข้าเป็นห่วงมากๆ
นึกว่าพี่จะไม่ตื่นซะแล้ว”
แรงปะทะของเด็กทั้งสองทำเอาทันจิโร่ที่เพิ่งฟื้นขึ้นมาถึงกับเซไปเล็กน้อย
พี่ชายคนโตโอบกอดน้องๆ พลางลูบศีรษะปลอบประโลมโดยไม่ลืมที่จะกวักมือเรียกน้องชายคนรองจอมวางมาดให้เข้ามากอดด้วย
“อา...
ทุกคน พี่ไม่เป็นอะไรแล้วล่ะ ขอโทษที่ทำให้เป็นห่วงนะ”
หลังจากพี่น้องคามาโดะกอดกันกลมอยู่พักใหญ่
ทันจิโร่ก็คลายอ้อมกอดแล้วถามหาถึงคนอื่นๆ ในบ้าน ก็ได้คำตอบว่าคุณแม่และเนซึโกะออกไปเก็บของป่า
ส่วนน้องคนสุดท้องเพิ่งนอนหลับไป ทาเคโอะพูดขึ้นเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ในคืนที่พี่ชายคนโตได้รับบาดเจ็บ
“พี่เนซึโกะบอกว่าคืนนั้น...
ระหว่างที่พี่กลับไปเอาของที่ลืมไว้พี่ก็ถูกหมีป่าที่ไม่ได้จำศีลทำร้ายเอา ถ้าโดนเข้าจังๆ
พี่อาจตายไปแล้วก็ได้... ดีแล้วล่ะที่พี่รอดมาได้...”
ถ้อยคำที่ได้ยินทำเอาทันจิโร่ถึงกับเบิกตากว้างด้วยความตกใจ
“...หมีป่า!?”
ความคิดของทันจิโร่ประมวลผลเร็วจี๋
‘เอ๊ะ...!? ไม่ใช่มีดทำครัวแต่เป็นหมีป่างั้นเหรอ!?
หมายความว่าข้าฝันเป็นเรื่องราวใหม่ที่ไม่ใช่เรื่องราวที่ต่อเนื่องกับครั้งก่อน...
งั้นที่คุณชิโนบุบอกก็ไม่ใช่น่ะสิ...!?’
ระหว่างที่ความคิดกำลังฟุ้งซ่านอยู่นั้น
ก็มีเสียงหวานเอ่ยขัดขึ้นมาซะก่อน
“เอาล่ะๆ
ทุกคนออกไปได้แล้ว ถ้ายังรบกวนพี่ทันจิโร่อยู่แบบนี้พี่เขาก็ไม่ได้พักผ่อนน่ะสิ”
“พี่เนซึโกะ! ยินดีต้อนรับกลับครับ!” ชิเงรุทักทายเสียงใส
“กลับมาแล้วจ้ะ”
ลูกสาวคนโตของบ้านยิ้มรับ “แม่เขากำลังเตรียมอาหารอยู่ในครัวน่ะ วันนี้มีหน่ออ่อนต้นทาระด้วย
แม่เลยอยากให้ทุกคนเข้าไปช่วยหน่อย จะเตรียมของโปรดให้พี่ทันจิโร่ ฉลองที่พี่เขาฟื้นไงล่ะ”
ได้ยินดังนั้นทาเคโอะ
ชิเงรุและฮานาโกะจึงเอ่ยขอตัวไปช่วยแม่ในครัว ทำให้ในห้องตอนนี้เหลือเพียงแค่ทันจิโร่กับเนซึโกะ
ลูกสาวคนโตของบ้านเดินเข้ามาแล้วนั่งลงบริเวณใกล้ฟูกของพี่ชาย ด้วยความที่อยากให้แน่ใจว่าตกลงแล้ว
‘ความฝัน’ ครั้งนี้ต่อเนื่องจากคราวก่อนหรือไม่ ทันจิโร่จึงได้เอ่ยถามน้องสาวขึ้น
“...เนซึโกะ
...หมีป่าที่ว่า...”
ไม่ต้องให้รอนาน
สาวน้อยในชุดกิโมโนลายอาสะโนะฮะก็พูดตอบความจริงออกมา
“ไม่มีหรอกค่ะ
หมีป่านั่นน่ะ...” เธอระบายยิ้มฝืดเฝื่อน “แต่จะให้บอกทุกคนว่าข้าเห็นพี่ใช้มีดฆ่าตัวตายต่อหน้าต่อตาก็ไม่ได้ใช่มั้ยล่ะคะ
อย่างน้อย...ก็จนกว่าข้าจะยืนยันได้ว่า พี่ต้องการฆ่าตัวตายจริงๆ”
เนซึโกะอยากจะเชื่อว่าพี่ชายของเธอไม่ได้ต้องการฆ่าตัวตายจริงๆ
อยากจะเชื่อว่ามันต้องมีเรื่องราวอะไรมากกว่านั้น ทว่าสิ่งที่เห็นต่อหน้าต่อตาในตอนนั้น
ทั้งคมมีดที่เปื้อนเลือดสีแดงฉานในมือของทันจิโร่ กลับเข้ามาคัดค้านความคิดนั้นอยู่เสมอ
เธอจึงเฝ้ารอที่จะได้ฟังความจริงนั้นจากพี่ชาย
กลิ่นอารมณ์ของเนซึโกะที่ทันจิโร่รับรู้ได้บ่งบอกถึงความสับสน
กังวลใจ เคร่งเครียด ...และเชื่อมั่นในอะไรบางอย่าง เมื่อรับรู้ได้เช่นนั้นทันจิโร่จึงตัดสินใจเอ่ยขึ้นอย่างแผ่วเบา
“...นี่
เนซึโกะ ถ้าพี่บอกว่าพี่ไม่ได้ตั้งใจจะตายจริงๆ เนซึโกะจะเชื่อพี่รึเปล่า...?”
แค่เพียงคำพูดนั้นก็ทำให้เนซึโกะยิ้มออกมาอย่างโล่งใจได้
อย่างน้อยพี่ชายของเธอก็ไม่ได้ต้องการตายจากไปทั้งแบบนี้แน่ๆ
“เชื่อค่ะ”
เธอตอบด้วยความจริงใจ “พี่ทันจิโร่เป็นคนใจดีและอ่อนโยนที่สุดที่ข้าเคยเจอ
พี่มีแต่ความจริงใจ ตรงไปตรงมาอยู่เสมอ เพราะงั้น...ไม่ว่าพี่จะพูดอะไรข้าก็จะเชื่อค่ะ
ฉะนั้นได้โปรดเล่าให้ข้าฟังเถอะค่ะ
ว่าทำไมพี่ต้องทำแบบนี้ด้วย”
“....ขอบคุณนะที่เชื่อใจพี่”
น้ำเสียงจริงใจและกลิ่นของความเชื่อมั่นจากน้องสาว ทำให้ทันจิโร่ระบายยิ้มบางๆ ด้วยความดีใจ
แม้จะเป็นในความฝัน เนซึโกะก็ยังเป็นเนซึโกะคนเดิมที่เขารู้จัก เขาจึงอยากจะเล่าถึงสาเหตุที่ตนทำแบบนั้นลงไปให้เธอรู้เช่นกัน
แต่ว่าในตอนนี้น่ะ...เขาไม่สามารถเล่าอะไรออกไปได้ทั้งนั้น
จนกว่าจะได้คำตอบจากเสาหลักแมลงว่าเขากำลังพบเจออะไรอยู่กันแน่
“แต่เนซึโกะช่วยรอพี่หน่อยได้รึเปล่า...?” ทันจิโร่เอ่ยด้วยรอยยิ้มเศร้าๆ
“มันยังไม่ถึงเวลาที่ควร... จนกว่าพี่จะแน่ใจจริงๆ ว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวพี่กันแน่
เมื่อถึงตอนนั้น... พี่สัญญา... พี่จะบอกเธอทั้งหมดเลย”
คำกล่าวนั้นทำให้เนซึโกะนิ่งเงียบไป
รอยยิ้มของพี่แฝงความรู้สึกซับซ้อนหลายอย่าง
เธอจึงไม่อยากจะรบเร้าพี่ชายไปมากกว่านี้ เด็กหญิงจึงยิ้มรับคำ “ได้ค่ะ ข้าจะรอพี่นะคะ”
หลังจากพูดคุยกันเรียบร้อยแล้ว
เนซึโกะจึงคิดว่าตนควรจะให้พี่ชายได้พักผ่อนได้แล้ว เธอจึงเอ่ยบอกพี่ชายแล้วขอตัวออกไปช่วยเตรียมอาหารบ้าง
ยังไม่ทันที่จะได้ก้าวออกจากห้องก็มีเสียงของทันจิโร่ดังขึ้นจากด้านหลัง
“ขอโทษนะ
เนซึโกะ พี่ขอถามอะไรแปลกๆ หน่อยได้มั้ย?” เสียงของเด็กชายฟังดูตะกุกตะกักมากกว่าทุกที
“เอ่อ...ตอนนี้เธออายุเท่าไหร่แล้ว?”
“คะ...?”
เนซึโกะถึงกับผงะไปชั่วขณะ ทำไมทันจิโร่ถึงถามอายุเธอด้วย มันเป็นเรื่องปกติที่รู้กันอยู่แล้วนี่นา
แม้จะรู้สึกแปลกๆ ปนงงๆ ไปบ้าง เธอก็ตอบแต่โดยดี “ปีนี้...ก็อายุ 11 ปีแล้วค่ะ”
“อ่า...ขอบคุณนะ
เนซึโกะ”
“ไม่เป็นไรค่ะพี่
พักผ่อนให้เยอะๆ นะคะ ถ้าเตรียมอาหารเสร็จแล้วข้าจะเข้ามาเรียกค่ะ”
กล่าวจบเธอก็เดินออกไปจากห้อง
ทันจิโร่มองส่งน้องสาวจนเธอเลื่อนปิดบานประตู เขาจึงได้คิดวิเคราะห์หาคำตอบสุดท้ายที่ตนเพิ่งได้รับมา
...คำตอบที่เสาหลักแมลงต้องการ
‘ถ้าเนซึโกะอายุ 11 ปี แสดงว่าตอนนี้ข้าอายุ 12
ปีสินะ...’ ทันจิโร่นึกถึงเหตุการณ์สำคัญที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาใกล้เคียงกัน
ชั่วพริบตาเดียวเขาก็นึกออก ในเมื่อมันเป็นเหตุการณ์สำคัญที่แปรเปลี่ยนชีวิตของเขาไปตลอดกาล
‘หมายความว่า... ช่วงเวลาในตอนนี้คือก่อนหน้าเหตุการณ์นั้น 1 ปี ...เหตุการณ์ที่ครอบครัวของข้าถูกอสูรสังหาร
และเนซึโกะถูกทำให้กลายเป็นอสูร’
=
= = = = = = = = = = = = = = = = = = = (100%)= = = = = = = = = = = = = = = = = = =
13
/ 1 / 63 (100%)
สวัสดีค่ะ
เนื้อเรื่องฟิคตอนนี้จะดราม่าหน่อยๆ
แต่เราไม่ค่อยถนัดแต่งดราม่าเท่าไหร่อาจจะอ่านแล้วติดขัดบ้างนะคะ คงได้แต่ต้องฝึกฝนไปเรื่อยๆ
ถึงจะพัฒนาขึ้น
จริงๆ
แล้วเราชอบแต่งแนวตลกคอมเมดี้มากๆ เลยนะ แบบตบมุกโบ๊ะบ๊ะ เฮฮาอะไรแบบนี้
คงได้แต่เฝ้ารอให้เซนอิทสึออกมาถึงจะได้แต่ง (ซึ่งคงอีกสักพักเลยล่ะ 555)
อ้อ! ตอนนี้เรามีแท็คประจำฟิคแล้วนะคะ #ทันจิโร่ในความฝันนิรันดร์ เข้าไปเวิ่นเว้อกันได้น้า
ถ้าชอบก็ฝากคอมเม้นต์หรือกดปุ่มให้กำลังใจได้นะคะ!
แล้วเจอกันใหม่เมื่อชาติต้องการค่า
ความคิดเห็น