ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    บารามอส ภาคพิเศษ

    ลำดับตอนที่ #6 : ลายแทงสื่อรัก 3

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 364
      0
      12 ธ.ค. 49


    ตอนที่ 3

    พวกเขาออกเดินทางกันต่อในตอนเช้า ซิบิลกางแผนที่ออกมาดูกับเฟริน เพราะวันนี้ไดแอนรับอาสาขับเกวียนให้

    "หมายความว่าเราต้องไปที่หมู่บ้านฟานเทียร์กันก่อน แล้วค่อยออกเดินทางเข้าไปในหุบเขา" ซิบิลถามเจ้าของแผนที่

    เฟรินอ้าปากหาวก่อนพยักหน้ารับ สายลมบอกเขาว่ากำลังถูกจับตามอง ไม่รู้เป็นพวกไหน แต่ไม่ใช่พ่อมาดัสอย่างแน่นอน

    ทั้งสามมุ่งหน้าไปตามแผนที่อย่างไม่รีบเร่ง นอกจากแวะพักข้างทาง แวะกินของอร่อย ตกเย็นก็เข้าเขตหมู่บ้านฟานเทียร์ เป็นหมู่บ้านเล็กๆชายแดนบารามอสต่อกับคาโนวาล

    "ว้าวทิวทัศน์สวยมากเลยนะเฟริน" ไดแอนบอกอย่างประทับใจ

    "อืมเวลาพระอาทิตย์ตกมันก็ดูโรแมนติกอย่างนี้แหละ" เฟรินต่อให้

    นักบวชหนุ่มมองดูพระอาทิตย์ลับขอบเขาไป ท้องฟ้าสีส้ม ก้อนเมฆสีส้มอ่อน นกที่กำลังบินกลับรัง พวกผู้หญิงเขาชอบอะไรแบบนี้กันเหรอ

    ดวงตาสีน้ำตาลหันมาสบกับของนักบวช ส่งยิ้มหวานให้ "พระเจ้ามักประทานพรให้มนุษย์เสมอใช่มั้ยท่านนักบวช"

    "ครับ" ซิบิลรับคำพร้อมรอยยิ้มสงบสุข ซาบซึ้งให้พระเมตตาของพระผู้เป็นเจ้า ทำให้หัวขโมยตัวดีต้องหันไปแอบหัวเราะทางอื่น เพราะความซื่อที่ไม่ได้รับมุขสุดโรแมนติกของไดแอนเลย

    ทั้งหมดหาที่พักกันในหมู่บ้าน ตกดึกซิบิลรู้สึกว่ามีใครกำลังพยายามฝ่าเข้ามาในเขตแดนของเขา แต่ก็ไม่สำเร็จ ส่งผลให้เด็กหนุ่มนั่งหาวขณะเกวียนออกเดินทางยามเช้า

    "นายคงไม่ได้บ้านั่งเฝ้ายามมาทั้งคืนหรอกนะ" ไดแอนประชดถามเมื่อเห็นอีกฝ่ายหาวเป็นครั้งที่สามของยามเช้า

    "ผมผิดที่ไปหน่อย เลยนอนไม่ค่อยหลับนะครับ " ซิบิลออกตัว

    "นายก็มานอนในเกวียนก่อนสิ " เฟรินบอกอมยิ้มเล็กน้อย เพราะรู้ว่าอีกฝ่ายกางเขตมาตลอดคืน

    ขบวนเกวียนผ่านด่านเขตแดนไปได้อย่างราบรื่น ด้วยรอยยิ้มหวานของสาวน้อยนักเยียวยาที่จะไปเยี่ยมพี่สาวที่กำลังจะคลอดบุตรในเร็ววัน ทำให้ทหารยามไม่ซักอะไรมาก ปล่อยให้เกวียนพวกเขาทั้งสามผ่านไปได้อย่างง่ายดาย

    "คุณไดแอนมีญาติที่คาโนวาลด้วยเหรอครับ ถ้าจะแวะไปเยี่ยมก่อนก็ได้นะครับ" นักบวชหนุ่มบอกอย่างเกรงใจที่อีกฝ่ายต้องมาทำงานของวิหาร

    "ฉันเป็นลูกคนเดียว" ไดแอนบอกเสียงห้วน

    "นั่นมันเป็นมุขอำนวยความสะดวกต่างหากซิบิล" เฟรินอธิบายให้นักบวชฟัง

    "อ้า ผมขอโทษครับ" ซิบิลรีบขอโทษสาวน้อยทันที

    "นายจะขอโทษไปทำไม นายไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย " ไดแอนบอกเสียงอ่อนโยนขึ้น เริ่มชินกับความซื่อของคนตรงหน้า บางทีเจ้าตัวคงไม่ได้ตั้งใจจะเสียมารยาท แต่เพราะความซื่อต่างหาก

    ทั้งหมดแวะพักที่โรงแรมที่ถึงตอนค่ำ การเดินทางก็ราบรื่นดี ยกเว้นก็แต่ผู้ไม่ประสงค์จะแสดงตัวที่ติดตามมาตั้งแต่วันแรก ที่เฟรินและไดแอนตั้งใจว่าถ้าไม่มาซึ่งหน้าก็ยังไม่ต้องลงมือ รอดูไปก่อน

    แต่คุณนักบวชที่แสนดีก็เฝ้ายามไม่ขาดสักคืน

    "วันนี้เราจะนอนเอาแรงแล้วค่อยเดินทางเข้าหุบเขาตอนค่ำแทนนะซิบิล" เฟรินบอก

    "ทำไมล่ะครับ" ซิบิลถามอย่างสงสัย

    "ก็เพราะเครื่องหมายที่จะสังเกตุนะมันเห็นเฉพาะตอนกลางคืนนะสิ" เฟรินบอก ชี้ให้ดูจุดหมายที่ปรากฏอยู่ในแผนที่ กับคำกำกับสัญลักษณ์ที่จะเจอให้การเดินทางว่าต้องรอให้สะท้อนแสงจันทร์ก่อน

    นักบวชหนุ่มพยักหน้าอย่างเข้าใจ ก่อนนอนเอาแรงไว้ก่อนตามคำสั่งของมักคุเทศน์ ขณะที่ไดแอนนั่งอ่านหนังสือ เฟรินก็ไปจัดการดูแลเกวียนและเตรียมเสบียงไว้เผื่อ แน่นอนเพราะคติของเขากองทัพต้องเดินด้วยท้อง

    หัวขโมยหนุ่มร่ายเวทไว้รอบเกวียนและม้าของเขา กันใครมาอุตริเล่นไม่ซื่อ อย่างรอบคอบ บนห้องเขาไม่ค่อยห่วงเพราะเชื่อมือนักบวชหนุ่มและเพื่อนสาว เด็กหนุ่มปีนขึ้นเกวียน ก่อนหลับตานอนเงียบๆ

    เสียงฝีเท้าของคนสองคนที่เดินเข้ามาในโรงเก็บเกวียนของโรงแรม เดินตรงมาที่เกวียนของเขา เฟรินหรี่ตามองเงียบๆ

    "จัดการเกวียนของพวกมันเลยดีไหม" ชายคนแรกถาม

    "แต่พวกเรายังไม่ได้แผนที่เลยนะ"ชายคนที่สองบอกเหตุผล

    "งั้นจะตามมันไปเรื่อยๆอย่างนั้นเหรอ" ชายคนแรกถาม

    "ให้พวกมันหาของเสร็จแล้วค่อยแย่งที่หลังก็ได้" ชายคนที่สองบอก

    "แต่ยังมีพวกนักบวชแอเรียสอีกนะ" ชายคนแรกแย้ง

    "พวกนั้นก็ไม่มีแผนที่เหมือนกัน มันคงต้องตามพวกเด็กนี่ไปเหมือนกัน"ชายคนที่สองตอบ

    "แล้วถ้าเราแย่งแผนที่ตอนนี้ล่ะ"เสียงเสนอความคิดอย่างมีความหวังว่าอีกฝ่ายจะเห็นดีด้วย

    "พวกนักบวชแห่งแอเรียสก็เปลี่ยนเป้าหมายมาเป็นพวกเราแทนนะสิไอ้โง่" ชายคนที่สองที่ดูเหมือนจะเป็นหัวหน้าบอก

    ทั้งสองจึงเปลี่ยนใจเดินกลับออกไปทั้งคู่

    สำเนียงเหมือนพวกซาเรส หัวขโมยแห่งบารามอสคิดในใจ ดูท่าจะเป็นพวกทหารเสียด้วย รอยยิ้มผุดที่มุมปากหัวขโมยตัวดีกับความคิดที่ผุดขึ้นมาว่าเจ้าชายแห่งซาเรสชอบสะสมของวิเศษต่างๆ

    ตกดึกขบวนเกวียนแห่งบารามอสก็ออกเดินทางเข้าหุบเขาซิลเวอร์

    เฟรินมองดูแผนที่ "ตะวันตกสามสิบองศา มองดูสัญลักษณ์แห่งพระเจ้า"

    "นั่นครับคุณเฟริน" ซิบิลชี้ให้อีกฝ่ายเห็นสัญลักษณ์ดาวหกแฉกอย่างดีใจ

    สองสหายคู่ซี้พยักหน้ารับ นึกในใจว่าถ้านักบวชไม่มาด้วยพวกห่างวัดอย่างพวกเขาคงไม่รู้จักสัญลักษณ์อะไรนั่นหรอก

    ลูกไฟสองลูกพุ่งเข้าหาเกวียนอย่างรวดเร็ว นักบวชหนุ่มร่ายเวทป้องกันอย่างรวดเร็ว

    "ฉันไม่ค่อยชอบอะไรที่จัดเข้าพวกเป็นผีได้เลย" ไดแอนบ่นปนขนลุกนิดหน่อย แต่ยังใจชื้นที่มีนักบวชชั้นสูงติดมาด้วย เพราะชั้นสูงน่าจะแปลได้ว่าไล่ผีเก่ง

    "ฉันก็ไม่ค่อยชอบเหมือนกัน " หัวขโมยปอดแหกเสริม ชนิดไม่กลัวขายหน้า เพราะไม่มีใครรู้ว่าเขาเป็นลูกจ้าวปีศาจ

    ร่างโปร่งแสงอย่างที่สองคนนึกกลัวปรากฏเบื้องหน้า เล่นเอาคนขับเกวียนชักสีหน้าหันไปมองนักบวชทันที

    เด็กหนุ่มพยักหน้าเป็นความหมายว่าไม่ต้องห่วงก่อนร่ายบทสวดมนต์ศักดิ์สิทธิ์ทันที ทำให้ร่างอันไม่พึงประสงค์หายไปจากเส้นทางวังเวง

    "เฮ้อ ค่อยหายใจได้โล่งหน่อย" เฟรินบอกยิ้มๆ

    "คุณเฟรินกลัวผีเหรอครับ" ซิบิลถาม

    "นายจะช่วยหาคำพูดที่ฟังรื่นหูกว่านี้หน่อยไม่ได้เหรอไง พูดซะตรงเชียว" เฟรินบ่นกระปอดกระแปด

    ซิบิลหันไปมองนักเยียวยาสาว

    "ฉันแค่ไม่ชอบ อะไรที่จับต้องไม่ได้" ไดแอนออกตัวเสียงอ่อน หน้าซีดเล็กน้อย

    นักบวชหนุ่มยิ้มรับอย่างให้กำลังใจ "ไม่ต้องห่วงครับ"

    ทั้งหมดแกะรอยแผนที่มาสุดที่หน้าถ้ำมืดสนิท ซิบิลจุดไฟเดินนำหน้าเข้าไปก่อน

    เฟรินหันมากระซิบข้างหูม้าตัวโปรด "ไปหาพ่อมาดัสนะคุณโรซี่" ก่อนตบสะโพกคุณม้าเบาๆและเดินตามสองคนข้างหน้าไป และไม่ต้องสงสัยเลยว่าอีกสองคณะที่เหลือคงตามพวกเขาเข้าไปในถ้ำด้วยอย่างแน่นอน

    แต่ดูจากแผนที่แล้วเขาไม่จำเป็นต้องย้อนกลับทางเดิมให้ถูกจับทีหลัง ดูเหมือนถ้ำจะสามารถทะลุออกไปที่อื่นได้อีก

    ส่วนพวกที่มาทีหลังก็อย่าหวังว่าจะได้ชุบมือเปิบเลย ท่านเฟริน เดอเบอโรว์คนนี้ไม่มีวันยอมหรอก เสียเกียรติหัวขโมยแห่งบารามอสหมด

    แสงไฟนำทางไปเรื่อยๆ มืออุ่นของนักบวชกุมมือเย็นของสาวนักเยียวยาไว้อย่างให้กำลังใจ โดยมีหัวขโมยเดินตามมายิ้มๆ ไม่อยากขัดคอใคร

    ทั้งสามหยุดที่กองไฟสีดำเบี้องหน้า ร่างสูงทะมืนของปีศาจที่มีปีกสีดำยืนเฝ้าอยู่ปากทาง เบื้องหลังมีทางแยกไปสามทาง ที่เฟรินสงสัยว่าทางที่ผิดน่าจะมีกับดักที่ไม่น่าพิศมัยอยู่แน่

    "เราขอผ่านทางจะได้หรือไม่" เฟรินถามเสียงเรียบปนอำนาจอย่างน่าประหลาด

    ปีศาจยอมเปิดทางและชี้เส้นทางที่ถูกต้องให้เด็กทั้งสามอย่างอ่อนน้อม

    "คุณเฟรินทำได้ยังไงล่ะครับ" นักบวชหนุ่มถาม

    "อ้อหน้าตาฉันดีนะ เลยได้รับความเอ็นดูเป็นพิเศษ" เฟรินบอกปัดออกนอกเรื่องทันที ใครจะบอกว่าใช้เส้นพ่อเล่า

    ทำหมดเดินไปตามทางลับอย่างสะดวก จนสุดทางเดินมีผนังกั้นเป็นทางตัน

    เฟรินหยิบม้วนกระดาษออกมาอ่าน

    "นายรู้จักมนต์มหาปัญญาหรือเปล่านะ" เฟรินหันไปถามคนที่คิดว่าจะรู้ทันที

    "ครับทำไมเหรอครับ" ซิบิลถามอย่างสงสัย

    "นายก็ท่องออกเสียงสิ" เฟรินตอบทันที

    ซิบิลพยักหน้ารับแล้วท่องมนต์ศักดิ์สิทธิ์ทันที ถึงแม้จะไม่ค่อยเข้าใจ เพราะภาษาที่เขียนไว้ในแผนที่นี้มีแต่เฟรินที่อ่านออก เขาไม่รู้ว่ามันเป็นภาษาอะไรเหมือนกัน

    เมื่อท่องมนต์จบบท ผนังหินก็เลื่อนขึ้น ปรากฏเป็นช่องสว่างทั้งสามเดินตรงเข้าไป และประตูหินก็เลื่อนลงมาปิดสนิททันที

    "แล้วเราจะออกได้อย่างไรล่ะครับ" ซิบิลสีหน้าเครียดทันทีอย่างเริ่มเข้าใจสถานะการณ์

    "ไม่ต้องห่วงหรอกน่า มันยังมีทางออกอีกทาง" เฟรินบอกเสียงไม่ค่อยเดือดร้อน นึกในใจว่าดีเสียอีกจะได้ไม่มีคนตามหลังเข้ามาให้เดือดร้อน

    "นายไม่ต้องกังวลมากหรอก เดินหน้าต่อกันดีกว่า" ไดแอนบอกเสียงหนักแน่น สอดส่ายสายตาระแวดระวังกับดักที่อาจมี

    ซิบิลขยับขาก้าวเดินก่อนรู้สึกว่าพื้นมันยุบลงไปได้ แขนสองข้างเขาถูกคว้าไว้ได้อย่างรวดเร็ว ด้วยฝีมือของผู้ร่วมทางที่เหลือที่ช่วยกันฉุดแขนเขาไว้คนละข้าง

    "ดีนะที่นายตัวเล็กพอๆกับพวกเรา" ไดแอนบอกปนหอบเหนื่อยหลังออกแรงฉุดนักบวชขึ้นมา

    "พวกนายเดินตามฉันมาดีๆก็แล้วกัน แล้วก็อย่าเหยียบอะไรที่ฉันไม่ได้เหยียบ" เฟรินบอกก่อนเดินนำหน้าอย่างระวัง

    "คุณเฟรินใช้อะไรเป็นหลักเหรอครับ" ซิบิลกระซิบถามอย่างสงสัยที่อีกฝ่ายไม่ได้เหยียบกับดักอะไรเลย

    "สัญชาตญาณหัวขโมยนะสิ" เสียงสะบัดเป็นคำตอบมาจากเพื่อนบ้านสาว ขณะที่เผลอเดินออกนอกเส้นทาง ทำให้มีมีดแหลมพุ่งตรงมาที่ทั้งสามทันที

    ซิบิลเอาตัวบังร่างสาวน้อยทันที เฟรินฉุดแขนนักบวชที่อุ้มเอาร่างเพื่อนสาวไว้แนบตัวออกวิ่งอย่างรวดเร็วจนพ้นด่านมีดบิน

    "นายบาดเจ็บนี่" นักเยียวยาสาวที่เท้าพึ่งได้สัมผัสพื้นหันมาสำรวจนักบวชตรงหน้าอย่างเป็นห่วง  ที่แผ่นหลังของคนที่หมดสติไปหลังพาเธอรอดออกมาได้อย่างปลอดภัย มีมีดปักอยู่ตั้งสองด้าม

    "ฉันถอนมีด เธอร่ายเวทห้ามเลือด พร้อมนะ" เฟรินหันไปให้สัญญาณกับเพื่อน เมื่ออีกฝ่ายพยักหน้า ทั้งคู่ทำงานร่วมกันอย่างรวดเร็ว

    ไดแอนร่ายเวทรักษาเสร็จ หยิบย่ามส่วนตัว ผสมยาห้ามเลือดและสมานแผลอย่างรวดเร็ว

    "คนไข้เธอสลบไปแล้วไดแอน" เฟรินบอก แกล้งเดินออกไปสำรวจเส้นทางต่อ

    ไดแอนมองดูร่างที่นอนนิ่งอย่างตัดสินใจ คว้าถ้วยยาจ่อปากตัวเองดื่มรวดเดียวหมด ช้อนคออีกฝ่ายขึ้นมาก่อนป้อนยาให้ด้วยตัวเอง

    ความอุ่นที่ริมฝีปากและรสสัมผัสแสนหวานกลบรสขมของยาที่ผ่านลงคอไปได้เป็นอย่างดี ซิบิลนอนนิ่งอยู่ชั่วครู่ก่อนที่จะรับรู้ได้ว่าเกิดอะไรขึ้น

    "เธอป้อนยาให้คนไข้ด้วยวิธีนี่เสมอเหรอ" เสียงนุ่มถามอย่างสงสัย

    มือเรียวตวัดใส่ใบหน้าอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว ทำเอาฝันหวานสลายไปในพริบตา เหลือแต่รอยแดงที่แก้มซ้ายของใบหน้าหวาน

    เฟรินโคลงหัวอย่างอ่อนใจ ไอ้นักบวชที่ไม่รู้กาละเทศะ ถามอะไรที่ไม่ควรถาม

    ไดแอนเดินจ้ำพรวดไปหาเพื่อนสนิททันที ไม่พูดอะไรต่อแม้แต่คำเดียว

    เฟรินโอบไหล่เพื่อนสาวปลอบใจ ก่อนพาเดิน นำทางต่อทันที

    เหลือแต่นักบวชหนุ่มที่ยังคงสับสนกับตัวเอง เขาทำอะไรผิดอีกแล้วเหรอ?

    ทั้งสามเดินมาจนสุดทางเดิน เป็นห้องโถงมีแท่นบูชาที่กลางห้อง แสงสว่างจากหลังคาด้วยลูกไฟสีสวย ส่องลงมาที่แท่น บนแท่นมีคัมภีร์เล่มหนึ่งวางไว้

    "มีคัมภีร์จริงๆด้วย" เสียงอุทานอย่างตื่นเต้นของซิบิล แต่ก่อนจะเดินเข้าไปใกล้ เฟรินก็คว้าไหล่เขาไว้ก่อน

    "ต้องทำอะไรก่อนใช่มั้ยครับ" ซิบิลถามอย่างเริ่มเข้าใจ

    "ตอนแรกนายต้องกล่าวมนต์ทำวัตรก่อนแล้วเข้าไปอ่านคัมภีร์ ท่องจำทุกคำ เพราะเราไม่สามารถหยิบคัมภีร์ไปจากแท่นได้ มันจะสลายทันทีที่ถูกหยิบออกไปจากแท่นเวทมนต์นั่น" เฟรินอธิบาย

    ซิบิลพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ หลังเข้าถึงคัมภีร์เด็กหนุ่มถึงกับน้ำตาไหลด้วยความปิติ เขาท่องทุกคำที่เขียนไว้ในคัมภีร์ทันทีอย่างมีสมาธิ

    เฟรินหยิบเอาขนมออกมาแจกเพื่อนสาวอย่างใจเย็น ทั้งคู่นั่งทานเสบียงแห้งรอให้ท่านนักบวชท่องคัมภีร์อย่างใจเย็น

    "พวกนั้นจะผ่านด่านเข้ามาได้หรือเปล่าเฟริน" ไดแอนถามอย่างประเมิณสถานะการณ์ไว้เตรียมพร้อม

    "พวกนั้นไม่มีแผนที่อย่างเก่งก็ตามมาถึงผนังที่เป็นทางตัน แต่ไม่สามารถเปิดประตูหินได้หรอก คงต้องรอให้เราเอาคัมภีร์ออกไปก่อน แล้วรอแย่ง" เฟรินวิเคราะห์

    "นั่นก็เป็นเหตุผลที่นายให้นายนักบวชนั่นท่องคัมภีร์ล่ะสิ" ไดแอนดักคออย่างรู้ทัน

    "แหมก็ถ้าสักวันจะมีคนอื่นเข้ามาจะได้ไม่เสียเที่ยวเปล่า ฉันว่าจะสลักข้อห้ามหยิบคัมภีร์ไว้แถวฝาผนังท่าจะดี เธอว่าไง" เฟรินหันไปขยิบตากับเพื่อนซี้ อย่างน้อยคนรุ่นหลังก็จะได้อ่านโดยทั่วกัน

    เฟรินและไดแอนจึงช่วยกันสลักข้อความกันเป็นภาษาบารามอสไว้สำหรับคนที่ผ่านเข้ามาในอนาคต

    หลังซิบิลท่องจำคัมภีร์พระวจนะเสร็จ เฟรินส่งเสบียงเติมพลังให้อีกฝ่าย นอนหลับเอาแรงก่อนออกเดินทางต่อด้วยทางลับใต้แท่นบูชาที่พาออกมาที่น้ำตกใหญ่

    หลังเฟรินตั้งหลักสักพักก็เห็นพ่อมาดัสมาดักรอรับกลับ พร้อมกับโรซี่ม้าแสนรู้และเกวียน เด็กทั้งสามนอนหลับเอาแรงโดยมีนายเกวียนคนใหม่เป็นราชาหัวขโมยขับผ่านทางลัดไปส่งถึงวิหารหลวงแห่งบารามอสได้อย่างรวดเร็ว

    "แล้วพ่อมาได้อย่างไรล่ะฮะ" เฟรินงัวเงียถาม

    "เหาะมามั้ง" ราชาหัวขโมยตอบตามนิสัย

    "ทำไมเรามาถึงบารามอสเร็วจัง ทีขาไปใช้เวลาตั้งหลายวัน" เฟรินบ่นรู้สึกเหมือนถูกเอาเปรียบยังไงไม่รู้

    "แกกับฉันมันคนละชั้นกันโว้ย ยังต้องฝึกฝนอีกมาก" เสียงหัวเราะอย่างสะใจของคนเป็นพ่อ ทำเอาหัวขโมยหน้าย่น ก่อนยิ้มเจ้าเล่ห์ สักวันหนึ่งเขาจะวัดรอยเท้าพ่อให้ได้

    เฟรินคว้าคอเสื้อนักบวชตัวดีก่อนแยกจากกัน กระซิบข้างหูอีกฝ่าย

    "นายขโมยเอาเฟริสคิสของไดแอนไปนะคุณนักบวช"

    ซิบิลหน้าแดงก่ำทันทีก่อนอ้อมแอ้มตอบ "นั่นก็เฟริสคิสของผมเหมือนกันครับ"

    *********************************************************

    ตอนที่ 4

    ที่เอดินเบิร์ก เหล่ารุ่นพี่ที่พึ่งขึ้นปีสองก็เริ่มต้องทำงาน

    เสียงประกาศ

    "ไดแอน คีตัน เดอะไนท์ของเอดินเบริ์ก"

    ซิบิลหันไปมองร่างโปร่งบางผมสีทองอย่างตกตะลึง ดวงตาสีดำมองมาทางเขาแวบหนึ่ง ทำเอาเด็กหนุ่มแทบลืมหายใจ "สี่ปีแล้วสินะ"

    *******เรียกน้ำย่อยตอนหน้าให้นิดหน่อยน้า******

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×