ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    บารามอส ภาคพิเศษ

    ลำดับตอนที่ #8 : โจรสลัดสาวแห่งไนล์

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 464
      0
      22 ธ.ค. 49

    ตอนที่ 2

    ในเรือโจรสลัดที่ปกติอยู่กันเป็นส่วนรวม แต่เฉพาะคนที่มีตำแหน่งสูงๆเท่านั้นที่จะมีห้องส่วนตัว แน่นอนห้องกัปตัน รองกัปตัน และนายน้อย ที่เหลือจะนอนรวมกันให้ห้องใหญ่ใต้ท้องเรือ

    ปิดเทอมปีนี้มีกฏใหม่ที่ห้ามไม่ให้ใครเข้าห้องนายน้อยโดยพลการ เพราะนายน้อยเอาเพื่อนที่เป็นหมอผีมาด้วย และเพื่อนของนายน้อยก็เลี้ยงพรายน้ำที่ดุมากเอาไว้ด้วย

    ทำให้ทุกคนได้รับคำสั่งว่าถ้าไม่อยากถูกผีหลอก จงอยู่ห่างจากห้องของนายน้อย และห้ามเข้าถ้าไม่ได้รับอนุญาต แน่นอนกฏทุกกฏต้องมีคนฝ่าฝืน ลูกเรือคนหนึ่งลืมตัวเปิดประตูเข้าไปโดยไม่ได้รับอนุญาต

    ผลก็คือเสียงร้องโหยหวนกับภาพที่ได้เห็น ผีสาวที่อยู่ในสภาพน่าสยดสยอง ขนาดที่ลูกเรือโจรสลัดที่ว่ากล้าแล้วยังต้องร้องโหยหวน วิ่งป่าแน่บ หลังจากนั้นไม่มีใครกล้าเปิดประตูห้องนายน้อยโดยเฉพาะยามวิกาล ถ้าไม่ได้รับอนุญาตอีกเลย

    ส่งผลให้สองหนุ่มร่วมป้อมหายใจได้ทั่วท้องอีกครั้ง กับมาตราการเชือดไก่ให้ลิงดู

    เอ็ดเวิร์ดนั่งอ่านหนังสือตรงมุมห้อง มองดูเพื่อนที่ค่อนข้างรักสะอาดมากกว่าเดิม เดินฮัมเพลงหลังอาบน้ำอย่างมีความสุข

    เจคจะถอดสร้อยออกก็เฉพาะเวลาอาบน้ำเท่านั้น ด้วยเหตุผลที่ว่าถ้าไม่ถอดจะรู้สึกว่าอาบน้ำได้ไม่สะอาดเท่าที่ควร

    ดังนั้นเวลาอันตรายที่คนนอกไม่ควรเห็นคงเป็นตอนอาบน้ำของเจคเท่านั้น ที่เอ็ดเวิร์ดจะกางเขตแดนภาพมายาขวางไว้ ไม่ให้ใครทะเล่อทะล่าเข้ามา ให้ความลับของพวกเขาแตกได้

    ปรายตามองเพื่อนหนุ่ม? ที่กำลังนั่งเช็ดผมที่เริ่มยาวเลยไหล่อย่างสบายอารมณ์ ร่างโปร่งบางหอมกรุ่นที่ดูยั่วอย่างประหลาด ทำให้นักบวชหนุ่มต้องท่องคาถา เพื่อนต้องไม่จีบเพื่อนไปมาอยู่หลายรอบ มาตลอดปิดเทอม

    หลังผมแห้ง ร่างโปร่งจึงหยิบสร้อยออกมาสวมเปลี่ยนร่างกลับมาเป็นเด็กหนุ่มหน้าคมตามเดิม

    "เอาเขตแดนออกได้แล้วเอ็ด" เจคหันมาบอกก่อนหยิบขวดเหล้ามาส่งให้เพื่อนสนิทอย่างอารมณ์ดี

    "แล้วช่วงนี้พวกนายมีแผนจะไปปล้นที่ไหน" เอ็ดถามต่อเพื่อชวนคุย

    "เห็นว่าจะออกทะเลแถวสกอร์ปิโอนะ" เจ็คบอกแผนของบิดา

    "งั้นพรุ่งนี้ก็น่าจะสนุกสินะ" เอ็ดพยักหน้ารับ

    วันรุ่งขึ้น ตอนดึกท้องฟ้ามีเมฆค่อนข้างมาก แต่ไม่ทำให้เรือโจรสลัดมองไม่เห็นเป้าหมาย เรือสินค้าตรงหน้า

    หลังกัปตันออกคำสั่ง พวกเข้าก็ชักเรือเข้าเทียบข้างและโจมตีอย่างรวดเร็ว เอ็ดเวิร์ดก็สนุกกับการรบเคียงข้างเพื่อนสนิท นักบวชหนุ่มร่ายคาถา ก่อนฟาดดาบใส่คู่ต่อสู้อย่างรวดเร็ว อีกด้านเจคก็สนุกกับคู่ต่อสู้ของตน

    ในไม่ช้าชัยชนะก็เป็นของโจรสลัดผู้ชำนาญการ

    กัปตันเรียกประชุมสรุปผลงานหลังออกเรือห่างจากเรือสินค้ามาได้สักพัก ในห้องประชุมกัปตันฟังการรายงาน โดยมีลูกชายยืนฟังอยู่ไม่ห่าง

    เอ็ดเวิร์ดขอตัวกลับห้องไปก่อน เพราะรู้สึกว่าตัวเองไม่เกี่ยว สู้ไปอาบน้ำและอ่านหนังสือรอดีกว่า เพราะหลังประชุมเสร็จไอ้เพื่อนตัวดีก็คงยึดครองห้องน้ำนานอีกตามเคย

    การประชุมเสร็จในเวลาอันรวดเร็ว ทุกคนแยกย้ายกันกลับไปตามห้องของแต่ละคน ท้องฟ้าที่ตั้งเค้ามาได้สักพักก็สำแดงฤทธิ์ ฝนเม็ดใหญ่ตกลงมาราวกับฟ้ารั่ว

    "บ้าจริง" เจคบ่นอย่างไม่ชอบความเปียกชื้น สิ่งแรกที่เขาคิดถึงคือการอาบน้ำ

    เด็กหนุ่มเปิดประตูเข้าห้องและร่ายคาถาล็อคอย่างรวดเร็วอย่างเป็นนิสัย แถมด้วยคาถาเก็บเสียง เพราะรู้ตัวดีว่าเวลาร้องเพลงเสียงที่ฟังดูหวานกว่าปกติ จะทำให้คนอื่นเข้าใจผิดเอาได้

    เด็กหนุ่มถอดสร้อยออก สลัดเสื้อผ้าที่เปียกออกจากตัวอย่างรวดเร็ว เดินตรงเข้าห้องน้ำมองดูอ่างอาบน้ำที่ส่งควันร้อนออกมาตาเป็นประกาย ทั้งลมเย็นและน้ำฝนทำให้ร่างบางหนาวสั่น

    ร่างบางไม่ได้คิดอะไร เพราะเอ็ดมักร่ายคาถาทำน้ำอุ่นไว้ให้เขาอยู่เสมอ เนื่องจากอีกฝ่ายจะอาบน้ำก่อนเขาเสมอ จะได้ไม่ต้องรอห้องน้ำเวลาที่เขาอาบนาน หลังส่งตัวเองลงไปในอ่างอาบน้ำ ร่างโปร่งบางก็หลับตาพริ้มอย่างมีความสุขกับน้ำอุ่น

    ดวงตาสีน้ำเงินเข้มของนักบวชแห่งกิลดิเรกเบิกตากว้าง ไม่สามารถส่งเสียงอะไรออกมาจากลำคอได้กับผู้บุกรุกที่ดูจะปล่อยตัวปล่อยใจไปกับน้ำอุ่นโดยไม่ได้สนใจอะไรกับเพื่อนร่วมอ่างที่แช่อยู่ก่อนแล้ว

    เจครับหลับพริ้มได้สักพักก่อนรู้สึกถึงความผิดปกติ อืมอ่างอาบน้ำรู้สึกว่าจะแคบกว่าปกตินะ เมื่อสมองประมวลเรื่องราวไปได้สักพัก เปลือกตาบางก็ลืมขึ้น มองฝ่าไอร้อนของน้ำไป

    ดวงตาสีฟ้าอมเขียวน้ำทะเลมองสบกับดวงตาสีน้ำเงินเข้มของคนเป็นเพื่อนที่สีหน้าแดงก่ำ ใบหน้าหวานขมวดคิ้วสักพักก่อนเริ่มเข้าใจเรื่องราวทั้งหมด แขนสองข้างยกขึ้นมากอดบังหน้าอกไว้อย่างลืมตัว

    "ฉะ ฉันขึ้นก่อนนะ" เอ็ดบอกเสียงตะกุกตะกัก "นายหันหน้าไปทางอื่นก่อนสิ" นักบวชหนุ่มบอกอย่างขัดเขิน

    "นายรีบออกไปเลย" เจคบอกสีหน้าเข้มเล็กน้อย หันหน้าไปทางที่ไม่มีร่างสูงของเพื่อนสนิท รู้สึกประหม่าอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน ขาของพวกเขาสัมผัสกันเล็กน้อยก่อนที่น้ำจะกระเพื่อนเมื่ออีกร่างลุกขึ้น

    ระดับน้ำที่ลดลงเผยให้เห็นเนินอกเนียนร่ำไร นักบวชหนุ่มเผลอมองอย่างลืมตัว ร่างบางหันมาสบตา ก่อนเบิกตากว้างกับร่างเปลือยของคนเป็นเพื่อน

    เอ็ดเวิร์ดเรียกสติกลับมาได้ รีบเอาผ้าเช็ดตัวพันกายและเดินออกไปอย่างเร็ว โดยไม่ยอมหันหลังกลับมามอง

    เจคสีหน้าแดงก่ำ หัวใจเต้นรัว นึกด่าตัวเอง "บ้า ร่างเปลือยของหมอนั่นก็ใช่ว่าไม่เคยเห็นมาก่อน อาบน้ำด้วยกันก็เคย จะมาใจเต้นแปลกๆทำไมตอนนี้นะ "

    หลังออกมาจากห้องน้ำ ร่างบางคว้าสร้อยใส่อย่างรวดเร็ว หันไปมองร่างเพื่อนสนิทที่นอนหันหลังให้อยู่ที่มุมห้อง ถอนหายใจอย่างโล่งอก เดินกลับไปที่มุมของตนและหลับสนิทไปในเวลาไม่นาน

    เสียงหายใจที่สม่ำเสมอของร่างบาง ทำให้ร่างสูงที่นอนหันหน้าเข้าหาฝาผนังมาตลอด พลิกตัวกลับมามองร่างที่หลับสนิท สายตาสับสน

    อีกสัปดาห์ต่อมาเรือโจรสลัดก็เทียบท่าที่กิลดิเรก เพื่อส่งนายน้อยและเพื่อนสนิท

    ทั้งสองเดินทางต่อไปบ้านของเอ็ดเวิร์ด

    พ่อแม่ของเอ็ดเวิร์ดต้อนรับเพื่อนของลูกเป็นอย่างดี ทั้งสองแวะไปเยี่ยมโคลว์ที่วิหารหลวง

    ท่าทีสนิทสนมของเอ็ดเวิร์ดและเจคทำให้มหาสังฆราชสงสัย หลังทั้งคู่กลับไปแล้ว จึงได้เรียกโคลว์มาซักข้อสงสัย

    "เอ่อ พวกเขามีข่าวว่าคบกันนะครับ" โคลว์บอกเรื่องที่เอ็ดเคยมาปรึกษาปัญหาหัวใจให้บิดาฟัง

    มหาสังฆราชอ้าปากค้าง เห็นท่าการให้ลูกสาวอยู่ในร่างผู้ชายที่ป้อมอัศวินจะไม่ปลอดภัยซะแล้ว และเอ็ดเวิร์ดก็น่าจะไว้ใจไม่ได้ เกิดมองลูกเขาแปลกๆขึ้นมาจะยุ่งเปล่าๆ

    หลังคิดสักพัก ก็เหลืออยู่แค่ตัวเลือกเดียว ไอ้นักบวชเก๊ลูกของคู่อริตัวดีน่าจะปลอดภัยกว่า เพราะเจ้าชายรัชทายาทคงไม่มีรสนิยมเป็นเกย์แน่นอน

    ฝากโคลว์ไว้ให้เด็กหนุ่มหน้าสวยนั่นช่วยดูคงสบายใจได้มากกว่าฝากพวกเกย์ดูลูกสาวในร่างผู้ชาย

    และอีกไม่กี่ปีให้หลังที่มหาสังฆราชรู้ตัวว่าคิดผิดที่ฝากปลาไว้กับแมวเจ้าเล่ห์ แน่นอนเมื่อถึงตอนนั้นเขาก็คัดค้านอะไรไม่ได้ ให้เมื่อลูกสาวสุดที่รักมอบหัวใจให้เจ้าชายหน้าสวยไปเรียบร้อยแล้ว

    ปิดเทอมปีห้า เอ็ดเวิร์ดยังคงมานั่งเป็นต้นห้องให้รูมเมทเช่นเดิม ทั้งเรือเริ่มรับรู้ว่านายน้อยน่าจะมีความสัมพันธ์พิเศษกับเพื่อนสนิทเสียแล้ว

    เพราะดูจากสายตาคนนอกพวกเขาค่อนข้างสนิทสนมมากกว่าเพื่อนสนิททั่วไป และเวลาแวะท่าเรือ นายน้อยดูจะไม่ชอบใจเอามากๆเวลาที่มีสาวๆมาทักเพื่อนตน ดูจะหวงออกนอกหน้าไปหน่อย

    กัปตันแจ๊คผู้พ่อมองดูความสัมพันธ์ของลูกชายและเพื่อนสนิท แต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร ถือว่าเป็นความสุขส่วนตัวของคนเป็นลูก และเจ้าหนุ่มนักบวชก็ดูจะจริงจังกับลูกเขา

    ทำให้ทั้งเรือดูจะรับรู้กันเป็นการภายในว่านักบวชจากกิลดิเรกเป็นคนพิเศษของนายน้อย แน่นอนห้ามทักออกมาตรงๆเป็นอันขาด ถ้าไม่อยากถูกนายน้อยโมโหใส่

    นกเหยี่ยวมาส่งจดหมายให้เจค

    "พบกันที่เกาะเวอร์จิเนีย" ลูคัส ซาโดเรีย แอนด์ เฟริน เดอเบอโรว์

    สองสหายร่วมป้อมมองหน้ากันอย่างสงสัยกับจดหมายสั้นๆ

    "พวกเขามีเรื่องอะไรกันนะ" เอ็ดเวิร์ดบ่น

    "บางทีพวกเขาอาจคิดยาแก้ได้แล้ว" เสียงเจคบอกอย่างตื่นเต้น เมื่อเห็นชื่อรุ่นพี่ลูคัส ในจดหมาย

    "แต่เล่นไม่บอกเวลาที่นัดให้ชัดเจน" เอ็ดเวิร์ดต่อเรื่องที่คาใจ ส่วนลึกเขาไม่อยากให้อีกฝ่ายเปลี่ยนร่างกลับเลย

    "บางทีพวกเขาน่าจะอยู่ที่เกาะกันแล้วก็ได้มั้ง" เจคสันนิษฐาน เด็กหนุ่มเดินออกจากห้องไปบอกบิดาเรื่องที่นัดเพื่อนไว้ที่เกาะส่วนตัวของเพื่อนที่บิดาเคยไป เพื่อให้บิดาช่วยไปส่งพวกเขาที่เกาะเวอร์จิเนีย

    เรือโจรสลัดเทียบท่าที่เกาะเวอร์จิเนีย ขณะที่เรือที่จอดเทียบท่าอยู่แล้ว ดูเหมือนเรือของแอเรียส ที่สำคัญดูเหมือนจะมีตราประจำราชวงศ์เสียด้วย กัปตันทั้งสองเรือต่างก็คุมเชิงดูกันทั้งสองฝ่าย

    "เรือนั่นเป็นแขกของเรา" เสียงหวานของสตรีร่างสูงโปร่ง ดวงหน้าหวานสวย ผมสีดำสนิท ยาวสลวย เดินออกมาจากในเรือ เหล่าทหารประจำเรือต่างก็ทำความเคารพร่างบางอย่างนอบน้อม

    "ท่านคงเป็นกัปตันแจ๊ค" เสียงหวานกล่างทักทาย

    "ถวายบังคมองค์ราชินีแห่งแอเรียส " กัปตันแจ๊คบอกเสียงเรียบ เขาพอจะเดาได้ไม่ยากว่าคนสำคัญบนเรือพระที่นั่งจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากลูกสะใภ้คนสวยของอดีตคิงริชาร์ด  ราชินีของคิงลอเรนซ์

    "เราเชิญบุตรของท่านมาเป็นแขกของเรา ไว้เสร็จธุระเราค่อยพาพวกเขาไปส่งที่กิลดิเรกให้เอง" สุรเสียงหวานบอก พร้อมรอยยิ้มเปี่ยมเสน่ห์

    "เป็นพระกรุณาพะยะค่ะ" กัปตันตอบ ก่อนส่งลูกชายและเพื่อนขึ้นฝั่ง

    ที่ท่าเรือร่างบางผมสีน้ำตาล ที่กัปตันจำได้ว่าเป็นหนึ่งในเพื่อนร่วมป้อมของลูกชาย ยืนโบกมือยิ้มหวานให้อย่างร่าเริง ทำให้เขาพอจะวางใจได้ว่าคงไม่มีอันตรายอะไร หลังส่งลูกเสร็จกัปตันโจรสลัดแห่งไนล์ก็ออกเรือกลับสู่ทะเลต่อ

    ร่างโปร่งบางของราชินีองค์ใหม่แห่งแอเรียส เสด็จลงจากเรือเพียงลำพัง โดยให้ทหารและองครักษ์อยู่บนเรือ

    "ไม่ต้องตามมา เราดูแลตัวเองได้" เสียงทรงอำนาจบอก เดินตรงไปหารุ่นน้องทั้งสาม

    "เข้าบ้านก่อนนะฮะรุ่นพี่" เฟรินบอกเดินนำหน้าไปอย่างไม่ให้เสียเวลา

    เจคและเอ็ดเวิร์ดเดินตามมาอย่างงงๆ ยิ่งมองเห็นมังกรดำแห่งเดมอสที่อยู่ข้างๆบ้านอีก ยิ่งทำให้เขารู้สึกประหลาดใจยิ่งขึ้น ไอ้เฟรินมันจะทำอะไรของมันนะ แถมยังพ่วงราชินีของรุ่นพี่ลอเรนซ์เข้ามาอีก

    "เอ่อ "สองหนุ่มแห่งป้อมอัศวินรู้สึกประหม่าที่จะพูดคำราชาศัพท์ ที่สำคัญต่อหน้าคนสวยด้วย  ยิ่งพูดไม่ออกเข้าไปใหญ่

    เสียงหวานหัวเราะอย่างขบขำ

    "เรียกพี่ลูคัสตามเดิมก็ได้ เจคกี้ เอ็ดดี้" เสียงหวานบอกปนหัวเราะ

    สองรุ่นน้องเบิกตากว้างหันไปมองไอ้หัวขโมยตัวดีเพื่อขอคำยืนยัน

    "รุ่นพี่เปลี่ยนเป็นผู้หญิงแล้วเข้าพิธีแต่งงานกับรุ่นพี่ลอเรนซ์ ส่งผลให้พวกรุ่นพี่เป็นคิงและควีนของแอเรียสแอนด์ทริสทอร์" เฟรินอธิบายสั้นๆ ได้ใจความ มองดูเพื่อนๆที่พึ่งรู้ความจริงอย่างสนุกกับท่าทีประหลาดใจของสองเพื่อนร่วมป้อม

    "พูดจริงนะ" สองเสียงประสานกันอย่างพร้อมเพรียง

    "เรื่องจริงสิ" เสียงหวานของราชินีคนสวยยืนยันขณะที่เหยี่ยวเวทย์บินมาเกาะไหล่

    "เอาเข้าเรื่องที่เรียกมาดีกว่า เดี๋ยวจะเสียเวลามากไปเปล่าๆ ไม่งั้นอาจต้อง รับเสด็จคิงลอเรนซ์อีก" เฟรินตัดบท เพราะไม่อยากเผชิญกับใบหน้าหงุดหงิดของหวานใจพี่ลูคัส

    "รุ่นพี่ทำยาแก้ได้แล้วเหรอฮะ" เจคถามอย่างดีใจ น้ำเสียงตื่นเต้น

    "ไม่ใช่ยาแก้โดยตรงหรอก" น้ำเสียงหวานบอก นัยน์ตาเปล่งประกายสนุกสนาน ที่ทำให้สองรุ่นน้องรู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัวเล็กน้อย คงไม่ได้เอาพวกเขามาลองยาแปลกๆอีกหรอกนะ

    "แล้วมันเป็นยาอะไรฮะ " เอ็ดเวิร์ดถามแทนอย่างสงสัย

    "พี่ก็แค่เปลี่ยนการกระตุ้นจากแสงจันทร์เป็นอย่างอื่นแทนนะ" ลูคัสเริ่มเฉลย

    เฟรินส่งยิ้มหวานก่อนเริ่มอธิบายแทนเมื่อเห็นว่าพวกเพื่อนคงไม่เข้าใจ

    "คราวก่อนเราใช้ตัวยาอาบแสงจันทร์ ทำให้แสงจันทร์เป็นตัวกระตุ้นในการเปลี่ยนร่าง แต่ถ้าเพิ่มตัวยาเข้าไปอีกนิดหน่อย เพื่อให้แสงจันทร์ไม่อาจกระตุ้นได้ นายก็จะไม่เปลี่ยนร่างเวลาถูกแสงจันทร์
    ตราบที่ไม่ได้การกระตุ้นแบบพิเศษก็จะไม่เปลี่ยนร่าง ก็ถือว่านายหายได้เหมือนกัน" เฟรินขยายความอีกเล็กน้อย

    เจคพยักหน้ารับอย่างเริ่มมีความหวัง ขณะที่เอ็ดเวิร์ดเริ่มได้กลิ่นไม่ชอบมาพากล

    "แล้วอะไรคือการกระตุ้นแบบพิเศษล่ะเฟริน รุ่นพี่ลูคัส" เอ็ดเวิร์ดถามเสียงไม่ไว้วางใจ

    "อ้อเรื่องนั่นนะ ก็ไอเท็มยอดนิยม จูบไงจ๊ะ" เสียงหวานอย่างชอบใจบอก

    "หมายความว่าถ้าผมจูบกับใครก็จะเปลี่ยนร่างเป็นผู้หญิงอย่างนั้นใช่มั้ยฮะ" เจคถามเมื่อเริ่มเก็ทไอเดียสุดพิเรนทร์ของรุ่นพี่ซาตานประจำป้อม

    "ไม่ใช่กับใครก็ได้หรอก เพราะยาตัวนี้มีสองสูตรที่ต้องกินร่วมกัน เธอจะกินสูตรหนึ่ง และอีกคนจะกินอีกสูตรหนึ่ง และคนนั้นเท่านั้นที่จะจูบแล้วทำให้เธอเปลี่ยนร่างได้ โดยมีข้อแม้ว่าคนๆนั้นจะต้องอยู่เคียงข้างเธอไปชั่วชีวิต" ลูคัสเฉลยยิ้มๆ

    "ทำไมต้องมีสองสูตรล่ะฮะ" เอ็ดเวิร์ดถามอย่างสงสัย นิ่วหน้าเล็กน้อย

    "เพราะเราจะใช้คนนั้นแทนแสงจันทร์ไงล่ะ"ลูคัสตอบเสียงเรียบ ใบหน้าดูซื่อบริสุทธิ์

    "เราเปลี่ยนการกระตุ้นจากแสงจันทร์เป็นแสงจากไข่มุกแสงจันทร์แทน และต้องเป็นเฉพาะคนด้วย มิฉะนั้นเวลานายเข้าใกล้พวกเชื้อพระวงศ์ที่ใส่ไข่มุกแสงจันทร์ก็จะเปลี่ยนร่างทั้งหมดนะสิ ถึงต้องผูกขาดไว้แค่คนๆหนึ่งเท่านั้น" เฟรินให้เหตุผล

    "หมายความว่าให้ฉันทานตัวยาเพิ่ม และให้ใครสักคนทานไข่มุกแสงจันทร์เข้าไปใช่มั้ย" เจคถามตามที่เข้าใจ

    "ใช่แล้วล่ะ นายต้องทานยาที่ผสมเลือดของคนนั้นเข้าไป ขณะที่อีกฝ่ายก็ต้องทานไข่มุกแสงจันทร์ผสมเลือดของนาย ผูกพันธะให้พวกนายมีผลต่อกัน ถึงจะควบคุมการเปลี่ยนร่างของนายได้ ว่าแต่นายมีคนรักหรือยังล่ะ ถ้าเป็นคนรักกัน ยาจะส่งผลดีที่สุด" เฟรินบอกคอนเซ็บป์ของยาแก้

    สองเพื่อนซี้มองหน้ากันไปมา

    "ผมจะทานยาอีกสูตรเอง" เอ็ดเวิร์ดบอกเสียงหนักแน่นเมื่อตัดสินใจได้

    "แต่เอ็ด " เจคเอ่ยขัดอย่างเกรงใจเพื่อนสนิทที่ต้องเสียอิสระของตัวเองมาผูกติดกับเขา

    "ฉันเต็มใจจะอยู่กับนายไปชั่วชีวิต" เอ็ดเวิร์ดบอกเสียงจริงจัง แววตาสีน้ำเงินสบดวงตาสีเขียวอมฟ้าของเพื่อนสนิทอย่างเปิดเผยความรู้สึก

    "หมายความว่าต่อไปฉันก็ไม่ต้องเปลี่ยนร่างกลางคืนแล้วใช่มั้ย" เจคหลบตาเพื่อนสนิท แกล้งแก้เขินโดยการหันไปถามเฟรินให้แน่ใจ

    "ใช่ นายจะเปลี่ยนร่างเฉพาะเวลาที่จูบกับเอ็ดเวิร์ดเท่านั้น แต่ไม่จำกัดเฉพาะเวลากลางคืน ถ้าพวกนายจูบกันกลางวันนายก็เปลี่ยนร่างได้" เฟรินอธิบาย

    "แล้วทำยังไงถึงจะเปลี่ยนกับมาร่างเดิมได้ล่ะ" เอ็ดเวิร์ดถามอย่างติดใจ กับปัญหาบางอย่าง

    "ถ้าเปลี่ยนร่างแล้วก็ต้องรอให้พระอาทิตย์ขึ้นใหม่ถึงจะเปลี่ยนร่างกลับคืนมาได้นะสิ เพราะฉะนั้นในตอนกลางคืนจะจูบกี่ครั้งก็ไม่เปลี่ยนร่างกลับมาเป็นผู้ชายได้หรอก" ลูคัสอธิบายได้ตรงกับความสงสัยของนักบวชหนุ่ม ส่งผลให้คนถามสีหน้าเข้มจัดทันที

    เจคได้ฟังคำตอบถึงกับอ้าปากค้าง เมื่อเริ่มเข้าใจว่าเพื่อนถามคำถามนั้นทำไม สีหน้าเริ่มแดงตามเพื่อนรักไปอีกคน

    สองพี่น้องปีศาจมองดูสองหนูลองยาอย่างพึงพอใจ เดินนำเข้าไปในห้องปรุงยา

    "ยื่นแขนพวกนายมาสิ" เฟรินออกคำสั่ง มือถือมีดเล่มบางกับถ้วยใส่เลือดเตรียมพร้อม

    สองคนยืนแขนให้แต่โดยดี หลังเลือดผสมกับยาแต่ละสูตรเสร็จ ลูคัสก็ยื่นถ้วยยาให้สองหนุ่ม

    ทั้งคู่รับมาดื่มอย่างไม่ค่อยแน่ใจ กลั้นใจดื่มรวดเดียวให้หมด มองหน้ากันไปมา ก็ไม่ได้รู้สึกแปลกอะไรนี่

    "พวกนายต้องรอตอนกลางคืนก่อน ถึงจะทราบว่ายาได้ผลไหม" เฟรินบอกอย่างเข้าใจความสงสัยของเพื่อน

    ทั้งสองหนูลองยาได้แต่พยักหน้าอย่างยอมรับ เอาของส่วนตัวไปเก็บที่ห้องพัก

    ตกค่ำดวงจันทร์สีเหลืองนวลปรากฏบนท้องฟ้า ร่างสองร่างเดินดูพระจันทร์อยู่ในสวน ขณะที่สองพี่น้องร่วมป้อมนั่งจิบน้ำชาแกล้มขนมอยู่ที่โต๊ะริมระเบียงมองดูผลงานอย่างสนใจ

    "เดินตากแสงจันทร์มาตั้งนานก็ไม่เปลี่ยนร่างล่ะเอ็ด" เจคบอกอย่างยินดี

    "นายถอดสร้อยของเฟรินแล้วใช่มั้ย" เอ็ดเวิร์ดถามอย่างรอบคอบ เห็นเพื่อนรักพยักหน้า เปิดเสื้อให้ดูคอว่างเปล่าเป็นการยืนยัน

    ทั้งคู่ถอนหายใจอย่างโล่งอก ตราบที่พวกเขาไม่ได้จูบกัน เจคก็ไม่ต้องเปลี่ยนร่าง

    "พวกนายไม่ลองจูบกันหน่อยรึ ฉันอยากรู้ว่ายาได้ผลดีไหมนะ" เสียงใสของเสธฯป้อมถามมาจากระเบียงชั้นสองของบ้าน

    "เฟรี่ล่ะก็ อย่าไปบังคับเพื่อนอย่างนั้นสิ เรื่องแบบนี้มันต้องมีมู้ดก่อนสิ" นัยน์ตาซาตานสาวพราวระยับ แน่นอนสิ่งที่พวกเขาไม่ได้บอกสองหนุ่มข้างล่างคือ

    ในสูตรยามันผสมยาเสน่ห์เข้าไปด้วย

    เมื่อพวกเขาจ้องหน้ากัน พวกเขาก็อดที่จะจูบกันไม่ได้หรอก ก็มันเป็นยาของซาตานแห่งทริสทอร์นี่นา

    ****************************

    กลับมารายงานตัวแล้วจ้า

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×